แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Moschino แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Moschino แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Review: Moschino - Toy 2 Bubble Gum

Moschino - Toy 2 Bubble Gum

จากน้ำหอมที่เป็นขวดซ่อนอยู่ในตุ๊กตาหมีที่ฉีกการเป็นขวดแบบทั่วๆ ไปในรุ่น Toy สู่การต่อยอดขึ้นมาเป็น Collection Toy ที่มีรุ่นต่างๆ ตามมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า Moschino ประสบความสำเร็จกับ Collection นี้จริงๆ เพราะเจาะตลาดได้ทุกเพศ และที่สำคัญตรงไปตรงมาในการสื่อสารถึงสไตล์ที่โดนใจวัย Trendy อย่างมาก เพราะทุกกลิ่นใน Collection ต่างมีเสน่ห์ในการเรียกเรตติ้งได้ดีทั้งหมดในการเป็นสาย Mass Market เก๋ๆ ชิคๆ

และหนึ่งในนั้นก็คือ Toy 2 Bubble Gum ที่เป็นการต่อยอดมาจาก Toy 2 ที่เจาะตลาดวัยรุ่นหรือวัยไหนก็ตามที่เน้นกลิ่นแนวสดชื่นแกมสะอาดแต่มีความเก๋และความมั่นใจในตัวเอง แต่มาเพิ่มเติมเอาความหวาน Bubble Gum เข้ามาให้ออร่าความเป็นสีชมพูกันให้สุดไปเลย ซึ่งก็มั่นใจได้เลยว่า หวานแน่นอน และมีความลั่นล้า เก๋ไก๋ ชิคๆ เก๋ๆ ตามสไตล์แบรนด์อีกด้วย เพราะกลิ่นสื่อสารออกมาแบบนี้เลย

เปิดมาก็ลูกอมมาเลย กลิ่นอารมณ์แบบ Candy ผลไม้ที่เป็นไซรัปเคี่ยวหลอมกลิ่นฟุ้งก่อนจะมาปั๊มเข้าพิมพ์เป็นเม็ด หรือตัดเป็น Handmade Candy เก๋ๆ ซึ่งมาเต็มทั้งอารมณ์กลิ่นเบอร์รี่สีแดง กลิ่นส้ม กลิ่นลูกแพร์ กลิ่นลิ้นจี่ และอื่นๆ ซึ่งง่ายๆ คือ กลิ่นแบบลูกอมผลไม้ทั้งแบบใสจะฟุ้งกระจายให้เรารู้สึกได้ทันทีไม่มีเม้ม ซึ่งแม้ปลายกลิ่นจะมีอารมณ์เปรี้ยวฉ่ำหน่อยๆ ให้ความสดใสที่น่าจะมาจากแนวๆ เลมอนหรือส้ม แต่บอกเลยกลิ่นมีความสีชมพูหวานฉ่ำใสลูกอมกันแบบเต็มๆ จริงๆ และกลิ่นนี้แหละที่จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลย

การเข้าสู่ช่วงกลางเรียกว่ากระพือความหวานเข้าไปอีก แต่จะเป็นกลิ่นแนวเครื่องเทศสายหวานที่มาให้น้ำหนักในเนื้อกลิ่นมากขึ้นแทน นั่นคือ อบเชย ตามด้วยกลิ่นผลไม้อื่นๆ และกุหลาบเข้ามาสำทับ รวมถึงมีเลเยอร์กลิ่นที่เป็นลักษณะกึ่งคาราเมลกึ่งหวานน้ำตาลเกร็ดๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งในช่วงนี้อารมณ์กลิ่นจะไล่เรียงกันจากความหวานหอมปร่าหน่อยๆ อารมณ์แบบหมากฝรั่งหรือลูกอมเคี้ยวหนึบจำพวกซูกัส โดยจะมีกลิ่นบลูเบอร์รี่แกมเบอร์รี่สีม่วงหน่อยๆ เสริม มีความหอมหวานนวลของพีช ที่มีกุหลาบแกมวานิลลาหวานคลอบล้อมกรอบตีคู่ไปกับกลิ่นสีชมพูที่ตามมาจากช่วงต้น ซึ่งบอกเลยกลิ่นชัดมาเต็ม โชว์เต็มที่ว่าหวาน Bubble Gum แบบตรงตาม Concept ไม่มีผิดเพี้ยน และที่สำคัญกลิ่นมีความน่ารักรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ได้กิงก่องแก้วดูลอยๆ เพราะความปร่าอ่อนๆ และความหวานลึกของเครื่องเทศ เลยทำให้ดูชิคๆ ขึ้นมาแบบเนียนๆ ได้ดีเชียว

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมันอยู่ที่ช่วงท้ายนี่แหละ เพราะอยู่ดีๆ กลิ่นสายหวานต่างๆ ก็ผ่อนลงมาเรื่อยๆ แต่ปรับโทนให้กลิ่นลูกผสมระหว่าง Musk และสารหอมที่มีความเป็นกึ่งโทนแอมเบอร์กึ่งไม้หอมกึ่ง Musk ที่ได้ความรู้สึกแบบผิวกายมนุษย์ที่เป็นสารหอมยอดฮิตในยุคนี้อย่าง Ambroxan จะขึ้นมาแทนที่ เนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นไม้สะอาดๆ กึ่งแร่ธาตุหน่อยๆ ให้จับต้องได้ร่วมด้วย ซึ่งกลิ่นออกไปทางแมนมากกว่าที่คิด และที่สำคัญความหวานจากตอนต้นไม่ว่าจะลูกอมหรือ Bubble Gum ก็จะเนียนรวมไปกับกลิ่นสาย Woody Musky นี้ไปเรียบร้อยแล้ว เลยจะได้อารมณ์กลิ่นสะอาดติดออกแนวขาวอมชมพูอ่อนๆ ที่มีกลิ่นไม้หอมประปรายให้จับต้องได้เป็นการปิดท้ายที่กำลังดี โดยบาลานซ์ไม่ให้กลิ่นสาวจ๋าเกินไป มีความหวานแกม Cool หน่อยๆ จากไม้หอมเข้ามาปิดท้ายกลิ่นไปจนกว่าจะจางไป 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงเน้นๆ ได้ตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลาย เป็นต้นไป หรือจะวัยรุ่นตอนอายุเท่าไหร่ก็ตามก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก ยิ่งถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นหวานแบบ Candy Bubble Gum บอกเลยว่าฟินตลอดวัน ซึ่งในการใช้งานให้ตัดทิ้งการใช้ในยามทางการไปได้เลย กลิ่นไม่ใช่ทางแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าใช้ทั่วๆ ไป ใส่ไปลั่นล้า ช้อปปิ้งเก๋ๆ หรือจะใส่ทำงาน Office ก็สามารถ รวมถึงใส่กลางคืนแบบลั่นล้าท้าทุกฤดูกาลก็ไม่ติด

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ใส่มากสเปรย์ไป ก็จะหวานคาที่เกินไปหน่อย ซึ่งถือว่าความทนกำลังดีแล้วในการใช้งานแบบพื้นฐานปกติ

การกระจาย - จัดจ้านในย่านนี้ เพราะว่าช่วงต้นการกระจายที่เรียกว่าดีแล้ว พอเข้าช่วงกลางเรียกว่าขยับขึ้นไปดีมากๆ อยู่พักนึงเลย เรียกว่าเผื่อแผ่ความหวานทั่วกัน พอผ่านไปซัก 3 ชม. กลิ่นจะลดลงมาตามลำดับจนกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไปแล้วราวๆ 4 - 5 ชม. และเริ่มติดผิวเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. แล้ว

สรุป - ไม่สามารถปฏิเสธใดๆ ได้ว่ากลิ่นนี้คือ ลูกอม และหวานฝรั่งสีชมพูสดใส ให้ความหวานอมเปรี้ยวน่ารักก็ได้ ลั่นล้าก็ดี แต่ก็ไม่ได้กิงก่องแก้วกลวงมาจากไหน เพราะมีอารมณ์ติด Cool ที่แฝงให้จับต้องได้ และที่สำคัญวาง Position ได้ชัดเจนจริงๆ ว่าเจาะตลาดวัยรุ่นและคนชอบกลิ่นหวานเป็นสรณะ ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวัง

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.davidjones.com/product/moschino-toy-bubble-gum-50ml-24231763

 

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Review: Moschino - Toy


Moschino - Toy

ปี 2013 ถือเป็นปีทองของแบรนด์ Moschino ในสายแฟชั่นเลยก็ว่าได้ เพราะได้สร้างปรากฎการณ์ผ่าน Fun Fashion Collection ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมสายอเมริกันป็อป อาหาร Fast Food การ์ตูน Sponge Bob (ไอ้ตัวที่เป็นฟองน้ำเหลืองๆ) และตุ๊กตาบาร์บี้ ที่เรียกว่ามาได้จัดจ้านมากจริงจัง แต่แฝงด้วยความเก๋สุดๆ ที่ได้รับการยอมรับมาเสมอ และใน Collection นี้ก็มีอยู่อีกหนึ่งอย่างที่มาเกี่ยวข้องนั่นคือ น้ำหอม

แน่นอนว่าแบรนด์ได้เปิดตัวน้ำหอมที่เห็นแล้วก็แทบไม่สนใจกลิ่นเลยก็ว่าได้ เพราะขวดนั้นคือ ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ ที่น่ารักสุดๆ กับการได้ชื่อ Collection น้ำหอมว่า Moschino Toy ซึ่งแน่นอนว่าทุกวันนี้ ความเป็น Toy ยังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนมีออกน้ำหอมรุ่น Toy 2 และ Toy Boy ออกมาเป็นรุ่นลูกเป็นที่เรียบร้อย เช่นนั้น นอกจากความน่ารักของ Package กลิ่นล่ะจะออกมาในลักษณะไหน?

เปิดต้นกลิ่นมาเม็ดกระวานก็พุ่งมาก่อนเพื่อนเลย ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้เครื่องเทศจ๋าๆ เกินไป เพราะกลิ่นมาอย่างสมดุลย์ ให้ความหวานเย้าเจือเผ็ดยวนชวนดึงดูดแบบกำลังดี โดยจะมีกลิ่นติดขมเจือเปรี้ยวมีความปร่า Spicy สร้างบรรยากาศหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่คลอๆ อยู่ อารมณ์วูบแรกก็นี่ถึงกับอึ้งไปนิดนึง เพราะแบรนด์น้ำเสนอกลิ่น Unisex แต่โทนกลิ่นสไตล์น้ำหอมชายนี่นา แต่ในวูบถัดมากลิ่นของส้มจะแทรกตัวออกมาโดดเด่นตีคู่ไปกับโทนกระวานทำให้กลิ่นเริ่มที่จะมีลักษณะความน่ารักเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งก็เริ่มเข้าทางการเป็น Unisex Scent ขึ้นมาหน่อย แต่เมื่อพอดมเข้าไปใกล้ๆ ผิว โทนกลิ่นติดปร่าเจือเขียวคล้ายเหล้าจินแทรกอยู่เป็นฉากหลังที่สร้างโทนกลิ่นแนว Aromatic ที่ให้ความรื่นรมย์เนียนๆ อยู่ เลยทำให้ช่วงแรกเรียกว่าเป็นโทนกลิ่นที่ใช้ง่าย น่ารักก็ได้ เย้ายวนเนียนๆ ก็สามารถ สดชื่นก็มี และมีดึงดูดก็เหมาะ

และเมื่อกลิ่นเริ่มเปลี่ยนโทนจนจับต้องความเป็นโทนลาเวนเดอร์ที่มาในลักษณะนวลสะอาดติดเขียวสมุนไพรเจือตุ่นค่อยๆ แทรกขึ้นมา ตอนแรกก็คิดว่าเมื่อเจอกับเกลออย่างกระวานและมะกรูดฝรั่ง คงไม่น่าหนีกลิ่นอายโทน Bad Boy ไปได้ แต่กลับกลายเป็นหนีได้อย่างน่าชื่นชม เพราะกลิ่นโทนแป้งติดเขียวเจือหวานนวลของดอกไวโอเล็ตมาแทรกผสมผสานกับลาเวนเดอร์ทำให้เป็นกลิ่นออกทางโทนแป้งติดนวลมีความตุ่นทึบหน่อยๆ เจือสมุนไพรที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ออกมาชัดพอสมควร ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อกลิ่นจะมีโทนในช่วงต้นตามมาอยู่อย่างความหวานเผ็ดเย้าของกระวานที่เสริมให้ช่วงนี้มีลูกเล่นของความเป็นโทนแป้งติดสมุนไพรเจือความเย้าได้อย่างลงตัวมาก และยังมีความปร่าบรรยากาศแนวๆ เหล้าจินอยู่เป็นฉากหลังเช่นเคย ซึ่งทำให้มิติการได้รับกลิ่นมีความน่าสนใจมากขึ้นและเริ่มจับทางการเป็น Unisex ที่มีความรื่นรมย์นวลๆ กำลังดีจนเริ่มจะจับต้องได้ถึงตัวละครทางกลิ่นสำคัญอีกกลิ่นที่ค่อยๆ เปิดตัวออกมาอย่างไม้จันทน์หอมที่ให้ความหอมไม้ติดจืดนวลมีความเมทัลลิคหน่อยๆ ที่ทำให้บางวูบได้กลิ่นคล้ายมะพร้าวติดเขียวนิดๆ โชยออกมาอะโรม่าหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วยไปพอสมควร กลิ่นก็จะเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงท้ายตามลำดับ โดยโทนอบอุ่นน่ากอดจะค่อยๆ มาร่วมผสมผสานอย่างวานิลลาที่ออกทางโทนแป้งนวลหอมหวานเจืออบอุ่นเคล้ากลิ่นดอกไม้หวานอ่อนๆ ซึ่งจะมีกลิ่นโทนเครื่องเทศอย่างกระวานอ่อนๆ เบาๆ ให้รับรู้อยู่บางๆ มาร่วมสร้างความเย้าให้ดูน่ากอดมากขึ้นไปอีกด้วย โดยที่สายแป้งอบอุ่นจะตีคู่ไปกับกลิ่นไม้จันทน์หอมที่ให้ความหอมนวลไม้ติดจืดปนเมทัลลิคหน่อยๆ ทำให้กลิ่นแอบเจือความล้ำกำลังดีเข้ามาในความน่ากอดได้อย่างลงตัวเกินคาดจริงๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex แต่ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าราวๆ 75% แต่ถ้าผู้หญิงใส่ก็ไม่ได้ดูห้าวเป้งไป ออกแนวให้ความ Cool กึ่งน่ารักหน่อยๆ ก็ยังได้ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่การใส่ออกกำลังกายที่ไม่ค่อยเข้าทางเท่าไหร่ แต่รอถ้าช่วงท้ายๆ ก็ยังได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงาน ใส่ออกชอปปิ้ง หรือใส่ทั่วๆ ไปได้หมด แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี ต้องอัดสเปรย์เยอะหน่อยถึงพอสู้กับสายแน่นอวลทั้งหลายได้

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งจากที่ใช้จริงทืี่ 6 สเปรย์แตะ 8 ชม. ได้สบาย และไปต่อได้มากกว่านั้นได้อีกถึง 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางกันยาวๆ ไป พอเข้าช่วงท้ายถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนเมื่อพ้น 6 ชม. จะดรอปลงเป็นติดผิว

สรุป - หมีเท็ดดี้ขวดนี้อาจจะดูไม่ได้หวือหวา ดูเปรี้ยวปรี๊ดตามสไตล์ Fun Fashion ก็จริง แต่มีความเก๋เนียนๆ ที่แฝงความเรื่อยๆ ไปตลอด จนได้อารมณ์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาได้น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะจะใส่แบบเท่ห์ๆ ก็ได้ ใส่แบบกรุยกรายเก๋ๆ Contrast กับความจัดจ้านก็ดี เรียกว่าเป็นหนึ่งในการสร้างเลเยอร์ทางแฟชั่นทางกลิ่นได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credithttps://www.pinterest.com/pin/284008320227998484/


วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Review: Moschino - Fresh Couture

Moschino - Fresh Couture 

เพียงแค่ขวดก็ทำเอาสตันไปได้หลายวินาที เพราะนี่คือน้ำหอมหรือน้ำยาเช็ดกระจกแบรนด์ Moschino กันแน่? แต่พอรับรู้ Concept ก็เรียกว่ามีความเก๋ไก๋ไม่น้อย เพราะเป็นการเอาความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ในบ้านทั่วๆ ไปมา Match กับความเป็นสายแฟชั่นเก๋ๆ ตามสไตล์ของแบรนด์ เช่นนั้นได้เวลาของการบอกเล่าแล้วว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหนกับความเก๋ไก๋ที่แบรนด์นำเสนอกับรุ่นนี้ Fresh Couture 

เปิด Top Notes กับความรู้สึกแบบ Floral Citrus เจือกลิ่นอายแบบโทนผลไม้หอมหวานกันเต็มๆ เพราะกลิ่นอายของโทนสดชื่นของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ให้ความเปรี้ยวเคล้าความเปรี้ยวอมหวานติดฉ่ำของส้มจีนก็จริง แต่ก็จะเจอกลิ่นอายของดอกโบตั๋น (Peony) ที่ให้ความหวานโปร่งไปทางกุหลาบใสๆ สีชมพูเจือกับกลิ่นอายหอมหวานเฉพาะตัวของราสเบอร์รี่ ซึ่งแค่กลิ่นเปิดก็งงเล็กน้อย เพราะน้ำหอมสีเป็นโทนฟ้า แต่กลิ่นมาโทนสีชมพูมาเชียว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสายโทนหวานดอกไม้จ๋ามากนั่นคือกลิ่นโทนไม้หอมเจือกลิ่นอายแบบผิวกายสะอาดๆ ที่คุมโทนกลิ่นสะอาดให้รู้สึกได้ในช่วงต้นนี้ด้วย 

และก็ได้เวลาของดอกไม้ที่จ๋ามากขึ้นใน Middle Notes โดยกลิ่น Citrus ในช่วงต้นจะผันตัวไปเป็นผู้สนับสนุนรองใจดีให้ความรู้สึกสดชืิ่น Fresh กำลังดีในเนื้อกลิ่น เคล้ากับกลิ่นโทนผิวกายสะอาดเจือไม้หอมที่รองพื้นติดผิวอยู่ ปล่อยให้กลิ่นดอกไม้โทนหวานโปร่งสดชื่นเคล้าความเป็นโทนผลไม้เด่นนำเลย โดยที่กลิ่นของดอกโบตั๋นจะมาแท็คทีมกับดอกหอมหมื่นลี้ที่ให้กลิ่นโทนเจือผลไม้หวานอมเปรี้ยวหอมกึ่งกลิ่นพีชและแอปริคอต และมีโทนเย้ายวนจางๆ แนวๆ กึ่งมะลิกึ่งกระดังงา ได้ความเป็น Floral Fruity ที่ชัดเจนแต่ก็ยังคุมโทนควาFresh และใสเจือกลิ่นกายสะอาดรองพื้นได้อยู่แม้กลิ่นจะมีความหวานหอมละมุนก็ตาม ซึ่งกลิ่นโทนหอมดอกไม้หวานใสนี้จะตามไปยัง Base Notes ที่ให้ความหอมละมุนคงตัว แต่จะเพิ่มความนวลเข้ามาแบบกลิ่นผิวกายสะอาดคล้ายกลิ่นดอกไม้ที่ระเรื่อบนผิว ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีโทนไม้หอมเบาๆ เคล้ากลิ่นพิมเสนหวานรื่นจมูกนวลๆ คลอไปด้วยตลอด โดยที่ยังมีความสดชื่นเบาๆ ในเนื้อกลิ่นให้พอรับรู้ได้ไปตลอด ภาพรวมของกลิ่นเลยจะได้อารมณ์แบบสาวๆ แต่งตัวสวยสดใส แต่แต่งหน้าชัดจัดเต็มแล้วทำงานบ้านแบบที่ยังไงก็ต้องสวยไว้ก่อนประมาณนั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงเลย เพราะมาสายดอกไม้ติดโทนผลไม้ขนาดนี้ เช่นนั้นเข้าทางกับสาวๆ ทุกเพศ วัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แบบชิลล์ๆ แล้ว ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงการออกกำลังกายก็ใส่ได้ แต่อาจจะรอให้เข้าช่วงกลางก่อนค่อยไปบึ้ดจ้ำบึ้ด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่เข้าทางการใส่ไปท่องราตรีด้วยประการทั้งปวงเพราะเบาไป โดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - แกว่งพอสมควร ซึ่งอยู่ระหว่าง 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบได้อีกก็ว่ากันไปตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด สภาพอากาศที่จะร้อนจัดหรือว่าเรื่อยๆ มาเรียงๆ รวมถึงสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความรู้สึกสดชื่นเคล้ากลิ่นดอกไม้ใสๆ ไพล่ไปทางสีชมพูกำลังดีเชียว แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลางแบบยาวไป ก่อนปิดท้ายที่ Skin Scent กับโทนสะอาดๆ ติดกลิ่นดอกไม้จางๆ 

ทิ้งท้าย - นอกจากรูปลักษณ์ขวดและการนำเสนอความเป็น Moschino Fresh Couture จะมีความ Contrast กันแล้ว กลิ่นน้ำหอมกับสีของน้ำหอมยัง แตกต่างกันอย่างอึ้งๆ อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่ากลิ่นใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย และก็สรุปง่ายๆ คือ กลิ่นอายดอกไม้หอมหวานเจอกลิ่นสะอาดสดชื่นติดนวลๆ นั่นเอง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - http://pinkcity.sg/wp-content/uploads/2016/12/moschino-fresh-couture-100ml.jpg

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Review: Moschino – Cheap & Chic I Love Love

Moschino – Cheap & Chic I Love Love

เห็นขวดทรงโอลีฟของป็อปอายมานาน แถมมีหลายรุ่นมากเสียด้วยก็แอบสนใจอยู่เพียงแต่เพราะว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง เลยข้ามๆ มาตลอด เมื่อวันนึงเกิดอาการอดใจไม่ไหว เพราะรู้สึกได้ว่าตัวนี้ของ Moschino ต้องสดชื่นแน่ๆ เลยขอจัดซักดอกมาลองหน่อยเถอะว่าจะออกมาในรูปไหน เช่นนั้น Cheap & Chic I Love Love จึงได้ลงเอยเช่นนี้เลย 

Top Notes ก็สดชื่นกันเลยทีเดียวกับกลิ่นโทนซิตรัสของเกรฟฟรุต เลมอนและส้ม โดยมีกลิ่นอายเปรี้ยวๆ ของเรดเคอแรนท์ทำให้สดชื่นกันอย่างหนำใจมากซึ่งกลิ่นทำให้สามารถตื่นกันได้เลยทีเดียว และสร้างความกระปรี้กระเปร่าได้อย่างจัดเต็มและชัดเจน ที่สำคัญกลิ่นโทนซิตรัสของตัวนี้จะลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยจะมาผสมผสานกับ Middle Notes ที่จะมีกลิ่นอายเขียวๆ ติดสมุนไพรแบบสดชื่นอย่างกลิ่นกกและกลิ่นเขียวอ่อนๆ แนวใบไม้หรือโทนกลิ่นชาบางๆ กับกลิ่นโทนดอกไม้หอมหวานเบาๆ อย่างดอกกระดิ่งกับกุหลาบเสริมอยู่ แต่แน่นอนซิตรัสยังคงเด่นเป็นสง่าไม่ไปไหน แต่จะลดความเปรี้ยวลงมาเป็นนุ่มติดหวานมากขึ้นแทน แล้วนำไปสู่ช่วง Base Notes ที่จะเป็นกลิ่นอายซิตรัสแบบติดนุ่มสะอาด โดยจะมี Musk เป็นตัวเด่นและมีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ให้มีความอบอุ่นเบาๆ แต่ยังคงความสดชื่นได้อย่างครบถ้วนติดเปรี้ยวที่อมหวานจางๆ นุ่มนวลเบาๆ ภาพรวมเลยเป็นน้ำหอมกลิ่นสดชื่นที่แม้จะไม่ได้ออกทางหรูหราจัดเต็มกรุยกราย แต่มันดูทะมัดทะแมงและสดใสมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ ตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง แต่เอาเข้าจริงมัน Unisex มาก เพราะกลิ่นอายมันเน้นความสดชื่นคมๆ มาเลยเชียว แต่มันมีความหวานแทรกมากหน่อย ซึ่งผู้ชายรับได้สบายๆ โดยสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เรียกว่าครอบจักรวาลมากมาย สู้อากาศร้อนยังได้สบายๆ แถมให้ความสดชื่นมากอีกด้วย ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปไม่ได้เน้นยั่วยวนใส่แบบสบายๆ ก็จัดไป

ความทน เป็นที่น่าแปลกใจมาก เพราะกลิ่นทนกว่าที่คิดมาก อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวจัดไป 6 สเปรย์ ทนและให้ความสดชื่นได้ยาวถึงจำนวนชั่วโมงที่บอกข้างต้นได้เลย

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น มีความสดชื่นคมกันก่อนเลย แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย ผู้หญิงคนไหนที่ชอบ D&G Light Blue และผู้ชายคนไหนที่ชอบ Versace Man Eau Fraiche สามารถมาจัดตัวนี้ได้สบายๆ เช่น เพราะกลิ่นใกล้เคียง เพียงแต่จะมีความหวานและสดใสควบคู่ไปด้วย เช่นนั้นมันถึงเป็น Unisex นั่นเอง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ



วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Moschino – Forever Sailing


Moschino – Forever Sailing 

เรียกว่าเป็นการต่อยอดจากรุ่น Forever ปกติมาได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวกับรุ่นลูกอย่าง Forever Sailing ของ Moschino เพราะผันจากกลิ่นสดชื่นแบบหวานอมเปรี้ยวอบอุ่น มาเป็นเย็นชื่นใจและเข้าทางการเป็น Sailing สมชื่อเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะ 

เปิด Top Notes ขึ้นมาด้วยกลิ่นโทนสดชื่นซิตรัสกันก่อนเลย เพราะเลมอนกับเกรฟฟรุตปล่อยความสดชื่นกันเต็มๆ แถมด้วยมีความเย็นจากมินท์เข้าไปอีก เลยทำให้กลิ่นอายจะออกทางฟ้าใสชัดเจน แต่ที่แน่ๆ จะมีกลิ่นรองพื้นด้านหลังแบบแน่นๆ อยู่ ซึ่งจะเผยตัวขึ้นมาในช่วง Middle Notes นั่นคือจูนิเปอร์เบอร์รี่ ซึ่งจะมาในโทนแน่นๆ ออกทางเย็นซ่าหน่อยๆ เพราะมินท์ยังตามมาอยู่ ซึ่งจะมาลาเวนเดอร์มาผสานทำให้ออกทางแป้งเย็นกลิ่นอายสดชื่นแบบทะเลติดนุ่มๆ ได้ลงตัวมาก เรียกว่าช่วงนี้เป็นไฮไลท์เลย เพราะหอมออกทางแป้งเย็นอย่างมีระดับจริงๆ ได้ทั้งความสดชื่นและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน จนเมื่อเข้าช่วง Base Notes กลิ่นอายแบบแป้งเย็นสดชื่นก็ยังคงอยู่ เพียงแต่จะเบาลงไปให้กลิ่นโทนสะอาดติดไม้หอมหน่อยๆ เป็นตัวทำให้กลิ่นออกทางสบายๆ เหมือนผิวกายต้องแป้งเย็น โดยที่จะมีพิมเสนมาทำให้กลิ่นนุ่มหอมนวลๆ ไปตลอด เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอมโทนสดชื่นที่น่าสนใจมาก และดูเหมือนจะซ้ำๆ กับในท้องตลาดก็จริง แต่ก็ยังฉีกตัวออกมาได้เป็นเอกลักษณ์แบบแป้งเย็นได้งดงามเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ก็สามารถแล้ว กลิ่นเข้าถึงง่ายมาก มีความสดชื่นแบบแป้งเย็นผสมท้องทะเลโดยไม่มีความคาวใดๆ มาเจือปนเลย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้หมดทั้งทางการและไม่ทางการ ยิ่งอากาศบ้านเรานี่เข้ากันมากที่สุดเลย ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปก็ใส่ได้ แต่ถ้าไปเที่ยวอาจจะไม่เข้าทางเท่าไหร่ เพราะจะสดชื่นอย่างเดียวไม่ได้ออกทางยั่วยวนนักก็เท่านั้นเอง

ความทน – นี่แหละ ทำได้ดีมากกว่าต้นตระกูลและเป็นโทนสดชื่นที่ทนจัดแบบที่ไม่คาดฝันว่าจะเจอ เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่ ซึ่งบอกได้เลยว่าอย่างดีก็ 8 ชม. ได้สบายๆ ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ปลอดปล่อยความสดชื่นกันเต็มๆ เลยล่ะ ตามด้วยลดลงมากระจายดีในช่วงกลางให้เห็นไฮไลท์ของน้ำหอม และปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ง่ายๆ เลยครับ ยกให้เลย #ของดีเทคนิคไม่ต้อง และกลิ่นดีจริงจังมากครับ

Credit ภาพhttp://a.lnwfile.com/_/a/_raw/ws/vk/ei.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Moschino UOMO


Moschino UOMO

ถ้าจะมองว่าน้ำหอมตัวนี้กลิ่นอายอาจจะออกทาง Old School ไหม? เอาเข้าจริงไม่ใช่เลย กลิ่นออกทางร่วมสมัยเสียมากกว่า แถมคาบเกี่ยวกันอย่างดีระหว่างความเป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษกับความชิลล์ๆ สบายๆ เสียด้วยซ้ำ เช่นนั้นมารู้จักกับน้ำหอมผู้ชายที่น่าสนใจมากตัวนึงของ Moschino กับรุ่น UOMO กันครับ 

Top Notes มันกลิ่นสบู่สดชื่นติดเขียวๆ และมีกลิ่นของส้มจี๊ดเด่นขึ้นมาแบบไม่หนักจมูกเลย เพราะมีกลิ่นซ่าๆ ติด Spice มาตัดให้กลิ่นสบู่คมๆ ติดเขียวไม่ให้มันแรงจนเสียดจมูก กลิ่นจะสดชื่นไปตลอดจนไม่นานกลิ่นโทนอุ่นๆ ติดสมุนไพรจะเริ่มดันขึ้นมากลายเป็น Middle Notes กับกลิ่นของโทนวู้ดดี้ติดกลิ่นออกทางกุหลาบกลั้วไม้ ผสานกับอบเชย กลิ่นจะอบอุ่นติดหวานกำลังดีไปตลอดเลย โดยกลิ่นในช่วงต้นยังคงตามมาเป็นฉากหลังให้รู้สึกได้ ซึ่งได้อารมณ์แบบสุภาพบุรุษที่ทั้งสดชื่นติดภูมิฐาน โดยมีความผ่อนคลายแบบ Mr.Nice Guy ในเนื้อกลิ่นเลยทีเดียว และกลิ่นนุ่มๆ ของ Musk จะดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วง Base Notes เต็มตัว โดยจะมีโทนวู้ดดี้อ่อนๆ แทรกไปตลอด ให้ความรู้สึกนุ่มเย้าและสะอาดสะอ้านไปตลอด โดยที่โทนอบอุ่นในช่วงกลางจะยังตามมาแบบเบาๆ ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายความหอมแบบผู้ชายสะอาดสะอ้านและสบายๆ ได้ดีเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นคาบเกี่ยวความเป็นสุภาพบุรุษในแบบที่ไม่ Old School ออกทางร่วมสมัยที่ใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือไม่ทางการ แต่ในส่วนของการออกกำลังกายแนะนำให้รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามคำคืนถ้าทั่วๆ ไป ก็ใส่ได้กับอากาศแบบบ้านเรา แต่ถ้าใส่ไปเมาต้องอัดสเปรย์หน่อยก็พอสู้เขาได้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้ยั่วยวนชวนได้กลับบ้านเท่าไหร่นะครับ

ความทน – ต้องยกให้เขาเลยเพราะเกิน 8 ชม. สบายๆ ซึ่งส่วนตัวผมเจอที่ 10 ชม. กลิ่นยังอยู่ให้รับรู้ได้ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในส่วนต้น สดชื่นติดนุ่มๆ กันเลยทีเดียวล่ะ แล้วลดลงมากระจายกลางๆ ไปจนถึงการเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ถือเป็นรุ่นที่ Moschino ทำออกมาได้ดีเลยล่ะครับ และแอบเป็นต้นแบบให้รุ่น Forever ที่ทำออกมาเป็นโทนทันสมัยมากกว่าในรูปแบบที่สดชื่นแกมอบอุ่นกำลังดีคล้ายกันนั่นเอ

Credit ภาพ: http://cdn1.feelunique.com/img/products/19900/Moschino_Uomo_Eau_De_Toilette_Spray_125ml_1386167927.png

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Moschino – Friends Men


Moschino – Friends Men

เรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ตอนนี้เริ่มหายากขึ้นทุกวี่วันแล้ว เพราะว่าเลิกผลิตจ้า อะไรกัน! ของดีๆ นี่เลิกผลิตกันจริงไม่เข้าใจ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งของดีที่ Moschino นำเสนอกับความสดชื่นที่ไม่เหมือนใคร แถมให้อารมณ์ชิคๆ ชิลล์ๆ แบบวัยรุ่นเท่ห์ๆ ได้เป็นอย่างดี นั่นคือตัวนี้ครับ Friends Men 

ถ้าลองเอาน้ำส้มเขียวหวานผสมส้มสีเลือดคั้นสดผสมน้ำคื่นช่ายฝรั่ง (Celery) กลิ่นที่ได้มันจะคือ Top Notes ของตัวนี้เลยครับ เพราะกลิ่นมันจะออกทางน้ำผักผลไม้แบบสดชื่นมากมายก่ายกองในรูปแบบแบบฉ่ำๆ ซึ่งไม่เหมือนใครและเป็นกลิ่นที่เพียงแค่ดมกลิ่นต้น แทบไม่ต้องดมกลิ่นอื่นเพราะว่าอาจทำให้เสียเงินซื้อได้ในทันที เพราะหอมสดชื่นจริงอะไรจริงและกลิ่นโทนส้มผสมเซเลอรี่จะตามไปหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในช่วง Middle Notes ด้วย โดยมาผสมกับกลิ่นใบส้มและโทนน้ำทะเลที่เพิ่มความสดชื่นเข้าไปอีก รับช่วงต่อกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยมาก ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความเป็นวัยรุ่นก็ได้ หรือความเป็นผู้ชายสบายๆ อารมณ์ดีก็เข้าทาง และปิดท้ายที่ Base Notes กับโทนวู้ดดี้ผสม Musk ที่ให้ความนุ่มแกลมอบอุ่นบางๆ แต่มีความฉ่ำๆ ติดสดชื่นของหญ้าแฝกที่เด่นขึ้นมาให้จับต้องได้แบบกำลังดี ไม่เข้มจัดจ้านเกินไป เรียกได้ว่าส่งต่อความสดชื่นกันมาเป็นทอดๆ ได้สวยงาม โดยแฝงอารมณชิลล์ๆ สบายๆ ร่าเริงและสดชื่นได้ตลอดจนจบเลย ยกนิ้วให้จริงๆ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัย เพราะกลิ่นใช้ง่ายมาก เข้าถึงก็ง่ายในแบบชิคๆ สบายๆ และวัยรุ่น สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แถมสามารถใส่ออกงานทางการก็ได้ เพราะกลิ่นช่วงท้ายมันออกทางนุ่มสบายๆ กำลังดี ไม่ได้ดูขี้เล่นมากเกินไป ส่วนยามกลางคืนใส่ทั่วๆ ไปได้อยู่ครับ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปกินเหล้าเท่าไหร่ กลิ่นหายหมดกันพอดีนะนั่น

ความทน – 8 ชม. บวกลบประมาณ 1 – 2 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และลดมากระจายกลางๆ เรื่อยๆ ในช่วง Middle ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนค่อยๆ จางและหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – นี่คือหนึ่งในน้ำหอมที่ผมเสียดายมากอีกตัวในการเลิกผลิต แม้ว่าตัวน้ำหอมผู้ชายตัวใหม่อย่างรุ่น Forever และ Forever Sailing จะดีงาม (แบบต่างโทน) มากเลยก็ตาม เฮ้ออออ เสียดายจัง

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Moschino - Forever



Moschino - Forever 

อาจจะเห็นกันบ่อยในเรื่องของน้ำหอมผู้หญิงที่หลายๆ ตัวทำออกมาได้ Chic มากจริงๆ แต่น้ำหอมผู้ชายของแบรนด์นี้ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ หลายๆ ตัวผลิตออกมาแล้วทำเอาคนรักน้ำหอมปลื้มมานักต่อนัก ซึ่งตัวที่ผมจะมากล่าวถึงนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมากเลยทีเดียว เพราะนานๆ ทีแบรนด์นี้จะออกน้ำหอมผู้ชายและมีรุ่นลูกเป็น Flanker ออกมาแล้วด้วย กับ Moschino Forever ครับ 

Top Notes เปิดซิงกันด้วยกลิ่นที่ทำให้อารมณ์แจ่มใสไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวกับกลิ่นของส้มจี๊ดที่ออกเปรี้ยวสดชื่นนำมาเลย ยังมีกลิ่นมะกรูดมารองพื้นบวกด้วยกลิ่นของโป๊ยกั๊กที่ทำให้กลิ่นในช่วงนี้ไม่บาดจมูกแต่ประการใด ออกเป็นโทนผลไม้เปรี้ยวอมหวานเสียมากกว่า แต่ยังคงความสดชื่นในเนื้อกลิ่นได้ดีจริงๆ และต้องยกนิ้วให้กลิ่นในช่วง Top นี้เลยครับ ที่จะตามติดไปจนกว่าน้ำหอมจะจางไปจากผิวเลย ซึ่งพอเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นในช่วงนี้จะออกแนวนุ่มๆ ครีมมี่ติดอบอุ่นจากถั่วตองก้า โดยมีความสดชื่นจากพริกไทยและมีกลิ่นของเซจมาช่วยทำให้รู้สึกชิลล์ๆ ได้ดีมาก โดยกลิ่นช่วง Top ยังลอยไปมาอยู่ ซึ่งให้อารมณ์เหมือนผู้ชายอารมณ์ดี สดชื่น อบอุ่น ดูสบายๆ และน่าเข้าใกล้ไปจนถึงช่วง Base Notes ที่จะผันตัวเองมาเป็นกลิ่นโทนสะอาดสะอ้าน อบอุ่นกำลังงาม และดูเข้าถึงง่ายติดดินด้วยกลิ่นของหญ้าแฝกและ Musk โดยมีกลิ่นในช่วง Top ตามมาเป็นฉากหลังเช่นเคย ถือว่าน้ำหอมตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นน้ำหอมที่ไม่มีอะไร แต่จริงๆ มีความน่าสนใจในเนื้อกลิ่นที่เข้าถึงง่ายในแบบผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มแกมอบอุ่นได้ดีจริงๆ ครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศทุกวัย เพราะกลิ่นนี้เข้าถึงง่าย ใช้ง่าย เหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้ดีเลยไม่ว่าจะใส่ไปเรียน ใส่ไปทำงาน ใส่ไปเที่ยวทุกประเภท ใส่ออกกำลังกาย หรือใส่ชิลล์ๆ เพราะกลิ่นค่อนข้างทำให้อารมณ์ดีไม่ใช่น้อย แต่กลางคืนถ้าใส่แบบทั่วๆ ไปพอได้ แต่ถ้าเคล้าแอลกอฮอล์กลิ่นจะโดนกลบไม่ใช่น้อย ส่วนสาวๆ ใช้กลิ่นนี้ได้สบายๆ ครับเพราะทำให้ลุคดูอบอุ่นและสดชืิ่นได้ไม่ยากเลย

ความทน - ประมาณ 6 - 8 ชม. ขึ้นไปตามแต่ผิวผู้ใส่ครับ หลายๆ ครั้งผมเคยเจอถึง 10 ชม. ก็บ่อย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วง Top และจะลดลงมาหน่อยใน Middle และ Base ที่จะกระจายกำลังงามแบบหอมสดชื่นแกมอบอุ่นตีขึ้นให้รับรู้ได้ไม่ยาก และคนรอบข้างได้กลิ่นหอมกำลังดี

ทิ้งท้าย - แม้จะเคืองแบรนด์นี้ที่เลิกผลิตรุ่น Moschino Friends ที่ผมชอบ แต่ทำกลิ่นนี้ออกมาได้ดีจนผมหายเคืองไปได้เยอะเลยทีเดียวครับ ^^