แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Sospiro แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Sospiro แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Review: Xerjoff - Laylati / Sospiro - Afgano Puro


Xerjoff - Laylati / Sospiro - Afgano Puro

จากที่ Sospiro ถูกยุบมารวมเป็นส่วนหนึ่งของ Xerjoff ในการเป็น Velvet Collection ที่ขวดจะหุ้มกำมะหยี่ หนึ่งในกลิ่นสายยาสูบและไม้หอมอย่าง Afgano Puro ก็โดนเปลี่ยนชื่อมาเป็น Laylati ในปัจจุบัน

แต่อยู่ดีๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีก เพราะ Sospiro กลับมาประจำการเช่นเดิม ซึ่งก็ดึงเอากลิ่นต่างๆ กลับไปอยู่ในอ้อมอกอีกครั้งโดยกลับไปใช้ชื่อเดิม และยังคงให้ Xerjoff คงการจำหน่าย Velvet Collection หรือปัจจุบันเป็น V Collection ไปแล้วเช่นกัน (ก็เครือเดียวกัน แค่แยกแบรนด์ในการเจาะตลาด) เช่นนั้น ถ้าว่ากันตรงๆ Afgano Puro กับ Laylati ก็ตัวเดียวกันนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะใช้แบรนด์ไหน

และก็ถึงเวลาที่จะเล่ากลิ่นกันแล้วว่าเนื้อกลิ่นจะเป็นอย่างไรและ Strong ขนาดไหน (โดยจะขอเรียกชื่อกลิ่นว่า Laylati เป็นหลัก)

เปิดต้นกลิ่นมาความเข้มชัดของฐานกลิ่นที่มีกลิ่นยาสูบกับไม้หอมแนวๆ Smoky ที่น่าจะมีโทนของไม้หอมติด Smoky และ Oud เนียนๆ จะชัดเจนเลยทีเดียว แต่ก็จะโดนฉาบด้วยกลิ่นโทนเขียว แต่ไม่ได้มาสายสดชื่นเต็มๆ นัก แม้ว่าจะได้อารมณ์แบบเขียวใบไม้ใบหญ้าแบบสดชื่นในวูบแรกของการฉีดก็จริง แต่มันมีความเขียวแปร่งดาร์กๆ อารมณ์กลิ่นแบบพิมเสนที่ติดเขียวค่อนไปทางดาร์ก แอบมีอารมณ์แบบควันกัญชาด้วยหน่อยๆ ให้รู้สึกสะกิดใจ แต่เพียงไม่นานยาสูบก็มาเทคโอเวอร์ ซึ่งยาสูบจะไม่ได้มาแบบติดหวานแบบสไตล์ใบยาสูบบ่มหอม เพราะพื้นฐานกลิ่นมีความดาร์กและมีความ Smoky เลยจะได้ความรู้สึกแบบควันยาสูบที่ยังมีความเขียวแห้งๆ แกมหวานปลายๆ ที่รวมกับกลิ่นสายดาร์กช่วงเปิดทั้งหมด แต่ไม่ได้ดาร์กเกินไปจนดำมืด ค่อนข้างโปร่งมากกว่าที่คิดแม้กลิ่นจะอบอวลดีเลยทีเดียวก็ตาม และยาสูบนี่แหละที่จะกลายเป็น Center ของกลิ่นไปยาวๆ จนถึงช่วงท้ายเลย 

และเมื่อยาสูบดึงโทนให้มีความ Smoky กึ่งหวานในระดับหนึ่งจนได้ที่ก็เข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมเต็มตัว โดยจะเป็นหนึ่งในกลิ่นที่ตีคู่ไปกับกลิ่นของไม้หอมที่ค่อนข้างมีการผสมผสานอยู่หลากหลายโทนไม่น้อย เพราะจะได้ความขรึมๆ ของไม้ซีดาร์ที่ชัดเจนที่สุด ตามด้วยกลิ่นไม้แห้งติด Smoky Nutty หน่อยๆ ที่คาดว่าน่าจะมีหญ้าแฝกอยู่ในนี้ รวมถึงมีความเป็น Oud บางๆ เบาๆ คลอ แกม Incense นิดๆ ที่ให้ความน่าค้นหาเข้ามา แต่ไม่ใช่จบแค่ไม้หอมยังมีพิมเสนที่ให้ความดาร์กแกมกลิ่นไม้ติด Earthy ดินๆ นิดๆ แบบไม่ใช่พิมเสนแห้งที่ให้ความปร่ากึ่งชอคโกแลตหรือว่าพิมเสนสะอาดๆ ใสๆ เลยทำให้ช่วงนี้เป็น 3 ประสาน ยาสูบ ไม้หอม พิมเสนสายดาร์ก ที่ให้ความชัดเจนอบอวล ซึ่งบอกเลยว่ากลิ่นมีความดึงดูดในสไตล์เซ็กซี่ ดาร์ก น่าค้นหา และเย้ายวนแบบเนื้อกลิ่นมีคุณภาพสูงมาก ซึ่งแม้กลิ่นจะทำให้นึกถึง Nasomatto - Black Afgano อยู่พอสมควรในโทนกลิ่นลักษณะนี้ แต่เนื้อกลิ่นมีความ Lighter มากกว่าชัดเจน ซึ่งเป็นข้อดีที่ไม่ทำให้ Deep เกินไปในการส่งต่อความหอมดึงดูดแต่ผู้คนมากนัก

รอยต่อระหว่างช่วงกลางกับท้าย ยาสูบก็ยังเป็นตัวเชื่อมชั้นดีที่ค่อยๆ ดึงเอา Musk และวานิลลาเข้ามาเสริม  ทำให้อารมณ์กลิ่นจะได้โทนลูกผสมระหว่างยาสูบและวานิลลาที่ไม่ได้หวานเกินไป ไม่ได้ข้นเกิน เพราะ Musk ทำให้กลิ่นละมุนขึ้น จนเมื่อเข้าช่วงท้ายเต็มตัว ถึงได้ไล่เลเยอร์ของกลิ่นออกเป็นยาสูบที่ที่ให้ความหวานโปร่งเย้าๆ ตามด้วยไม้หอมกึ่งวานิลาที่มีความ Smoky กึ่งดาร์กของพิมเสนกลางๆ กำลังดี และปิดท้ายด้วย Musk ที่ให้เนื้อกลิ่นมีความกลมกล่อมมากขึ้น กลิ่นจะผสมผสานกันอย่างมีชั้นเชิงและให้ความรู้สึกจับต้องได้ทุกโทนทั้งวูบที่เป็นยาสูบกึ่งวานิลามีความเป็นไม้หอมซ้อนอยู่เจือความ Smoky หน่อยๆ ก่อนจะทิ้งความนุ่มอ่อนๆ ไว้ที่ปลายกลิ่น เรียกว่าเป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์และให้โทนกลิ่นสายน่าค้นหา เย้ายวน และมีเสน่ห์แบบที่คงความมีระดับหรูหราในเนื้อกลิ่นได้อย่างครบถ้วน

เหมาะสำหรับ - แม้แบรนด์จะลงไว้ว่า Unisex ไม่ว่าจะทั้ง Xerjoff และ Sospiro แต่กลิ่นไพล่ไปทางผู้ชายแบบชัดเจนมากเลยทีเดียว ซึ่งถ้าผู้หญิงจะใช้ อารมณ์จะออกแนวเท่ห์ๆ ให้ความ Mix & Match กับลุคแนว Gentlewoman นิดนึง ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นทรงพลังทีเดียวเชียว ซึ่งเข้ากับการใส่แบบทางการ หรือเน้นขับความสมาร์ทมีเสน่ห์แนวๆ Smart Casual มาก แต่ถ้าจะใส่ออกกำลังกายหรือออกแนวลุยๆ ข้ามไปน่าจะดีกว่ากลิ่นไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนที่ไม่ใช่ใส่นอน บอกเลยว่าจัดไป กลิ่นมาสายปล่อยเสน่ห์แบบมีระดับและมีคลาสแบบเต็มๆ 

ความทน - เอาตรงๆ ที่เจอคือ มาเต็มมาก เพราะข้ามคืนกันเลยทีเดียว แม้อาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดผิวรุมๆ จนถึงเช้าของวันถัดไป เช่นนั้นยังไงก็เกิน 8 ชม. แน่นอน ทนจัดชัดเจนจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก และดีสุดเลยในช่วงต้น และลดลงมาคงตัวการกระจายที่กระจายดียาวๆ ไปจนถึง 5 ชม กันเลย ก่อนที่จะผ่อนลงมาปานกลางยาวๆ ไปอีกจนถึง 10 ชม. ก็จะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ไปจนกว่าน้ำหอมจะพอใจ 

สรุป - ถ้าอย่างที่หลายๆ ผู้ใช้กล่าวว่ากลิ่นนี้คล้าย Nasomatto - Black Afgano อันนี้ก็ไม่เถียง แต่เนื้อกลิ่นจะไม่ได้ Deep และ Dark ขนาดนั้น มีความ Lighter มากกว่า รวมถึงปลายทางของกลิ่นคือการมีวานิลลากับ Musk มาทำให้กลิ่นมีความนุ่มนวลมากขึ้น มันทำให้ยกระดับความหรูหราของกลิ่นได้มากจริงๆ ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์และสร้างเสน่ห์ให้ผู้ใช้ได้ครบเครื่อง ตลอดจนใครก็ตามที่เป็นสายยาสูบ กลิ่นนี้ถือเป็นอีกกลิ่นที่น่าสนใจไม่น้อยในการได้ลอง 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit -

 - https://makeup.ie/product/583166/

 - https://sospirointernational.com/products/afgano 

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Review: Sospiro - Wardasina / Xerjoff - Velvet Collection: Wardasina

Sospiro - Wardasina / Xerjoff - Velvet Collection: Wardasina

Sospiro เปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 2011 กับการเป็นแบรนด์ Niche Perfume ใหม่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแบรนด์ Niche Perfumery หรูชื่อดังอย่าง Xerjoff กับการนำเสนอความเป็นศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาทางกลิ่นอายต่างๆ แบบสไตล์อิตาเลี่ยนและเมดิเตอร์เรเนียนก็จริง แต่ไม่ได้ซ้ำกับแบรนด์ใหญ่อย่าง Xerjoff เพราะมุ่งมาที่การถ่ายทอดความเป็นกลิ่นอายต่างๆ ท
ี่มีแรงบัลดาลใจมากจากดนตรีคลาสสิคและละครโอเปร่าแทน กับรูปทรงขวดที่หุ้มด้วยกำมะหยี่หรูหราหมาเห่าที่สุดของแจ้มาแต่ไกล รวมถึงราคาเองก็สมฐานะการเป็นสาย Luxury ที่เห็นแล้วก็ ขนลุกไปอี๊กกกก!

Sospiro เดินทางมาจนถึงปี 2018 ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น เพราะแบรนด์เองก็สลัดภาพของ Xerjoff ไม่หลุดไม่พอยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร ในปี 2019 จึงได้เกิดการควบรวม โดย Sospiro ได้เปลี่ยนสภาพมาเป็นหนึ่งใน Collection หนึ่งของแบรนด์ใหญ่แทนอย่าง Xerjoff - Velvet Collection แต่จะปิดฉากแบรนด์ Sospiro ยาวเลยไหมก็ว่ากันอีกที ซึ่งหลายๆ รุ่นของ Sospiro ก็ได้มาประจำการกับการเป็น Xerjoff โดยไม่ได้มีการปรับสูตรแต่อย่างใด ซึ่งรวมถึงรุ่นที่กำลังจะเล่ากลิ่นในครั้งนี้ด้วยอย่าง Wardasina ที่มาแดงแรงฤทธิ์เพียง 1 เดียวของไลน์นี้กับการนำเสนอความเป็นโทนกุหลาบซึ่งจะไม่ธรรมดาแค่ไหน ก็ว่ากันได้ตามนี้เลย 

Wardasina เป็นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่เรียกว่ามีความโดดเด่น 3 กลิ่นหลักเลย คือ กุหลาบ หญ้าฝรั่น และยาสูบ ที่แต่ละโทนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีและผสมผสานสอดรับกันเป็นอย่างดีที่สร้างลักษณะลึกลับน่าค้นหาแบบนิ่งๆ แต่มีความซับซ้อนซ่อนอยู่ได้อย่างน่าสนใจและงดงามมากเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นจะเปิดตัวกันที่ความสดชื่นติดนิ่งๆ แต่ไม่ธรรมดา เพราะการเล่นโทนสมุนไพรติดเขียวๆ ที่ควรจะเป็นโทนสดชื่นแบบสายคลาสสิค แต่ปรับให้กลิ่นมีความลึกลับกันตั้งแต่แรกด้วยโทนติดดาร์กแต่ไม่สากดิบเกินไปของพิมเสน ที่ให้ความระเรื่อแบบเขียวปร่าซ่าหวานลึกแบบหรูหรากำลังดีที่เกลากลิ่นมาอย่างงาม ตีคู่กับความเป็นสมุนไพรติดเขียวปร่าอ่อนๆ แต่เพียงชั่วขณะตัวเอกของเราก็มา นั่นคื กุหลาบ ที่จะให้ความติดฝาดหวานขรึมเสริมเข้ามาแบบกำลังดี ไม่ได้ดูเป็นกุหลาบแห้งแดงฟุ้งๆ แบบสายกุหลาบคลาสสิค และไม่ได้ใสจ๋าแบบน้ำกุหลาบสดชื่นอะไรแบบนั้น ทำให้ช่วงต้นจะสร้างออร่าที่ชัดเจนถึงการเป็นกลิ่นอายสายลึกลับติดขรึมวางตัวมีระดับกันตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว 

กุหลาบจะเป็นตัวเอกหลักที่จะสร้างความเป็นกุหลาบแดงแบบเย้าลึกน่าค้นหากันอย่างชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลาง เพราะหญ้าฝรั่นจะเปิดตัวออกมาและเป็นตัวที่สร้างความลึกอวลน่าค้นหาของกลิ่น ทำให้กลิ่นที่ตามมาจากช่วงต้นจะผสมผสานกับกลิ่นในช่วงกลางนี้ ในลักษณะแบบกุหลาบ หญ้าฝรั่น และพิมเสนที่แท็คทีมกันได้ดีมากในการสร้างลักษณะความลึกลับเย้ายวนและดึงดูด อารมณ์จะไม่ได้ยั่วยวนอะไรโต้งๆ โจ่งแจ้งนัก แต่จะให้ความมีระดับและมีความสูงศักดิ์หรูหราแบบนิ่งๆ ขรึมๆ กึ่งเย็นชาหน่อยที่สร้างอัตลักษณ์ทางกลิ่นที่น่าค้นหาเป็นตัวตั้ง ที่สำคัญไม่ได้มีเพียงแค่ 3 โทนข้างต้น กลิ่นจะยังมีโทนไม้หอมที่ Smoky อ่อนๆ เข้ามาเสริมจากไม้ซีดาร์อีกด้วย ทำให้ทุกอย่างจะครบถ้วนกับการเป็นโทนอวลลึกดึงดูดมีระดับเข้าไปอีกแบบที่จะสัมผัสกลิ่นกุหลาบติดฝาดหวานระเรื่อปนอวลหวานปนขมลึกของหญ้าฝรั่น เสริมออร่าความดาร์กลึกลับด้วยพิมเสนกับโทนไม้หอมปนควันอ่อนๆ ดึงดูดโปร่งๆ ของไม้ซีดาร์ ที่ทำให้เห็นภาพออกมาเป็นช่อกุหลาบแดงกลีบกำมะหยี่ที่มี Spotlight ส่องลงมาท่ามกลางความสลัวที่รายรอบ มันโดดเด่นน่าสนใจขนาดไหนก็แบบนั้นเลย 

และไม่นานกลิ่นโทนยาสูบจะค่อยๆ เนียนเข้ามาสร้างความ Aromatic เจือหวานเฉพาะที่ติดควันอ่อนๆ จนเปิดทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กลิ่นโทนกุหลาบและหญ้าฝรั่นจะเริ่มเบาลงไปเป็นผู้สนับสนุนรองเสริมให้กลิ่นยาสูบเป็นตัวเดินกลิ่นหลัก เพียงแต่จะไม่ได้เป็นยาสูบที่มาสายอะโรม่า เพราะจะให้ความเป็นยาสูบติดขรึมปนลึกอวลน่าค้นหาแทน โดยกุหลาบจะให้ความหอมนวลปนฝาดบางๆ และหญ้าฝรั่นยังคงให้โทนลึกอวลปนขมหวานกรุยกรายหน่อยๆ อยู่ ที่สำคัญกลิ่นจะมีตัวรองพื้นชั้นดีอย่างวานิลลาอ่อนๆ แบบ Lite Version ผสมผสานกับ Musk เจือกลิ่นออกแนวสาบปลุกเร้า Animalic หน่อยๆ แต่ไม่ได้ชัดเจนมากจนเป็นนัยยะสำคัญของทิศทางกลิ่นนัก ซึ่งทำให้กลิ่นที่ได้จะเป็นหอมยาสูบติดควันหน่อยๆ ขรึมๆ เคล้าความขมปนหวานอวลลึกอบอุ่นของหญ้าฝรั่นที่สร้างความกรุยกรายมีระดับในเนื้อกลิ่น และมีโทนเย้าของ Musk ที่สร้างความเย้ายวนแบบเนียนๆ ซึ่งกุหลาบจะเหลือเพียงเบาๆ สร้างออร่ากลิ่นโทนออกทางสีแดงประปรายบางๆ อยู่พอสมควรก่อนจะจางไป คงเหลือกลิ่นที่เป็นโทนยาสูบเจือหญ้าฝรั่นหรูหราและ Musk เป็นตัวยืนพื้นแบบยาวๆ สร้างออร่ามีเสน่ห์ สูงศักดิ์ อบอุ่นหน่อยๆ และหรูหราไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำหอมจะพอใจบนผิวกายผู้ใช้นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นอายแม้จะมาสายกุหลาบสูงศักดิ์ หรูหรา ลึกลับและน่าค้นหา แต่ก็ไม่ได้ไปสายผู้หญิงเต็มๆ แต่อย่างใด มีความ Unisex สูงมากแบบที่ผู้หญิงใส่ก็จะดูมีความนางพญา ผู้ชายใส่ก็ดูเป็นคุณชายในโทนน่าค้นหา ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไปแบบมีมาดหน่อย เพราะมันคุมโทนหรูหรามีระดับแบบนิ่งๆ เลยไม่เข้าทางกับการใส่ไปลั่นล้า กรี๊ดกร๊าดวี้ดว้าย หรือลุยๆ แต่อย่างใด จึงแนะนำให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืน การใส่ออกงานหรูนี่เข้าทางสุดๆ ส่วนท่องราตรีก็จัดได้เพียงแต่จะไปสายหรูหราวางตัว Cool และ Elegant มากกว่าที่จะปล่อยเสน่ห์เพื่อให้ได้ผัวได้เมียกลับบ้าน ก็มันกลิ่น High-End น่ะนะ 

ความทน - สุดติ่งมาก เพราะ 15 ชม. กลิ่นยังทำงานได้ดีอยู่เสมอต้นเสมอปลายมาก อันนี้ยอมโดดเด่นมากจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดระดับลงไปเรื่อยๆ จนเมื่อพ้นซัก 6 ชม. ก็ออร่ารอบๆ ตัวไปยาวๆ แบบที่คงตัวและเสถียรมากจริงๆ อันนี้ก็ยอมเพราะคุมความกระจายแบบผู้ดีสูงศักดิ์ได้เป๊ะมาก 

สรุป - หนึ่งในกลิ่นกุหลาบสายหรูหราติดโทนดาร์ก แต่ไม่ได้ดำดิ่งจนหนักหน่วง ทุกอย่างมีความสมดุลย์ที่ลงตัวในการสร้างโทนลึกลับน่าค้นหาแบบไม่ต้องข้นนัว ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างได้อารมณ์ของกุหลาบแดงกำมะหยี่ท่ามกลาง Spotlight ได้อย่างหรูหรา ไม่ธรรมดา และมีระดับสูงศักดิ์ได้ชัดเจนมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.orental.ru/woman/xerjoff/sospiro-wardasina/ และ https://www.eaudeparfum.nu/en_GB/a-42846156/xerjoff-v/xerjoff-v-wardasina-100ml/