แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Monoscent แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Monoscent แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: Monoscent - G Galaxolide Super

Monoscent - G Galaxolide Super 

จาก E Timbersilk ที่ให้กลิ่นอายไม้หอมโปร่งๆ ติดอบอุ่นแบบตรงไปตรงมา ไม่มีโทนอื่นมาเกี่ยวข้องในสไตล์ Monoscent ตามชื่อแบรนด์ ก็ได้เวลาของตัวเอกหลักของแบรนด์อีกหนึ่งรุ่น ที่เอาความเป็นกลิ่นอายสารหอมที่สร้างออร่าความหอมนุ่มสะอาดสไตล์ Musky และเป็นอีกหนึ่งในสายมินิมัลที่ให้กลิ่นอายแบบเสื้อเชิ้ตสีขาวหอมสะอาด ซึ่งมินิมัลแบบตรงไปตรงมา รวมถึงเป็นหนึ่งในสารหอมที่เป็นสายสนันบสนุนชั้นดีในการเป็นสารตรึงกลิ่นให้มีความทนและการกระจายที่ดี แถมเอามาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมในลักษณะ Musk สังเคราะห์มาเป็นเวลานานมากแล้วและมีการปรับปรุงในคุณภาพสารหอมมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนั่นก็คือ Galaxolide 

ในปัจจุบันจนมีหลายบริษัทที่ผลิตสารหอมต่างก็มีสูตรเป็นของตัวเองกันก็จริง แต่พื้นฐานกลิ่นก็ยังคงเป็นกลิ่นสไตล์ Musky ที่ยังคุมโทนความสะอาดนุ่มนวล (แอบเย้ายวนหรือไม่ว่ากันไปตามเคมีของแต่ละตัวบุคคลเช่นเดิม) ซึ่งสำหรับแบรนด์ Monoscent เองก็เลือกเอา Galaxolide ของ IFF (บริษัทที่ผลิตสารหอมที่เป็นระดับบิ๊กของโลก เช่นเดียวกับที่ Timbersilk ที่เคยผ่านการเล่ากลิ่นไปก่อนหน้านี้) และมานำเสนอเป็นหนึ่งในน้ำหอมของแบรนด์แบบสารหอมตัวเดียวไม่มีไปเสียวกับกลิ่นอื่น ซึ่งนั่นก็คือ G Galaxolide Super

ความเป็น Galaxolide ในน้ำหอมรุ่นนี้จะเปิดต้นกลิ่นด้วยการเป็นโทน Musky ติดกลิ่นแป้งหอมดอกไม้อ่อนๆ เบาๆ กำลังดี มีความหวานหน่อยๆ เจือในกลิ่น ซึ่งกลิ่นจะใกล้เคียวความเป็น White Musk ที่ให้ความนุ่มนวลขาวสว่างสบายๆ แต่จะสัมผัสได้เลยว่ากลิ่นจะไม่ได้มีหนาแน่นของกลิ่นมากนัก ออกแนวโปร่งๆ ใสๆ ซีทรู พลิ้วๆ เบาๆ ตั้งแต่ต้น ซึ่งกลิ่นจะให้ความสะอาดสบายๆ อารมณ์ชัดเจนแบบเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดๆ แต่หลังจากนี้จะเป็นประสบการณ์การดมที่ค่อนข้างเป็นปัจเจกในความเป็นตัวผู้เล่ากลิ่นเอง เพราะเนื่องจากสารหอมตัวนี้จะอิงเคมีในแต่ละตัวบุคคลพอสมควร และจะเน้นที่เวลาที่ได้กลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบเป็นสำคัญ 

โดยเมื่อผ่านไปซัก 5 - 10 นาทีแรก กลิ่นจะเริ่มเป็นลักษณะที่เป็น Airy Transparent Musk เพราะจะได้กลิ่นอายสะอาดๆ อ่อนๆ ไปเรื่อยๆ มีความเป็นแป้งหอมหวานเรื่อๆ กลิ่นให้ออร่าความขาวสะอาดแบบบางเบาเป็นเส้นตรงที่ยาวนานไปเลยหลังจากนี้ จนเมื่อผ่านไปซัก 4 ชม. กลิ่นจะเริ่มจมไปกับผิวจนแทบจะไม่สามารถจับกลิ่นที่กระจายออกมาอะไรได้แล้ว ต้องดมที่ผิวล้วนๆ ซึ่งจะได้กลิ่นอายแบบ Soft Musk เบาๆ อารมณ์แบบกลิ่นผิวกายสะอาดๆ เย้ายวนๆ เบาๆ มีความนวลบางๆ ทำให้นึกถึงเวลานอนแก้ผ้าแต่ห่มผ้าบนเตียงสีขาวสะอาดในโรงแรมหรูๆ แล้วพอลืมตาตื่นเช้าแล้วจะเป็นกลิ่นแรกที่รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นผิวกายนวลๆ เคล้ากลิ่นได้กลิ่นผ้าห่ม กลิ่นที่นอนสะอาดๆ ซึ่งจะมาแบบเบาบางๆ ไปเรื่อยๆ อารมณ์จะไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมเท่าไหร่ ออกแนวขับกลิ่นสภาพแวดล้อมและผิวกาย จนเมื่อเอาผิวกายจุดที่ฉีดน้ำหอมไปโดนน้ำ จะมีกลิ่นฟุ้งขึ้นมาอ่อนๆ เป็นกลิ่นโทน Musky ติดหวานนวลขึ้นมาอีกที 

เหมาะสำหรับ - ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม วัยตั้งแต่ ม.ต้น ก็ใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก ยิ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบน้ำหอม แต่อยากให้ตัวเองมีออร่าความสะอาดนวลๆ ไปตลอดก็ใช้ตัวนี้ได้สบายมาก เรียกว่ากลิ่นนี้เกิดมาเพื่อคนที่ไม่ชอบน้ำหอมเลยก็ย่อมได้ ซึ่งสามารถใส่ได้หมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้หมดเลย ซึ่งกลิ่นนี้จะอิงตามเคมีผู้สวมใส่ เช่นนั้นบอกเลยว่าแต่ละคนที่ได้รับกลิ่นจากผู้ใช้จะได้ความรู้สึกของกลิ่นที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประสบการณ์การรับกลิ่นของตัวบุคคลที่ไม่ได้ไปในทางลบ ส่วนกลางคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไป เน้นโรแมนติค หรือถ้ามีคู่กันแล้ว ก็ใส่ก่อนนอนเพื่อให้มีคนกอดไปจนถึงเช้าก็เป็นเรื่องที่ดีเลยนะนั่น 

ความทน - อันนี้วัดจากคนเล่ากลิ่นเองล้วนๆ คือ 12 ชม. ที่ยังมีคนทักกลิ่นน้ำหอม แต่ตัวเองรู้ไหม ไม่เลย นึกว่ามันจางไปตั้งแต่ 6 ชม. แรกแล้วเสียด้วยซ้ำ จนเมื่อเอาน้ำถูตรงที่ฉีดน้ำหอม ถึงได้กลิ่นระเรื่อฟุ้งอ่อนๆ มาอีกครั้ง เออ เก๋ดี 

การกระจาย - อันนี้ก็ตอบยาก แต่มันสร้างออร่าให้คนใส่อิงตามประสบการณ์คนที่ได้รับกลิ่น ซึ่งถ้าวัดจากตัวเองจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนช่วงท้ายคือ Skin Scent แต่ถ้าวัดจากคนอื่นๆ ที่ได้สอบถามกลิ่น ก็จะบอกว่าได้กลิ่นเบาๆ ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญเลย 

สรุป - จากที่ได้ใช้งานมาอย่างต่อเนื่องบอกเลยว่า นี่คือ Galaxolide เพียวๆ จริงๆ แบบที่จะให้กลิ่นอายทางเดียวไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่การได้รับกลิ่นจะอิงไปตามประสบการณ์จมูกของแต่ละตัวบุคคล เพราะหลายๆ คนจะไม่ได้รับกลิ่นอะไรเลยก็ได้ บางคนจะได้รับแค่กลิ่นสะอาดๆ บางคนได้กลิ่นแป้งอ่อนๆ หรือบางคนจะได้แค่ความรู้สึกขาวนวลติดหวานแบบใส่เสื้อผ้าสีขาวสะอาด และบางคนบอกว่ากลิ่นเซ็กซี่แบบสะอาดๆ น่าซุกจัง ซึ่งบอกเลยว่าคนเล่ากลิ่นเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทั้งได้กลิ่นต่อเนื่องจนจบแบบเบาๆ ในหลายๆ ครั้ง และบางครั้งในหลายๆ ครั้งที่ใช้ก็ไม่ได้กลิ่นน้ำหอมเลยหลังฉีดไปซักพัก แต่กลับกลายเป็นคนอื่นที่อยู่รอบๆ เป็นคนบอกว่าได้กลิ่นอย่างไรจากตัวเรา เออ มันเก๋ตรงนี้แหละ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.fragrantica.asia/perfume/Monoscent/G-Galaxolide-Super-29976.html

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Review: Monoscent - E Timbersilk

Monoscent - E Timbersilk 

ได้ยินชื่อแบรนด์ครั้งแรก Monoscent ก็มีด้อมๆ มองๆ กันพอสมควรว่าเป็นอย่างไร เพราะเห็นว่ามีน้ำหอมเพียง 2 รุ่นในแบรนด์เอง แต่พอไปดูข้อมูลเข้า เลยทำให้รู้ว่าแบรนด์นี้เปรียบเสมือนเป็นแบรนด์ลูกของ A Lab on Fire แบรนด์ Niche ที่มีน้ำหอมเก๋ๆ น่าสนใจที่หลากหลาย โดย Monoscent จะเน้นมาที่ความ น้อยแต่มาก” Minimal Style กันแบบชัดเจนโดยเน้นที่การใช้สารหอมเชิงเดี่ยวในการให้ความหอมแบบเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่เอาอยู่ ซึ่งเข้าทางการใช้น้ำหอมที่ไม่ต้องเยอะสิ่งแต่มีเสน่ห์อย่างน่าสนใจ และยังสามารถนำเอาไปเลเยอร์กับโทนกลิ่นอื่นๆ เสริมลักษณะโทนที่ควรจะเป็นให้น้ำหอมมีโทนที่ชัดเจนขึ้น กระจายมากขึ้น และทนมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน เช่นนั้นมารู้จักแบรนด์นี้ผ่านกลิ่นอายเชิงเดี่ยวกันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร 

ก่อนจะเข้าสู่การเล่ากลิ่น ก็ท้าวความถึง Timbersilk กันหน่อย ซึ่งกลิ่นนี้เป็นสารหอมที่ผลิตขึ้นโดย IFF (ที่รู้จักกันในนามของบริษัทที่ผลิตสารหอมที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอางชื่อก้องโลก) โดยสร้างสรรค์กลิ่นเชิงสังเคราะห์สายไม้หอมตัวนี้ขึ้นมา ซึ่งเมื่อสารหอมกลิ่นนี้มาเป็นตัวเอกหลักของ Monoscent ในรุ่น E Timbersilk กลิ่นอายที่ได้ในน้ำหอมก็เป็นเช่นนี้เลย 

เปิดต้นทางมาด้วยความเป็นโทนกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ชัดเจนผสมผสานกับกลิ่นโทนไม้หอมโทนโปร่งกันก่อน อารมณ์กลิ่นจะได้เหมือนไม้หอมโปร่งๆ แช่แอลกอฮอล์กันก่อน แต่เพียงชั่วครู่ความเป็นแอลกอฮอล์ก็จะระเหยไปหมด จนเหลือแต่กลิ่นอายไม้หอมโทนโปร่งๆ สไตล์ไม้ซีดาร์ ที่ทำให้นึกถึงสารหอมอีกประเภทที่กลิ่นแทบไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ นั่นคือ ISO E Super แต่กลิ่นเชิงโมเลกุลเดี่ยวแบบนี้ ถ้าคนละชื่อมันต้องมีความแตกต่างไม่เช่นนั้นจะซ้อนทับกันได้ในเรื่องของลิขสิทธิ์ เช่นนั้นสิ่งที่แตกต่างให้จับได้คือ Timbersilk จะมีความโปร่งไม้หอมค่อนไปทางอวลอบอุ่นติดแอมเบอร์มากกว่า ISO E Super ที่จะไปสายทางโปร่งๆ ซึ่งกลิ่นจะมีความกลมๆ แบบกลิ่นเนื้อไม้ซีดาร์แบบแห้งๆ ที่โดนเกลากลิ่นด้วยโทนอบอุ่นกำลังดีให้ความกลมกล่อมรื่นจมูก ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ เป็นเส้นตรงราวๆ 90% ได้เลยกับการเป็นโทนไม้หอมโปร่งๆ ติดอบอุ่นพลิ้วๆ กลมๆ อะโรม่าสบายจมูกยาวไปจนกว่าจะจางไปจากผิว แต่สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงเวลาอยู่กับผิวเมื่อผ่านไปซัก 3 ชม. แล้ว คือ กลิ่นจะมีโทนติดแป้งไม้หอมหน่อยๆ อารมณ์แนวๆ แป้งผงไม้โปร่งๆ ไม่ถึงกับนัวมาก โดยมีความโปร่งติดสะอาดเป็นพื้นฐานอยู่ และพอผ่านไปซัก 6 ชม. กลิ่นจะมีความแห้งมากขึ้น และมีโทนกลิ่นสไตล์ Musky บางๆ ทำให้กลิ่นได้อารมณ์แบบเหมือนเอาโลชั่นไม้หอมชัดๆ ไม่ผสมกลิ่นโทนอื่นๆ เลยมาทาผิว กลิ่นจะมีความระเรื่อนวลๆ ปนอบอุ่นที่คลอผิวไปเรื่อยๆ เรียบง่ายไปตลอด 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ยิ่งถ้าใครชอบโทนกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ติดอบอุ่นหน่อยๆ ไม่เน้นมิติทางกลิ่นอะไรมาก เน้นความเรียบง่ายอะโรม่าไม้หอมระเรื่อเป็นออร่ารอบๆ ตัวจะฟินกับกลิ่นนี้เอาได้ไม่ยากเลย เพราะมันเรียบง่ายและตรงไปตรงมาจริงๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แม้กระทั่งกิจกรรมกลางแจ้งกับออกกำลังกายก็ใส่ได้ เพราะเป็นสารหอมที่เป็นโมเลกุลเชิงเดี่ยวที่ไม่ได้เน้นปล่อยพลัง แต่เน้นความเป็นธรรมชาติที่พึ่งเคมีกับผิวกาย ซึ่งแต่ละคนอาจจะได้กลิ่นที่แตกต่างกันไป หรืออาจจะไม่ได้กลิ่นเลย ก็ว่ากันตามประสบการณ์และการเรียนรู้ทางกลิ่นของผู้ที่ดมเน้นๆ ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกรูปแบบหนึ่งที่เดาทางไม่ได้ ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่แบบทั่วๆ ไปจะเข้าทางกว่า และให้ข้ามการใช้เพื่อไปท่องราตรีปล่อยเสน่ห์ได้เลย โดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - อันนี้ขอวัดจากการใช้ของตัวเองเท่านั้น อยู่ที่ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่อ่อนๆ อยู่เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายกลางๆ ในตอนต้น แล้วจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป พอพ้นซัก 8 ชม. ถึงเป็น Skin Scent ติดผิวอ่อนๆ ไปตลอด เรียกว่าเป็นโทนไม้หอมที่ปลอดภัยระดับหนึ่งเลยทีเดียว 

สรุป - แนวเดียวและกลิ่นใกล้เคียงกับ Escentric Molecules - Molecule 01 มากกกกก เพียงแต่กลิ่นจะติดอบอุ่นมากกว่านิดนึง ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ชอบกลิ่นโทนไม้หอมตรงๆ ไม่ซับซ้อน เน้นเสน่ห์ที่จะอิงตามการผสมผสานกับเคมีของร่างกายว่าจะออกทางไหน หรือจะเอาไปเป็น Base สำหรับเลเยอร์กลิ่นน้ำหอมโทนไม้หอมก็ย่อมได้ ได้ความกลมกล่อมของกลิ่นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - http://www.ma3.ru/images/all/1/1163/big/img_10.jpg และตัดต่อเล็กน้อย เพราะจริงๆ ภาพนี้จะเป็น Monoscent G&E แต่ขอเน้นที่ E เลยตัดต่อให้ชัดๆ ที่ตัวเดียวไปเลย