แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Shiro Fragrance แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Shiro Fragrance แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Review: Shiro Fragrance - Cheer Apple

Shiro Fragrance - Cheer Apple

สิ่งหนึ่งที่มักสร้างความน่าสนใจเสมอในฝั่งของแบรนด์น้ำหอมญี่ปุ่นสาย Mass Market โดยเฉพาะการวางจำหน่ายในประเทศ คือ การมี Limited Edition ที่มักจะออกมาตาม Season ต่างๆ โดยบางแบรนด์อาจจะออกมาทุกฤดูกาลเลย หรือบางแบรนด์อาจจะเน้นเฉพาะฤดูร้อน หรือเป็นการร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ ในการสร้างสรรค์น้ำหอมที่วางจำหน่ายจนกว่าจะหมดก็มี และ Shiro Fragrance ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มของ Collection - Shiro Classic

สิ่งหนึ่งของการเป็น Limited Edition ของ Shiro Classic มักจะออกมาวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนในแต่ละปี โดยจำหน่ายเฉพาะแค่ภายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (ยกเว้น Collection - Shiro Perfume ที่เป็นสาย Exclusive ที่ถ้ามี Limited Edition ก็จะมีวางจำหน่ายในหลายๆ ประเทศ) และในปี 2024 นี้ กลิ่นที่ได้เป็น Limited Edition และได้วางจำหน่ายจนกว่าจะหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ Cheer Apple ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเป็นอย่างไรนั้น จะเล่าให้อ่านตามนี้เลย

สิ่งแรกต้องขอชื่นชมก่อนเลย คือ การทำกลิ่นช่วงต้นให้มีลักษณะใกล้เคียงความเป็นแนวแอปเปิ้ลกรอบฉ่ำหอมหวานติดเปรี้ยวอ่อนๆ แนวๆ เดียวกับแอปเปิ้ลฟูจิ หรือแอปเปิ้ลเนื้อกรอบฉ่ำหอมหวานแบบแอปเปิ้ลญี่ปุ่น ซึ่งต้องยอมรับในการผสมกลิ่นของแอปเปิ้ล ส้ม และลิ้นจี่ของแบรนด์นี้เลยที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนผลไม้หวานฉ่ำ Juicy ใกล้เคียงกลิ่นของแอปเปื้ลญี่ปุ่นได้มากขนาดนี้ ไม่พอกลิ่นยังชัดเจนมากเสียด้วย

การปรับตัวเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมจะปรับโทนด้วยการเอาโทน Floral เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันทำให้กลิ่นกลายเป็น Floral Fruity เต็มตัว ซึ่งเมื่อกลิ่นโทนมะลิกับกุหลาบและมีความติดเขียวแกมหวานใสๆ หน่อยๆ ซึ่งพอดอกไม้เจอผลไม้ สิ่งที่ได้คือ กลิ่นหญิงผมหอมมาเลย อารมณ์เนื้อกลิ่นจะมีความเป็นกลิ่นแนวแชมพูกลิ่นดอกไม้ผลไม้ที่เด่นกับแอปเปิ้ลฉ่ำสวยๆ กำลังดี ได้ความรู้สึกแบบเดินผ่านหญิงงามที่ผมสยายตามลมแล้วเราได้กลิ่นหอมออกมาแนวๆ นั้นเลย แต่แม้ว่ากลิ่นจะให้อารมณ์แบบแชมพูหอมๆ ใสๆ แต่ก็ไม่ได้ดูไก่กาจากไหน ยังมีความสดชื่นและหวานระรวยรินแบบกลิ่นชัดไปเรื่อยๆ ซึ่งบอกกันอย่างชัดเจนเลยว่าช่วงนี้คือ Feminine เต็มตัวมาก

เมื่อกลิ่นโดทนแชมพูหอมหวานใส เริ่มเบาลง และมีกลิ่นโทนสะอาดนวลของ Musk แกมกลิ่นอบอุ่นติดครีมมี่บางๆ ของไม้จันทน์หอมที่คาดว่าน่าจะมีกลิ่นแอมเบอร์เนียนๆ รวมอยู่ด้วย เริ่มเข้ามาเทคโอเวอร์ตามลำดับ จนกลิ่นจะเปลี่ยนเป็นช่วงท้ายเต็มตัวที่เป็นกลิ่น Musk สะอาดๆ แกมไม้หอมโปร่งครีมมี่บางๆ ที่มีกลิ่นของดอกไม้แกมผลไม้เจืออ่อนๆ เนื้อกลิ่นเมื่อดมใกล้ๆ จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเนียนๆ รวมอยู่ในเนื้อกลิ่น ถือว่าเป็นการปิดท้ายที่ให้ความสะอาด สบาย นวลและหวานระเรื่อได้ลงตัว และไม่ซับซ้อบให้ต้องปีนบันไดดมแต่อย่างใด 

เหมาะสำหรับ - แม้ว่าตอนซื้อมาพนักงานขายจะบอกว่า Unisex ซึ่งอันนี้ไม่เถียง เพราะมีโทน Unisex อยู่ในช่วงต้นและช่วงท้าย เพียงแต่มัน Unisex น้อยไปหน่อย เช่นนั้นกลิ่นจะเข้าทางกับสาวๆ แน่นอนมั่นใจได้ แต่ถ้าหนุ่มๆ จะใช้ก็ไม่ติด เพราะถ้าชอบกลิ่นแนวแอปเปิ้ลฉ่ำๆ แบบแอปเปิ้ลฟูจิ อันนี้ตอบโจทย์ ซึ่งเนื้อกลิ่นเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วไป แต่ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกายอาจจะไม่ได้ตรงตัว เพราะกลิ่นมาสายสวย แนะนำรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบทั่วไปหรือออกงานเพื่อสร้างออร่าความหวานใสสวยๆ อันนี้เหมาะ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี ชนแก้วคัมไป หรือยั่วยวนผู้คน ข้ามจะดีกว่า คนละลุคกัน  

ความทน - พื้นฐานอยู่ที่ราวๆ 6 ชม. แต่ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมจะยืดไปถึง 10 - 12 ชม. ได้เลย ซึ่งก็ยอมรับเลยว่ากลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นที่ทนดีงามเป็นลำดับต้นๆ ของสาย Shiro Classic นี้ (ส่วนตัวใช้ไป 6 สเปรย์ ลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้สบายมาก)

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น กลิ่นชัดเจน และจะลดลงมากระจายปานกลางในช่วงกลางของน้ำหอมไปซักพัก พอผ่านชั่วโมงที่ 4 ก็จะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปราวๆ 6 - 7 ชม. ไปแล้ว 

สรุป - กลิ่นสวย และเป็น EDP ในสาย Shiro Classic ที่แม้กลิ่นจะไม่ได้ดูหวือหวาแตกต่าง เพราะพื้นฐานน้ำหอมญี่ปุ่นมักจะเน้นสายมินิมัลหรือซับซ้อนเชิงลึก แต่ทำกลิ่นได้ดีและมีความหวานหอมฉ่ำแอปเปิ้ลญี่ปุ่นได้น่าประทับใจมาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://shiro-shiro.jp/item/13068.html

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Review: Shiro Fragrance - Earl Grey

Shiro Fragrance - Earl Grey

จุดเริ่มต้นของการเป็นชาเอิร์ลเกรย์ ก็มาจากชาดำจีนที่ผ่านกรรมวิธีผสมผสานชาดำกับน้ำมันมะกรูดฝรั่ง (Bergamot)  ที่เวลาดื่มนอกจากกลิ่นชาแล้วจะได้ความสดชื่นจากโทน Citrus ร่วมด้วย ซึ่งมาจากการนำไปต่อยอดของผู้ผลิตทางอังกฤษในช่วงปี 1830 แล้วต่อมากก็มีการผลิตขึ้นมาอย่างแพร่หลายโดย Twinings และก็กลายเป็นหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมการดื่มชาของอังกฤษในปัจจุบัน ซึ่งชาเอิร์ลเกรย์ ดื่มได้ตลอดทั้งวัน ยิ่งถ้าดื่มแบบร้อนยิ่งทำให้รับสุนทรียะในการสัมผัสกลิ่นและรสได้ครบถ้วนมาก 

แต่เพราะกลิ่นเฉพาะตัวที่เป็นการผสมผสานระหว่างความสดชื่นและความลุ่มลึกแกมหรูหราอารมณ์จิบชายามบ่ายที่เป็นที่นิยม เช่นนั้นเมื่อแบรนด์น้ำหอมจากฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Shiro Fragrance ได้ดึงเอาอะโรม่าของความเป็นเอิร์ลเกรย์มาเป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่ให้ความผ่อนคลายเข้ามา เช่นนั้น ได้เวลามาเรียนรู้กันหน่อยว่าจะตีความออกมาในลักษณะใด

Earl Grey เปิดต้นกลิ่นมาก็ชัดเจนมากมะกรูดฝรั่งหรือ Bergamot ที่จะค่อนข้างมีความเข้มชัดพอสมควร แต่ในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นออกทางกึ่งกุหลาบกึ่งเขียวๆ ที่ไม่ใช่เป็นกลิ่นแบบน้ำในแจกันดอกกุหลาบจากเจอราเนียม แต่ให้ความเป็นลูกครึ่งกึ่งดอกกุหลาบกึ่งเขียวที่มีความเป็นฟรุตตี้ผลไม้หน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็น Cassis เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนแนว Citrus กึ่งเขียวกึ่ง Floral ที่เข้มอยู่พอประมาณ แต่ไม่นานก็มีตัวตัดทอนเข้ามากล่อมให้เนื้อกลิ่นมีความอะโรม่ามากขึ้น นั่นก็คือกลิ่นชาดำ 

และกลิ่นชาดำนี่แหละที่จะเป็นตัวดึงเข้าสู่ช่วงกลาง ที่จะเป็นการผสมผสานกลิ่นของชาดำกับ Bergamot ที่นี่แหละกลิ่นชาเอิร์ลเกรย์ แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นกุหลาบที่ชัดมากขึ้นจากช่วงต้น ทำให้กลายเป็นชาเอิร์ลเกรย์แกทกุหลาบขึ้นมาแทน เรียกว่าเนื้อกลิ่นไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด ให้อารมณ์ครบถ้วนทั้งในความเป็นชาดำที่ลุ่มลึกแกมดอกไม้ ความเปรี้ยวหอมแบบน้ำมัน Bergamot และกลิ่นกุหลาบที่ให้ความหวานแกมปร่านวลๆ โดยที่มีลูกเอื้อนฟรุตตี้หน่อยๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นแยมกุหลาบหรือกุหลาบแดงสไตล์ Classic ซึ่งถือว่าให้ความ Unisex และคุมความมินิมัลได้กำลังดีเลย

การปรับเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงท้ายยังคงชัดเจนกับการเป็นโทนมินิมัล เพราะว่า เนื้อกลิ่นโทนกุหลาบจะบางลงไปพอสมควร เปิดทางให้ก Musk ที่มีความอบอุ่นเบาๆ ของแอมเบอร์เสริมเข้ามาจนกลายเป็นโทนกลิ่นแบบสะอาดนุ่ม เพียงแต่กลิ่นของการเป็นชาเอิร์ลเกรย์ที่มีความเป็นชาดำติดกลิ่นมะกรูดฝรั่งอ่อนบางจะยังคงอยู่ และผสมผสานรวมกับความเป็น Musk ทำให้ได้อารมณ์กลิ่นสะอาดนวลแบบผิวกายติดกลิ่นชาดำอ่อนๆ ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นที่ไม่ซับซ้อน ผ่อนคลาย และยังไงก็รอดสูงโดยไม่ต้องเยอะสิ่งได้พอเหมาะ

เหมาะสำหรับ - สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ากลิ่นไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย เพราะกลิ่นกุหลาบ แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายมาก เพราะเนื้อกลิ่นกลางๆ Unisex ชัดเจน ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ แต่ถ้าใส่ออกกำลังกายรอให้กลิ่นผ่านช่วงต้นไปก่อนน่าจะดีกว่า เพราะว่ากลิ่นค่อนข้างชัดและเข้มอยู่ระดับหนึ่งเลย ส่วนยามค่ำคืน เน้นทั่วๆ ไปก็พอ เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายปล่อยเสน่ห์เย้ายวนแต่อย่างใด

ความทน - อยู่ที่ 6 - 8 ชั่วโมงเป็นสำคัญ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวก็ 8 ชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ แต่เน้นพกไปเติมระหว่างวันแทนถ้ากลิ่นจางลงไป  

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น จนแอบแปลกใจ แต่ก็จะลดลงมาที่กระจายดีราวๆ ไม่เกิน 10 นาที ก่อนจะเป็นปานกลางไปต่อราวๆ 1 - 2 ชม. แล้วคงตัวที่ออร่ารอบๆ ตัวยาวไป ซึ่งก็ถือว่าเข้ากับการเป็นกลิ่นแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่เน้นรบกวนคนอื่น ประมาณนั้น

สรุป - ชาเอิร์ลเกรย์กับกุหลาบ ที่คุม Concept ความสดชื่นสู่ความเรียบหรูเรื่อยๆ ไม่ซับซ้อน นี่แหละใช่เลย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://shiro-shiro.uk/products/earl-grey-eau-de-parfum-boxless

 

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: Shiro Fragrance - Savon


 Shiro Fragrance - Savon

จุดเริ่มต้นในปี 1989 ที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น กับการเป็นร้านขายของที่ระลึก ปลูกสมุนไพรต่างๆ และการทำของขวัญเฉพาะ โดยมาจากวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ ที่มาจากธรรมชาติของท้องถิ่นด้วยความรู้ที่เจนจัดของเจ้าของแบรนด์ จนได้ก่อสร้างสร้างตัวมาเป็นธุรกิจ Supplier ด้านการผลิตวัตถุดิบและส่วนผสมทางด้านความงามให้แบรนด์ต่างๆ มากมาย จนมาถึงปี 2009 จึงได้เปิดตัวแบรนด์ของตัวเองออกมาในการสร้างสรรค์สกินแคร์ บอดี้แคร์ แฮร์แคร์ เมคอัพ และเครื่องหอมต่างๆ ที่รวมถึงน้ำหอม ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การเป็นแบรนด์ Shiro ในการส่งต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ทั่วโลก เพราะขยายไปจำหน่ายที่ UK และ US แล้วด้วยในทุกวันนี้ 

ในเรื่องของน้ำหอมกับการเป็น Shiro Fragrance เองก็ถือว่าได้สร้าง Collection ออกมาเป็น 2 ส่วน คือ Shiro Perfume (สาย Exclusive) กับ Shiro Classic (สายน้ำหอมแนว Mass Market) ซึ่งทั้ง 2 Collections นี้ต่างเอาความเป็นสไตล์การสร้างสรรค์กลิ่นแบบญี่ปุ่นมาสื่อสารด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ซึ่งทำให้น้ำหอมแต่ละโซนได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว เช่นนั้น เมื่อได้มีโอกาสได้เจอกับแบรนด์นี้ ก็ไม่ยอมที่จะพลาด Signature Scent ที่แบรนด์ปูไว้กับกลิ่นที่ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของสาย Shiro Classic นั่นคือ Savon ซึ่งจะมีการถ่ายทอดเนื้อกลิ่นออกมาอย่างไร ว่ากันได้ตามนี้เลย

กลิ่นเปิดชวนนึกถึงวิตามินซีเม็ดสีเหลืองขนาด 100 mg. มากเลยทีเดียวเพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทน Citrus เปรี้ยวหอมทที่ให้กลิ่นออกทางสว่างๆ ในลักษณะของกลิ่นแบบเลมอน ที่จะมีกลิ่นที่คาบเกี่ยวระหว่างความเปรี้ยวแกมหวานหอมของลิ้นจี่มาผสมผสานกับกลิ่นออกทางเปรี้ยวหอมหวานของพลัมที่เสริมเข้ามาแบบกำลังดี แต่ที่เนื้อกลิ่นมีความครีมมี่หน่อยๆ เพราะแกนหลักของกลิ่นอย่าง Musk และแอมเบอร์ (ที่ตัดโทนอุ่นๆ ออกไปก่อน) ที่จะมีอิทธิพลสูงมากตั้งแต่ต้นไปยันจบ เลยทำให้ช่วงต้นเป็นกลิ่นลักษณะที่ให้ความหอมสดชื่นสว่างๆ แบบเปรี้ยวอมหวานที่เข้าถึงได้ง่ายมาก และที่สำคัญเนื้อกลิ่นไม่ได้อัดความเป็นโทนเปรี้ยวจนรู้สึกแบบยัดเยียดเกินไป ให้ความกำลังดีมีความสุภาพตั้งแต่เริ่มต้นแบบที่ไม่กวนใครและไม่ทำให้ใครยี้ ซึ่งเข้าทางชัดเจนในการเป็นกลิ่นอายแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นความเกรงใจผู้อื่นเป็นสำคัญ

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงในการเป็นโทนออกทางครีมมี่สะอาดๆ มากขึ้นและมีโทนกลิ่นกึ่งสบู่ดอกไม้เข้ามาเป็นตัวเสริม โดยที่ไม่ได้ลดทอนความเป็นโทน Citrus ติดครีมมี่ในช่วงต้นแต่อย่างใด ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่ชัดเจนเลยว่าเป็นกลิ่นออกทางสบู่ที่มีมิติความหอมนวลๆ แกมเปรี้ยวอมหวานแบบครีมมี่ที่จะมีมากขึ้นมาอีก 1 ขั้นแต่ก็ไม่ได้หนาแน่นแต่อย่างใด ให้ความอวลๆ แกมสุภาพที่มีความเปรี้ยวหอมแกมหวานแนววิตามินซีแบบกำลังดี แต่ความชัดเจนของลิ้นจี่จะจางลงไปให้พลัมเป็นตัวเด่นเสริมด้วยเลมอนแทน ซึ่งพลัมจะมีกลิ่นของมะลิมาสร้างความนวลๆ แกมกลิ่นสบู่ติดกุหลาบอ่อนๆ เสริม ทำให้ได้กลิ่นนวลสว่างแกมหวานอมเปรี้ยวหอมที่ไม่โฉ่งฉ่างที่ตัดทอนความเย้ายวนออกไปเสียบเกือบทั้งหมด ซึ่งก็บอกได้เต็มปากตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าเป็นโทน Daily Scent ที่เข้าถึงได้ง่ายและมีความเป็นสไตล์สุภาพที่จะมีผลไม้ กลิ่น Citrus และสบู่ดอกไม้นวลๆ ให้ดูสะอาดและสดชื่นแกมอวลได้แบบระเรื่อๆ พอเหมาะ 

เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็น Musk กับแอมเบอร์จะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นซึ่งตอนนี้จะได้กลิ่นออกทางไม้หอมอ่อนๆ แฝงอยู่ให้มีมิติความหอมนวลแกมสว่าง โดยที่โทนสบู่กึ่งสดชื่นและอวลอ่อนๆ จากช่วงกลางจะลงเป็นเหนึ่งในองค์ประกอบของกลิ่นโทนนุ่มสะอาดจนกลายเป็นปลายกลิ่นไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นความเรียบง่ายที่ยังไงก็รอด ให้ออร่าแบบสะอาดๆ มีความสดชื่นแกมหวานอมเปรี้ยวอ่อนๆ บางๆ ไปเรื่อยๆ เป็นการปิดท้ายแบบที่คุมโทนความสุภาพ ไม่รบกวนใครและให้ความเรียบง่ายและมินิมอลที่ยังไงก็รอดสูงมาก

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะกลิ่นมีความกลางสุดๆ ในการใช้งานที่ไม่ว่าเพศไหนก็เข้าถึงได้ไม่ยาก และสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กๆ (แบบฉีดเสื้อที่สวม) เป็นต้นไปได้เลย จึงเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมดครอบจักรวาลสุดๆ Daily Scent ชัดเจน ส่วนยามค่ำคืนเน้นการใส่แบบสะอาดๆ สบายๆ จะดีที่สุด เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้มาสายเย้ายวนแต่อย่างใด

ความทน - แม้จะเป็น EDP แต่เพราะพื้นฐานกลิ่นไม่ได้หนักหน่วง ความทนเลยอยู่ที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบแน่นอนที่ราว 2 ชม. ตามแต่ละสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ที่ใช้งาน

การกระจาย - มาสาย Safe Scent แบบเต็มตัว เพราะเริ่มที่กลิ่นกระจายปานกลางในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเรื่อยๆ จนปิดท้ายที่ติดผิวเอาเมื่อตอนผ่านไปแล้วราวๆ 4 - 5 ชม. แต่กลิ่นก็ยังตีขึ้นยามร่างกายมีความร้อนจากการขยับเนื้อตัวอยู่บ้าง ซึ่งก็ตรงไปตรงมาเลยว่ากลิ่นนี้ไม่ได้เน้นการปล่อยพลัง แต่เน้นให้เรามีโทนกลิ่นที่สดชื่นนวลๆ แกมสะอาดแบบที่ไม่รบกวนผู้คนมากเกินไปนั่นเอง

สรุป - เนื้อกลิ่นไม่ได้จับต้องที่การปล่อยพลัง แต่เอาความเป็นพื้นฐานแบบคนญี่ปุ่นที่มีความเกรงใจผู้อื่นมาเป็นหลักในการสร้างสรรค์กลิ่น โดยเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มีความสดชื่น ความนวล ความสะอาด และความสว่าง มาถ่ายทอดเป็นกลิ่นที่ใช้งานง่ายตอบโจทย์คนที่ไม่ได้ชอบกลิ่นแรงๆ แน่นๆ หรือฉุนจัด และที่สำคัญให้ลักษณะกลิ่นแบบ Daily Scent ที่ครอบจักรวาลการใช้งานได้ทั้งครอบครัว ไม่แปลกใจที่จะเป็น Signature Scent ของแบรนด์ และเนื้อกลิ่นเองก็ให้โทนกลิ่นตามชื่อแบรนด์ได้ครบถ้วนมากด้วยเช่นกันกับคำว่า Shiro = สีขาว 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://shiro-shiro.us/collections/shiro-classics/products/savon-eau-de-parfum