แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Nishane แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Nishane แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

Review: Nishane - B-612

Nishane - B-612

จากจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมอมตะที่สร้างความประทับใจระดับโลกอย่างเจ้าชายน้อย (Little Prince) ของอองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี ที่อย่างน้อยควรได้สัมผัสและอ่านเพื่อได้ความลึกซึ้งและการหาความหมายของชีวิต ซึ่งไม่ว่าใครก็ต่างมีความเป็นเจ้าชายน้อยในตัวเองเสมอ สู่การสร้างสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ตุรเคียอย่าง Nishane ที่เอาสิ่งที่น่าสนใจในการเป็นจุดเริ่มต้นของเจ้าชายน้อยทั้งในวรรณกรรมและความเป็นจริงมาบรรจบกันได้อย่างสวยงามใน Concept ไม่น้อยนั่นคือ ดาวเคราะห์น้อย B-612 ที่เป็นดาวของเจ้าชายน้อย และการค้นพบด้วยนักดาราศาสตร์ชาวตุรเคียถึงดาวเคราะห์น้อย B-612 ที่มีจริงๆ บนท้องฟ้าและอวกาศอันกว้างใหญ่นี้

และ Nishane เองก็ไม่ธรรมดาสร้างสรรค์น้ำหอมที่สื่อสารออกมาถึงเรื่องเจ้าชายน้อย ออกมาถึง 2 กลิ่น โดยจับรวมกันเป็น Imaginative Collection - Le Petit Prince ซึ่งแน่นอนว่า B-612 เป็นหนึ่งใน Collection นี้ ที่จะสื่อสารถึงดาวเคราะห์น้อยของเจ้าชายน้อยที่เติบโตมาผ่านจินตนาการทางด้านกลิ่นในการจับลงสู่ขวด ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเป็นอย่างไรให้ความรู้สึกแบบไหนนั้น มาว่ากันดีกว่า ส่วนอีกกลิ่นที่เป็นการเล่าถึงดอกกุหลาบอันเป็นที่รักอย่าง Vain & Naive ค่อยมาว่ากันทีหลัง

B-612 เปิดต้นกลิ่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นแบบอ่อนๆ แต่มีความอบอุ่นนุ่มนวลแฝงในเนื้อกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนมาก โดยแกนหลักของกลิ่นแทบไม่ต้องเดาอะไรให้มากความเลยนั่นคือ โทนไม้หอม จะเป็นแกนหลักของกลิ่นแน่นอนและมั่นใจได้ ซึ่งกลิ่นเปิดค่อนข้างมีความเฉพาะตัวพอสมควรเพราะจะเป็นโทนลาเวนเดอร์ที่มีความเขียวกึ่งน้ำในแจกันดอกกุหลาบ แต่จะมีกลิ่นออกทางไม้แห้งๆ แกมกลิ่นปร่าออกทางยางสนที่เป็นสไตล์กลิ่นของสนไซเปรสที่จะได้ความรู่สึกสว่างๆ เข้ามา ทำให้กลิ่นเปิดอารมณ์กลิ่นอยู่ตรงกลางพอดีระหว่างความนุ่มนวลละมุนๆ ที่มีความเป็นไม้หอมปร่าสะอาดๆ แกมกลิ่นสดชิ่นติดเขียวกึ่งกุหลาบบางๆ ซึ่งถือว่าเนื้อกลิ่นให้อารมณ์ที่มีความ Classic เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วยให้จับต้องได้

การเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดเจนมากขึ้นโดยที่ความเป็นลาเวนเดอร์กับโทนไม้สนไซเปรสยังคงอยู่ แต่ลดทอนความสดชื่นลงไปกลายเป็นกลิ่นโทนที่มีความอบอุ่นมากขึ้น โดยความเป็นไม้หอมที่เด่นชัดมาก แล้วยังมีความเป็นลูกผสมของกลิ่น Musky เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นกลิ่นของสารหอมติดอวลที่ให้อารมณ์เหมือนกลิ่นออกทางเสื้อผ้าทอที่อบอุ่นแกมกลิ่นไม้หน่อยๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะของ Cashmeran ที่มาผนวกกับกลิ่นไม้ซีดาร์ที่ให้ความปร่าขรึม เสริมด้วยความไม้หอมมิลค์กี้โทนสว่างครีมของไม้จันทน์หอมแกมกลิ่นพิมเสนปร่าระเรื่อ ซ่งเมื่อมาผนวกกับโทนลาเวนเดอร์จะได้อารมณ์ 3 โทนประสานหลักๆ อย่างไม้หอมอวลๆ แกมกลิ่น Musky Amber อบอุ่น และมีความเป็นแป้งลาเวนเดอร์เสริมให้กลิ่นมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้กลิ่นมีความสว่างแกมนุ่มนวลและอบอุ่นอวลๆ ที่ชัดเจน ซึ่งแม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ถึงกับซับซ้อนมาก แต่มีความลุ่มลึกที่ให้ความอบอุ่นสว่างนวลกำลังดีที่สร้างความประทับใจได้ไม่ยากเช่นกัน

เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มมีความอวลไม้หอมแกมกลิ่นที่น่าค้นหาและเริ่มแตะในเรื่องความผ่อนคลายที่เข้ามาให้รู้สึกได้ แต่ก็ยังคงมีน้ำหนักในเนื้อกลิ่นในด้านความอบอุ่นอยู่ เนื้อกลิ่นจะเริ่มจับต้องได้ถึงความเป็น Woody Musky ที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ Cashmeran กับไม้ซีดาร์และพิมเสนที่ยังคงอยู่เท่านั้น แต่จะมีตัวเสริมชั้นดีอย่าง Ambroxan ที่เข้ามาให้ความอบอุ่นในเนื้อกลิ่น สร้างน้ำหนักในกลิ่นและให้พลังแบบไม่โจ่งแจ้งแบบเนียนๆ ซึ่งจะมีกลิ่นออกทางนุ่มๆ ของ Musk มารองรับในแง่ของกลิ่นโทนสว่าง และมี Oak Moss มาตัดทอนให้กลิ่นออกทางเขียวเข้มแกม Classic ให้มีความน่าค้นหาและแอบมีกลิ่นออกทางติดหวานแกมถั่วที่จะกึ่งวานิลลาก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นของถั่วตองก้าทำให้กลิ่นมีความอบอุ่นแกมหวานแบบกำลังดีมีเสน่ห์แบบที่ได้ความร่วมสมัยในการใช้งาน เป็นการปิดท้ายกลิ่นที่คุมโทนความอบอุ่นนุ่มนวลและมีเสน่ห์ได้อย่างลงตัวตั้งแต่ต้นยันปลายจริงๆ

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ได้หมดทุกเพศ เพียงแต่เนื้อกลิ่นไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นตัวเจ้าชายน้อย แต่บอกถึงสภาพแวดล้อมบนดารเคราะห์ กลิ่นเลยจะไม่ได้เหมาะกับเด็ก แต่จะแตะตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืนได้เลยไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วไป แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายนักเพราะกลิ่นไม่ได้มาสายสดชื่นเท่าไหร่ ยกเว้นรอช่วงท้ายๆ อันนี้ได้อยู่ รวมถึงใส่ท่องราตรีถ้าอัดสเปรย์ก็ไม่ติด เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้มาสายปล่อยพลังรอบทิศหรือเรียกร้องความสนใจก็เท่านั้น

ความทน - เรียกว่าดีงาม เพราะว่าขั้นต่ๆที่เจอก็ 8 - 10 ชม. และยาวนานที่สุดก็ติดผิวจนข้ามไปอีก 1 วัน แม้ว่าจะอาบน้ำล้างตัวจนนอนไปจนถึงเช้าแล้วก็ตาม เรียกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วไม่เกิน 15 นาทีก็จะลดลงมาที่ปานกลางกันยาวๆ ไปจนถึงชั่วโมงที่ 5 ก่อนที่จะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแล้วคงความเสถียรต่อไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 8 - 10 แล้วแต่บุคคล ถึงลงมาติดผิว

สรุป - ภาพรวมทั้งหมดในเนื้อกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบ สิ่งที่ได้ในความรู้สึกเลยนั่นถือ เหมือนสถานที่อบอุ่นที่มีความนุ่มนวล และโทนสีสว่างในโทนแบบสีเอิร์ธโทนตั้งแต่เฉดขาวครีมยันน้ำตาลอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แม้ว่าจะอบอวลแต่ก็ไม่โฉ่งฉ่างจัดจ้าน ทุกอย่างให้ความสมดุลย์ทางกลิ่นที่พอเหมาะ และถ้าจะต้องนึกถึงสถานที่อย่างดาวเคราะห์ B-612 ที่เจ้าชายน้อยเกิดและเติบโตขึ้นมา ก็เข้าทางที่จะต้องเป็นสถานที่ที่มีความอบอุ่นแบบนี้ได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://nishane.com/product/b-612/

 

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Review: Nishane - Colognise

Nishane - Colognise

การได้เห็นคำว่า Extrait de Cologne ในครั้งแรกกับการที่แบรนด์น้ำหอมชื่อดังสาย Niche Perfume จากตุรกีอย่าง Nishane นำเสนอ เรียกว่าความน่าสนใจก็มาเต็มทันที เพราะว่าความเข้มข้นของคำว่า Extrait มันถือว่าเป็นความเป็นเข้มข้นสูงสุดของน้ำหอม ถ้าวัดกันตามสเต็ปความเข้มข้นปกติที่เป็นพื้นฐานความรู้เรื่องนี้ แต่พอมาเจาะที่ความเป็น Extrait de Cologne การไล่เรียงกลิ่นเลยแตกต่างจากสเต็ปปกติ มาเทียบเท่าลักษณะ Cologne Absolue ที่เป็นความเข้มข้นแบบ EDP นั่นเอง และที่สำคัญมาในกลิ่นอายสไตล์ Cologne สดชื่นเสียด้วย

เช่นนั้น ได้เวลาที่จะมาไล่เรียงกันหน่อยว่า Nishane จะนำเสนอออกมาอย่างไรบ้างกับรุ่นนี้ Colognise

เปิดตัวมาเรียกว่าความเป็น Citrus Cologne มาอย่างโดดเด่นมาก โดยเฉพาะการชูโรงกลิ่นของมะกรูดฝรั่งหรือ Bergamot ที่จะให้ความเปรี้ยวติดขมพุ่งออกมาแบบที่ไม่ได้หนักหน่วงมีควาสสมดุลย์พอดีเลยไม่ได้ดูพยายามยัดเยียดความเปรี้ยวสดชื่นมากนัก เลยได้ความเป็นธรรมชาติในเนื้อกลิ่นที่ลงตัวในพื้นฐานความสดชื่นได้เลย และไม่จบแค่นั้นเลเยอร์กลิ่นสาย Citrus จะมีความเปรี้ยวสว่างเจือแปร่งปนหวานปลายกลิ่นที่รับช่วงต่อจากมะกรูดฝรั่งอย่างเลมอน ที่สร้างให้กลิ่นมีลูกเล่นที่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับความเป็น Citrus แค่ตัวใดตัวหนึ่ง ยังไม่พอการชูโรงกลิ่นถ้ามันมีแต่ Citrus มันจะไม่ได้ในเรื่องของความอะโรม่า การมีกลิ่นชาเขียวเนียนๆ ที่มาแบบเบาๆ เคล้ากลิ่นมะลิอ่อนๆ เลยมาเกลาให้กลิ่นเปิดเป็นโทนสดชื่นของ Citrus ก็จริง แต่มีความกลมๆ ไม่คมไป ไม่โดดไป แถมมีความหอมกลิ่นชาอ่อนๆ ที่แทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นสร้างความซับซ้อนในความเรียบง่ายได้น่าสนใจมาก

หลังจากผ่านช่วงต้นไปซักครู่ ก็เข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่ที่วิถีของกลิ่นจากช่วงต้นยังคงเดิม สดชื่นยังไงมีความพอดีและธรรมชาติอย่างไงก็ยังมีอยู่แบบนั้น แต่จะมีกลิ่นออกทางซ่าติดแปร่งปนเปรี้ยวหอมมาเพิ่มแบบเนียนๆ สร้างความสว่างและสดใสเข้ามาร่วมด้วยจากเกรปฟรุตที่มาเสริมทัพฝ่ายเปรี้ยวสดชื่น แต่มีตัวกลางที่สำคัญมากอย่างกลิ่นดอกส้มที่สกัดด้วยไอน้ำ (Neroli) ที่มาสร้างกลิ่นอายกึ่งเปรี้ยวหอมกึ่งเขียวอะโรม่าปนนวลดอกไม้ขาวปลายกลิ่น โดยจะมาเชื่อมโยงกับโทนดอกไม้ขาวที่เริ่มมีความชัดมากขึ้นจากกลิ่นโทนมะลิที่ให้ความหวานใสสบายๆ ทำให้กลิ่นมีความพอดี ไล่เรียงเลเยอร์การรับรู้จากสดชื่น อะโรม่า และผ่อนคลายเป้นสเต็ปได้อย่างน่าสนใจมาก แต่เพียงไม่นานจะเริ่มขับต้องได้ถึงกลิ่นออกทางติดโทนไม้หอมแห้งๆ กึ่ง Smoky เล็กๆ และมีความเป็นโทนหญ้าๆ หน่อยๆ ที่เริ่มเปิดตัวออกมาและกลายเป็นตัวเด่นหลักในการเดินเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมในที่สุด

ซึ่งในช่วงท้ายกลิ่นจะมีความเรียบง่ายมากในการเป็น Woody Citrus Aromatic ที่มีความครบถ้วนมาก เพราะกลิ่นหญ้าแฝกที่เป็นแบบไอไม้แห้งๆ จะมีมิติกลิ่นของสาย Citrus ที่เป็นเกรปฟรุตและปลายเลเมอนคลอๆ อยู่ ซึ่งต้องชื่นชมเลยว่าเอาโทน Citrus ให้อยู่มาได้จนถึงช่วงท้ายได้ดีจริงๆ เพียงแต่จะเป็นลูกสนับสนุนเนียนๆ ประปรายในเนื้อกลิ่นมากกว่า โดยที่กลิ่นหญ้าแฝกที่ไม่ใช่กลิ่นแบบสาย Rooty ชุ่มดินเปียกมาจากไหน แต่เป็นกลิ่นไม้แห้งติด Earthy ดินแห้งอ่อนๆ มีเสน่ห์เสียมากกว่า ซึ่งกลิ่นจะโดนเกลาด้วย Musk เลยทำให้มีโทนสะอาดรองพื้นอยู่ให้จับต้องได้ เป็นการปิดท้ายกลิ่นอายสาย Cologne ที่ให้ความสดชื่น เข้าถึงง่าย และรื่นรมย์ที่กำลังดี มีระดับ และมีคุณภาพได้อย่างชัดเจน

เหมาะสำหรับ - เหมาหมดทุกเพศ เพราะเป็นกลิ่นอายสายสดชื่นที่ให้ความกลางๆ ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นเพศไหน เพียงแต่ช่วงวัยในการใช้งานก็ตั้งแต่ ม.ปลาย ก็ถือว่าใช้งานได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นจะครอบจักรวาลกวาดหมดในการใช้งานยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ไปเถอะยังไงก็มีระดับทางกลิ่นสูงในความสดชื่นจริงๆ ส่วนยามค่ำคืน เน้นแบบทั่วๆ ไป วันอากาศร้อนๆ ชิลล์ๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายเย้ายวนอะไรและไปสู้กับกลิ่นหนักๆ ได้ยาก เช่นนั้นตัดทิ้งการใส่เพื่อท่องราตรีไปได้เลย  

ความทน - อันนี้สิถึงเรียกว่า “ดีงาม” เพราะเนื้อกลิ่นโทนนี้มักจะไม่ได้อยู่กับเรานาน แต่ Nishane ทำออกมาถึงขั้น Extrait de Cologne เลยไปได้นานไปถึง 8 ชม. ได้สบายมาก ยังไม่พอไปต่อได้อีกถึง 12 ชม. ก็เจอบ่อยมาก เรียกว่าต้องยกให้เขาจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นและค่อนข้างคงตัวไในการกระจายดีที่สม่ำเสมอไปราวๆ 4 ชม. ถึงค่อยๆ ลดลงมาปานกลางเรื่อยๆ มาเรียงๆ ยาวไป พอเข้าราวๆ ชั่วโมงที่ 8 ก็จะเริ่มลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวผ่อนลงไปเรื่อยๆ จนเป้น Skin Scent

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นอายสาย Citrus Cologne ที่ทำออกมาได้ดีมากในเรื่องความทน และกลิ่นที่ไม่ได้ดูพยายาม ซึ่งคุมสมดุลย์กลิ่นอายที่ควรจะเป้นตามธรรมชาติได้ดีมีความเรียบหรูและสดชื่นอยู่ตลอด แน่นอนว่าความหวือหวาอาจจะไม่ได้ แต่ถ้าความสดชื่นแบบยังไงก็รอดแถมมีระดับก็ต้องยกให้เขาล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://perfume-malaysia.com/shop/nishane-colognise-extrait-de-cologne/

 

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Review: Nishane - Pasion Choco


Nishane - Pasion Choco

ถ้าเราหมุนลูกโลกไปหยุดที่แถบๆ โซนตะวันออกกลาง เราจะเจอประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศ 2 ทวีป เพราะบางส่วนอยู่ยุโรปและส่วนใหญ่อยู่เอเซีย นั่นก็คือ ตุรกี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอารยธรรมมาอย่างยาวนานในทุกด้านและเป็นอีกหนึ่งสวรรค์แห่งการท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนเราไม่ได้มาพูดกันเรื่องการท่องเที่ยว แต่เรามาว่ากันเรื่องกลิ่นน้ำหอม เช่นนั้น ตุรกีเองก็มีแบรนด์น้ำหอมระดับโลกที่มาในสาย Niche Perfume อยู่ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ Nishane

แบรนด์ Nishane เองเขามีความภูมิใจในการนำเสนอที่ตั้งของแบรนด์อย่างเมืองอิสตันบูลมากๆ เพราะจะเห็นได้จาก Label น้ำหอมทุกรุ่นจะมีการระบุชื่อเมืองไว้ชัดเจนเสมอ ซึ่งแบรนด์นี้มี Concept ในการสร้างสรรค์น้ำหอมโดยเน้นกลิ่นอายรากเหง้าทางประเพณี ผนวกกับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยตอบสนองความหลากหลานทางสากลแบบที่เมืองอิสตันบูลเป็น เช่นนั้น เมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้ การเลือกกลิ่นที่มาเล่าต่อก็ต้องมีความน่าสนใจ โดยเมื่อจิ้มมาแล้วกับรุ่น Pasion Choco ก็ขอมาสร้างกิเลสผู้อ่านกันซักหน่อยแล้วกัน

คำว่า Pasion Choco ชัดเจนมากกับการสื่อสาร Notes กลิ่นหลักของรุ่นนี้เลยนั่นคือ เสาวรส (Passion Fruit) และชอคโกแลต และก็เรียกว่านำเสนอออกมาได้เก๋ แปลก แต่น่าประทับใจและใช้ง่ายไม่น้อยเลย โดยจะเริ่มที่การเปิดตัวกับการเป็นกลิ่นอายสาย Fruity ผลไม้กันเต็มๆ ซึ่งกลิ่นเสาวรสจะเป็นตัวเดินเรื่องราวกลิ่นกันก่อนเลยซึ่งจะสร้างโทนหวานหอมกึ่งไซรัป โดยที่มีกลิ่นเกรปฟรุตมาเป็นตัวเสริมให้อารมณ์สดชื่นเนียนๆ ไปในเนื้อกลิ่น และพอจับต้องโทนหวานแหลมกึ่งวานิลลาจากกำยาน Benzoin เข้ามาเนียนๆ อยู่ด้วย ทำให้กลิ่นหวานผลไม้มีความลึกและมิติของกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญจะมีเลเยอร์กลิ่ยซ้อนและผสมผสานอย่างโทนกาแฟและชอคโกแลตที่ไม่ได้มาข้นๆ แต่มาแบบกลิ่นกลางๆ แต่ชัดเจนให้จับต้องได้ อารมณ์แบบกลิ่นแนวบรรยากาศที่เป็น Background ที่เห็นได้ชัด ซึ่งการผสมผสานในการเป็นเสาวรสกับชอคโกแลตในช่วงต้นเป็นข้อดีเลยทีเดียวที่ทำให้กลิ่นช่วงต้นไม่ได้หวานเชื่อมเกินไป มีโทนติดขมดาร์กอะโรม่ามาตัดทอนให้ความหวานหอมกึ่งผลไม้กึ่งไซรัปคุมโทนได้ดีไม่หนักหน่วงเกินไป

เมื่อเนื้อกลิ่นของโทนหวานหอมเสาวรสเริ่มเบาความหวานเจือไซรัปลงมา โดยที่ฉากหลังยังคุมโทนกลิ่นกาแฟและชอคโกแลตอยู่ ก็จะเริ่มมีความหวานหอมโทนอื่นๆ เข้ามาเพิ่มมิติกลิ่นที่แตกต่าง แต่ยังคุมโทนการเป็นกลิ่นเสาวรสได้ดีอยู่ นั่นก็คือ ดอกไม้ที่จะจับโทนหวานน้ำผึ้งใสๆ อ่อนๆ และมีกลิ่นออกทางหวานโปร่งปนสะอาดที่ให้ความรื่นรมย์ ซึ่งจะทำให้กลิ่นมีพื้นฐานความหวานที่มีมิติซ้อนกัน 3 เลเยอร์ที่มีการตัดโทนด้วยกลิ่นอายสายเครื่องเทศได้อย่างน่าสนใจมาก คือ ผลไม้ ดอกไม้ และโทนชอคโกแลตสอดไส้พราลีนเจือวานิลลาหน่อยๆ ทำให้อารมณ์กลิ่นจะหวานหอมที่ไม่แหลมมากนัก โดยจะมีความปร่าเผ็ดเล็กๆ เจือความขมหอมอะโรม่าของดาร์กชอคโกแลตแกล้มกาแฟบางๆ ได้อย่างลงตัวและน่าค้นหามากเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเมื่อเริ่มมีโทนวานิลลาเปิดตัวออกมาให้รับรู้และแอบมีความหวานแปร่งติดไม้แนวๆ กำยาน Benzoin ทำให้กลิ่นเริ่มมีการปรับทิศทางในการเข้าสู่ช่วงท้ายตามลำดับ และจะเริ่มมีกลิ่นออกทางหวานเรื่อเจือสมุนไพรแห้งของพิมเสนเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลิ่นโทนหวานเสาวรสและดอกไม้จะเริ่มจางไปลงตามลำดับ ทำให้ช่วงท้ายเริ่มกลายเป็นโทนวานิลลาที่อบอุ่นแบบสมดุลย์ ไม่ขนมเกินไป และไม่ได้ออกทางแป้งจ๋าเกินไป มีความแหลมเล็กๆ ตามสไตล์ที่มีกำยาน Benzoin ผสมปนไปกับกลิ่นเรื่อพิมเสนเบาๆ สร้างความอะโรม่ากำลังดี และมีกลิ่นติดขมชอคโกแลตที่ยังคงจับต้องได้อยู่ตลอดแบบสร้างบรรยากาศโทนสีชอคโลแลตท่ามกลางความหวานหอมนวลคลอผิวได้อย่างลงตัวและดีงามเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน แม้กลิ่นจะเปิดด้วยผลไม้อย่างเสาวรสก็ตามที แต่ก็ไม่ได้ไปทางสาวจ๋า มีความหวานแบบกลางๆ ที่แตะได้ทุกเพศ ซึ่งกลิ่นสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบให้ตัดยามทางการจัดๆ รวมถึงกิจกรรมลุยๆ และออกกำลังกายออกไปได้เลย ไม่เข้าทาง แต่จะลงตัวมากกับการใส่แบบทำงานแบบอยู่ Office หรือว่าทั่วๆ ไปจะค่อนไปทางสร้างเสน่ห์ในโทนหวานก็ย่อมได้ รวมถึงการใส่เพื่อโรแมนติคยามค่ำคืน ลามไปยังใส่ท่องราตรีแบบเพิ่มสเปรย์ลงบนผิวหน่อย ก็เอาอยู่แบบที่เน้นคลุกวงในได้ดีเลย (ไม่ควรฉีดเสื้อเพราะน้ำหอมเข้มข้นมาก เสื้อมีด่างกันได้เลยนะนั่น)

ความทน - เพราะมาสาย Extrait de Parfum หรือ Pure Parfum ด้วย กลิ่นจะทนลงตัวกับที่ 8 ชม. และสามารถไปต่อได้มากกว่านั้นได้อีกจนถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว เรียกว่าห้าห่วงทนหายห่วงได้เลย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาปานกลางซักพัก ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปตั้งแต่ปลายๆ ช่วงกลาง ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งคือ กลิ่นจะไม่ได้กระจายมากจนทำให้อึดอัด แต่จะให้ความลงตัวกำลังดี ได้ทั้งมุ้งมิ้งกับตัวเองและคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นแบบที่สร้างความรื่นรมย์ในโทนหวานได้ไม่ยาก

สรุป - กลิ่นยกระดับความหวานที่มีมิติการรับรู้กลิ่นได้แตกต่างและไม่เหมือนใคร เพราะแต่ละช่วงจะสร้างความหวานที่ต่อเนื่องแต่แตกต่างทางอารมณ์เริ่มจากผลไม้ ตามด้วยหวานกึ่งขนมกึ่งน่าค้นหา และปิดท้ายที่หวานนวลเจือแปร่งมีเสน่ห์ของพิมเสนคลอผิว โดยทุกๆ ช่วงจะมีชอคโกแลตเป็นตัวสร้างบรรยากาศตัดทอนลุ่มลึกให้จับต้องได้ตลอด ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มาสายหวานแบบกำลังดีเคล้าความมีมิติที่สื่อสารถึงเสาวรสกับชอคโกแลตได้น่าสนใจมากจริงๆ

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credithttps://www.frenchfragrance.com/fragrance/3242-nishane-pasion-choco-edp-50-ml-8681008055449.html