แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Nez แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Nez แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2566

Review: Nez - 1+1 Folia

Nez - 1+1 Folia 

Eva Jospin เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศสที่เน้นการสร้างสรรค์งานศิลปะจากกระดาษลังที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ออกมาเป็นงานประติมากรรมป่าไม้ที่มีความลึกลับ สวยงาม เป็นธรรมชาติแบบที่คาดไม่ถึงว่าลังกระดาษจะทำงานศิลปะออกมาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ สามารถ Search ดูเพิ่มเติมได้จาก Google จาก Keyword ว่า Eva Jospin ได้เลย

และงานศิลปะของ Eva ก็ได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่น ที่ Nez Magazine หนึ่งในแมกกาซีนระดับโลกในด้านน้ำหอมได้สร้าง Project ขึ้นมาในการจับคู่ปรมาจารย์ทางด้านการสร้างสรรค์กลิ่นกับยอดฝีมือในด้านต่างๆ มาจับคู่กันในการสร้างสรรค์น้ำหอมอย่าง 1+1 ซึ่งในกลิ่นที่ 2 ของ Project นี้ ก็ได้  Julien Rasquinet มาเป็น Perfumer ในการจับคู่กับ Eva Jospin โดยอิงไปที่การสร้างสรรค์งานศิลปะจากกล่องกระดาษอย่าง The Woods ที่เป็นประติมากรรมในลักษณะป่าไม้แห้งๆ มีความลึกลับและน่าค้นหา + กับการเชื่อมโยงเล่าเรื่องราวกลิ่นอายป่าไม้และลำธารในช่วงสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่พื้นดินจะเปียกชื้น ลำธารจะไหลเย็นฉ่ำ ต้นไม้จะมีใบไม้ทั้งร่วงหล่นแห้งตายเกลือนพื้นและกำลังจะมีใบใหม่เกิดขึ้น เรียกว่าเชื่อมโยงกันได้อย่างต่อเนื่องทอเต็มผืนอย่างมาก เช่นนั้นเนื้อกลิ่นที่นำเสนอจะออกมาในลักษณะไหนก็ขอเล่าออกมาได้แบบนี้

1+1 Folia จะเปิดตัวออกมาด้วยกลิ่นดินเปียกแกมเขียวตะไคร่น้ำ และที่สำคัญจะมีกลิ่นติด Earthy แบบอารมณ์รากต้นไม้ที่โผล่มาตามดินที่จะได้ความเป็นโทนเขียวกึ่งไม้เปียกๆ ที่วูบขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นหินเปียกๆ ก่อนเพื่อนในวินาทีแรก แล้วจะตามด้วยกลิ่นใบไม้ที่ทับถมกัน ซึ่งจะมีกลิ่นติดเขียวแกมหวานระเรื่อและมีความซับซ้อนแบบใบไม้แห้งๆ เปียก ตามด้วยใบไม้เขียวๆ เปียกๆ ชื้นที่ทับถมกันร่วมด้วย ทำให้รู้สึกได้ชัดยิ่งกว่าชัดว่านี่อารมณ์กลิ่นแบบป่าเปียกๆ ชื้นๆ ริมริมธารในสไตล์แบบประเทศเขตอบอุ่นหรือเขตหนาวช่วงหิมะละลายกำลังเข้าสู่การเป็นฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นให้ความเป็นธรรมชาติแบบแท้ทรูแบบที่ถอดมาเป๊ะแบบให้ความชัดเจนมากขึ้นกว่าการดมจากสภาพแวดล้อมด้วยซ้ำ

ในช่วงกลางเนื้อกลิ่นจะยังคงเจาะที่การเป็นกลิ่นใบไม้ชื้นๆ ทับถมอยู่ แต่จะมีมิติกลิ่นที่ซับซ้อนมากในการเป็นกลิ่นเขียวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเขียวกึ่งชื้นแตงกวาติดเมทัลลิคแกมหวานโปร่งนิดๆ ของไวโอเล็ต กลิ่นเขียวติดคมเนียนๆ ของใบไม้สดที่พึ่งร่วงหล่น กลิ่นเขียวติดขมทึบมี Milky อ่อนๆ คล้ายใบมะเดื่อ กลิ่นเขียวออกทางผักกึ่ง Earthy ทึบของพืชจำพวกหัวเหง้า ซึ่งเรียกว่าเป็นมิติที่ซับซ้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และ Perfumer ถอดเอามาได้อย่างเป๊ะและแนบเนียนมาก โดยที่ยังเอาความเป็นกลิ่นดินเปียก หินเปียก ตะไคร่น้ำ และความเป็นกลิ่นแนวแร่ธาตุแฝงเวลาเราดมกลิ่นหินที่อยู่ในลำธาร และไม่ใช่แค่นั้นยังมีความเป็นลูกผสมกึ่งไม้หอมปร่าสะอาดแกมเขียวชะอุ่มของสนไพน์เสริมเข้ามา ยิ่งทำให้ครบถ้วนมากๆ ในการเป็นกลิ่นอายสภาพแวดล้อมมากขึ้นไปอีก

การเข้าช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะเริ่มลดความเปียกๆ ลงไปในระดับหนึ่งเป็นกลิ่นออกทางชื้นเย็นแบบบรรยากาศแทน โดยโทนที่เด่นขึ้นมาเลยจะเป็นกลิ่นโทนไม้หอมแกม Oak Moss ที่มีพิมเสนติดปร่าระเรื่อชื้นๆ ที่ไม่ได้เป็นพิมเสนที่ผ่านการเกลากลิ่น หรือไม่ได้เป็นพิมเสนแห้งๆ ที่ให้อารมณ์กึ่งชอคโกแลต แต่จะเป็นพิมเสนเปียกๆ ที่ให้ความเขียวปร่า ที่เมื่อเจอกับ Oak Moss ที่ให้อารมณ์กลิ่นเขียวเข้มๆ แกมหมึก ก็จะได้อารมณ์กลิ่นแบบปร่าไม้ที่มีทั้งหญ้ามอสและ Oak Moss ที่เกาะตามต้นไม้ชื้นๆ เย็นๆ เขียวกับกลิ่นต้นไม้ล้มลุกบนผืนป่าของพิมเสน แกมกับกลิ่นหญ้าแฝกที่ให้อารมณ์รากไม้ชื้นๆ ดินเปียก ซึ่งแน่นอนกลิ่นดินเปียกยังคงอยู่อย่างมีเสน่ห์ แต่ช่วงนี้มีข้อดีมากๆ เลยคือ การเอากลิ่นของดอกส้ม (Orange Blossom) มาตัดทอนเบาๆ ในกลิ่น ทำให้ได้อารมณ์แบบกลิ่นสะอาดหวานอมเปรี้ยวเนียนๆ แฝงอยู่ตลอด ให้อารมณ์เหมือนมีกลิ่นสะอาดมาทอน ให้ได้อารมณ์เหมือนเรายืนอยู่ในป่ามากกว่าที่จะเอาหน้าจมอยู่กับพื้นป่าอย่างเดียว ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นได้อย่างงดงามและมีความหอมที่เป็นธรรมชาติอย่างมีเสน่ห์ในความซับซ้อนที่ควรจะเป็น

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นสภาพแวดล้อมที่แตะได้ทุกเพศ โดยที่จริงๆ ก็ไม่ได้เกี่ยงช่วงวัยในการใช้งาน เพียงแต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับน้องๆ วัยเด็กน้อยสักเท่าไหร่ และหลายๆ คนอาจจะไม่ได้คิดว่านี่คือกลิ่นแบบน้ำหอมในขนบ อย่างน้อยผ่านน้ำหอมสายเฉพาะทางมาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้เกือบทุกสถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืน ยกเว้นการใส่ออกงานทางการที่กลิ่นไม่ได้ส่งเสริมออร่าด้านความภูมิฐานนัก รวมถึงการใส่ท่องราตรีปล่อยเสน่ห์ เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยของนอกจากคนจะคิดว่าพึ่งออกมาจากป่าเสียมากกว่า นอกนั้นจัดไป เนื้อกลิ่นเป็นธรรมชาติมากจริงๆ

ความทน - 8 ชม. คือพื้นฐานของน้ำหอมกลิ่นนี้ และสามารถไปต่อได้อีกจนถึง 12 ชม. ได้เลยถ้าผิวกายเอื้อมากพอ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราว 2 - 3 ชม. ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อดี เพราะถ้ากระจายมากๆ เกรงว่าจะเหมือนป่าชื้นๆ เดินได้ หรือคนอาจจะคิดว่าพึ่งออกมาจากป่าก็เป็นได้

สรุป - หนึ่งในกลิ่นที่สร้างสรรค์ออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ ในการถอดทั้งความเป็นป่าที่น่าค้นหาจากงานประติมากรรม + สภาพแวดล้อมป่าและลำธารในช่วงรอยต่อของฤดูหนาวสู่ใบไม้ผลิได้ออกมาอย่างมีเสน่ห์ในความซับซ้อนของบรรยากาศที่ขมวดรวมกันได้อย่างมีชั้นเชิงและไม่ธรรมดา เรียกว่ามีความเฉพาะตัวในกลิ่นอายธรรมชาติจากการสร้างสรรค์ออกทางเป็นงานศิลปะได้สุดจริง เพียงแต่ถ้าคนที่ไม่คุ้นชินอาจจะไม่ได้มองว่านี่คือกลิ่นน้ำหอมแบบที่เคยเจอๆ มา ซึ่งก็ถือว่าเป็นแง่ดีในการเรียนรู้กลิ่นว่าความหอมไม่ได้จำเป็นต้องอยู่ในขนบนิยม แต่เอาความเป็นธรรมชาติมาเป็นกลิ่นหอมๆ แบบแท้ๆ ก็มีเสน่ห์ได้ดีมากๆ โดยที่ไม่ต้องเหมือนใคร

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - เข็มขัดสั้น

 

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2564

Review: Nez - 1+1 Hongkong Oolong

Nez - 1+1 Hongkong Oolong 

ถ้าจะหาคลังความรู้ทางด้านน้ำหอมที่เจาะลึก เปิดโลก และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำหอมแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ Nez เพราะว่านี่คือหนึ่งในแมกกาซีนที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำหอมโดยตรง มีบทสัมภาษณ์ Perfumer ต่างๆ มีบทวิจัยและการวิเคราะห์กลิ่น รวมถึงวิธีการใช้งาน ตลอดจนเจาะลึกไปที่ Note กลิ่นที่มีอิทธิพลต่อโลกน้ำหอมต่างๆ ซึ่งแมกกาซีนนี้ถือว่าเป็นแหล่งวิชาด้านน้ำหอมที่ยอดเยี่ยมมากๆ ของโลกเลยทีเดียว โดยทำการตีพิมพ์ออกมา 2 ภาษา นั่นคือฝรั่งเศสและอังกฤษ

แต่เราไม่ได้มาว่ากันเรื่องแมกกาซีน ซึ่งอันนี้ถ้าใครหาได้แล้วแต่ผู้นั้น แต่สิ่งที่เราจะมาเล่าคือ น้ำหอมแบบ Limited Edition ที่แมกกาซีนฉบับนี้ได้ทำขึ้นเป็น Project พิเศษ โดยการเอาแรงบันดาลใจและปรมาจารย์ทางด้านกลิ่นที่ต่างสายวิชามาเจอกันในการสร้างสรรค์น้ำหอม ซึ่งในกลิ่นแรกของ Nez ก็เป็นการเอาปรมาจารย์ด้าน Interior Designer ที่สร้างสรรค์บ้านชาต่างๆ ของ Hong Kong อย่าง Alan Chang มาเจอกับปรมาจารย์ทางด้านสร้างสรรค์น้ำหอมอย่าง Maurice Roucel ที่สร้างสรรค์น้ำหอมมากมาย เช่น Frederic Malle - Musc Ravageur, Kenzo Air, Rochas Man และอื่นๆ อีกมาก มาเจอกันใน Theme 1+1 และมาเจาะกันที่กลิ่น “ชา”  ในการเป็น “ชาอู่หลง” ในสไตล์แบบฮ่องกงเสียด้วย เช่นนั้น เกริ่นมาพอแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าว่าชาขวดนี้จะเป็นอย่างไร

Hongkong Oolong เปิดตัวมากับกลิ่นอายเครื่องเทศที่ชัดเจนเลยทีเดียว แต่จะมาแบบกำลังดีไม่หนักหน่วงเกินไป ความเป็นชาจะยังไม่ได้มีให้รู้สึกแบบชัดๆ เท่าไหร่ แต่จะได้อารมณ์กลิ่นชาแบบประปราย โดยจะเน้นเครื่องเทศมากกว่า และก็ไม่ใช่แบบกลิ่นแบบ Chai Tea ที่เป็นชารวมเครื่องเทศด้วย แต่จะเป็นกลิ่นเครื่องเทศที่มีความโดดเด่นชัดเจนโดยเกลาอย่างสมดุลย์รื่นจมูกเสียมากกว่า ซึ่งจะจับต้องได้เต็มๆ เลย คือ อบเชยที่จะมาแบบหวานติดเปลือกต้นกำลังดี มีความปร่าซ่าปลายกลิ่นของกานพลูหน่อยๆ แถมมีความเผ็ดเจือหวานของขิงแบบแห้งๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นจะมีความอวลเย้าหวานไม่ข้นของเม็ดกระวานเข้ามาร่วมด้วย แต่ทั้งหมดจะมีกลิ่นหนึ่งที่แฝงตัวตัวแบบกึ่งชาดำและมีโทนเขียวหน่อยๆ แบบชาเขียวเนียนๆ ประปรายซึ่งเป็นลักษณะของชาอู่หลง โดยที่กลิ่นจะออกแนวเป็น Background เสียมาก ซึ่งเป็นการเปิดตัวกลิ่นที่อาจจะทำให้คนที่คาดหวังความเป็นชามาเต็มๆ อาจจะงงๆ แต่เอาจริงๆ ในโทนกลิ่นโดยรวมไม่ธรรมดาเลยในการเอากลิ่นชามาเป็นแค่สายสนับสนุนแต่มีตัวตนให้จับต้องได้ท่ามกลางเครื่องเทศ แถมมีความซับซ้อนที่เล่นโทนเด่น โทนเสริมกันได้เป็นอย่างดี

เมื่อกลิ่นเครื่องเทศเริ่มผ่อนลงมาทีละหน่อยๆ แล้วสลับที่กับกลิ่นที่ที่จะชัดขึ้นมาอีกสเต็ป แต่ก็ไม่ได้ชัดจนกลายเป็นตัวเดินกลิ่นนัก ออกแนวเป็นกลิ่นชาที่พาเพื่อนมาด้วยอย่างกลิ่นอายสายดอกไม้ขาวที่ให้ความเรื่อๆ หอมอะโรม่ากำลังดี มีความหวานและผ่อนคลายแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งจับต้องได้ชัดเจนถึงกลิ่นดอกมะลิที่มาสอดรับกับความเป็นชา เคล้ากลิ่นหอมติดแป้งกึ่งหวานน้ำผึ้งอ่อนๆ และมีโทนติดเขียวหน่อยๆ เป็นธรรมชาติกำลังดีมาเสริมให้เป็นกลิ่นชาอู่หลงปนดอกไม้ขาว แต่ก็ไม่ได้โดดออกมานัก เพราะโทนเครื่องเทศยังชัดเจนอยู่ในระดับหนึ่ง แถมมีกลิ่นออกทางไม้หอมนวลๆ ให้รู้สึกได้ประปรายอีกด้วย จนเมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควรจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นหนังที่ค่อยๆ เสริมเข้ามา ซึ่งไม่ได้มาแบบ Animalic แบบมีกลิ่นติดสาบปลุกเร้า แต่จะมาแบบหนังที่เกลากลิ่นมาแล้วจะมีอารมณ์กลิ่นอวลแต่มีความเรียบหรูที่มาสอดรับกับกลิ่นชาอู่หลงติดดอกไม้ขาวที่กำลังดีและลงตัวมาก โดยที่กลิ่นเครื่องเทศจะเริ่มลดทอนลงไปเรื่อย จนเมื่อเริ่มไม่ค่อยรู้สึกว่ามีเครื่องเทศแล้ว ก็จะเปลี่ยนช่วงในการเข้าสู่ช่วงท้ายที่คราวนี้กลิ่นหนังที่มีติดกลิ่นโทนยางไม้เคล้าธูปหน่อยๆ ติดปร่านิดๆ อารมณ์แบบธูป Incense ที่สมดุลย์กำลังดี ทำให้หนังมีความเรียบหรู น่าค้นหา แบบอารมณ์แบบโซฟาหนังชั้นดีที่กลิ่นให้อะโรม่าของหนังกึ่งกลิ่นธูปเบาๆ มาคลอ โดยที่กลิ่นชาอู่หลงจะเริ่มมีความครีมมี่ติดไม้หอมนวลๆ แบบไม้จันทน์หอมเข้ามาเสริม และกลิ่นจะมีความหวานอ่อนๆ อย่างมีระดับแกมอยู่ด้วย อารมณ์กลิ่นเลยจะได้เป็นชาเจือกลิ่นครีมมี่ติดหวานหน่อยๆ มีความละเมียดแบบเรียบหรู ผ่อนคลาย และรื่นรมย์กำลังดีไปเรื่อยๆ ที่ถือเป็นการแบ่งภาคกลิ่นที่สอดรับกันได้ดีมากระหว่างโทนหนัง โทนชาอู่หลงติดดอกไม้ และโทนไม้หอมได้อย่างลงตัว

เหมาะสำหรับ - ได้หมดถ้าสดชื่น แลถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นชาแนวกึ่งชาดำละมุนและ OK กับกลิ่นเครื่องเทศที่จะชัดหน่อยในตอนต้น ก็จะอินกับกลิ่นนี้ไม่ยาก เพียงแต่กลิ่นชาจะไม่ได้เด่น แต่มีให้จับต้องได้ตลอด เลยทำให้กลิ่นนี้เข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นสร้างแนวกึ่งชาดำเคล้าชาเขียวสไตล์อู่หลงแบบนี้สร้างออร่าความสงบและสุขุมได้ดีเลย ซึ่งจะใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งก็พอได้ แต่เปลืองไป และตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลยไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือโรแมนติคก็ได้ เข้าได้หมด

ความทน - เกินคาดมาก เพราะตอนแรกคาดว่ากลิ่นคงไม่ได้จัดจ้านในเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่เลย เพราะกลิ่นทนได้ถึง 15 ชม. เลยทีเจอสูงสุด อันนี้ต้องยกให้เลย ซึ่งถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ยก็ 8 ชม. สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางซักพัก แล้วที่เหลือคือออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเมื่อพ้นซัก 8 ชม. กลิ่นจะออกทางติดผิวคงตัว

สรุป - ได้อารมณ์แบบเดินเข้า Tea House สไตล์จีนแนวฮ่องกง ที่จะมีตกแต่ด้วยเครื่องเทศที่หอมอะโรม่ามากกว่าจะฉุน เคล้ากลิ่นชาและแสงสว่างนวล ก่อนจะเดินเข้าไปในโซนนั่งดื่มชาที่มีกลิ่นชาติดดอกไม้หอมรุมๆ คลอ ซึมซับบรรยากาศแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หนังชั้นดีจิบชาหอม ใส่นมติดครีมมี่ปนหวานเบาๆ ท่ามกลางวิวใน Tea House ที่เป็นสีออกทางเอิร์ธโทน ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นชาที่น่าจดจำได้ดีมากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.basenotes.net/threads/481264-NEZ-1-1-fragrances-(Hongkong-Oolong-and-Folia)