แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 1907 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 1907 แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: 1907 - Pepper

1907 - Pepper

ในช่วงที่มีการเปิดตัวแบรนด์และวางจำหน่ายน้ำหอมใหม่ๆ ของ 1907 น้ำหอมส่วนใหญ่จะเป็นการเจาะจงไปที่การนำเสนอกลิ่น Note กลิ่นหลักๆ แบบตรงไปตรงมา เช่น Cedar, Vanilla, Jasmine และอื่นๆ มาแบบเดียวกับการชูโรงกลิ่นสไตล์ Exclusive Collection หรือว่า Niche Perfume ในหลายๆ แบรนด์ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้ จะมีการปรับเปลี่ยน Collection น้ำหอมใหม่หมด ปรับความเข้มข้น และปรับเปลี่ยนรูปทรงขวดให้สวยงามมากขึ้น ทำให้กลุ่มที่เป็นชื่อกลิ่นแบบ Note เดี่ยวๆ ได้ไปต่อเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น เช่นนั้น แน่นอนว่าส่วนใหญ่เลิกผลิตไปโดยปริยาย

เช่นนั้นเมื่อหลายกลิ่นเลิกผลิต เช่นนั้นต้องเอามาเล่ากลิ่นซักหน่อย เพราะเป็นสารบัญเก็บไว้ด้วยส่วนหนึ่ง เช่นนั้น จึงขอมาว่ากันที่กลิ่น Pepper ที่แบรนด์นี้ได้เคยสร้างสรรค์มาซักหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะสื่อสารออกมาอย่างไรบ้าง (สำหรับกลิ่นอื่นๆ ที่เลิกผลิตไว้ว่ากันภายหลัง)

เปิดต้นกลิ่นมาก็ Pepper สมชื่อ เพราะว่าเนื้อกลิ่นในความเป็นโทนเผ็ดนวลของพริกไทยจะยืนเด่นเป็นสง่ามาก เพียงแต่ว่าจะไม่ได้เผ็ดร้อนมากขนาดนั้น มีลูกโทนติดฝาดหน่อยๆ ที่เป็นลักษณะของพริกไทยสีชมพูเสริมเข้ามา และมีลูกเอื้อนติดหวานเผ็ดของกระวานที่มาตัดทอนความเผ็ดนวลลงไปพอประมาณ แต่แฝงด้วยกลิ่นไม้หอมแห้งๆ กึ่งเก่าๆ หน่อย เลยทำให้ภาพรวมมากับความเป็นโทนเผ็ดนวลแกมไม้หอมแบบ Woody Spicy ที่มีความเข้าถึงได้ง่ายและไม่เล่นใหญ่เกินไปได้ลงตัวตั้งแต่แรกเริ่มเลย

ในช่วงกลางเรียกว่าพริกไทยก็ยังไม่ได้หายไปไหน ยังคงเด่นอยู่เช่นเดิม แต่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งแล้ว เพราะพริกไทยออกเองครึ่งนึง ไม้หอมสนับสนุนอีกครึ่งนึง ถือเป็นแกนหลักสำคัญของเนื้อกลิ่นในการสร้างโทนแบบ Woody Spicy เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือความอวลแกมน่าค้นหาหน่อยๆ ของไม้หอมที่จับต้องได้ว่าเป็นสไตล์ไม้แห้งดาร์กหน่อยๆ อารมณ์แบบไม้หอมเนื้อดำเก่าๆ แกมไม้จันทน์หอมที่มาทำให้กลิ่นมีความนุ่มมากขึ้น และมีกลิ่นพิมเสนปลายกลิ่นระเรื่อบางๆ ที่ทำให้กลิ่นมีความเย้าเบาๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังให้ความพอดีๆ มีความอวลแกมอุ่นหน่อยๆ เป็นหยินหยางที่ทั้งเผ็ดนวลสะอาด และดาร์กน่าค้นหาเบาๆ สร้างโทนแบบ Daily Scent ชัดเจน

แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงท้ายเพราะเนื้อกลิ่นอุ่นขึ้น โทนไม้หอมเริ่มนุ่มขึ้นเพราะมี Musk สะอาดๆ เข้ามาเกลากลิ่น แต่แน่นอนว่าพริกไทยก็ยังยืนหนึ่ง แต่ตอนนี้จะจับต้องได้แบบอารมณ์เราได้กลิ่นพริกไทยขาวบดแบบห่างๆ ที่มีความเผ็ดนวลสว่างกำลังดีเข้ามาแทน เพราะโทนไม้หอมติดดาร์กเบาๆ ลดทอนลงไปจนเหลืออ่อนๆ ติดผิวแทนแล้ว ซึ่งทำให้ช่วงท้ายเป็นโทน Musky Peppery ที่มีความอบอุ่นแกมไม้หอมกลางๆ ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายที่คุมโทนการเป็นกลิ่นพริกไทยใช้ง่ายและเข้าถึงง่ายแบบที่ยังไงก็รอดสูงนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้สบายมาก เนื้อกลิ่นมาสไตล์ Daily Scent ใส่แบบแทบจะครอบจักรวาลยามกลางวันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทางการ ทำงาน Office หรือทั่วๆ ไป ลามไปจนถึงใส่ออกกำลังกายก็พอได้อยู่ แบบรอให้เข้าช่วงท้ายก่อนประมาณนี้ เพราะกลิ่นไม่ได้หนักหน่วงมากนัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปหรือออกงานเน้นแบบโทนสุภาพจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายเย้ายวนอวลพลังรอบทิศนัก

ความทน - ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ และสามารถไปต่อได้อีกถ้าสภาพผิวเอื้อมากพอ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางซักราวๆ 1 - 2 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปจนถึงชั่วโมงที่ 6 แล้วก็ Skin Scent กันยาวไปจนกว่าจะจาง

สรุป - เป็นน้ำหอมโทนพริกไทยเด่นที่ใช้ง่ายมาก มีความเป็น Daily Scent สูงแบบที่ใส่ยังไงก็รอด ซึ่งกลิ่นมาสายมินิมัลที่ไม่หวือหวานัก ซึ่งถือเป็น Safe Scent เลยก็ย่อมได้ แบบที่ใส่แล้วก็ไม่ได้ไก่กา แต่ถ้ามองที่ข้อด้อย ก็ไม่ได้แปลกใจนักว่าทำไมกลิ่นนี้ไม่ได้ไปต่อ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/1907/Pepper-43883.html

 

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: 1907 - Cedar

1907 - Cedar

ครั้งแรกที่ได้เห็นแบรนด์นี้ก็นึกว่าเป็นสไตล์แนวสาย Traditional Brand เก่าแก่ เพราะน่าจะอ้างอิงปีที่ก่อตั้งและเอามาเป็นชื่อแบรนด์ ก็เลยข้ามๆ ไปก่อนไม่ได้ Focus อะไรมาก แต่เมื่อมีโอกาสได้เจอกันอีกทีเพื่อที่จะเอามาศึกษาและเล่ากลิ่น กลายเป็นว่าสิ่งที่เข้าใจไปเองก่อนหน้านั้น ตึ่งโป๊ะ! เพราะดันไม่ใช่ทั้งหมดเลย

1907 เป็นปีเกิดของคุณยายของเจ้าของแบรนด์อย่าง Eva Skovranova ที่กลายเป็นหนึ่งในคนที่ทำธุรกิจทางด้านสบู่และความหอม ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นและโคโลญจน์กลิ่นดอกไม้ต่างๆ โดยทุกอย่างได้อยู่ในความทรงจำทางด้านความหอมต่อตัว Eva มาเสมอ จนวันหนึ่งได้เอามาต่อยอดโดยการได้เจอ Perfumer ที่เมืองน้ำหอมอย่าง Grasse ประเทศฝรั่งเศส และได้เล่าที่มาที่ไปและความทรงจำทางด้านกลิ่นต่างๆ ที่ได้รับมาจากคุณยาย เลยทำให้สร้างแบรนด์เป็น 1907 ในที่สุด และที่สำคัญน้ำหอมแบรนด์นี้มาจากประเทศสโลวาเกีย ที่ไม่ค่อยได้เจอแบรนด์จากประเทศนี้เท่าไหร่ด้วย เลยขอมาถ่ายทอดกลิ่นกันซักหน่อยกับรุ่นแรกที่มีโอกาสได้ลองอย่าง Cedar

บอกก่อน - Cedar ที่กำลังจะเล่ากลิ่นนี้ ได้เลิกผลิตไปแล้ว แต่มีการปรับปรุงและอัพเกรดขึ้นใหม่ในปี 2020 ซึ่งในปัจจุบันกลิ่นนี้เป็นชื่อใหม่ไปแล้วคือ Cedar Blue และเพิ่มความเข้มข้นเป็น EDP ดังนั้นการเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะเป็นการเล่าที่รุ่น Cedar อย่างเดียวเป็นสำคัญ

เปิดต้นกลิ่นคือ ชัดเลยน้ำหอมผู้ชายมากมายก่ายกองมาในสไตล์ Aquatic Marine เด่นมาเลย เพราะพื้นฐานกลิ่นมีความชัดเจนมากกับการเป็นโทนออกทางทะเลๆ แต่ไม่ได้ออกทางคาวเค็มหรือคาวทะเลที่มีสาหร่ายเยอะๆ ขนาดนั้น ออกทางกลิ่นแนวน้ำทะเลที่ให้ความสดชื่น + กับกลิ่นเมล่อนที่มากันตั้งแต่ช่วงนี้เลย ทำให้ได้กลิ่นทะเลอวลกึ่งฟรุตตี้ติดหวานเมล่อนนิดๆ แต่ตัวเปิดจริงๆ ที่ฉาบหน้า คือ โทน Citrus ต่างๆ ที่ให้ความสดชื่นติดเปรี้ยวแกมขมและมีโทนสว่าง ซึ่งน่าจะเป็นการผสมผสานกลิ่น Citrus ยอดฮิตทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) ที่ให้ความเปรี้ยวติดขมสดชื่นมีความปร่าหน่อยๆ กลิ่นเลมอนที่ให้ความสดชื่นแบบสไตล์ Cologne แต่ไม่ได้เปรี้ยวมาก และมีกลิ่นส้มหน่อยๆ ที่ให้ความฉ่ำ และมีโทนแปร่งสว่างของเกรปฟรุต ซึ่งมาเป็นแบบ Mixed Citrus ที่เอื้อประโยชน์กับโทนทะเลให้มีความสดชื่นชัดเจน โดยจะมีกลิ่นโทนสมุนไพรสร้างความปร่ามีเสน่ห์เข้ามาร่วมด้วยและตัดคาวทะเลได้ดีอย่างมินต์และใบไทม์ กลิ่นเปิดเลยแบบเป็นกลิ่นมหาชนนิยมชัดเจนมากและมีความเป็นสไตล์ Designer Brand สูงจริงๆ

ในการเข้าช่วงกลางเรียกว่าไม่ได้เปลี่ยนไปจากช่วงต้นมากนักในแง่ของการเป็นกลิ่นโทนทะเลกับเมล่อน เพราะกลิ่นยังคงความอวลสไตล์น้ำหอมชายกลิ่นทะเลอยู่เช่นเดิม โดยสิ่งที่ลดลงไปหน่อยนึงคือโทน Mixed Citrus ที่เบาลงมาแต่ยังให้ความสดชื่นประปรายแบบสายสนับสนุน โดยที่เนื้อกลิ่นยังมีความปร่ามินต์กับไทม์แบบแมนๆ ชัดอยู่ท่ามกลางกลิ่นทะเล และสิ่งที่เพิ่มมาคือกลิ่นออกทางปร่าซ่าๆ Sparkling หน่อยๆ ที่แตะความเป็นสบู่เกือบจะฟุ้ง เพราะโดนเหลาเนื้อกลิ่นไปพอสมควรแล้วของ Aldehydes ที่มาแค่เสริมเท่านั้นให้กลิ่นมีความแน่นขึ้นในการเป็นโทนทะเลสดชิ่นติดอวลหวานเมล่อนเนียนๆ แต่เมื่อพอผ่านไประยะหนึ่ง กลิ่นไม้ซีดาร์เริ่มจะออกมาให้จับต้องได้และชัดพอสมควรเลยทำให้เนื้อกลิ่นเป็นโทน Woody Aquatic เต็มตัว และยังเหมือนเดิมคือเป็นกลิ่นผู้ชายทุกสโตรกและเข้าถึงได้ง่ายมากจริงๆ

ช่วงท้ายพูดกันซึ่งๆ ได้เลยว่า เป็นช่วงที่ลดบทบาทของกลิ่นโทน Aquatic ลงไปพอสมควรจนกลายเป็นสายสนับสนุน แต่ให้กลิ่นโทนไม้หอมขึ้นมาแทนที่ซึ่งเด่นกันเต็มๆ กับโทนไม้ซีดาร์ที่มีลูกผสมของกลิ่นพิมเสนหน่อยๆ มีความใสๆ ในเนื้อกลิ่นกำลังดี (เดาว่ามีส่วนผสมของ Clearwood และ ISO E Super รวมอยู่ในนี้ด้วย) ซึ่งจะได้กลิ่นไม้ติดปร่าระเรื่อแกมสะอาดๆ สว่างๆ ที่มีระดับเลยทีเดียว และไม่พอยังเสริมด้วยกลิ่นโทนไม้จันทน์หอมที่มีความครีมมี่หน่อยๆ ที่มีความอบอุ่น เคล้ากับกลิ่นติดเขียวเข้ม Earthy แมนๆ นิด มีความอบอุ่นอวลๆ ของแอมเบอร์หน่อยๆ ซึ่งรวมๆ จะได้อารมณ์แบบกึ่งสบู่ที่มีกลิ่นไม้หอมแกมทะเลสดชื่นที่ปร่าสะอาดๆ ติดทะเลและให้ความเป็นโทนกลิ่นผู้ชายสบายๆ แกมอบอุ่นเพราะพื้นฐานกลิ่นคือ สไตล์ Base น้ำหอมผู้ชายที่ยังไงก็รอดเป็นการปิดท้ายกันอย่างสบายๆ ไปเรื่อยๆ นั่นเอง  

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก ยังไงก็รอด ยังไงก็มีเสน่ห์แบบที่มหาชนไม่ยี้ ซึ่งกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงใส่ออกกิจกรรมต่างๆ ก็ได้ แถมเข้ากับอากาศบ้านเรามากเสียด้วย ส่วนยามค่ำคืนอัดสเปรย์เพิ่มออกงานได้ ท่องราตรีแบบชิลล์ๆ ไม่ได้เน้นปล่อยพลังหาเหยื่อก็ได้ 

ความทน - อันนี้ต้องยอมเข้าเลยว่ากลิ่นทนดีมาก พื้นฐานยังไงก็แตะ 8 ชม. อยู่แล้ว แต่ไปต่อได้อีกถึง 12 - 15 ชม. ได้ด้วย สู้อากาศร้อนมีเหงื่อได้ดีพอสมควร ซึ่งตรงนี้ต้องอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวเอื้อด้วยเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แบบแรกสเปรย์ก็บอกเลย กลิ่นทะเลๆ แบบไม่คาวมาเลย มาสายแมนๆ เชียว แล้วจะดรอปลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 4 ชม. ก็จะเริ่มเป็นปานกลาง แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนถึงขั้น Skin Scent เมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 10 ชม.

สรุป - คำว่า Niche Perfume ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกลิ่นแนวกลิ่นล้ำเสมอไป แต่สามารถสร้างสรรค์กลิ่นที่มีสไตล์ Designer จ๋าๆ ก็ได้ หรือจะเป็นแบรนด์ที่จัดจำหน่ายยังไม่กว้างขวางมากแบบ World-wide เช่นนั้น ถ้าให้มองกลิ่นนี้คือกลิ่นอายสไตล์เข้าถึงได้ง่าย มาในแนวๆ Polo Blue, Antonio Banderas - Blue Seduction หรือ Clinique Happy ที่ไม่มีกลิ่นส้มเด่น เพียงแต่มีมิติกลิ่นที่มีความเป็นไม้หอมโดดเด่นจนแตะความเป็น Niche ใช้ง่าย ในโทนออกทางทะเลๆ แกล้มไม้หอมที่มีระดับอยู่พอสมควร และสุดท้ายกลิ่นนี้มาในแนว #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ชัดเจน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/1907/Cedar-43877.html