แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Creed แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Creed แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Creed - Aventus for Her

Creed - Aventus for Her

จากความยิ่งใหญ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในระดับโลกของ Creed - Aventus ที่ติดลมบนมาเสมอ และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงไปได้ง่ายๆ แม้ว่าจะมีตัวโคลนนิ่ง ได้แรงบันดาลใจ หรือจงใจเกาะกระแสมากมายก่ายกองเกิดขึ้นเต็มไปหมดทั้งแบรนด์สาย Designer สาย Niche และแบรนด์ฝั่งตะวันออกกลาง

แต่เพราะความเป็น Aventus ที่ถือว่าเป็นผู้นำที่สุดและอยู่จุดสูงสุดแบบที่ยังไงก็ได้การยอมรับแน่นอนในการเป็นน้ำหอมชายที่เป็นตัว Top จริง ทำให้กระแสต่างๆ จากทั้งผู้ใช้ฝ่ายหญิงต่างๆ รวมถึงตัวแทนจำหน่ายของ Creed ที่มีอยู่ทั่วโลกต่างก็อยากให้มีการต่อยอดและพัฒนาสร้างความเป็น Iconic ทางด้านน้ำหอมผู้หญิงที่เทียบเท่า เช่นนั้น Project - Aventus for Her ก็เลยเกิดขึ้นมาในที่สุด โดยพลิกที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์น้ำหอมจากที่ของเดิมได้แรงบันดาลใจจากจักรพรรดิ์ต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้ปกครองผู้ชายต่างๆ ที่ได้รับการยกย่อง มาเป็นจักรพรรดินีและผู้กล้าที่เป็นผู้หญิงต่างๆ ที่มีความยิ่งใหญ่ระดับโลกแทน เช่นนั้น สิ่งที่สื่อสารออกมาจะยิงความรู้สึกและสร้างบุคลิกภาพทางกลิ่นอย่างไร จะมีความพีคขนาดไหนในการทำตามคำเรียกร้องขนาดนี้ สิ่งที่ได้ออกมานั่นคือ

Aventus for Her เปิดตัวมาก็จับต้องได้เต็มๆ เลยว่าพื้นฐานกลิ่นมีความเป็นโทน Ambergris หรืออำพันปลาวาฬที่ให้ความอวลติดเค็มกำลังดี ซึ่งใช่เลยเป็นสไตล์ของ Creed ที่ใช้ Note กลิ่นนี้เป็นจุดขายหลักมาเสมอ แต่มันมีโทนออกทางอวลไม้หอมแห้งๆ เข้ามาร่วมด้วย จนรู้สึกตะหงิดๆ ว่าไม่ได้มีแค่ Ambergris แน่ๆ ต้องมีสารหอมอย่าง Ambroxan มาช่วยด้วยแน่นอน จนทำให้เป็นเหมือนแกนกลางของกลิ่นคือ โทนอบอุ่นลุ่มลึกแกมอวล แต่สิ่งที่เป็นเลเยอร์แรกจริงๆ นั่นคือโทนผลไม้ที่ไม่ใช่สับปะรด แต่เอาแอปเปิ้ลเขียวมาเป็นตัวเปิดแทน โดยมีโทน Citrus ติดขมปร่าหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) มีความสดชื่นติดเปรี้ยวแกมชื้นเล็กๆ ของเลมอนเสริม โดยที่มีกลิ่นออกทางกึ่งฝาดกึ่งปร่านวลที่มีลูกโทนติดกุหลาบหน่อยๆ ของพริกไทยสีชมพูมาเป็นเป็นเสริมให้กลิ่นมีมิติและดูทรงแล้วน่าจะเชื่อมไปสู่โทนดอกไม้ด้วย เลยทำให้กลิ่นในช่วงต้นจะมี 3 เลเยอร์สำคัญคือ กลิ่นแอปเปิ้ลเขียวที่มีความเป็นธรรมชาติระดับที่ดีเลยทีเดียวเพราะมีกลิ่นติดเขียวแกมเปรี้ยวหอมอ่อนๆ ที่มี Citrus เป็นผู้ช่วย ตัวกลางเชื่อมโทนอย่างพริกไทยสีชมพูที่มีโทนดอกไม้เนียนๆ อยู่ และสายอวลอบอุ่นที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความหนาให้จับต้องได้ที่รองพื้นอยู่

การเปลี่ยนแปลงของเนื้อกลิ่นที่เข้าสู่ช่วงกลาง จะเป็นการเพิ่มกลิ่นโทนดอกไม้และผลไม้เข้ามามากขึ้นแต่จะเด่นที่ดอกไม้มากกว่า โดยที่ตัวหลักในการทำหน้าที่คือโทน Fruity Floral แต่จะมีตัวคุมเกมทั้งหมดอย่างโทนอบอุ่นอวลๆ สไตล์ Ambergris + Ambroxan ก็ยังเป็นตัวตรึงเนื้อกลิ่นภาพรวมเช่นเดิมซึ่งต้องชมเลยเพราะกลิ่นที่เป็นเลเยอร์สายดอกไม้ผสมผลไม้ที่ผสมผสานกันได้อย่างดี มีมิติที่หลายหลากในการดมเพียง 1 ครั้ง โดยตัวเด่นออกมาให้รู้สึกได้เลยนั่นคือ กุหลาบ ที่จะมีกลิ่นระเรื่อหอมนวลกำลังดี เสริมด้วยกลิ่นที่ติดโทนหวานอ่อนๆ กึ่งโทนแป้งหน่อยๆ ของไลแลคและน่าจะมีดอกไวโอเล็ตด้วย แถมมีกลิ่นแบบกระดังงาที่มีลูกเอื้อนติดกล้วยเล็กๆ แกมไม้หอมหน่อย เลยได้อารมณ์แบบแป้งหอมหรูๆ ที่เชื่อมโทนกับกลิ่นสายผลไม้ที่มีแอปเปิ้ลเขียวที่ตามมาตอนต้นที่มาเจอกับพีชที่หอมนวลๆ ที่สำคัญแอบมีลายเซ็นแบบ Aventus รุ่นผู้ชายที่มีกลิ่นหอมสับปะรดนิดๆ มาให้รู้สึก มีกลิ่นติดเขียวปร่ากึ่งแอมโมเนียเจือผลไม้เล็กๆ ของแบล็คเคอแรนท์ ซึ่งสายผลไม้คือตัวสนับสนุนที่ให้ลูกเล่นกับโทนแป้งดอกไม้ได้ดีมากในการ On Top อยู่บนกลิ่นสายอวลอุ่นแกมไม้หอม

ช่วงท้ายชัดเจนมากกับการเป็นกลิ่นสายอวลเพราะว่ากลิ่นต่างๆ จากช่วงกลางจะเบาลงเป็นเนียนรวมกับกลิ่นของ Ambergris + Ambroxan + Cetalox เป็นเสมือนหนึ่งองค์ประกอบให้กลิ่นอวลๆ อบอุ่นเจือไม้หอมที่มีพลังและมีความแข็งแรงมีลูกเล่นแฝงในการรับรู้ แต่ก็มีลูกเอื้อนติดโทน Musk หน่อยๆ ที่เกลาให้กลิ่นสายอบอุ่นอวลมีพลังในระดับที่กำลังดีมีเสน่ห์แบบไม่หนักหน่วงแผ่ไพศาลจัดจ้านเกินไป แถมมีกลิ่นพิมเสนประปรายให้รู้สึกได้ในปลายกลิ่นให้ความติดระเรื่อๆ เย้าๆ หรูหราเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งถือว่าช่วงนี้เป็นการปิดท้ายที่มีความทันสมัย มีความอบอวลตามเทรนด์ที่มีเสน่ห์จากลูกเล่นกลิ่นโทน Ambroxan และมีความหรูหรามีระดับในสไตล์ Creed ได้อย่างไม่หลุด Concept นั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไปจะเข้าทางที่สุด เอาจริงๆ น้องๆ มหาลัยจะใช้ก็ได้ แต่กลิ่นมันจะมีความสตรองในความรู้สึกนิดนึง อารมณ์มีลูกเล่นนางพญามีระดับอวลๆ ช่วงท้ายอะไรประมาณนั้น ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ไม่เหมาะกับการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ยามค่ำคืนใส่ออกงานได้สบายมาก สร้างออร่าที่มีเสน่ห์และมีพลังได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ชายสามารถใช้กลิ่นนี้ได้ไหม ตอบเลยว่า “ได้” เพราะกลิ่นมีความ Unisex มาก ยิ่งเฉพาะช่วงท้ายที่แตะได้หมดทุกเพศให้ความรู้สึกสตรองอย่างมีชั้นเชิงเลย

ความทน - แตะที่ 8 ชม. ได้สบายมากและไปต่อได้อีก โดยอิงสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่เจอในการใช้งานทุกครั้ง คือ 15 ชม. เป็นเรื่องปกติ (อันนี้อาจจะต้องอิงตาม Lot การผลิตด้วยส่วนหนึ่ง)

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น แล้วลดลงมากระจายดีไปแบบคงที่จนถึงราวๆ 4 ชม. ก็จะลดลงมาเป็นปานกลาง พอพ้นซัก 8 ชม. เป็นต้นไปก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าไม่ธรรมดา โดยที่คุมชั้นเชิงความหรูหราและมีเสน่ห์สไตล์ Creed ได้ดีเสมอต้นเสมอปลายเสียด้วย 

สรุป - แตกต่างจากรุ่นผู้ชายชัดเจนมาก เพราะไม่ได้มีสับปะรดมาเป็นตัวเอกและไม่ได้มีโทน Smoky มาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ผันตัวเองการเป็นโทนผลไม้แกมดอกไม้ที่มีความอวลไม้หอมกึ่งโทนอบอุ่นเข้ามาแทนที่ ซึ่งถ้ามองเอาจริงๆ เป็นการต่อยอดมาสร้างโทนกลิ่นที่มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น โดยที่มีความแข็งแรงอวลๆ เป็นตัวเสริมที่สร้างภาพและอารมณ์กลิ่นที่สื่อสารถึงความเป็นฮีโร่หรือผู้กล้าได้ดีและมีเสน่ห์ในทางของตัวเอง โดยยังมีลายเซ็นความเป็นโทน Ambergris แบบสไตล์ Creed ได้ครบถ้วน แม้ว่าจะมีโทนออกทาง Ambroxan แกม Cetalox มาเป็นตัวช่วยมากหน่อยก็ตาม เช่นนั้น ถ้าคาดหวังว่ากลิ่นนี้จะต้องมีลักษณะคล้าย Aventus ของผู้ชายบอกเลยว่า “มีน้อยมาก” แต่มีเอกเทศที่ฉีกออกมาเป็นแนวทางของตัวเอง โดยเจาะที่กลุ่มผู้หญิงแถมมีความทันสมัยเสียด้วย นี่แหละ Aventus for Her ล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ถือเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://creedboutique.com/products/aventus-for-her

 

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2564

Review: Creed - Acqua Fiorentina

Creed - Acqua Fiorentina

ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือที่เรามักได้ยินว่ายุค Renaissance ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงประวัติศาตร์ที่มีัอิทธิพลอย่างมากในแถบยุโรป โดยเฉพาะอิตาลี เพื่อเป็นการฟื้นฟูจากช่วงยุคมืดมาการต่อยอดการพัฒนาทางด้านภาษา วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ นาฏกรรม และภูมิศาสตร์ โดยจะเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 - 16 ซึ่งจุดสูงสุดของยุค Renaissance ต้องยกให้ในช่งศตวรรษที่ 15 - 16 เลย เพราะเป็นดั่งยุคทองที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย และจัดเต็มที่สุดจริงๆ

แน่นอนว่าการเกริ่นจะจบลงแค่นี้เพราะเราไม่ได้มาว่ากันในเรื่องประวัติศาสตร์ แต่จะหันมาที่น้ำหอมของ Creed ที่มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นจากช่วงยุคทองของสมัย Renaissance โดยเน้นไปที่เมืองศูนย์กลางของยุคอย่างฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี แต่ไม่ได้เจาะจงที่ความเป็นเขตเมือง แต่ซูมเข้าไปที่เขตชานเมืองของฟลอเรนซ์เป็นหลัก โดยสื่อสารถึงกลิ่นอายน้ำหอมผู้หญิงวัยใสสไตล์เรเนซองส์ เช่นนั้น จะใสแบบไหนเล่ากลิ่นกันแบบนี้เลยดีกว่ากับรุ่น Acqua Fiorentina

เปิดต้นกลิ่นมาความเป็นกลิ่นโทนผลไม้จะเด่นวูบออกมาเลย แต่ไม่ได้มาแบบผลไม้ใสๆ เพราะเนื้อกลิ่นจะมีเลเยอร์ที่น่าสนใจ 2 โทน คือ สายกลิ่นใสๆ คือ ลูกแพร์กับแอปเปิ้ลที่จะมีความหวานฉ่ำของลูกแพร์เคล้ากับกลิ่นสดชื่นติดแอปเปิ้ลเขียวแต่ไม่ได้ออกทางเปรี้ยว ตามดก้วยกลิ่นออกทางเปรี้ยวหอมแต่มีความนัวและดาร์กติดกรุยกรายเย้ายวนของลูกพลัมที่เป็นตัวรองพื้นให้อยู่ ซึ่งกลิ่นเปิดบอกอารมณ์กลิ่นที่ได้ความเป็นผู้หญิงใสๆ แต่มีความกรุยกรายเซ็กซี่เย้ายวนเนียนๆ แฝงเลยทีเดียว ง่ายๆ กลิ่นมีจริตจะก้านที่ครอบคลุมในความเป็นผู้หญิงสไตล์ยุคเรเนซองค์ที่จะมีความใสๆ ในความหรูหรากรุยกรายแต่แฝงด้วยความมีจริตทางเพศที่เนียนๆ ได้อย่างน่าสนใจมาก

การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะค่อยเป็นค่อยไปพอสมควร และจะเป็นการสลับที่โดยการให้ลูกพลัมมาเป็นตัวยืนหนึ่งแทนที่ ซึ่งจะมีโทนออกทางหอมหวานอมเปรี้ยวเย้าชัดเจนมาก แต่ไม่ได้ไปสายดาร์กเลยทีเดียว เพราะเนื้อกลิ่นยังมีลูกแพร์กับแอปเปิ้ลที่ไม่ได้หนีไปไหนมาตัดทอน โดยเฉพาะลูกแพร์ที่ให้จะอารมณ์กลิ่นติดฉ่ำ Aqua เนียนๆ อยู่แล้ว แถมยังมีตัวสนับสนุนอย่างกลิ่นออกทางกึ่ง Citrus กึ่ง Spicy ปนสมุนไพรติดแห้งหน่อยๆ เข้ามาช่วยด้วยอย่างมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) มาเป็นตัวสร้างอารมณ์กลิ่นที่ให้ความปร่าติดเปรี้ยวขมเนียนๆ ยังไม่พอ ช่วงกลางจะมีลูกผสมที่สร้างมิติหรูๆ กรุยกรายมาเพิ่มจากกุหลาบเนียนรวมเข้ามาด้วย ทำให้มิติกลิ่นจะเด่นที่ความเป็น Fruity Floral ชัดเจนมาก โดยจะเด่นที่ความเป็นพลัมหวานเย้าลึกได้อารมณ์แบบผลไม้สีม่วงแกมกลิ่นกุหลาบอวลมีจริต แต่กลิ่นก็ไม่หนักเกินเพราะมีโทนผลไม้ใสๆ จากช่วงต้นมาตัดและมีกลิ่นออกทางขมปนปร่ามะกรูด+คาร์เนชั่นที่ทำให้กลิ่นมีโทนออกทาง Retro หน่อยๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งช่วงกลางเรียกว่ายาวนานมากเลยทีเดียวกว่าจะจับต้องได้ว่ามีการเปลี่ยนโทนบางส่วนก็เลย 6 ชม. ไปแล้ว ซึ่งช่วงท้ายของกลิ่นโทนลูกพลัมเคล้ากุหลาบยังมีอยู่ แถมยังมีกลิ่นแอปเปิ้ลปลายกลิ่นอยู่นิดหน่อย แต่กลิ่นจะมีความเป็นไม้หอมเนียนแทรกขึ้นมามากขึ้นของไม้ซีดาร์แต่ก็ไม่ได้แย่งซีน ออกแนวเป็นตัวแทรก Subtle ที่สร้างมิติในเนื้อกลิ่นให้มีมิติเรียบหรูมากกว่า และแอบจับต้องถึงกลิ่นแนวๆ Signature ของ Creed ที่เป็นลักษณะแบบคล้าย Ambergris หรืออำพันปลาวาฬหน่อยๆ ด้วยซึ่งมาทำให้กลิ่นมีลักษณะที่หรูหราในความเป็นโทนผลไม้นัวแบบมีระดับ ไม่ได้โฉ่งฉ่าง มีลูกล่อความใสปนความเย้ายวนกำลังดี และมีจริตในเนื้อกลิ่นที่ให้อารมณ์ติด Retro เล็กๆ ได้อย่างน่าสนใจ และมีลายเซ็นแบบสไตล์ Creed ที่หรูหราปนเรียบหรูชัดเจน 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นมีความใสก็จริง แต่มันมีลูกเย้ามีเสน่ห์ดึงดูดของพลัมที่ชัดพอสมควร เลยจะเข้าทางกับการใช้งานแบบที่เน้นกลิ่นที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มีความเย้าซ่อนลึกกำลังดีและมีความหรูหรากรุยกรายให้จับต้องได้เป็นสำคัญ เลยจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการ (แบบที่ไม่ได้ถึงกับรับแขกบ้านแขกเมือง) ใส่ทำงาน หรือทั่วๆ ไปเป็นสำคัญ แต่ให้ข้ามเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีกว่า เนื้อกลิ่นไม่ได้ไปทางสาย Activity เรียกเหงื่อนัก ส่วนยามค่ำคืน ถ้าเพิ่มสเปรย์หน่อยก็ถือว่าเอาไปออกงานหรือสายโรแมนติคได้อยู่ แต่จะเน้นออกทางนิ่งๆ ติดหรูที่มีเสน่ห์มากกว่า 

ความทน - เกินคาด เพราะตอนแรกคิดว่าจะเรื่อยๆ ไม่น่าเกิน 4 - 6 ชม. แต่กลับกลายเป็น 8 ชม. กลิ่นยังอยู่ไม่หนีไปไหน และไปต่อได้อีกถึง 12 ชม. ในการใช้ส่วนตัว เช่นนั้นถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ยของทุกสภาพผิว ก็ใช้ได้ที่ 6 - 8 ชม. ได้สบาย แบบมีเงื่อนไขคือ น้ำหอมต้องไม่ได้ใหม่เกินไป เพราะ Creed ต้องซื้อมาเก็บบ่มกันพอสมควรถึงจะได้ความงามทางกลิ่นที่ชัดเจน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วค่อนข้างคงตัวกันยาวๆ ไปจนถึงราวๆ 2 ชม. ก่อนจะลดลงมาปานกลางกันยาวๆ ไปถึงราวๆ 6 ชม. จะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ แล้วเป็น Skin Scent อีกที เมื่อผ่านราวๆ 8 - 10 ชม. ไปแล้ว 

สรุป - เนื้อกลิ่นทั้งหมดจะให้อารมณ์เหมือนเห็นสาวสวยในชุดสไตล์ Renaissance ออกทางสีม่วงพลัมแบบที่ไม่ได้ถึงกับกรุยกรายเว่อร์วัง แต่มีความเรียบหรูพลิ้วๆ ดูใสๆ แต่มี Sex Appeal ทางเพศสูง ซึ่งถ้าบอกว่ากลิ่นมันพีคและ Unique ไหม อาจจะไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่ากลิ่นมีดีและหรูหราสไตล์ Creed ไหม บอกเลยว่า “ใช่” ไม่กลิ่นไม่ธรรมดาในสไตล์ซ่อนเย้ามีจริตได้ดีเลยทีเดียว  

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://creedboutique.com/products/acqua-fiorentina?variant=32812868173921

 

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Creed - Sublime Vanille

Creed - Sublime Vanille

ถ้าจะพูดถึงกลิ่นอายน้ำหอมสายวานิลลา เรามักจะนึกถึงแต่กลิ่นที่ให้ความอบอุ่นออกทางหวานหอมขนม หรือไม่ก็เป็นโทนแป้งอบอุ่นนวลที่จะให้ความเซ็กซี่ก็ได้ หรือจะบิดไปทางสุขุมนุ่มลึกก็ดี แต่น้อยครั้งที่จะเห็นว่าวานิลลาจะมาในโทนออกทางสดชื่น เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้เป็นโทนที่จะสร้างความสดชื่นได้ง่ายๆ แต่สามารถบิดได้มาเป็นลักษณะของการเป็นโทน Lite Version หรือจะเรียกว่า Soft Vanilla ก็ย่อมได้อยู่ โดยจะมีกลิ่นอายสดชื่นที่เป็นตัวเสริมหลักจนทำให้กลิ่นอายคุมโทนความสดชื่นได้เกิน 50% แม้ว่าปลายทางของกลิ่นจะไม่ได้เป็นโทนสดชื่นเต็มๆ ก็ตาม แต่มันก็จะมาในลักษณะของการเป็นสไตล์ Cologne แทน ซึ่งทำให้พลังในการสร้างความหอมสดชื่นปนหวานมีระดับมันจะด้อยลงไปเอาได้

แต่สิ่งที่เขียนข้างบนดันทำอะไรกลิ่นหนึ่งใน Collection - Les Royals Exclusives ของ Creed ไม่ได้ เพราะสามารถสร้างสรรค์กลิ่นอายวานิลลาสดชื่นได้อย่างเด็ดขาดบาดจิต แถมให้ความหรูหรามีระดับในโทนสว่างนวลแกมอารมณ์มินิมัลก็ย่อมได้ ซึ่งก็กลายมาเป็นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมของแบรนด์ที่ติดลมบนมาตลอด และนั่นก็คือ Sublime Vanille

การเปิดตัวเรียกว่าสร้างกลิ่นอายโทนหอมติดหวานแต่มีความปลอดโปร่งในลักษณะวานิลลาที่เป็นลูกครึ่งระหว่างโทนแป้งกึ่งโทนสดชื่นได้อย่างน่าดูชมและดมกลิ่นมากมาย ซึ่งต้องยอมให้เขาเลยเพราะในความเป็นวานิลลาที่ให้กลิ่นติดแป้งหอมเจือหวานโปร่งจะมีความเป็นโทนเปรี้ยวติดสดชื่นกึ่งขมหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ซ้อนด้วยกลิ่นติดสไตล์ค่อนไปทาง Citrus Cologne ที่มีความสดใสติดฉ่ำกำลังดีเปรี้ยวเจือหวานปลายของเลมอน จะตีคู่ขนานไปด้วยตลอด แบบที่รับส่งกันเป็นอย่างดีจนให้ความรู้สึกสดชื่นเจือหอมหวานนวลมีระดับ แถมแอบมีวูบคล้ายจะเข้าโทนขนมหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แตะเต็มตัว เรียกว่าเป็นการดึงเสน่ห์ของวานิลลาออกมาคลอความสดชื่นได้ลงตัวมากถึงมากที่สุด และบอกเลยว่าสามารถตกให้หลงเสน่ห์ของกลิ่นที่ไม่ได้ซับซ้อนมาก แต่มีความหอมหวานโปร่งนวลที่สว่างสดชื่นแกมเรียบหรูและหรูหรามาเต็ม อารมณ์ผู้ดีมีตระกูลกันมาตั้งแต่เริ่มเลย

จนเมื่อโทนสดชื่นเริ่มเบาลง แต่ยังคงให้ความสดชื่นติดโทนสว่างที่มีความขมแกมเปรี้ยวปร่าซ่านิดๆ ที่ตัดทอนไม่ให้วานิลลาไปสายข้นหวานเกินไป ก็จะเริ่มมีโทนติดเครื่องเทศที่มีความเป็นลูกครึ่งวานิลลากึ่งอัลมอนด์ที่มีความหวาน และมีอารมณ์กลิ่นคล้ายหญ้าแห้งหน่อยๆ ที่อบอุ่นเข้ามาเสริม ซึ่งเป็นลักษณะของถั่วตองก้านั่นเอง ก็ทำให้วานิลลามีความข้นขึ้นมาหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หนัก กลิ่นเลยยังคุมโทนลักษณะแป้งวานิลลาหอมโปร่งเจืออบอุ่นเบาๆ ที่มีความนวลสว่างออกทางสีครีมแกมหวานระเรื่อเจือเนียนๆ โดยมีความสดชื่นมาตัดประปราย กลิ่นจะสร้างความรู้สึกรื่นรมย์ได้อย่างชัดเจน โดยที่ยังคงคุมความหรูหราในเนื้อกลิ่นได้อย่างลงตัวและงดงาม ซึ่งเมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควรก็จะเริ่มรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ชัดขึ้นตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนโทนเท่าไหร่ เพราะโทนติดสดชื่นจากช่วงกลางของ Bergamot ยังไม่ได้หมดฤทธิ์ไปไหน ยังคงเป็นตัวตัดทอนกลิ่นที่ดี โดยที่วานิลลายังคงเป็นตัวเมน แถมเนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทาง Musky ติดออกทาง Musk นุ่มนวล เคล้ากลิ่นที่เป็น Signature หลักของ Creed อย่างอำพันปลาวาฬ (Ambergris) ที่จะให้ความนวลเนียนติดเค็มเบาๆ เสริมให้กลิ่นมีมิติความหอมนุ่มนวละมุนแกมหรูหรามีระดับในเนื้อกลิ่นขึ้นมาทันที เพราะกลิ่นจะมีความนวลเนียนที่พลิ้วมาก แถมมีความหวานระเรื่อจมูกแกมอบอุ่นอ่อนๆ ที่ปลายกลิ่นจะแฝงความสดชื่นติดขมอะโรม่าบางๆ เนียนๆ อย่างมีชั้นเชิงอยู่ตลอด ซึ่งต้องยอมให้เขาเลยว่าช่วงนี้จะให้ความผ่อนคลาย รื่นรมย์ หอมนวลปนหวานละมุนที่มีความเรียบหรูสูงมาก โดยที่ไม่ต้องเยอะสิ่งแต่อย่างใด

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน ได้หมดทุกเพศ วัยตั้งแต่มหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้สบายมาก กลิ่นสร้างอะโรม่าสีครีมขาวหอมนวลแกมสดชื่นที่ให้ความหรูหรายกระดับผู้ใช้ได้สูงมากและชัดเจนในทุกๆ สโตรกกลิ่นจริงๆ เลยเข้าทางการใช้งานแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะใส่ออกกลางแจ้งก็ได้อยู่บ้างในวันอากาศดีๆ แต่ถ้าใส่ออกกำลังกาย อันนี้ข้ามจะดีกว่า เพราะกลิ่นวานิลลาไม่ได้ไปได้ดีกับเหงื่อ ที่สำคัญมันแพง เสียดายน้ำหอม ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานบอกเลยว่าสร้างออร่าความหรูหรามีระดับมีตระกูลกันมาเต็มๆ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี อาจจะไปสู้กับกลิ่นสายแน่นปล่อยพลังได้ยากหน่อย เผลอๆ โดนกลบถ้าไม่ได้เข้าใกล้จนได้กลิ่นจริงๆ 

ความทน - ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ ก็ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ส่วนตัวแล้ว 12 ชม. เป็นเรื่องปกติกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ กลางๆ พลิ้วๆ ไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายถึงลงมาเป็นออร่ารอบๆ กายที่สร้างความนวลละมุนมินิมัลแกมหรูมีระดับกันไปจนกว่าจะจางไปตามกาลเวลา

สรุป - หนึ่งในกลิ่นวานิลลาสายโปร่งติดสดชื่นที่ทำออกมาได้อย่างงดงามมากอีก 1 กลิ่น เพราะกลิ่นนอกจากให้อะโรม่าของวานิลลาแกมนวลหวานโปร่งที่สร้างความรื่นรมย์แล้ว สำหรับผู้เขียนเองนี่คือ Knight of Elegance ที่เป็นเหมือนองครักษ์ประจำตัวทางกลิ่นที่สร้างออร่าความหรูหรามีระดับและสง่างามในการเป็นมินิมัลสไตล์ให้ความน้อยแต่มากได้อย่างยอดเยี่ยม ลูกรักเลยล่ะกลิ่นนี้ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.creedboutique.com/US/fragrance/re-sublime-vanille/75ML

 

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2563

Review: Creed - Original Santal

Creed - Original Santal

เพราะ Creed ทำน้ำหอมผู้ชายออกมาส่วนใหญ่จะให้อารมณ์ที่มีความเป็นคุณชายเป็นพื้นฐานเสมอไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม ซึ่งต่างก็มีความดีงามและเป็น Top Hit ติดลมบนมาอย่างยาวนานและน่าจะยาวต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีพื้นฐานของการเป็น Daily Scent ที่ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย โดยยังมีมาดมีคลาสอยู่ตลอด แล้วถ้าจะต้องหันมามองว่ามี Creed กลิ่นไหนที่ให้อารมณ์คุณชายอยู่แล้ว แต่เสริมเอาความลั่นล้าและเจ้าเสน่ห์ที่นอกจาการเป็นโทนใช้กลางวันที่ดีแล้ว ยังเป็นโทนที่ใส่ไปเรียกเรตติ้งช่วงกลางคืนได้อย่างลงตัวอีกด้วยล่ะ

ก็ต้องหันมามองที่รุ่นนี้เลย Original Santal ที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นจากไม้จันทน์หอมจากแดนอินเดีย ซึ่งจะตอบโจทย์ความเป็นเจ้าเสน่ห์อย่างไรนั้น ว่ากันได้ตามนี้เลย

เปิดตัวกลิ่นด้วยโทน Fresh Spicy ของขิงที่จะเด่นออกมาให้ความปร่าติดเผ็ดเจือหวานปลายกลิ่นที่จะมีกลิ่นติดอับแบบสไตล์พืชที่เป็นหัวเหง้าใต้ดินเล็กๆ ให้จับต้องได้ในความเป็นธรรมชาติของกลิ่น และจะมีกลิ่นปร่าเผ็ดคมหน่อยๆ ของเม็ดผักชีเจือความเขียวกึ่งซ่าออกแนวโทนคล้ายเหล้าจินหรือจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่เป็นตัวเสริมให้กลิ่นมีความคมขึ้นมาอีกระดับ แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงเพราะเนื้อกลิ่นมีโทนเครื่องเทศติดโทนอุ่นหวานอย่างอบเชยเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งพออบเชยมาเจอกับกลิ่นสาย Citrus อย่างเลมอน บางวูบจะได้โทนกลิ่นติดโทนผลไม้ที่กึ่งราสเบอร์รี่ที่ค่อนข้างชัดเลยทีเดียว โดยที่จะมีกลิ่นเปรี้ยวติดหวานปลายกลิ่นของเลมอนสอดรับให้มิติความสดชื่นในเนื้อกลิ่นติดกรุ้มกริ่มแบบมีระดับ ได้ความรู้สึกสีแดงแบบเรียบหรูมีระดับติด Nice ในเนื้อกลิ่นมาชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นเลย

จนเมื่อผ่านไปไม่นานช่วงกลางก็มาและจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นติดนวลสะอาดมีความปร่ากึ่งสมุนไพรเล็กๆ ของลาเวนเดอร์ที่จะเสริมเข้ามาให้พื้นกลิ่นมีความนวลหอมมีเสน่ห์ติดผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับโดดจนกลายเป็นอะโรมาเธอราพีมาจากไหน เพราะกลิ่นสายแต่แน่นอนว่าเลเยอร์ช่วงบนของกลิ่นจะยังมาครบทุกอย่าง และมีพรรคพวกสายปร่าติด Spicy เข้ามาร่วมด้วยอีกหนึ่งโทนนั่นคือ เพพเพอร์มินต์ ที่จะได้อารมณ์กึ่งมินต์เขียวกึ่งพริกไทยหน่อยๆ ที่สร้างความปร่าเย้าดึงดูดกำลังดี และมีความซ่าที่ผนวกเข้ากับกลิ่นมินต์ได้ดีเข้ามาเสริมอย่างกลิ่นโทนจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่ให้อารมณ์แบบเหล้าจินปร่าติดเขียวเนียนๆ ในเนื้อกลิ่น ทำให้กลิ่นจะได้อารมณ์กึ่งฟรุตตี้ที่มีความหวานโปร่งออกแนวเครื่องดื่มสีแดงเล็กๆ ที่มีความาปร่าซ่าเจืออบอุ่นติดหวานแหลมเล็กๆ เป็นเลเยอร์กลางเชื่อมกับความนวลเย้าเจือสะอาดมาดคุณชายที่รองพื้นกลิ่นอยู่ ซึ่งกลิ่นจะได้อารมณ์ออกทางเซ็กซี่เย้ายวนแบบมาดดีปนลั่นล้าได้อย่างลงตัวมาก จนเมื่อจับต้องกลิ่นโทนไม้หอมที่ออกทางนวลติดจืดหอมหน่อยๆ พระเอกของงานก็มาแล้วกับไม้จันทน์หอมที่จะเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันสร้างความดึงดูดปนเย้ายวนออกทางติดสว่างมีระดับเข้ามา และก็เป็นตัวที่เปิดทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่เรียกว่ายังคุมโทนได้ดีในความ Aromatic ของกลิ่นที่มีความอวลกำลังดี และจับต้องได้ถึงกลิ่นแนวอบอุ่นเนียนๆ อยู่ได้ตลอดจากโทนกลิ่นแนวถั่วตองก้าบีนที่ให้โทนกึ่งวานิลลากึ่งเชอร์รี่ปนยาสูบที่แอบมีอบเชยตามมาหน่อยๆ ปลายกลิ่น โดยจะมีกลิ่นไม้หอมขรึมๆ ปนจืดหอมนวลจืดที่เป็นลูกผสมระหว่างไม้ซีดาร์และไม้จันทน์หอมมาเป็นลูกค่สร้างอร่าที่มีระดับและมีเสน่ห์เย้ายวนแบบมีมาด และที่สำคัญจะหนีไปไหนไม่ได้ Signature ของ Creed จะต้องมีความนวลเนียนติดเค็มบางๆ มีเสน่ห์ของกลิ่น Ambergris หรืออำพันปลาวาฬที่มีคุณภาพดีรองพื้นให้ความเย้าอวแบบผิวกายติดเค็มตามธรรมชาติอ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย โดยทั้งหมดจะชูโรงกลิ่นไม้จันทน์หอมให้เด่นออกมาพอสมควรแบบได้กลิ่นเป็นความรู้สึกแรกแล้วจะตามด้วยความอวลเจือปร่าอ่อนๆ เคล้ากลิ่นผลไม้จางๆ ให้ความรู้สึกเจ้าเสน่ห์แบบมีระดับ โดยคุมโทนสีออกทางแดงที่ปล่อยเสน่ห์แต่มีความนวลเนียนรองพื้นให้รู้สึกได้ ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นคลอผิวกันยาวๆ ไปในการเป็น Original Santal ที่สร้างออร่ากลิ่นสายกรุ้มกริ่มแบบคุณชายได้ลงตัวมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใส่ตัวนี้ได้แล้ว เนื้อกลิ่นแม้จะมาสายเย้ายวนติดกรุ้มกริ่มแต่ก็ไม่ทิ้งมาดคุณชายสาย Nice ที่เป็นออร่ากลิ่นในสไตล์ Creed แต่อย่างใด ซึ่งกลิ่นนี้เรียกว่าครอบจักรวาลพอสมควรในการใช้งานช่วงกลางวัน ไม่ว่าจะใส่แบบทางการหน่อยๆ ออกงาน หรือใส่ทั่วๆ ไปได้หมด จะมีก็แต่ออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ แบบสาย Adventure ที่จะไม่เข้าทาง ที่สำคัญกลิ่นนี้เข้ากับการใส่ยามกลางคืนได้ดีมาก เพราะดึงดูดความสนใจได้ดีไม่พอ ยังให้ออร่ามีระดับได้ดีจริงๆ

ความทน - ลงตัวที่พื้นฐานกับ 8 ชม. สบายมาก แถมยังลากยาวไปต่อได้อีก ซึ่งส่วนตัวเจอสูงสุดถึง 12 ชม. ได้สบายมากกับการใช้ที่ 5 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แต่ไม่ได้บาดหนักหน่วงเพราะมีความสมดุลย์ในเนื้อกลิ่นที่ลงตัวมาก แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางกันยาวๆ ไป จนถึงช่วงท้ายที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนเมื่อพ้นซัก 10 ชม. จะลงมาเป็น Skin Scent ในที่สุด

สรุป - แน่นอนว่าตัวนี้ถือเป็นน้ำหอมสายกลิ่นอายกรุ้มกริ่มเย้ายวนที่มีสไตล์คุณชายรองพื้นที่ดีอีกหนึ่งกลิ่นในความเป็น Creed ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพกลิ่นมีความดีงามสมฐานะ แต่ถ้ามองในแง่ราคาที่อาจจะแตะเพดานสูงไป ตัวเลือกที่ใกล้เคียงอย่างเช่น Montblanc - Individuel ก็สามารถเป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยเหลือในเรื่องการเงินได้ เพียงแต่กลิ่นอาจจะไม่ได้นวลเนียนหรูหราเท่ากับ Creed ก็เท่านั้นเอง

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://creedboutique.com/products/original-santal


 

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: Creed - Viking

Creed - Viking 

หลังจากที่ Aventus ประสบความสำเร็จมหาศาลมาก จนทำให้ Creed เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมมากๆ ในผู้ผู้ใช้น้ำหอมทั้งใหม่และเก่า จนเรียกว่ากลายเป็นหนึ่งในกลิ่นอายมหาชนที่มีตัวคล้ายเกิดขึ้นเพื่อเจริญรอยตามความสำเร็จอย่างมากมาย และแม้ว่า Creed จะออกน้ำหอมชายมาใหม่อีกกี่รุ่นตามหลังก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนเทียบเท่า Aventus ได้ง่ายๆ เลย และได้มาถึงน้ำหอมชายรุ่นล่าสุดอย่าง Viking ที่เกิด
กระแสขึ้นอย่างมากก่อนจะออกใหม่ว่าจะเป็นหนึ่งในตัวหลักของแบรนด์ได้หรือไม่ในด้านของกลิ่น เช่นนั้นเมื่อวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2017 และได้ทดลองใช้มาพอสมควร ในด้านของกลิ่นก็สามารถเล่าออกมาได้แบบนี้ว่า 

เปิดต้นกลิ่นมาด้วยความเป็นโทน Citrus ที่ติดสว่างปนกลิ่นอายเย็นๆ กันก่อนเลย ซึ่งกลิ่นของเลมอนที่ให้ความเปรี้ยวสว่างและติดหวานปลายกลิ่นจะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นก่อนใครเพื่อน แต่กลิ่นจะไม่ได้แหลมคมแต่อย่างใด เพราะในเนื้อกลิ่นจะมีความเปรี้ยวขมปนเขียวติดโทนแห้งที่มีโทนปร่าอ่อนๆ ติด Spicy ตามขนบโทนกลิ่นมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และจะมีความเป็นโทนอะโรม่าเจือความปร่าอ่อนๆ เย็นๆ ติดโทนกุหลาบ รวมถึงจับต้องความเป็นโทนสมุนไพรอ่อนๆ ที่สร้างความอะโรม่ากำลังดี ทำให้กลิ่นเปิดจะเป็นโทนสดชื่นติดเรียบหรูปนสะอาดที่มีระดับกันก่อนเลย รวมถึงสื่อสารได้ชัดถึงกลิ่นอายแบบสุภาพบุรุษที่คาบเกี่ยวระหว่างโทน Classic กับ Modern และค่อนไปทางสาย Barber Shop Scent ชัดเจน แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายติดโทนเค็มๆ ติดอวลไม้หอมแห้งๆ หน่อยๆ ที่แฝงในเนื้อกลิ่นในสไตล์ของโทนกลิ่นของสารหอม Ambroxan แต่ไม่ได้โดดหรือเด่นออกมาจนโจ่งแจ้ง ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการสร้างอัตลักษณ์ได้ดีในการบอกถึงการเป็น Viking ที่มีความเกี่ยวข้องกับทะเลได้อยู่ 

เพียงไม่นานกลิ่นจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนแต่เชื่อมต่อทอเป็นผืนเดียวกันกับช่วงต้นได้เป็นอย่างดี โดยที่ผู้เล่นหลักจะเปลี่ยนเป็นโทน Icy เย็นๆ ซ้อนกับกลิ่นนวลปร่านุ่มปนกลิ่นออกทางทะเล แต่ยังมีความอะโรม่าปนสดชื่นสะอาดที่สร้างความเป็นสุภาพบุรุษในเนื้อกลิ่น ซึ่งโทน Citrus ตอนต้นจะยังตามมาแต่ผ่อนลงมากลายเป็นผู้สนับสนุนรองที่สร้างความสดชื่นเรียบหรูอยู่ในกลิ่นต่อเพียงแต่ความเป็นเลมอนจะหายไปคงเหลือแต่ Bergamot ที่ชัดเจนและเป็นตัวเชื่อมโทนที่ดีมากกับสาย Fresh Spicy เย็นๆ ที่มาจากมินต์ที่จะมีทั้งความเขียวปร่าโล่งจมูกในสายสมุนไพรที่เด่นขึ้นมาพร้อมกับความปร่านุ่มของโทนพริกไทยที่เป็นตัวรองพื้นสร้างออร่าความสะอาดนวลปร่าแต่ไม่แน่นปนกับความปร่าอวลไม้หอมแห้งและโทน Ambroxan ที่ให้ความเค็มนวลบางๆ ในกลิ่นสร้างความเป็นโทนคล้ายผิวกายติดเค็มอ่อนๆ ตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี โดยที่จะมีตัวสร้างอะโรม่าให้เนื้อกลิ่นจากกลิ่นกุหลาบที่ไม่ได้มาแบบแห้งๆ หรือว่าใสหวาน แต่จะคุมโทนออกทางสบู่ติดกุหลาบนวลอ่อนเจือโทนนวลค่อนไปกึ่งสมุนไพรปนอะโรม่าของลาเวนเดอร์ที่เนียนๆ อยู่ในกลิ่น และเมื่อลาเวนเดอร์เจอกับพริกไทยและ Citrus จะได้ลักษณะโทนกลิ่นที่บางวูบเป็นทะเลหน่อยๆ เข้ามาด้วย ซึ่งช่วงกลางนี้จะได้ภาพรวมของกลิ่นออกทาง Icy ติดทะเลเย็นๆ กับความเป็นสุภาพบุรุษสะอาดมีระดับเรียบหรูร่วมสมัยได้ชัดเจนมากและจะยาวไปจนถึงช่วงท้ายกลิ่นที่จะเริ่มเป็นกลิ่นอายสายไม้หอมที่มีความสะอาดนวลและมีความแห้งในระดับหนึ่งที่มาจากไม้จันทน์หอมและหญ้าแฝก คุมโทนกลิ่นด้วยโทนอวล Ambroxan อ่อนๆ และมีความเป็นโทนสดชื่นจากสายสมุนไพรที่ให้ความเขียวสะอาดกลางๆ กำลังดี โดยจะจับต้องได้ถึงกลิ่นลาเวนเดอร์และพิมเสนที่ให้ออร่าติดโทน Classic สุภาพบุรุษให้กับเนื้อกลิ่น ทำให้เลเยอร์การรับกลิ่นจะผสมผสานกันจับต้องได้ถึงความสะอาดติดสดชื่นอ่อนๆ ไปสู่กลิ่นอายนวลไม้หอมติดเค็มผิวกายบางๆ โดยกลิ่นอายจะมีโทนเย็น Icy ประปรายแบบลงตัว มีระดับ และคุมโทนสุภาพบุรุษได้ดีตั้งแต่ต้นยันท้ายได้อย่างสมดุลย์เลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แล้ว เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้มาสายเรียกเรตติ้งแบบ Aventus แน่นอน ออกแนวมาสายคุณชายสุภาพบุรุษมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ที่เรียบหรูกำลังดีเสียมากกว่า แบบหวีผมเรียบแปล้ด้วย Pomade แต่ตัวเรียบร้อยดูสะอาดสะอ้าน แต่มีกิมมิคจากกลิ่นแนว Icy ทะเลอ่อนๆ อะไรประมาณนี้ ซึ่งใส่ได้แบบกวาดหมดเสียด้วยในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เพราะกลิ่นมีโทนที่ครอบคลุมการใช้งานได้ดีมาก ขนาดใส่ออกกำลังกายยังได้เลย (แต่มันแพงนะ เปลือง) ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อออกงานหรือทั่วๆ ไปจะดีกว่า ตัดทิ้งการใส่ไปท่องราตรีเต้นรากแตกได้เลย โดนกลบแน่นอน 

ความทน - ลงตัวที่ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน ส่วนจะมากกว่านี้หรือไม่ ก็ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางซักระยะก่อนเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป คุมโทนกลิ่นอายสุภาพบุรุษได้เป็นอย่างดีเลย 

สรุป - ถ้าเอา Viking มาเปรียบเทียบเรื่องความหอมกระชากใจและมีความว้าวหรือไม่กับ Aventus บอกเลย ยังไง Viking ก็แพ้ ซึ่งถ้าคาดหวังจะให้ปังและโดดเด่นจัดๆ ก็คงจะผิดหวังกันไป แต่ถ้ามองพิศและมองลึกลงไป กลิ่นนี้มีความเป็น Creed ที่ร่วมสมัยที่มีดีในตัวเองสูง โดยแฝงเอาโทนกลิ่นที่เป็นเทรนด์ของน้ำหอมยุคนี้อย่าง Ambroxan มาผสมผสานเนียนๆ และคุมโทนมีระดับและความเป็นผู้ดีในเนื้อกลิ่นที่เจริญรอยตามกลิ่นอายสายสุภาพบุรุษแนวเดียวกับ Green Irish Tweed หรือตัว Unisex อย่าง Royal Water ก็ยังได้เลย เช่นนั้น ไม่ใช่ Viking ไม่ดีแต่แค่ไม่ได้มาในรูปแบบที่ปังและเอาใจคนชอบสไตล์ Aventus ก็เท่านั้นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/news/Creed-Viking-9928.html


วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Review: Creed - Original Vetiver

Creed - Original Vetiver

เวลาที่เราได้กลิ่นหญ้าแฝกจากน้ำหอมมักจะมีหลากหลายโทนให้จับต้องและแตกต่างกันไปตามแต่ละ Concept ที่จะสื่อสารผ่านกลิ่นไม่ว่าจะฉ่ำสดชื่นสะอาดติดกลิ่นดินเปียก กลิ่นออกทางไม้แห้งจัดๆ กลิ่นออกทางถั่วหน่อยๆ หรือจะเป็นกลิ่นออกทาง Smoky ติดขมลึก และอื่นๆ มันมีเสน่ห์มากเลยทีเดียวกับการใช้ลูกเล่นกลิ่นที่ควรจะเป็นตามโทนที่บิดไปได้ โดยยังคงการเป็นโทนกลิ่นที่ออกทาง Woody Earthy ได้อย่างดีไม่มีผิดเพี้ยน 

แต่มีอีกหนึ่งโทนที่หญ้าแฝกสามารถไปได้ นั่นคือ กลิ่นโทนติดเขียวปนขมสดชื่น ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่เอากลิ่นอายลักษณะนี้มาสื่อสารผ่านน้ำหอมของแบรนด์นั่นก็คือ Creed ซึ่งก็ขึ้นชื่อเรื่องการทำกลิ่นอายสไตล์ผู้ดีและหรูหรามีระดับเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เช่นนั้น กลิ่นอายของหญ้าแฝกที่ Creed จะเอามาสื่อสารจะเป็นอย่างไร ก็ว่ากันที่รุ่นนี้เลย Original Vetiver 

Top Notes ว่ากันเต็มๆ ที่การเป็นโทน Citrus ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เจือความฉ่ำเปรี้ยวอมหวานของส้ม ที่จะมีโทนเขียวเจือดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ (Neroli) และมีกลิ่นโทนเผ็ดหวานปร่าอ่อนๆ ของขิงเข้ามาเสริม ซึ่งช่วงต้นกลิ่นจะมีความคมเคล้ากลิ่นอายติดโทนสบู่ปน Citrus เขียวๆ ซึ่งบางวูบอาจจะทำให้นึกถึงสบู่นกแก้วอยู่บ้าง แต่เพราะโทนที่ได้ที่รับมีความสดชื่นและเป็นธรรมชาติ คม Citrus ติดเขียวสดชื่น ตามด้วยปร่าค่อนไปทางนวลสบู่หรูๆ ที่มีระดับเลยจะได้ความรู้สึกแบบสบู่เจือเขียวคมกำลังดี มีความสดชื่นและสะอาดเป็นที่ตั้ง แต่เพียงไม่นานกลิ่นเริ่มจะมีตัวเอกหลักอย่างหญ้าแฝกเสริมขึ้นมา ให้ความเป็นกลิ่นอายติดขมปนถั่วหน่อยๆ ซ้อนอยู่กับโทนเขียวออกทางหญ้า กลิ่นมีความดิบอ่อนๆ ให้ดูน่าค้นหา รวมถึงมีกลิ่นโปร่งๆ นวลเชื่อมโทนของไม้จันทน์หอมที่นวลกำลังดี พร้อมกับจับต้องได้ถึงกลิ่นอายที่ทำให้เกิดโทนสบู่มากขึ้นอย่างดอกไอริสที่ให้ความเป็นแป้งอ่อนๆ เบาๆ และกลิ่นนวลๆ เนียนๆ ติดอบอุ่นปนเค็มบางๆ ที่น่าจะเดาได้ไม่ยากคือ Ambergris แต่กลิ่นจะไพล่มาทางฉ่ำมากกว่าจะเป็นโทนแป้งเลยเป็นลักษณะแบบโทนสบู่ที่คลอไปกับกลิ่นที่ตามมาจากช่วงต้นอย่างโทน Citrus และกลิ่นสไตล์ดอกส้ม พร้อมกับกลิ่นขิงที่เสริมโทนให้กลิ่นมีความปร่าเจือหวานอ่อนๆ ไปตลอด ทำให้ช่วงกลางจะกลายเป็น 2 เลเยอร์มิติกลิ่นที่จับต้องได้เลยนั่นคือ หญ้าแฝกที่มีความเขียวปนขมกับสบู่นวลๆ ปนสดชื่นติดหวานปลายอ่อนๆ แบบโทนสบู่ระเรื่อผิว 

เมื่อกลิ่นดำเนินไปซักระยะ ความเป็นหญ้าแฝกเริ่มจะลดทอนความเขียวติดขมลงมากลายเป็นโทนเขียวสบายๆ ที่ติดสดชื่นปนสะอาด กลิ่นจะมีโทนนวลนุ่มๆ ของ Musk ปนอบอุ่นแบบผิวกายติดเค็มอ่อนๆ ของ Ambergris ที่ให้ความเนียนปนหรูหราในเนื้อกลิ่น โดยทั้งหมดจะผสมผสานกันเป็นกลิ่นอายสดชื่นบางๆ ติดเขียวอ่อนๆ ติดนวลรองพื้นที่มีระดับและมีพื้นฐานกลิ่นจะเป็นโทนสะอาดชัดเจน ภาพรวมของน้ำหอมรุ่นนี้เลยจะได้ความเป็นหญ้าแฝกที่ให้ความเขียวขมแบบติดสะอาด สบาย และผ่อนคลาย โดยแตะได้ทั้งความเป็น Classic ก็ได้ Modern ก็ดี เข้าทางการเป็นหนึ่งใน Timeless Scent ได้เลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - มีความเป็น Unisex ที่ได้หมดทุกเพศ เพราะพื้นฐานของกลิ่นมีความสะอาด แม้กลิ่นก็จะค่อนไปทางผู้ชายมากกว่านิดหน่อย แต่ยังไงผู้หญิงก็ใส่ได้สบายมาก ซึ่งกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ใส่เถอะยังไงก็รอด แถมมีคลาสมากเสียด้วย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อสร้างออร่าสะอาดๆ เรียบหรู มีระดับ ยิ่งถ้าวันอากาศร้อนๆ จะช่วยให้สดชื่นได้ แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรี บอกเลยโดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - กลิ่นทนลงตัวตามสไตล์ของน้ำหอม Creed ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ราวๆ 12 ชม. กำลังดี กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น คมหน่อยนึงแต่ไม่บาด เพราะมีโทนสบู่นวลๆ เขียวเสริมอยู่ แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ พอเข้าช่วงท้ายจึงกลายเป็นออร่ากลิ่นสะอาดติดหญ้าแฝกเบาๆ พ้นไปซัก 8 ชม. จะกลายเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - อีกหนึ่งในกลุ่ม #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ของ Creed เน้นที่สายหญ้าแฝกเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญแม้ว่ากลิ่นนี้จะมีความคล้าย Mugler Cologne อยู่พอสมควร แต่แตกต่างกันชัดเจนทั้งโทนกลิ่นที่จะคมกว่าแต่สะอาดนวล ปล่อยของกำลังดี และอารมณ์กลิ่นที่สะอาดปนสดชื่นเรียบหรูวางตัวดีนั่นเอง ก็สมกับแบรนด์เขาน่ะนะ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.creedfragrances.co.uk/mens-fragrances/original-vetiver#selection.size=100ml

วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Review: Creed - Royal Mayfair

Creed - Royal Mayfair 

เมื่อปี 1936 Creed ได้ทำน้ำหอมขึ้นมาเพื่อให้กับ King Edward VIII ของอังกฤษ กับชื่อว่า Windsor ซึ่งหลังจากผ่านมานานแสนนานก็ได้มีการทำออกมาอีกครั้ง กับการเป็น Limited Edition เมื่อปี 2009 เข้าสไตล์การทำให้เป็นของหายากต้องเก็บสะสมกันเข้าไป เมื่อผ่านช่วงเวลามาอีกก็ได้เวลาของการเอามาทำใหม่คราวนี้เอามาเป็นรุ่นหลักของแบรนด์ไปเลยไม่ต้องจำกัดอะไรแล้ว แต่ก็เปลี่ยนชื่อรุ่นกันเพื่อให้มีความแตกต่างบ้างนั่นก็คือ Royal Mayfair เพื่อให้มีความหรูหราจัดเต็ม ดังนั้นได้เวลาพิสูจน์แล้วสินะว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไร 

บอกก่อน - เพราะไม่เคยได้ลองรุ่น Windsor เช่นนั้นจะไม่สามารถเทียบได้ถึงความแตกต่างหรือความดีงามในแต่ละช่วงได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

Top Notes เปิดตัวกันด้วยกลิ่นอายของเหล้าจินที่มีความเขียวติดไม้หอมสะอาดๆ ของสนไพน์ที่วูบเข้ามา แต่ในวูบนั้นจะจับได้ถึงกลิ่นติด Spicy เขียวๆ แนวๆ การบูรที่จะได้อารมณ์แบบไม้กลิ่นของใบยูคาลิปตัวและเวลาเราขยี้ดม ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งการผสมผสานกันในช่วงนี้ บางคนอาจจะรับรู้แตกต่างกันไป (จากการสอบถาม) เพราะบางคนได้ความรู้สึกแบบหมากฝรั่งยูคาลิปตัส บางคนบอกว่ากลิ่นหมือนยางติดเขียวซ่า บางคนบอกว่ากลิ่นธรรมชาติเหมือนเดินเล่นในป่าที่มียูคาลิปตัสและสนไพน์เต็มไปหมด ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์การรับกลิ่นด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้ต้องยอมรับเลยว่ากลิ่นมีความเป็นธรรมชาติ เรียบนิ่งได้ดีมากเลยทีเดีย 

เพียงไม่นานก็จะพิสูจน์ชัดกันขึ้นไปกว่าเดิมว่า ยูคาลิปตัส สนไพน์ และเหล้าจินยังคงความเป็นตัวเอกอยู่ และจะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลย โดยใน Middle Notes กลิ่นจากช่วงต้นจะมีกลิ่นอายที่นวลมากขึ้นจากกลิ่นอายของกุหลาบ และกลิ่นอายของมะลิที่หอมใสๆ เข้ามาผสมผสาน กลิ่นจะได้ความสะอาดนวลๆ ติดไม้หอมมมีความเรียบหรูดูดีธรรมชาติแบบยาวไป จนเข้า Base Notes กลิ่นอายซึ่งความเป็นยูคาลิปตัสกับไม้หอมติดสะอาดที่มีกลิ่นไม้ติดขรึมๆ ของซีดาร์มาให้รู้สึกได้ และมีกลิ่นซิตรัสบางๆ ที่เหมือนจะหายไปในช่วงกลางกลับมาในช่วงนี้แบบแนวๆ ติดขมเล็กๆ ให้มีความสดชื่นผสมผสานในเนื้อกลิ่นอย่างลงตัว ได้อารมณ์แบบนั่งชิลล์ในป่าที่กลิ่นไม้กลั้วยูคาลิปตัสมีกลิ่นเขียวซ่าบางๆ ของเหล้าจินแต่จับได้อย่างชัดเจนลอยตามอากาศให้ความสดชื่นและสบายๆ มาเลย ภาพรวมจึงเป็นลักษณะที่ให้ความเป็นหรูหราเป็นธรรมชาติของกลิ่นอายไม้หอม กลิ่นยูคาลิปตัส และความสดชื่นแบบเรียบนิ่งมีระดับเป็นสำคัญนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ได้หมดเลยเพราะเป็น Unisex แต่ว่าค่อนมาทางผู้ชายมากกว่าหน่อยประมาณ 60% เพราะความเป็นโทนไม้หอมเด่น แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนชอบกลิ่นแนวๆ เขียวสะอาดสนไพน์เจือกุหลาบใช้เถอะ ยังไงก็หอม ซึ่งจะเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย เรียกวาใส่ได้หมดครอบจักรวาลมาก โดยเฉพาะ แต่ถ้าจะเอาไปใส่เพื่อออกกำลังกายอันนี้ก็แอบคิดว่ามันแพงไปนะ เปลือง -____-” ส่วนยามค่ำคืนถ้าอากาศร้อนๆ หรือใส่แบบทั่วไปจะดีกว่า กลิ่นไม่ได้มาสายเย้ายวนเลย ออกแรวเรียบหรูธรรมชาติ จึงไม่เหมาะกับการใส่เพื่อไปเต้นเด้งเอวเคล็ด หรือว่าหาเหยื่อแน่นอน #นก เต็มๆ บอกเลย 

ความทน - ไม่ให้เสียชื่อ Creed สิ เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ไม่หนีไปไหน และลากยาวไปได้นานถึง 12 ชม. สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนละลดลงมากระจายแบบปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ถ้าคาดหวังความหรูหราแบบกลิ่นอลังการดาวล้านดวงใส่แล้วเป็นคุณชายคุณหญิงอะไรขนาดนั้น เกรงว่าอาจจะผิดหวัง ให้มองว่า Royal Mayfair เป็นกลิ่นที่มีความเรียบหรูและธรรมชาติน่าจะง่ายกว่า ซึ่ง Creed ทำได้ดีจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - https://www.creedboutique.com/229-467-thickbox/royal-mayfair.jpg

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Creed - Acqua Originale: Iris Tubereuse

Creed - Acqua Originale: Iris Tubereuse

ปิดท้ายการ Review แบบต่อเนื่องกับแบรนด์ Creed ด้วยไลน์ Acqua Originale กับการหากันจนเจอ หลังจากที่ผ่านไปแล้วทั้งหมด 4 ตัวก่อนหน้านี้ เช่นนั้นมาว่ากันซักหน่อยว่ารุ่นนี้จะเป็นอย่างไรบ้างกับ Iris Tubereuse

ความรู้สึกที่จับได้เต็มๆ คือ ดอกซ่อนกลิ่นจะเด่นกันตั้งแต่ช่วง Top Notes โดยจะเหมือนเป็นกลิ่นหลักแบบยาวไปจนถึงช่วงท้าย ซึ่งในช่วงแรกจะได้รับความเป็นดอกซ่อนกลิ่นครีมมี่ติดธรรมชาติที่ออกทางเขียวโปร่ง ซึ่งกลิ่นอายจะหอมนวลอมหวานไม่ได้ออกทางครีมข้นคลั่กแต่ประการใด แถมมีโทนซิตรัสจางๆ จากส้มให้พอรู้สึกได้แต่มาเพียงแว้บเดียว เพียงไม่นานก็เข้าสู่ Middle Notes ที่ดอกซ่อนกลิ่นจะมีกลิ่นอายครีมมี่หอมนวดติดสดชื่นกำลังดี มีความหวานแบบดอกไม้ที่มีความเขียวโปร่งอ่อนๆ เสริมเข้ามา ได้ลักษณะของกลิ่นอายดอกไม้สีขาวติดเขียวผสมโทนแป้งอ่อนๆ ล้อมด้วยความสดชืิ่นนุ่มนวลอ้อยอิ่งอย่างลงตัว และมีระดับหรูหราแบบที่ไม่หนักหน่วงใดๆ มีความอ่อนโยนและนวลจมูกไปตลอด จนเมื่อ Base Notes เข้ามาทำหน้าที่ กลิ่นอายของดอกซ่อนกลิ่นจะเริ่มมีความเป็นแป้งดอกไม้ขาวชัดเจน มีความนุ่มของ Musk ที่จะมาเป็นตัวรองพื้นติดผิวให้ความสะอาดนวลและมีโทนอบอุ่นจางๆ ให้รู้สึกได้มาเสริม กลิ่นในช่วงนี้จะมีความเป็น Airy ที่เบาๆ ผสมผสานซึ่งมาจาก Iris ที่เรียกว่ามาแบบผลุบๆ โผล่ๆ และเบาบาง เลยทำให้ได้ความรู้สึกแบบครีมมี่หอมนวลลอยมาตามลมแบบอากาศนวลไปด้วยกลิ่นอายแป้งหอมจากดอกไม้สีขาวที่หรูหราและมีระดับนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นหอมนวลจมูกแบบครีมมี่ของซ่อนกลิ่นที่ไม่ได้มาสายหลอนแบบไทยจ๋าๆจะปลื้มตัวนี้ได้ไม่ยาก โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่งดใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายยินดีกับเหงื่อนัก ส่วนยามค่ำคืน ถ้าออกงานหรือใส่ยามสบายๆ ที่อากาศกำลังดี เพื่อสร้างความหอมนุ่มนวล ให้มีความโรแมนติคติดกลิ่นอายธรรมชาติก็จัดได้สบายมาก แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปเต้นเด้งจ้ำบ้ะแต่ประการใดเพราะกลิ่นเรียบร้อยเกินกว่าที่จะแรงแบบจัดเต็มหาเหยื่อ 

ความทน - มากกกกกก เรียกว่า 8 ชม. คือพื้นฐานของน้ำหอมตัวนี้ ซึ่งจะมากหรือไม่นั้นอิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายแบบปานกลางไปเรื่อยๆ แบบไม่หนักหน่วง แล้วปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบนวลๆ ไปตลอด 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าเป็นกลิ่นอายที่มีความครีมมี่และมีความเป็นธรรมชาติในเนื้อกลิ่นค่อยๆ ผันมาเป็นกลิ่นอายโทนแป้งหอมนวลเคล้าผิวกายได้ลงตัวมาก แม้ว่าจะไม่ได้แตะคำว่า Acqua อะไรนักก็ตาม 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  https://perfumowyblog.files.wordpress.com/2014/08/creed-iris_tubereuse.jpg

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Creed – Jardin d’Amalfi

Creed – Jardin d’Amalfi

ได้เวลามาสู่ความเป็น Royal Exclusives กับ Creed กันบ้างแล้ว ซึ่งไลน์นี้เรียกว่าราคาขั้นสุดมาก แถมขวดสวยทั้งแบบขนาด 75 ml ที่เคลือบทองมาเชียว หรือขวด 250 ml ที่สวยแบบหรูหราได้ใจมาก กับกลิ่นอายที่ต้องมาพิสูจน์กันว่าจะบ่งบอกถึงความหรูหราขาดใจได้มากแค่ไหน หรือจะเรียบหรูมีความงามแบบมีระดับต้องมาพิสูจน์กันกับรุ่นนี้เลย Jardin d’Amalfi

เปิดตัวกันด้วยกลิ่นอายสดชื่นแบบ Citrus ที่ไม่ได้คมเปรี้ยวแต่ประการใดด้วยกลิ่นอายของดอกส้มและมะกรูดที่สัมผัสได้เลยว่ามีอารมณ์แบบกลิ่นเปรี้ยวติดเปลือกกำลังดี ซึ่งกลิ่นมีความนุ่มนวลของดอกส้มและรองพื้นหลังอ่อนๆ ด้วยพริกไทยสีชมพูที่ให้อารมณ์เครื่องเทศอมหวานติดโทนเบอร์รี่กำลังดี กลิ่นช่วงนี้เรียกว่าอากาศสดชื่นแบบยามเช้าได้อย่างลงตัวมาก ได้อารมณ์เดินเล่นในสวนส้มสวนมะกรูดที่ติดเขียวเบาๆ เสียด้วย ซึ่งกลิ่นโทนนี้จะตามไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลยทีเดียว โดยจะไปผสมผสานกับกลิ่นอายของกุหลาบที่จะมาแบบสะอาดๆ กลั้วกลิ่นสดชื่นของแอปเปิ้ลเขียวที่มาผสมผสานกับโทนซิตรัสนุ่มๆ ที่ยังคงอยู่ กลิ่นในช่วงนี้กวาดหมดทั้งความรู้สึกหอมสะอาดก็ได้ หอมนิ่งหรูก็ดี หอมแบบสดชื่นสบายๆ ก็สามารถ โดยยืนพื้นกับการเป็นกลิ่น Citrus ไม่เปลี่ยนแปลง จนลามไปยังช่วงท้ายที่กลิ่นโทนซิตรัสนุ่มๆ กลั้วกุหลาบจะเบาลงไปก็จริงแต่จะได้ความรู้สึกสดชื่นอยู่แบบลอยด้านบน ให้กลิ่นกโทนไม้หอมอ่อนๆ กับกลิ่นเครื่องเทศแบบเบาๆ ติดหวานนวลอ้อยอิ่งเป็นตัวเสริมให้กลิ่นหอมนวลสะอาด โดยตัวฐานของกลิ่นคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกลิ่น Musk ที่ให้ความนวลสบายไปตลอด ภาพรวมเลยเป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นและใช้ง่ายมาก กลิ่นใกล้เคียงธรรมชาติแถมมีความนิ่งหรูแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ชิลล์ๆ ได้น่าดมกลิ่นเลยทีเดียว  

เหมาะสำหรับ ทุกเพศวัยเรียนประถมขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะเป็นกลิ่นที่ใส่ไปเถอะยังไงก็รอด กลิ่นหอมแบบธรรมชาติ ที่คนได้กลิ่นและมหาชนมักจะชอบได้ไม่ยาก โดยสามารถใส่ได้หมดทุกสถานการณ์ยามทกลางวัน กวาดหมดทุกประเภทงาน ออกกำลังกายก็สามารถแม้จะแพงแต่ถ้าซื้อขวดใหญ่ก็ฉีดไปเถิดเพราะมันปริมาณเยอะจริงจัง ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เหมาะกับวันอากาศร้อนๆ เสริมความสดชื่นมากกว่าที่จะเอาไปใส่เต้นยั่วยวนที่ไหนเพราะกลิ่นเบาไปนั่นเอง

ความทน ถือว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นอายธรรมชาติที่ทนมากเลยทีเดียวกับราวๆ 8 ชม. ขึ้นไป อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังติดผิวอยู่เลย

การกระจาย กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวก่อนจะเป็น Skin Scent ในตอนท้าย ซึ่งแน่นอนมาสาย Safe Scent ชัดเจน

ทิ้งท้าย บอกตรงๆ มันคือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เพราะเนื้อกลิ่นมันธรรมชาติและสบายๆ มากจริงๆ แต่ราคามันเจ็บมากกกกกก ซึ่งถ้ามีกำลังทรัพย์ก็จัดได้ตามสบายเลยครับ ผมนี่ขอมองตาปริบๆ ซื้อแบ่งขายดีกว่า

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Creed – Royal Oud

Creed – Royal Oud

ในช่วงปี 2010 เป็นต้นมาเรียกว่าเป็นศักราชของส่วนผสมอย่าง Oud หรือไม้กฤษณาเป็นอย่างมาก เพราะว่าแทบทุกแบรนด์ในโลกใบนี้ต่างก็ทยอยขนกลิ่น Oud ในลักษณะของตัวเองออกมาอย่างไม่มีลดราวาศอกแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนแฟนคลับของ Creed ต่างก็รีบส่งไปบอกแบรนด์ว่าอย่าน้อยหน้าใครเชียวนะ เพราะเขาออกมากันให้รึ่ม เช่นนั้น Creed เลยตอบสนองซะเลย สร้างสรรค์กลิ่น Oud ในแนวทางของตัวเองออกมาจนได้เป็นขวดนี้เลย Royal Oud

ถ้าคาดหวังว่าจะได้กลิ่น Oud ในลักษณะที่อวลแน่นแบบ Oud ฉบับแท้ๆ ตะวันออกกลางมาเต็ม ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้เจออะไรแบบนั้น เพราะ Creed มาปรับโทนใหม่ให้มีความเป็น Modern Oud โดยผสมผสานความเป็นกลิ่นอายตะวันออกกลางกับกลิ่นอายของความเป็น Creed ที่เรียบหรู มากกว่าจะมาเน้นสายแข็งเอาให้กระจายรอบทิศแบบว่าทุกคนต้องรู้ว่าคนใส่มาถึงแล้วอะไรขนาดนั้น โดยเริ่มจาก Top Notes ที่จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นแบบเผ็ดๆ กลั้วความแห้งๆ ของโทนไม้หอมกันก่อนเลย กลิ่นเผ็ดๆ ของพริกไทยสีชมพูจะมีกลิ่นอายของซิตรัสมาผสมผสาน ให้ความสดชื่นก็จริง แต่ไม่ได้มาแบบฉ่ำโบ๊ะแต่ประการใด เลยได้ความสดชื่นแบบแห้งๆ ประมาณนั้น เพียงไม่นานกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ที่รู้สึกได้จะเปิดตัวออกมานั่นคือ ไม้ซีดาร์ ก็นำเข้าสู่ช่วง Middle Notes กันเต็มๆ โดยจะมีกลิ่นอายติดโทนแป้งจางๆ ออกแนวสมุนไพรหน่อยๆ ผสมผสานกับกลิ่นของพริกไทยสีชมพูที่ยังตามมาเด่นตีคู่ไม้หอมอยู่ในช่วงนี้ เลยจะได้ความเป็นไม้หอมแบบติดเผ็ดปร่าซ่าๆ กลมกล่อมกำลังดี ซึ่งจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นของ Oud หรือไม้กฤษณาที่จะมาในลักษณะของกลิ่นเนื้อไม้หอมแทนที่จะเป็น Oud แบบอวลๆ มาเปิดทางเข้าสู่ Base Notes ในเวลาต่อมาที่กลิ่นอายของ Oud จะมาแบบเบาๆ รวมเข้ากับไม้ซีดาร์ ให้ความนิ่งขรึมเรียบหรูและมีเสน่ห์แบบลงตัว กลิ่นอายจะไม่อวลเลย ออกทางไม้หอมโปร่งๆ เบาสบาย โดยจะรู้สึกได้ความอบอุ่นกำลังดี ที่ไม่ได้มาแบบแน่นหนักจากกลิ่นไม้จันทน์หอมอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย ได้หมดทุกเพศกวาดกันเห็นๆ เพราะกลิ่นมีความเป็นกลางๆ กับการใช้งานมาก ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการกลิ่นจะเข้าทางและเสริมภูมิเรียบหรูแบบมีชั้นเชิงได้อย่างดีเลยทีเดียว ส่วนงานทั่วๆ ไปไปว่าจะทำงาน หรือพักผ่อนก็ตามใส่ได้หมด ยกเว้นใส่เพื่อออกกำลังกาย ที่กลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าทางอะไรนัก แม้จะใส่ได้ (มันแพงจะใส่ออกกำลังกายจะดีหรือ?) ส่วนยามค่ำคืนจัดได้แบบยามทางการออกงานได้เลย ส่วนไปหาเหยื่อเน้นออกแนวนั่งผับบาร์หรูๆ ดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังคลื่นเต่า เน้นมาสายเรื่อยๆ แต่มีเสน่ห์แบบคุณชายมานั่งจิบเสียมากกว่า

ความทน ประมาณ 8 ชม. ซึ่งจะมากหรือน้อยกว่านี้ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง แล้วปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวกึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย ภาพรวมบอกเลยว่าเป็นน้ำหอมกลิ่น Oud ที่ใช้ง่ายมากและมาแบบเบาๆ ให้พอรับรู้ว่ามีอยู่นะ ซึ่งให้ความเป็นกลิ่นอายเรียบหรูรวยเสริมให้ซีดาร์กลายเป็นพระเอกหลักได้อย่างงามเลย ซึ่งก็เข้าทางในแบบของ Creed เลยล่ะครับ     

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ



วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Creed – Fleurs de Bulgarie

Creed – Fleurs de Bulgarie

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความคลาสสิคของ Creed เลยทีเดียว และได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานมาตั้งแต่ปี 1845 เลยทีเดียว แถมน้ำหอมรุ่นนี้เป็นการสร้างขึ้นเพื่อสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียกันเลยทีเดียว โดยการเอากลิ่นอายดอกไม้ที่หอมตลอดกาลอย่าง “กุหลาบ” มาเป็นตัวชูโรง เช่นนั้นมาดมกันเลยดีกว่ากับรุ่น Fleurs de Bulgarie

กุหลาบบัลแกเรียจะเป็นกลิ่นอายที่เป็นหัวใจหลักของน้ำหอมตัวนี้เลยและจะคงอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบเป็นลักษณะกลิ่นที่เป็นหัวใจหลัก โดยจะมีกลิ่นอายอื่นๆ ต่างเข้ามาผสมผสานในแต่ละช่วงให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป โดยในช่วงแรกกลิ่นอายของมะกรูดจะมาเสริมให้เกิดความรู้สึกในแบบกุหลาบที่หวานแบบลึกติดดาร์กนิดๆ โดยจะมีกลิ่นอายของโทนซิตรัสที่ไม่ได้มาแบบใสๆ แต่มาแบบแน่นและมีความเป็นซิตรัสแบบน้ำหอม Old School ติดเครื่องเทศหน่อยๆ เสริมให้กลิ่นกุหลาบมีความนวลแน่นชัดเจนฟุ้งกระจายกันเต็มเหนี่ยว ก่อนที่กลิ่นอายจะเริ่มลดโทนลงมาเป็นกุหลาบที่เบาขึ้นแต่ยังคงความหอมหวานนวลและลึกอยู่ แต่จะมีความครีมมี่นวลๆ รองพื้นอยู่ด้านหลังให้กลิ่นกุหลาบมีความนวลติดหวานคลาสสิคและโรแมนติค โดยไม่ได้มีความเป็นแป้งอะไรมากและไม่ได้กลิ่นออกทางกุหลาบแห้งๆ เลย ออกแนวมีโทน Animalic แบบเย้าเสริมขึ้นมาเป็นระยะ จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นครีมมี่ที่รองพื้นด้านหลังจะเปิดตัวออกมานั่นคือ Musk และมีตัวสำคัญที่เสริมให้กลิ่นกุหลาบตรึงความหอมนวลลึกมาตลอดได้อย่างงดงามเปิดตัวขึ้นมาชัดเจนกับการเสริมโทน Animalic นั่นคืออำพันปลาวาฬ (Ambergris) กลิ่นเลยจะมีความนวลเนียนของกุหลาบที่มีความนุ่มนวลติดกลิ่นอายผิวกายเคล้าความเค็มนิดๆ ซึ่งแน่นอนว่าให้ความหรูหราและสง่างามกันอย่างเต็มที่โดยไม่มีกั๊ก เคล้าความคลาสสิคเหนือกาลเวลาที่ส่งเสริมความเป็นสุภาพสตรีที่มีพลังของความเป็นหญิงกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงวัยทำงานขึ้นไป ซึ่งอย่างน้อยอาจจะต้องผ่านน้ำหอมกลิ่นคลาสสิคมาบ้างจะทำให้ฟินกับน้ำหอมกลิ่นกุหลาบเหนือกาลเวลาแบบนี้ได้ไม่ยาก กลิ่นนี้ให้ความเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์กับกุหลาบที่มาแบบไม่ได้หนักหน่วงแต่พลังความหอมของกลิ่นชัดเจน สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปที่เน้นเรื่องการวางตัวในระดับหนึ่งเพราะกลิ่นมีพลังและให้ความคลาสสิคเหนือกาลเวลาชัดเจน แต่จะใส่ตัวนี้นุ่งผ้าถุงวิ่งกระโจนลงน้ำตีโป่งมันก็คงไม่ใช่ เพราะมาดหรูหายหมด ส่วนยามค่ำคืน เหมาะมากกับการออกงานกาล่า หรืองานหรูทุกประเภท แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปเต้นเด้งแบบหน้าลานรถบัมพ์หรือเที่ยวเต้นสีกับชาวบ้านแน่นอน ความขลังมันไม่ใช่และดูใช้ผิดงานชอบกล

ความทน มากกกกกกก เกิน 8 ชม. ได้สบายๆ ซึ่งส่วนตัวกลิ่นลากยาวมาที่ 12 ชม. แล้วยังไม่หยุดให้ความหอมเลยแม้แต่นิดเดียว

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนจะคงตัวการกระจายแบบปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว แล้วค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่าแบบโรแมนติคนุ่มนวลกำลังดีไปตลอด

ทิ้งท้าย -  แม้จะมีกลิ่นอายแบบ Old School เป็นโทนยืนพื้น แต่กลิ่นก็ยังคงพลังของความเป็นราชิดีแห่งดอกไม้ทั้งมวลที่เหลือกาลเวลาได้อย่างดีและไม่ลดราวาศอกแต่อย่างใด จึงไม่แปลกใจเลยทีกลิ่นนี้คงความเหนือกาลเวลาและยังคงได้รับความนิยมมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Creed - Acqua Originale: Aberdeen Lavender

Creed - Acqua Originale: Aberdeen Lavender 

เข้าสู่ตัวที่ 4 ของไลน์ Acqua Originale จากแบรนด์ Creed ที่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นกับการบอกเล่ากลิ่นสดชื่นที่มีลาเวนเดอร์เป็นตัวเอก จะออกมาในลักษณะไหนและความเป็นลาเวนเดอร์จะมาแบบ Acqua อย่างไงบ้างงานนี้ลองออกมาแล้วพบว่า 

เปิดต้นกลิ่นมาด้วยกลิ่นออกโทนสมุนไพรติดเขียว และมีความเป็นลาเวนเดอร์ที่มีความเป็นธรรมชาติตามกลิ่นที่ผ่อนคลายกลั้วเขียวอย่างชัดเจน โดยกลิ่นของลาเวนเดอร์ที่มาแบบนวลเขียว เสริมด้วยโกฐจุฬาลัมพา (Artemisia) จะเด่นขึ้นมาแบบเขียวๆ สมุนไพรติดขมล้อมด้วยกลิ่นซิตรัสจางๆ กลิ่นในช่วงนี้อารมณ์ของความเป็นลาเวนเดอร์ในทุ่งโลกสวยของหลายๆ คนจะลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติเลยทีเดียวพร้อมในวิ่งอย่างไงอย่างนั้น ซึ่งกลิ่นลาเวนเดรอ์จะเป็นจตัวหลักที่จะตามไปในมุกๆ ช่วงลดหลั่นกันไปตามการผสมผสาน โดยเข้าสู่ช่วงกลางงานด้านกลิ่นดอกไม้ก็จึงได้มาด้วยกลิ่นอายหอมนวลติดครีมมี่ มีความนุ่มในเนื้อกลิ่น เพราะกลิ่นของลิลลี่จะเสริมขึ้นมาให้ความหวานติดเครื่องเทศจางๆ และมีความครีมมี่ของซ่อนกลิ่นทำให้กลิ่นลาเวนเดอร์มีความนุ่มนวลมากขึ้นโดยที่ยังมีความเป็นธรรมชาติหอมติดสมุนไพรอยู่ โดยที่กลิ่นจะนวลๆ มีระดับ ซึ่งในช่วงนี้จะเริ่มมีกลิ่นโทนหนังนุ่มๆ แทรกขึ้นมาเรื่อยๆ ของกลิ่นอายวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นดึงให้โทนลาเวนเดอร์เข้าโทนอบอุ่นกับการเป็นช่วงท้ายของน้ำหอม โดยที่จะมีกลิ่นอายอ้อยอิ่งติดดิบจางๆ แต่ไม่สากเขียวสมุนไพรเกินไปของพิมเสนมาเสริมให้กลิ่นมีความนวล โดยที่กลิ่นวานิลลาและหนังจะให้ความอวลกำลังดีไม่แน่นจนเกินไปให้กลิ่นลาเวนเดอร์ที่ตามมาในช่วงนี้ปล่อยความหอมนวลแบบกำลังดีผ่อนคลายไปเรื่อยๆ เคล้าความอบอุ่นแบบมีชั้นเชิงและไม่ทำให้กลิ่นหลักสูญเสียตัวตนไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเพราะกลิ่นนี้เรียกว่Unisex กันชัดเจน และมีความเป็นลาเวนเดอร์ธรรมชาติสูงมาก ซึ่งคนที่เคยดมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ที่ตัดโทนเขียวๆ ออกไปอาจจะรู้สึกแปร่งๆ ไปบ้าง แต่ไม่นานก็คุ้นชินเพราะกลิ่นมันมาสายนุ่มเขียวที่เข้าถึงง่ายผ่อนคลาย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ที่สำคัญใส่ช่วงอากาศเสบายๆ หรืออยู่ในห้องแอร์กลิ่นจะลงตัวมาก ขอยกเว้นการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายนี้นัก ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้ถือว่าพอใส่ได้ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นมีความเป็นผู้ดีอบอุ่นลงตัว เหมาะกับการใส่ออกงาน หรือจิบเบาๆ แทนการไปเต้นม่วนหลายเพราะโทนกลิ่นมันไม่ได้ออกแนวฉูดฉาดเรียกแขกอะไรมากขนาดนั้น 

ความทน - เป็นตัวที่ทนดีงามสุดในไลน์เลยก็ว่าได้ กับเฉลี่ยที่ 10 ชม. กลิ่นก็ยังคงอยู่ ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 15 ชม. กับจำนวนสเปรย์เพียงแต่ 4 สเปรย์ เรียกว่าดีงามจริงจัง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีกึ่งปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบหอมนวลนุ่มเคล้าลาเวนเดอร์ติดสมุนไพรไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

ทิ้งท้าย - เอาเข้าจริงๆ ถ้าเจาะแบบจับผิด กลิ่นนี้ไม่ได้เข้าทางคำว่า Acqua เท่าไหร่ เอาออกนอกไลน์ตั้งต้นเป็นตัวเดี่ยวๆ แล้วเอา Royal Mayfair ตัวปัจจุบันมาใส่แทนในไลน์นี้ยังได้เลย แต่ถ้าจะเถียงเรื่องนี้ก็อาจจะได้ไม่เต็มปาก เพราะคำว่า Originale มันก็ Cover ได้อยู่เพราะกลิ่นอายมันมาสายความเป็นธรรมชาติของลาเวนเดอร์เลยล่ะ ทั้งนี้นั้น ในไลน์นี้ ตัวนี้คือตัวที่ให้ความดีงามมากจริงๆ และผมชอบมันมากที่สุดเลยในบรรดาทุกตัวที่ได้ใช้งานไปครับ 

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  http://style.gq.com.au/media/articles/3/4/6/0/34661-1_l.jpg?171444