แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The Fragrance Engineers แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The Fragrance Engineers แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

Review: The Fragrance Engineers - Amore 4 Psyche

The Fragrance Engineers - Amore 4 Psyche

หนึ่งในนิยายที่สื่อสารเรื่องราวผ่านกลิ่นที่มีความสนุกสนาน และมีความเป็นสไตล์ Triller ที่ลุ้นระทึกไปด้วย จนมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากไปแล้วเมื่อปี 2006 ซึ่งพอเขียนมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นเรื่อง Perfume: The Story of a Murderer กับหนึ่งในเรื่องราวของ “เกรอนุย” อัจริยะทางการปรุงน้ำหอมที่มาพร้อมกับการเป็นฆาตกรเพื่อให้วัตถุดิบบางอย่างไปต่อยอดในการสร้างกลิ่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์น้ำหอมในหลาๆ แบรนด์ไม่ว่าจะอ้างอิงจากหนังสือ หรืออ้างอิงจากตัวภาพยนตร์เอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีแบรนด์ The Fragrance Engineers ที่ได้สร้างสรรค์กลิ่นโดยได้เอาแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในน้ำหอมที่ได้รับความนิยมในนิยายเรื่องนี้ โดยสื่อสารถึงกลิ่นแนวโรแมนติค ที่เปรียบเสมือนการจูบท่ามกลางกลิ่นอายสวนที่รายล้อมรอบตัว จนออกมาเป็นรุ่น Amore 4 Psyche

ช่วงเปิดเนื้อกลิ่นจะให้ความเป็นโทน Citrus สว่างๆ ที่จะมีเกรปฟรุตที่ให้ความเปรี้ยวหอมสดชื่นที่จะมีวูบติดเเปรี้ยวเขียวของมะนาวซ้อนเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลิ่นไม่แปร่งแบบออกทางเปลือกผล Citrus ที่จะมีติดขมปร่าแต่อย่างใด เพราะว่ามีโทนออกทางผลไม้ติดหวานเป็นตัวรองพื้นอยู่ด้านหลังให้จับต้องได้แบบโทนออกทางสีชมพูอ่อนกำลังดี และในความรู้สึกมันบอกได้ว่าเนื้อกลิ่นมีโทนออกทางชื้นๆ เปรี้ยวอมหวานสะอาดอารมณ์แบบดอกส้มแนว Orange Blossom ที่ให้ความเปรี้ยวอมหวานนวลกึ่งน้ำใสๆ ที่มีความปร่าอ่อนๆ แนวสมุนไพรเข้ามาเสริมด้วย เลยทำให้จะได้อารมณ์สดชื่นกึ่งสบู่ใสๆ แกมหวานผลไม้ ที่เปิดมาก็ค่อนไปทาง Feminine พอสมควรเลย และบอกเลยว่าตกคนที่ชอบกลิ่นอายสดชื่นแกมสีชมพูได้ไม่ยาก

ในช่วงกลางจะชัดเจนมากกับการเป็นโทนแนว Citrus Fruity Floral ที่จะเป็นการผสมผสาน 3 โทนเข้าด้วยกันแต่จะให้ความเด่นที่ความเป็นกุหลาบที่แกล้มราสเบอร์รี่แบบที่มีความกลางๆ พอเหมาะ ไม่ได้หวานราสเบอร์รี่มากไป แต่ไม่ได้กุหลาบแดงจัดจ้าน ซึ่งพอเจอความเป็น Citrus ที่ตามมาจากช่วงต้นโดยเฉพาะเกรปฟรุตมาตัดทอน ทำให้การรับรู้กลิ่นจะได้เป็นหอมนวลกุหลาบที่มีลูกเอื้อนเบอร์รี่หวานโปร่งติดปลายกลิ่นและมีความเขียวหน่อยๆ ประปรายที่สว่างสดชื่น อารมณ์ลักษณะแบบสวนซุ้มเถากุหลาบก็ว่าได้ เลยจะได้อารมณ์แบบสีชมพูโทนสว่างที่เป็นโทนโรแมนติคแบบมีความสดชื่นประปราย ซึ่งนอกจากโรแมนติคแล้วยังมีความรู้สึกอ่อนโยนแกมน่ารักในกลิ่นรวมอยู่ด้วย และแอบมีความอบอุ่นติดดอกไม้อ่อนๆ ซ่อนอยู่ ซึ่งนี่แหละจะเป็นตัวเชื่อมที่ดีในการเข้าสู่ช่วงถัดไป 

เมื่อกลิ่นกุหลาบเริ่มเบาลง และเนื้อกลิ่นเริ่มมีความนวลมากขึ้นตามลำดับซึ่งเดาไม่ยากว่าเป็น Musk ก็จะเปลี่ยนเข้าช่วงท้ายโดยจะมีโทนอบอุ่นกึ่งแป้งหน่อยๆ ของวานิลลาเข้ามาผสมผสานกับ Musk และมีความปร่าอ่อนๆ ของพิมเสน ให้พอจับต้องได้ โดยที่มีกลิ่นกุหลาบแกมราสเบอร์รี่เบาๆ เนียนรวมอยู่ แต่ก็จะได้ความเป็นโทนนุ่มนวลแกมอบอุ่น โดยที่จะมีโทนแบบ Animalic Musk แบบบางๆ ที่กลืนไปกับกุหลาบ แต่มีเอกลักษณ์เบาๆ ให้ความรู้สึกแบบมีเสน่ห์ดึงดูดแบบเนียนๆ ซ่อนอยู่ เป็นการปิดท้ายน้ำหอมที่ให้ความโรแมนติคและมีเสน่ห์แบบลงตัว และกำลังดีในการใช้งานครบถ้วน

เหมาะสำหรับ - Unisex แบบที่ถ้าชอบกุหลาบสไตล์สดชื่นก็ใช้ได้สบายมาก แต่เนื้อกลิ่นจะไปทางสายผู้หญิงเสียมากกว่าราวๆ 80% ได้เลย ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไปแบบที่สร้างออร่าสดใสสีชมพูแบบโปร่งหวานและโรแมนติค แต่ไม่เข้าทางการใช้เพื่อออกกำลังกายเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืนเน้นโรแมนติคหรือทั่วๆ ไปจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลัง ถ้าใส่ไปท่องราตรีมีโดนกลบมิดแน่นอน

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นหลัก แต่มีบวกลบได้ ซึ่งแล้วแต่สภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง แต่ส่วนตัวเจอไปที่ 10 - 12 ชม. เป็นประจำกับการใช้ที่ 6 สเปรย์  

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น สดชื่นสว่างเจือหวานน่ารักและมีเสน่ห์เลย แล้วจะลดลงมาที่ปานกลางซักราวๆ 2 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป พอพ้นซัก 6 - 8 ชม. ก็จะเป็น Skin Scent แล้ว

สรุป - เป็นกลิ่นที่เข้ากับความรักแบบสดใสได้ดีมากเลย และให้อารมณ์แบบสวนที่มีกุหลาบหรือซุ้มกุหลาบที่ให้ความะรเรื่อๆ อ่อนๆ ที่น่ารัก หวานโปร่งได้ลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นกุหลาบหวานสดชื่นที่ใช้ไม่ยาก โดยมีเนื้อกลิ่นเป็นแบบ Niche Perfume ที่ใช้ง่ายและไม่เหมือนใคร 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.thefragranceengineers.com/products/legato-som

 

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Review: The Fragrance Engineers - Diaphanous


The Fragrance Engineers - Diaphanous

เวลาที่เราเห็นการแต่งงานแบบคริสต์ที่จัดแบบกลางแจ้งมีซุ้มดอกไม้ คิดว่ากลิ่นอายความหอมจากของเจ้าสาวของงานน่าจะเป็นน้ำหอมแนวไหน? แน่นอนในความรู้สึกก็ตามแต่เจ้าสาวชอบ แต่คงไม่น่าจะเป็นน้ำหอมแนวยั่วยวนอบอวลชวนเร้าใจจนชาวบ้านแตกตื่น อย่างน้อยน่าจะต้องเป็นโทนออกทางดอกไม้ขาว มีความหวานหอมของดอกไม้ที่สร้างความรู้สึกโรแมนติค ที่อาจจะได้ทั้งนวลและใสเพื่อให้ Match กับชุดแต่งงานโทนสีขาว ซึ่งก็มีมากมายเลยทีเดียวให้เราได้เลือกสรรในการใช้งาน ซึ่งอาจจะไม่ได้เน้นว่าต้องใส่เพื่อแต่งงานเท่านั้น แต่ก็สามารถเอามาประยุกต์เป็นกลิ่นหอมโรแมนติคในชีวิตประจำวันก็ได้ด้วย 

และเมื่อได้เห็นว่าแบรนด์ The Fragrance Engineers (ที่เป็นหนึ่งแบรนด์ที่รวบรวมเอาสุคนธกรต่างๆ ที่ทั้งเป็นผู้สอนทำน้ำหอม ผู้คร่ำหวอดในวงการกลิ่น และสุคนธกรที่มีแบรนด์เป็นของตนเองแล้วมาร่วมกันถ่ายทอดและก่อร่างสร้างกลิ่นตามแต่ละ Concept ที่คนนั้นๆ จะเสนอ) ได้เอาแรงบันดาลใจของวันแต่งงานที่เจาะจงไปที่ตัวเจ้าสาวรวมถึงกลิ่นอายความสุขในวันแต่งงาน มาถ่ายทอดลงสู่ขวด กลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน มาว่าต่อกันได้เลยตามนี้

Diaphanous เปิดตัวมากับโทนกลิ่นที่ให้ความใสกระจ่างและน่ารักกันตั้งแต่เริ่มเลย เพราะจะสัมผัสได้อารมณ์แบบกลิ่นใสๆ ของพีชที่มีลูกผสมแบบสดใสกึ่งสแปลชหน่อยๆ ของโทนแนว Watery กึ่งสบู่ใสๆ ที่ไม่คมแต่มีความสดชื่น เลยทำให้กลิ่นเปิดได้ความสดชื่นแกมหวานปนหอมใสแนวสบู่หรือแชมพูกลิ่นพีช ที่มีลายเซ็นบางอย่างให้จับต้องได้ว่านี่คือการเกลากลิ่น Aldehydes ด้วยโทนออกทางกลิ่นน้ำลอยดอกไม้หอมหวานหน่อยๆ จนได้อารมณ์สดชื่นอารมณ์ Crystal Clear ที่มีความเป็นพีชมาให้จับต้องได้ร่วมด้วย ซึ่งถาดมเผินๆ อาจจะทำให้นึกถึงสบู่หรือแชมพูใสๆ กลิ่นหอมสดชื่น แต่ต้องบอกเลยว่าถ้าดมแบบพินิจเข้าใกล้ๆ จะรู้สึกได้ชัดเจนว่าเนื้อกลิ่นมีความเป็นลายเซ็นตามธรรมชาติของโทนนั้นๆ ชัดเจนแบบที่คุณภาพของกลิ่นไม่ธรรมดา แต่ทั้งหมดทั้งมวลกลิ่นเปิดหอมสดชื่นหวานใสแกมน่ารักได้ดีมาก

เมื่อผ่านไปราว 5 - 10 นาที กลิ่นเริ่มเปลี่ยนโทนมาเป็นสาย Fruity Floral มากขึ้น โดยที่ ความเป็นโทนหวานใสโปร่งระเรื่อแกมพีชในช่วงต้นจะตามมาทั้งหมดแต่จะลดทอนความใสลงมาอีกสเต็ป ลงมาเป็นสายสนับสนุนให้โทนดอกไม้ใสๆ เด่นออกมามากขึ้น ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางเต็มตัว แน่นอนว่าความเป็นกลิ่นแนวโปร่งและใสกระจ่างยังคงมีอยู่และเป็นตัวเกลาชั้นดี ให้โทนดอกไม้ต่างๆ ที่ผสมผสานกันอยู่ในช่วงนี้ ไม่ได้ไปสายนวลข้นหรือหนักแต่อย่างใด ซึ่งอย่างแรกจะจับต้องได้เลยว่ามีกลิ่นเย้าขาวที่ควรจะนวลของซ่อนกลิ่น แต่กลิ่นกับให้โทนโปร่งระเรื่อแกมเขียว และแน่นอนว่าต้องมีกลิ่นดอกไม้ขาวอื่นๆ ที่จับต้องได้น่าจะมีโทนคล้ายมะลิ และดอกกระดิ่ง (lily-of-the-valley) ที่มีความใสแกมเขียวหน่อยๆ (คิดว่าน่าจะใส่สารหอมที่เสริมกลิ่นมะลิใสกระจ่าง ติดเขียวหน่อยๆ อย่าง Hedione ที่ให้ความเป็น Fresh & Floral เข้ามาร่วมด้วย) และที่ขาดไม่ได้เลยต้องมีคือกุหลาบที่มาแบบกึ่งนวลกึ่งใสให้ความโรแมนติคกำลังดี ซึ่งช่วงนี้เมื่อแต่ละโทนทั้งฝั่งดอกไม้และฝั่งกลิ่นแนวสบู่ใสๆ กลั้วพีชมาเจอกัน บางวูบอาจจะทำให้เรานึกถึงกลิ่นแนว Hair Spray กลิ่นดอกไม้แกมพีชได้อยู่บ้าง แต่เมื่อดมใกล้ๆ ลายเซ็นดอกไม้กับพีชมีอยู่ให้จับต้องได้ตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นเหมือนเดิม และถ้าทิ้งไปซักระยะกลิ่นจะกลายเป็นกลิ่นโทนหวานโปร่งอ่อนๆ ของดอกไม้ระเรื่อตามลมมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งช่วงนี้ได้อารมณ์กลิ่นแบบเจ้าสาวที่มีความสดใสในชุดสีขาวหรือจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักก็ได้ อ่อนโยนก็ดี หรือจะโรแมนติคก็เข้าทางได้เลย

ในช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเริ่มลดทอนลงมาจนเหลือความหวานอ่อนๆ ที่ให้อารมณ์สีขาวกึ่งใสกึ่งนวลมากขึ้น ซึ่งพื้นฐานกลิ่นเป็นโทน Musky หน่อยๆ ที่มีความหวานอ่อนๆ เบาๆ ซึ่งกลิ่นดอกไม้ในช่วงกลางก็ยังตามมาอยู่ ทำให้ได้อารมณ์กลิ่นดอกไม้แกมผิวกายสะอาดๆ นวลอ่อนๆ ระเรื่อๆ ออกมาจนรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและโรแมนติคโทนสว่างแบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งกลิ่นไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก เน้นความมินิมัลที่เรียบหรูและเป็นธรรมชาติ มีความเป็น Pure White ในเนื้อกลิ่นเบาๆ ได้ลงลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงเต็มๆ ได้หมดตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบายมาก ซึ่งพื้นฐานกลิ่นคือโปร่ง หวานแบบโรแมนติคแกมใสที่ให้ความสว่างและมีความอ่อนโยน เช่นนั้นยังไงก็รอดสูงมาก โดยเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วไป แต่ไม่เข้าทางกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายเท่าไหร่ กลิ่นมันมาสายโรแมนติคมากเกินกว่าจะสนับสนุนการออกเหงื่อ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไป หรือโรแมนติคจะดีที่สุด

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. ตามแต่สภาพผิวและจำนวนสเปรย์ ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. ได้สบายมากกับการใช้งานที่ 7 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลงมาปานกลาง ที่ไปเรื่อยๆ แต่เท่าที่สัมผัสได้น่าจะมีสารหอมอนุพันธ์กลิ่นบางอย่างที่ทำให้กลิ่นจะกระจายออกรอบตัวแบบกำลังดี แบบเจ้าตัวได้กลิ่นอ่อนๆ แล้วผู้คนรอบตัวก็ได้กลิ่นเดียวกับเราด้วย เพราะขนาดคนอยู่ห่างกันราวๆ เกือบ 3/4 ช่วงแขนยังทักถึงกลิ่นที่กระจายออกมา ถือว่าสร้างบาเรียรอบตัวได้ดี แล้วเมื่อผ่านไปซักราวๆ 4 ชม. ก็เริ่มเบาลงเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้ว Skin Scent เมื่อผ่านไปราว 6 ชม. 

สรุป - ต้องบอกเลยว่าตอนแรกก่อนจะทำการใช้งานจริงได้ไปดู Notes กลิ่นมาก่อน ก็เดาเลยว่ากลิ่นต้องข้น ต้องนวล ต้องขาว และต้องหวานโรแมนติค แต่พอใช้จริงกลับทิศไปหมดทุกอย่าง สมชื่อรุ่นว่า Diaphanous มาก (แปลว่าโปร่ง บาง ใสกระจ่าง อะไรประมาณนี้) ต้องยอมรับเลยว่าสุคนธกรหักมุมคนที่ดู Notes มาก่อนแบบที่เกลากลิ่นให้มีความใสและหวานโปร่งได้อย่างเกินคาด และไม่พอยังมีความหอมหวานใสระเรื่อโรแมนติคแบบที่ดมใกล้ๆ จะสัมผัสเนื้อกลิ่นที่เป็นพื้นฐานทางธรรมชาติของกลิ่นนั้นๆ ทีมีลายเซ็นให้จับต้องได้อีกด้วย  

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.thefragranceengineers.com/collections/steve/products/amor-4-phyche

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: The Fragrance Engineers - Seduction

The Fragrance Engineers - Seduction 

The Fragrance Engineers เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มาจากการสร้างสรรค์ของบุคคลหลายๆ คนที่อยู่ในแวดวงน้ำหอมไม่ว่าจะเป็น Trainer ผู้สอนทำน้ำหอม สุคนธกรที่มีน้ำหอมเป็นแบรนด์ของตัวเองอยู่แล้ว หรือผู้มากฝีมือเรื่องการทำน้ำหอมต่างๆ ที่มารวมตัวกันสร้างสรรค์ความหอมจากความฝันหรือแรงบันดาลใจของตัวเองมาสู่กลิ่นที่เป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง ที่สำคัญ คือ แบรนด์นี้อยู่ในป
ระเทศไทยเสียด้วย มีเว็บไซต์ที่สามารถเข้าไปชมและสั่งซื้อได้ตามสะดวกในชื่อเดียวกับแบรนด์เลย เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้ครอบครองแบรนด์นี้ ก็ไม่พลาดที่จะมาบอกเล่าถึงความดีงามที่ควรจะเป็นว่าจะออกมาในลักษณะไหน กับกลิ่นแรกที่ได้สัมผัส นั่นคือ Seduction 

ที่มาที่ไปของน้ำหอมกลิ่นนี้มาจากเรื่อง Fifty Shades of Grey ที่ทำออกมาเป็นภาพยนตร์จบกันไปเรียบร้อย ซึ่งจะมีคำโปรยกับตัวน้ำหอมที่สื่อสารออกมาว่า “The Seven Shades of Sensuality” ซึ่งถือว่า กลิ่นนี้เอาความเย้ายวนของโทนกลิ่นต่างๆ มานำเสนอได้ดี และครบ 7 Shades ของกลิ่นเสียด้วย โดยเริ่มจากการเปิดตัวด้วย Shade ของวานิลลาที่จะเป็นตัวเดินกลิ่นหลักก่อนเลย โดยจะผสมผสานกับ Shade ของโทนแป้งติดอับจืดของดอกไอริสเคล้ากับกลิ่นอายติด Shade ของโทน Citrus ที่มาแบบบางๆ ให้รู้สึกได้ถึงมิติกลิ่นที่มีความสดชื่นผสมผสานอยู่ ซึ่งทำให้กลิ่นในช่วงนี้เป็นวานิลลาที่ไม่ได้ไปสายขนมมากนัก เป็นวานิลลาที่มีความเซ็กซี่ดึงดูดแบบ Lite Version ให้ความหวานปนจืดอับเย้ายวน แต่มีความเปิดเผยโปร่งๆ ของ Citrus เบาๆ พริ้มๆ กำลังดี 

และต่อมา Shade ของโทนผลไม้จะเริ่มเสริมเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้กลิ่นมีลักษณะติด Bubbble Gum หอมปนเปรี้ยวอมหวานเจือนวลวานิลลาที่รองพื้นอยู่ กลิ่นมีความเย้ายวนแบบชัดเจ รวมถึงปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่เป็นโทนออกทางกึ่งหมากฝรั่งผลไม้หอมหวานโปร่ง กับกลิ่นอายติดแป้งหอมโปร่งเย้าจมูกของไวโอเล็ตที่เสริมเข้ามา ทำให้ได้ความรู้สึกเซ็กซี่แบบติดโปร่งเย้า และจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นแฝงความเซ็กซี่มีจริตเนียนๆ แบบมีระดับของ Shade ต่อมาที่ทำให้กลิ่นคาบเกี่ยวระหว่างความนวลและความเย้ายวนของ Musk ทำให้ช่วงนี้กลิ่นจะสมดุลย์กันเป็นอย่างดีมากระหว่างความเป็นโทนแป้ง 2 เลเยอร์ คือ อับจืดและโปร่งเย้า เคล้าความนวล Musk และวานิลลาที่มีความเป็นกลิ่นโทนผลไม้หอมแทรกอยู่ในทุกๆ การรับรู้ของกลิ่นไปเรื่อยๆ จนเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย Shade ของไม้หอมโปร่งๆ ติดขรึมหน่อยๆ ที่เสริมเข้ามาพร้อมกับ Shade โทนสาปปลุกเร้า Animalic เนียนๆ ไปกับโทนกลิ่นของ Musk ที่เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม โดยกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ได้ทิ้งความเย้ายวนปนหวานโปร่งจากช่วงกลางที่ยังจับต้องได้อยู่ในลักษณะที่เนียนไปกับเนื้อกลิ่นที่เป็นตัวเดินเกมอย่างโทน Woody Musky ติดนวลปนนัวนุ่มจมูกกำลังดี กลิ่นให้ความเซ็กซี่ติดเร้าๆ แบบที่ไม่ได้ถึงกับจัดจ้านโจ่งแจ้ง แต่มีลูกเล่น ลูกล่อ และลูกชนในความนวลด้วยความระเรื่อพลิ้วๆ เย้าๆ ให้เกิดความสนใจและดึงดูดให้สัมผัสต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ได้อย่างลงตัวมาก โดยที่ไม่ต้องเล่นใหญ่ แต่เน้นกำลังดี เจ้าเสน่ห์แบบมีระดับ นวลพลิ้วมีเสน่ห์แบบเรื่อยๆ แต่ก็กินใจดึงดูดจนต้องมาพิสูจน์ถึงความเย้ายวนจากผู้ที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมาก เข้ากับหมดทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นมีอารมณ์เย้ายวนที่ได้ทั้งความนวล ความเร้า ความลั่นล้า ความเซ็กซี่ ความหวาน ความขรึม และความมีระดับที่เสริมตัวผู้สวมใส่ให้มีภาพรวมของความเย้ายวนดึงดูดได้แบบที่ไม่ต้องดูพยายามก็เอาอยู่ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบให้ตัดการใส่ไปงานทางการออกไปได้เลย ไม่เหมาะนัก แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะทำงาน Office หรือว่าชิลล์ๆ เน้นปล่อยเสน่ห์แบบเนียนๆ อันนี้ได้เลยสบายๆ ส่วนถ้าออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้ง แต่อยากให้แอบเซ็กซี่ด้วย เน้นช่วงท้ายๆ ดีกว่า เพราะไม่เช่นนั้นกลิ่นจะตีขึ้นจนเหวอเอาได้ ความเย้ายวนที่จะได้มันจะหายไปเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนเพิ่มสเปรย์หน่อยไปท่องราตรีได้สบายมาก แตกต่างจากผู้อื่นและเรียกร้องความสนใจแบบเนียนๆ ได้ดี โดยไม่ดูพยายามเกินไปได้อย่างน่าดูชมเลยล่ะ 

ความทน - ดีงาม 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้จับต้องได้กับการใช้ที่ 5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนจะผ่อนลงมาเรื่อยๆ พอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว แบบยาวไป พ้นไปซัก 8 ชม. เริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ถือเป็นการบอกถึงความแตกต่างและดึงดูดในความเย้ายวนแบบที่ไม่จำเป็นต้องอบอุ่นเว่อร์ ต้องยั่วเย้าปล่อยของ ต้องเผ็ดร้อนฟุ้งกระจายให้สุด หรือต้องแน่นแบบที่น้ำหอมที่สื่อถึงความเย้ายวนแบบทั่วๆ ไปมักจะต้องเน้นในการเรียกแขก แต่จะมาเน้นแบบเนียนๆ ปล่อยของแบบที่เน้น Sex Appeal ที่มีชั้นเชิงปนขี้เล่นก็ดี นวลละมุนปนเย้าก็สามารถ แถมไม่ไก่กาเหมือนคนอื่นไปทั่ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับคำว่า Seduction 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit - เข็มขัดสั้น