แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Kenzo แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Kenzo แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: Kenzo - Nuit Tatami

Kenzo - Nuit Tatami

ในปี 2022 เมื่อ Kenzo ได้เปิดตัว Collection น้ำหอมใหม่ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในวัยเด็กของผู้ก่อนตั้งแบรนด์อย่าง Kenzo Takada ที่เติบโตมากับบ้านที่ทำพิธีชงชา โดยทุกอย่างจะมีความเป็นกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นมาเป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์กลิ่น ซึ่งได้ Perfumer ต่างๆ มาร่วมกันสร้างสรรค์ในแต่ละ Concept ที่มาจากความทรงจำ โดยมาจากฤดูกาล สิ่งแวดล้อม ความรื่นรมย์ และกลิ่นที่อยู่ในความทรงจำต่างๆ ซึ่ง Collection นี้ก็คือ Kenzo Memori

ทั้ง 8 กลิ่น ที่ปล่อยออกมาจนถึงปัจจุบัน ทุกกลิ่นต่างก็นำเสนอความเป็น Unisex Scent ทั้งหมด และต่างที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์ ขึ้นอยู่กับว่า Perfumer จะเจาะไปในด้านในตามเรื่องราวความประทับใจในวัยเด็กของผู้ก่อนตั้งแบรนด์ และเมื่อเกิดความสนใจ 1 ใน 8 กลิ่นที่สื่อสารถึงกลิ่นอายอะโรม่าของเสื่อตาตามิในบ้านที่ให้ความรื่นรมย์ในยามค่ำคืน + กับกลิ่นอายความอบอุ่นของแสงไฟและความรื่นรมย์ของห้องนั่งเล่นในบ้านอย่าง Nuit Tatami บอกเลยว่าความน่าสนใจมาเต็ม เพราะอยากรู้ว่าจะถ่ายทอดกลิ่นออกมาอย่างไร เช่นนั้น ใช้แล้ว ซึมซับแล้ว ก็บอกต่อได้ตามนี้ 

โทนแป้งและความอบอุ่นของเนื้อกลิ่นจะชัดเจนตั้งแต่เรื่องต้นเลย แต่คาดการณ์ไม่ผิดแน่นอนว่าจะเป็นพื้นฐานกันยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้ายของน้ำหอม และจะเป็นกลิ่นอายสไตล์มินิมัล ซึ่งช่วงเปิดกลิ่นอายโทนแป้งที่เป็นลักษณะของแป้งข้าว + ไอริส + ไวโอเล็ต + วานิลลา + คาดว่าจะมีลาเวนเดอร์อยู่ด้วยด้วย แบบผสมผสานกันออกมาให้มิติไล่เรียงโทนกลิ่นที่ต่อเนื่องและสอดรับกันได้อย่างลงตัว เพราะจะได้อารมณ์ทั้งกลิ่นอายแบบแป้งฝุ่นโปร่งหวาน แต่มีความนวลครีมอบอุ่นแกมสะอาดรองพื้น แต่เนื้อกลิ่นจะมีความปร่าแกมฝาดหน่อยๆ ของพริกไทยสีชมพู ที่ทำให้มี Part ของความปร่าเครื่องเทศโทนโปร่งและมีความเป็นกลิ่นติดกุหลาบบางๆ เข้ามาตัดแบบเบาๆ กำลังดี ถือว่าเป็นช่วงที่เปิดการรับกลิ่นโทนแป้งได้ดี มีความมินิมัลและสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นแต่ไม่หนักหน่วงตั้งแต่แรกเริ่ม

เมื่อเนื้อกลิ่นปรับโทนเข้าสู่ช่วงกลาง จะเข้าสู่ Part ของการเป็นโทนแป้งแบบเต็มร้อย โดยจะให้อารมณ์ของการเป็นโทนออกทางแป้งฝุ่นแบบกึ่งเครื่องสำอางค์หน่อยๆ เพราะมีความหวานนวลแกมดอกไม้แบบเรื่อๆ โดยมีความ Feminine อยู่ในระดับที่ค่อนข้างมากอยู่ไม่น้อยเป็นตัวตั้ง แต่จะมีตัวเสริมชั้นดีคือโทนแป้งที่ให้ความครีมมี่อบอุ่นเสริมเข้ามาให้เนื้อกลิ่นมีโทนสีครีมนวลค่อนไปทางสีครีมวานิลลา + กลิ่นคล้ายแป้งลาเวนเดอร์มาให้จับต้องได้ กลิ่นยังมีความปร่าหวานที่ค่อนไปทางแนวชะเอมอยู่บ้างแต่ค่อนข้างบาง เน้นความอบอุ่นนุ่มนวลแหมแป้งหอมที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา รวมถึงกลิ่นเกลามาได้สวยเลยทีเดียว

ช่วงท้ายความเป็นแป้งฝุ่นแกมหวานโปร่งจะเริ่มลดบทบาทลงเป็นเนื้อเดียวกับกลิ่นโทนแป้งสายอบอุ่น ซึ่งในช่วงนี้จะมีกลิ่นอายของ Musk เข้ามาเสริมด้วย แต่จะมีความเขียวนิดๆ แกมหวานบางๆ แทรกในเนื้อกลิ่นให้รู้ได้ด้วย ซึ่งน่าจะเป็น Ambrette ที่เป็นกลิ่นอายของ Musk ที่มาจากพืช ซึ่งช่วงนี้เลยทำให้ได้ความรู้สึกแบบเสื่อตาตามิเข้ามาอยู่หน่อยนึงให้รับรู้ได้อยู่บางๆ (พึ่งมาประมาณนั้น) เลยทำให้ภาพรวมช่วงท้ายจะได้กลิ่นอายอบอุ่นของวานิลลาแกมหวานนุ่มนวลสะอาดมีปลายกลิ่นที่เป็นแป้งฝุ่นที่ให้ความอบอุ่นแกมผ่อนคลาย และมีวูบของบรรยากาศห้องญี่ปุ่นในแสงไฟสีนวลให้รู้สึกรื่นรมย์

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นค่อนไปทางผู้หญิงถึงราวๆ 75% เลยทีเดียว เพราะช่วงกลางจะให้ความเป็นแป้งหอมสไตล์เครื่องสำอางค์ติดหวานโปร่งนานพอตัว แต่ถ้าผู้ชายไม่ได้มายด์เรื่องนี้ เน้นใส่ให้ความรื่นรมย์ทางกลิ่นกับตัวเองเป็นสำคัญ ก็ใช้ได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่ในช่วงอากาศร้อนก็ได้อยู่ เพราะกลิ่นไม่ได้หนักหน่วงนัก แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปเลยดีที่สุด เพราะไม่ได้อารมณ์สอดคล้องกัน ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ หรือว่าโรแมนติคจะเข้าทางที่สุด และไม่ค่อยเหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเลย เพราะกลิ่นแม้จะมาสายอบอุ่นแต่ก็ไม่ได้ปล่อยพลังจัดจ้านที่จะเรียกแขกได้ นอกจากดึงมาซุกไปเลยแบบไม่ต้องไปที่อื่น จะพอถูไถในแง่ปล่อยเสน่ห์ได้อยู่

ความทน - อยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้และตัวแปรอื่นๆ อย่างสภาพอากาศด้วย เพราะถ้าใส่แบบอากาศกำลังดี ค่อนไปทางเย็นๆ ความทนจะลากยาวได้น่าพึงพอใจไม่น้อย แต่ถ้าอากาศร้อนๆ เหงื่อตรึม บอกเลยว่าอาจจะสัมผัสได้กลิ่นได้ราวๆ 4 ชม. ก็อาจจะจางไปแล้ว

การกระจาย - กระจายดีในช่วง 5 นาทีแรก แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปประมาณ 15 นาที ที่เหลือคือออร่ารอบๆ ตัวล้วนๆ ยาวๆ ไป แล้วพอผ่านไปราวๆ 4 - 5 ชม. กลิ่นก็เริ่มจะติดผิวแล้ว ซึ่งเข้าทางการเป็น Safe Scent ที่ไม่รบกวนใครก็ได้ หรือจะเป็นกลิ่นกรุ่นแป้งหอมอ่อนๆ คลอผิวกายก็ไม่ติด

สรุป - เนื้อกลิ่นให้ความเป็นโทนแป้งที่รื่นรมย์ไม่น้อยเลยทีเดียว ได้ Feel แบบญี่ปุ่นอยู่ แต่มีความเป็นสไตล์ Feminine ที่ได้ความรู้สึกสวยๆ ในเนื้อกลิ่น และมีความละมุนผ่อนคลายเป็นฉากหลัง และเอาจริงๆ ถ้าดมใกล้ๆ กลิ่นนี้น่าพึงใจในการซุกดมความหอมอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ ด้วยแบบไม่ได้เซ็กซี่ แต่มีความอบอุ่นปลอดภัยน่ากอดยาวๆ แนวๆ นั้น 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.elcorteingles.es/perfumeria/A42919451-eau-de-parfum-kenzo-memori-nuit-tatami-75-ml-kenzo/

 

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566

Review: Kenzo - Flower by Kenzo Poppy Bouquet (EDP)

Kenzo - Flower by Kenzo Poppy Bouquet (EDP)

สำหรับ Kenzo Flower ส่วนตัวถือเป็นหนึ่งในน้ำหอมผู้หญิงที่ยอดฮิตตลอดกาล และมั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งใน Timeless Scent หรือเป็นน้ำหอมเหนือกาลเวลาของแบรนด์ Kenzo อย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่ปี 2000 ที่เปิดตัวออกมาก็ยังเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ตอบโจทย์การใช้งานของฝั่งผู้หญิงมาเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสารภาพต่อนั่นคือ ไม่เคยได้มีโอกาสได้ใช้งานเต็มๆ เลยไม่ว่าจะกลิ่นไหนก็ตามของการเป็น Kenzo Flower เพราะว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง เลยทำให้ผ่านมาก็ผ่านไป ไว้ถ้าได้ใช้ก็ค่อยว่ากัน 

จนวันหนึ่งได้อุดหนุนน้ำหอมของ Kenzo แล้วพอเปิดออกมาก็ได้เห็น Kenzo Flower by Kenzo Poppy Bouquet ขนาดพกพาเล็กๆ แถมมาให้ด้วย จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจในการเรียนรู้กลิ่นแบบเต็มๆ ซักที แม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัว Flower ต้นตระกูล แต่เป็นเหมือนไลน์ย่อยทีเป็นรุ่นลูกอย่าง Poppy Bouquet (EDP) แทน เช่นนั้นได้เวลามาเรียนรู้กลิ่นกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน

บอกก่อน - จะไม่ได้บอกถึงความเชื่อมโยงของกลิ่นกับความเป็นต้นตระกูลอย่าง Kenzo Flower เนื่องจากยังไม่ได้ใช้รุ่นแรกนั้นเต็มๆ ซึ่งจะขอเล่ากลิ่นที่ความเป็น EDP ของ Poppy Bouquet เป็นสำคัญ

กลิ่นเปิดมีความสดใส แต่ไม่ได้กิงก่องแก้ววัยรุ่นจ๋าเกินไป เพราะเนื้อกลิ่นยังให้อารมณ์แบบผู้หญิงที่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ให้จับต้องได้ตลอด ซึ่งช่วงเปิดคือความเป็นโทน Fruity ของลูกแพร์ที่ให้ความฉ่ำแกมสดใสหอมหวานกำลังดี โดยมีตัวสร้างความสดชื่นอย่างสาย Citrus เข้ามาร่วมด้วยซึ่งจับเนื้อกลิ่นแล้วน่าจะเป็นส้มที่เป็นตัวเชื่อมโทนได้ทั้งความสดใสและความหวานในเวลาเดียวกัน แต่กลิ่นสาย Citrus ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงหรือชัดเจนมากนัก เพราะเปิดทางให้กลิ่นลูกแพร์ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการสร้างโทนกลิ่นหวานใสอย่างพอเหมาะและลงตัว รวมถึงจะเริ่มจับต้องถึงกลิ่นอายดอกไม้สีชมพูแกมขาวที่ค่อยๆ เปิดตัวออกมาทีละหน่อยๆ รวมอยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงต้นคือการเป็นโทน Fruity Floral ที่ชัดเจนและมีความสมดุลย์กำลังดีแบบ Feminine Daily Scent เต็มๆ

การเข้าสู่ช่วงกลางจะชัดเจนมากขึ้นนั่นคือ โทนดอกไม้แบบใสๆ จะเสริมเข้ามาตีคู่กับกลิ่นลูกแพร์แบบคนละครึ่ง แต่สนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนั่นก็คือกุหลาบ ที่จะมาแบบใสๆ ให้ความโรแมนติคแบบกำลังดี แต่มีความนวลละมุนที่เชื่อมโยงกับโทนดอกไม้ขาวที่ให้ความนุ่มนวลอย่างดอกพุดที่เป็นโทนหวานหอมนวลสร้างความอ่อนโยนแบบกำลังดี ซึ่งช่วงนี้เอาจริงๆ แทบไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก เพราะเนื้อกลิ่นเป็นโทนที่เข้าถึงง่ายและมีความหวานหอมแบบน้ำหอมผู้หญิงที่กึ่งสดใสกึ่งนุ่มนวลอ่อนโยนไปพอเหมาะ แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ เนื้อกลิ่นมีลักษณะแบบอวลๆ กึ่งอบอุ่นกึ่งไม้หอมแฝงอยู่ เลยทำให้กลิ่นมีความหนาอวลแบบเนียนๆ แต่ยังไงก็ยังให้ความพอเหมาะและเข้าถึงง่ายมากเช่นเดิม และมีความ Feminine ชัดเจนแบบไม่ต้องเสาะหาเลยแม้แต้นิดเดียว

ช่วงท้ายคือไม้หอมติดอบอุ่นที่จับต้องได้เลยว่ามี Ambroxan หรืออาจจะเป็น Cetalox สารหอมที่ให้ความอบอุ่นแกมไม้หอมกึ่งผิวกายติดเค็มหน่อยๆ แบบ Ambergris เป็นแกนหลักในการสร้างความอบอุ่นติดอวลๆ เพียงแต่มีการเกลากลิ่นมาอย่างดีทำให้โทน Animalic ติดเค็มๆ มาให้รู้สึกเท่าไหร่ แต่จะเป็นกลิ่นไม้หอมติดอบอุ่นกำลังดี ที่มีความหวานหอมของดอกพุดมาทำให้กลิ่นมีความหวานแกมอ่อนโยนแบบสบายๆ ไม่ได้หนักหน่วงเกินไป ซึ่งทำให้ช่วงท้ายจะมีความดึงดูดแบบเข้าถึงได้ง่ายและยังไงก็รอดในการใช้งานสูงมาก เป็นการปิดท้ายแบบไม่ต้องเล่นใหญ่เล่นเยอะแต่ลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็สามารถใช้งานกลิ่นนี้ได้แล้ว ซึ่งกลิ่นเข้าถึงง่าย มีความหอมหวานสดใสและอ่อนโยนที่เข้าทางการเป็น Daily Scent แบบชัดเจนและเต็มตัว ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่ถ้ารจะใส่ออกกำลังกาย แนะนำรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือชิลล์ๆ ทั่วไปจะดีกว่า เพราะถ้าจะใส่ไปแข่งกับชาวบ้านแบบโปรยเสน่ห์ยามท่องราตรี โดนกลบเอาง่ายๆ เลยล่ะ

ความทน - อยู่ที่ 8 ชม. เป็นค่าเฉลี่ยของกลิ่นนี้เลย และสามารถไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมและสภาพผิวเอื้อมากพอ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 - 10 ชม. เป็นเรื่องปกติในการใช้งาน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลงมาที่ปานกลางไปราวๆ 2 - 3 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป จนเมื่อแตะราวๆ 6 - 7 ชั่วโมงแล้วจะค่อยๆ ลงมาเป็น Skin Scent   

สรุป - #ของดีเทคนิคไม่ต้อง กลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นที่ยังไงก็หอม ยังไงก็รอด ได้ใจการใช้งานแบบไม่ต้องพยายามอะไรมากในการแสดงความแตกต่าง เน้นการใช้งานที่วันนั้นยังไงเราก็หอมได้สบายมาก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีในการใช้งานแบบไม่จำเป็นต้องซับซ้อนแต่อย่างใด แต่ก็ให้ความหวานโปร่งและอ่อนโยนได้กำลังดี และที่สำคัญกลิ่นลูกแพร์ พันธุ์นาชิ ในน้ำหอมกลิ่นนี้หอมจริงอะไรจริง

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.kenzoparfums.com/fr/en/fragrance/femme/flower-by-kenzo-femme/flower-by-kenzo-poppy-bouquet/K10100134.html

 

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Review: Kenzo - L'Eau Kenzo Aquadisiac Pour Homme


Kenzo - L'Eau Kenzo Aquadisiac Pour Homme

ถ้าให้จิ้มว่า Collection น้ำหอมไหนของ Kenzo ที่เป็นที่นิยม และน่าสนใจสำหรับคนที่ชอบน้ำหอมสายกลิ่นอายสดชื่นสบายๆ สไตล์ Aquatic แน่นอนว่านอกจากสาย Kenzo Homme ที่ให้อารมณ์สายน้ำที่เริ่มจะมีความปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและ Trend ของคนใช้น้ำหอมแล้ว ยังมีอีกกลุ่มที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจนออกลูกออกหลานมากันให้เพียบในทุกวันนี้นั่นคือ สาย L’Eau Par Kenzo ที่ว่ากันตรงๆ เคยได้แต่ลองผ่านๆ เสียส่วนมาก ไม่เคยได้ใช้จริงจังซักที

และเมื่อได้โอกาสก็เอากับเขาซักหน่อย เพราะอยากรู้ว่ากลิ่นอายในโซนนี้จะให้ความรู้สึกแบบไหน เลยจัดหามาซักหน่อยกับการเห็นชื่อรุ่นแล้วน่าสนใจ นั่นคือ L'Eau Kenzo Aquadisiac Pour Homme เพราะคำว่า Aquadisiac ล้วนๆ ว่าจะเย้ายวนในแบบ Aqua แค่ไหน เช่นนั้นก็ว่าไปตามนี้เลย

จากที่เคยได้ลองผ่านๆ มาแต่ละรุ่น จะเห็นจุดร่วมอย่างหนึ่งของการเป็น L’Eau Par Kenzo หรือ L’Eau Kenzo ฝั่งผู้ชาย คือ การนำเสนอกลิ่นอายสาย Citrus แบบชิลล์ๆ ให้ความรื่นรมย์ของกลิ่นส้มยูซุในการเป็นลายเซ็นหลักเลย ซึ่งกลิ่นสาย Aquatic ที่เอาเข้ามาแทคทีมจะมีความหลากหลายพอสมควร เพราะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและ Trend ของกลิ่น และสำหรับ L'Eau Kenzo Aquadisiac Pour Homme ก็ยังคง Concept ที่น่าสนใจในการนำเสนอกลิ่นอายโดยคงลายเซ็นเอาไว้ได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งจะเริ่มจากกลิ่นโทนมะนาวที่จะวูบมาก่อนในเบื้องต้นให้ความสดชื่นติดเปรี้ยวแล้วจะวูบลงมาเป็นกลิ่นสนับสนุนแบบให้วูบมะนาวหน่อยๆ กับกลิ่นส้มยูซุ (ที่ให้อารมณ์กลิ่นส้มกึ่งเลมอนที่จะมีความเป็นส้มแต่ติดเปรี้ยวเจือขมปนหวานปลายกลิ่นหน่อยๆ) ที่แทรกตัวขึ้นมาไวพอสมควรและกลายเป็นตัวเด่นแทนที่ แต่กลิ่นจะไม่ได้มีความเป็น Citrus จ๋าๆ ใสๆ ขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นจะมีความอวลนัวเผ็ดหวานที่ไม่ข้นมากกำลังดีให้จับต้องได้ซ้อนอยู่ในความเป็นโทนส้มยูซุที่ยังเป็นตัวหลักอยู่ ซึ่งช่วงเปิดถือว่าสื่อสารได้ดีถึงลักษณะโทนกลิ่นที่ครอบคลุมในเรื่องของความเป็น Aquadisiac ที่อิงตาม Trend น้ำหอมสดชื่นสาย Designer ในช่วงหลังๆ ที่มักจะใส่ความอวลนัวๆ เข้าไปร่วมด้วยให้มีความเย้ายวนคลอไปกับความสดชื่น

จนเมื่อโทนกลิ่นส้มยูซุที่จะลดระดับลงมา โดยยังคุมโทนกลิ่นส้มที่มีความสดชื่นอยู่ ความเป็นเครื่องเทศก็ได้เวลาตีคู่ทำแต้มแล้ว เพราะกลิ่นอวลนัวเผ็ดหวานแต่มีความโปร่งไม่ข้นของกระวาน จะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นในช่วงกลาง ซึ่งกลิ่นตจะให้ความเย้ายวนอวลดึงดูดติดโทนหวานปนเผ็ดนัวแบบที่ไม่ได้ไปสายอบอุ่น โดยจะมีลักษณะกลิ่นอายติดฝาดเจือปร่านวลของพริกไทยสีชมพูและมีกลิ่นออกทางมินต์หน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วยสร้างออร่าติSpicy เครื่องเทศที่ให้ความอวลกำลังดี และแอบมีโทนลักษณะคล้ายลาเวนเดอร์เข้ามาด้วยทำให้โทนลักษณะนี้เมื่อเจอกับแนวๆ พริกไทยนวลปร่าเจือฝาด จะได้บางวูบของกลิ่นแนว Sea Breeze ออกทางทะเลหน่อยๆ แบบไม่มีกลิ่นคาวใดๆ เข้ามาร่วมด้วย เลยถือว่ายังคุมโทน Concept ของไลน์นี้ได้ดีอยู่ และเมื่อกลิ่นโทนไม้หอมค่อยๆ เสริมเข้ามาก็จะเป็นการเข้าช่วงท้ายที่แน่นอนว่ากลิ่นอายไม้แห้งๆ จะชัดพอสมควร อารมณ์กึ่งๆ หญ้าแฝกกับไม้ซีดาร์หน่อยๆ แต่กลิ่นมีความโปร่งอยู่พอสมควรและมีความ Smoky ติดกลิ่นหนังหน่อยๆ เคล้ากลิ่นน้ำมันดินเล็กๆ ที่มาเบาๆ ทำให้กลิ่นไม้ในช่วงนี้จะมีมิติให้จับต้องได้ตั้งแต่โปร่งหอมไม้แห้งไปเจืออวลอ่อนๆ กึ่งหนังปนควันเล็กๆ จะเป็นฐานกลิ่นสำคัญที่มีโทนหวานกระวานเนียนไปกับเนื้อกลิ่นเบาๆ เย้าจมูกหน่อยๆ ให้รู้สึกดึงดูด และมีกลิ่นบรรยากาศออกทางแดดกึ่งสดชื่นเบาๆ ที่มาจากส้มยูซุประปราย ทำให้ช่วงท้ายเป็นกลิ่นสไตล์แมนๆ เย้ายวนแบบสบายๆ กำลังดี ไม่โจ่งแจ้งไม่ดูพยายามเกินไป ให้เสน่ห์ทางกลิ่นที่มีเสน่ห์ลงตัวในการใช้งานได้ดีและยังไงก็ผ่าน อย. ทางกลิ่นสูงเลยล่ะ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปใส่ได้สบายมาก เอาจริงๆิน้อง ม.ปลายก็ใส่ได้ เพียงแต่เน้นแบบวันหยุดจะดีกว่า ซึ่งจะให้ความสดชื่นติดเย้ายวนเข้าถึงง่าย แถมมีโทนกลิ่นที่เป็นสมัยนิยมอีกด้วย เลยเข้าได้กับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะกึ่งทางการหรือทั่วๆ ไป รวมไปถึงกิจกรรมกลางแจ้งหรือเที่ยวทะเลก็ได้สบายมาก แต่จะมีแค่ยามทางการจัดๆ แบบรับแขกบ้านแขกเมือง หรือว่าออกกำลังกายที่กลิ่นอาจจะไม่เข้าทางนัก รอช่วงท้ายๆ ส่วนยามค่ำคืน อัดสเปรย์หน่อยร่อนได้สบายมาก

ความทน - ลงตัวที่ 8 ชม. มีบวกลบได้ตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. เลยทีเดียวกับ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น มาชัดทุกโทนเด่น แล้วจะลดลงมากระจายดีซักครู่ จนผ่อนลงไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายเต็มตัวจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนถึงราวๆ 8 ชม. ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นอายน้ำหอมสดชื่นที่ทันสมัย เพราะใส่ความเย้ายวนในเนื้อกลิ่นได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ รวมถึงคุมความสมดุลย์ได้ดีเด่นที่เครื่องเทศและกลิ่นไม้หอม โดยไม่ทิ้งลายเซ็นหลักของกลิ่นยูซุและกลิ่นทะเลสดชื่นที่ทำหน้าที่เป็น Background อีกหนึ่งกลิ่นที่ลงตัวและน่าสนใจมาก

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/perfume/Kenzo/L-Eau-Kenzo-Aquadisiac-pour-Homme-43433.html


วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562

Review: Kenzo - Tokyo

Kenzo - Tokyo 

โตเกียวในยามเย็นสู่ยามค่ำคืน จากที่เราๆ ได้สัมผัสและเห็นจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแสงสีต่างๆ จากธรรมชาติทั้งเหลือง ส้ม และแดงยามพระอาทิตย์อัสดง หรือว่าจะเป็นแสงสีจากหลอดไปและนีออนต่างๆ ที่ตัดกับสีดำเข้มของท้องฟ้ายามค่ำคืน รวมถึงสีเขียวที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่างต่างๆ ของต้นไม้ที่ต้องเป็นหนึ่งในซีนที่เราได้เห็นเสมอ ทุกอย่างคือองค์ประกอบที่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ทำให้เราอยากไปยืนหรือไปเยือน (ซ้ำแล้วซ้ำอีก) ได้ไม่ยากเลยทีเดียว 

ซึ่งทั้งหมดนี่แหละ คือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Kenzo ที่ได้สร้างกลิ่นอายของโตเกียวไล่เรียงตั้งแต่ยามเย็นจนถึงค่ำคืน โดยเน้นที่สีสันต่างๆ ของแต่ละ Notes กลิ่นมาผสมผสานผสาน จนกลายเป็นการ Tribute กลิ่นออกมาถึงความเป็น Tokyo ในลักษณะนี้เลย 

Top Notes จะให้ความเป็นโทนกลิ่นออกทางสีเหลืองกันก่อนเลยกับการเปิดตัวด้วยกลิ่นขิงคลอกับโทCitrus ที่มีกลิ่นเปรี้ยวหอมเจือแปร่งหน่อยๆ แต่สร้างความกระฉับกระเฉงของเกรปฟรุต โดยจะให้โทน Citrus Spicy โปร่งๆ สดชื่นเจือหวานปลายจางๆ ไม่อุ่นไปหรือเย็นไป มีความกำลังดีตั้งแต่ต้น โดยกลิ่นของขิงนี่แหละที่จะเป็นเหมือนตัวเดินกลิ่นหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันปลายให้ความรื่นรมย์สไตล์ Fresh Spicy ไปตลอด แล้วเพียงชั่วครู่กลิ่นชาเขียวจะเสริมขึ้นมาให้ความเขียวอ่อนๆ อะโรม่าเจือ Spicy แล้วกลิ่นโทน Citrus ก็ค่อยๆ ดรอปลงไป จนกลายเป็น Middle Notes ที่กลิ่นจะเป็น Aromatic Spicy ให้โทนสีของกลิ่นที่มีมิติให้จับต้องได้ทั้งเหลืองจากขิงและเกรปฟรุต กลิ่นโทนเขียวผ่อนคลายของชาเขียวอ่อนๆ แต่จะเพิ่มความเป็นสีส้มของส้มขม (Bitter Orange) ที่ให้โทนกลิ่นออกทางสีส้มแบบน้ำส้มใสๆ เสริมด้วยโทนกลิ่นสีแดงของพริกไทยสีชมพูที่ให้ความนวลไพล่ไปทรางโทนกุหลาบเคล้า Spicy นวลๆ และแอบมีโทนปร่านุ่มหน่อยๆ กับไม้หอมเนียนๆ อยู่ในเนื้อกลิ่นด้วย ซึ่งจะผสมผสานกันออกมาเป็นกลิ่นชากับไม้หอมรองพื้นและให้ความเป็นโทนเผ็ดนุ่มเจือ Citrus เป็นเลเยอร์นำอยู่บนของกลิ่นให้ได้รับรู้ชัดเจนเป็นสเต็ปลงมา ซึ่งช่วงกลางนี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ให้ความมีมิติของการผสมผสานโทนกลิ่นได้ลงตัว และให้อารมณ์กลิ่นสื่อถึงโทนสีได้อย่างแตกต่างได้เลยทีเดียว 

และเมื่อกลิ่นเริ่มมีการขยับโทนให้ความเป็นไม้หอมติดขรึมๆ นิ่งๆ มีความโปร่งเจือความ Smoky อ่อนๆ ของไม้ซีดาร์และไม้ Guaiac (ที่จะให้กลิ่นติด Smoky เจือน้ำมันดินอ่อนๆ) เด่นขึ้นมาตีคู่กับโทนเผ็ดนุ่มที่ยังคงชัดเจนอยู่ โดยจะยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นขิงที่มีแบบเบาๆ แต่กลิ่นจะมีความกลมกล่อมปร่านุ่มเข้าโทนไม้หอมมากขึ้นจากเม็ดจันทน์เทศ และมีความซ่าหน่อยๆ ของกานพลูให้พอสัมผัสได้แบบเบาๆ กำลังดี ทำให้ช่วงได้ได้ความเป็นโทนติดออกทาง Dark แต่ยังโปร่ง เข้าทางกลิ่นอายสุภาพบุรุษสบายๆ และน่าค้นหาได้อย่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายมาก กลิ่นเข้าถึงได้ง่าย แต่ไม่ได้ไก่กา และมีระดับมากกว่าที่คิด โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่กิจกรรมลุยๆ กับออกกำลังกายที่อาจจะไม่ค่อยเข้าทางนัก ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นจะเหมาะกับแนวๆ สบายๆ เรื่อยๆ โรแมนติค หรือชิลล์ๆ มากกว่าที่จะใส่ไปท่องราตรีปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายกระจายสร้างความโดดเด่นอะไรนัก 

ความทน - ราวๆ 4 - 8 ชม. แล้วแต่สภาพอากาศ สภาพผิว และจำนวนสเปรย์ เพราะส่วนตัวถือว่าตัวนี้ค่อนข้างแกว่งตามแต่ละสถานการณ์เลย วันไหนอากาศร้อนจัดๆ เหงื่อซึม 4 ชม. ก็ถือว่างดงามแล้ว วันไหนอากาศดีๆ หน่อย ไม่ร้อนมาก 6 - 8 ชม. ก็ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะดรอปมาที่ออร่ารอบๆ ตัวในเวลาไม่นาน ก่อนจะกลายเป็น Skin Scent ต่อมา ซึ่งถ้าอิงลักษณะแบบน้ำหอมสไตล์ญี่ปุ่นแล้วก็ใช่เลย เพราะกลิ่นจะไม่รบกวนใครเท่าไหร่นั่นเอง 

ทิ้งท้าย - กลิ่นให้ความรู้สึกเป็นโตเกียวได้ดี และมีความเป็นกลิ่นอายแบบผู้ชายตะวันออกหรือจะเป็นผู้ชายแบบญี่ปุ่นที่ติด Cool เท่ห์สบายๆ แต่ยังมีความสุภาพได้อย่างลงตัวมาก ซึ่งเสียดายจริงๆ ที่กลิ่นนี้ #เลิกผลิต ไปพักใหญ่แล้ว (เบื่อชะมัด ของดีมักเลิกผลิต) 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - เข็มขัดสั้น

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Kenzo Jungle L’Elephant

Kenzo Jungle L’Elephant

ถ้าจะหาน้ำหอมที่มีการกระจายที่ปล่อยพลังรอบทิศเป็นเลิศแบบไม่หวั่นแม้วันมามาก หนึ่งในนั้นต้องมีรุ่นนี้ของ Kenzo เป็นแน่แท้ กับการปล่อยพลังของกลิ่นแนว Oriental Spicy แบบ “พี่ไม่ได้มาเล่นๆ นะคะน้อง” เช่นนั้นมารู้จักกันดีกว่าว่ารุ่นนี้เป็นอย่างไงกับ Kenzo Jungle L’Elephant

ต้องบอกว่าเพียงแค่ Top Notes เรียกว่าแผ่รังสีปล่อยคลื่นพลังกลิ่นรอบทิศทางกันเลยทีเดียว เพราะกลิ่นของเครื่องเทศติดโทนหวานอย่างกระวานที่มากลั้วกับยี่หร่า โดยมีซิตรัสมาเสริมเบาๆ มาแบบเต็มแน่นจัดหนักกันมาก ซึ่งข้อดีคือ กลิ่นของวานิลลาและเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าซ่าของกานพลูที่จับได้ตั้งแต่ช่วงนี้มาทำให้กลิ่นมีความนวลแน่นและไม่มีความเป็นตะวันออกกลางเลย ทำให้เป็นกลิ่นฟุ้งปล่อยพลังกันอย่างจัดเต็มไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน จนเมื่อ Middle Notes ได้เวลาปล่อยของกานพลูจะทำหน้าที่ได้ชัดเจนมากกลิ่นจะโดดเด่นออกมาล้อมห้วยเครื่องเทศโทนหวานที่ตามมาจากช่วงต้นและชะเอมที่เสริมเข้ามาในช่วงนี้ทำให้กลิ่นจะมาทางหวานแกล้มความอบอุ่นจากตัวรองพื้นที่รู้สึกได้ชัดขึ้นอย่างวานิลลา ซึ่งในช่วงนี้จะมีโทนดอกไม้ครีมมี่มาเสริมทำให้กลิ่นไม่ออกโทนหวานเข้าทางขนมมากเกินไปมีความกลางๆ ระหว่างความเป็นเครื่องเทศและกลิ่นอบอุ่นได้ลงตัว แน่นอนว่าการปล่อยพลังยังคงมาเต็มที่ไม่หยุดยั้งและหมดฤทธิ์เลย และเมื่อ Base Notes ออกโรงกลิ่นของวานิลลาจึงได้เข้ามาเทคโอเวอร์ให้ความอบอุ่นกันเต็มที่ เกลาให้เครื่องเทศโทนหวานต่างๆ ลดทอนความแรงลงเป็นความนุ่มนวลหอมหวานลงตัว ซึ่งกานพลูยังทำหน้าที่ให้ความปร่าในเนื้อกลิ่นอยู่เลยไม่ทำให้ออกหวานจัดจ้านเกินไป ที่สำคัญกลิ่นจะมีพิมเสนให้ความรู้สึกนุ่มนวลจางๆ เสริมเข้ามาด้วยในช่วงนี้ และยังคงความเก๋าเกมเช่นเคยเพราะความแรงลดลงมาก็จริง แต่ยังคงปล่อยของกระจายไม่ยั้งเช่นเคย ซึ่งภาพรวมจะเป็นโทนอบอุ่นกลั้วความหวานที่ไม่จัดจ้าน มีความเป็นกลิ่นไม้หอมและความปร่าของเครื่องเทศที่ทำให้กลิ่นมีเสน่ห์แบบจัดเต็มมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถจัดตัวนี้ได้แล้ว โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้จำกัดจำนวนสเปรย์เถิดจะเกิดผล ไม่เช่นนั้นจะทำชาวบ้านหันมามองแบบกลิ่นมาก่อนตัว ตัวไปกลิ่นยังอยู่ แถมจะตีขึ้นให้คนใส่แน่นจุกคอหอยเอาได้แม้ว่าจะไม่ได้หวานเยิ้มก็ตาม ที่สำคัญงดใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกายเลย ฆ่าหมู่เอาได้กลิ่นมาเต็มเหนี่ยวมากแน่นอน ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าถ้าจะมาเพื่อเด่น จัดเลยกลิ่นปล่อยพลังชัดเจนแบบไม่เหมือนใครด้วย ส่วนผู้ชายก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้ เพราะกลิ่นมีความเป็น Unisex อยู่พอสมควรเลย

ความทน กราบบบบบบบบบ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่ไม่ลดราวาศอก

การกระจาย ปล่อยพลังเต็มๆ กลิ่นกระจายจัดเต็มมาก ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีลากยาวไปเรื่อยๆ แล้วกระจายปานกลางในช่วงท้าย แล้วอาจจะลดหลั่นลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวได้ตามแต่ละสภาพผิว

ทิ้งท้าย การมองข้ามบางครั้งเป็นสิ่งดีอย่างนึงในการลองน้ำหอมไม่น้อย เพราะมันทำให้เราตะลึงตี้งตึงมากว่ากลิ่นที่เราเคยมองข้ามมันเริ่ดสะแมนแตนอะไรขนาดนี้ แถมปล่อยพลังขั้นสุดแบบที่สูสีกับตัวเทพด้านการกระจายอย่าง Thierry Mugler Angel หรือตัวเอกฝ่ายชายอย่าง Joop! Homme เสียด้วย สมแล้วที่เป็นรุ่นในตำนานรุ่นหนึ่งของ Kenzo

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Review: Kenzo Air Intense

Kenzo Air Intense

เมื่อพูดถึง Kenzo กับหลายๆ ตัวที่ผ่านการ Review มาแล้วไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายของสายน้ำอย่าง Kenzo Homme กลิ่นอายของป่า อย่าง Kenzo Jungle Homme และกินอายของต้นไม้อย่าง Kenzo Homme Boisee ก็ได้มาถึงรุ่นที่สื่อถึงกลิ่นอายของอากาศกันบ้าง ซึ่งขอข้ามรุ่นปกติมาที่รุ่นเข้มข้นเลยดีกว่า เพราะมันต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่ๆ เช่นนั้นมาดมผ่านตัวหนังสือกันเลยกับ Kenzo Air Intense

กลิ่นเปิดได้อารมณ์ของกลิ่นอายเครื่องเทศโทนหวานกลั้วไม้หอมกันเลย โดยกลิ่นของเมล็ดเทียนสัตตบุษย์จะมาให้ความหวานหอมติดกลิ่นไม้หอมจางๆ โดยกลิ่นของยี่หร่าจะมาให้ความ Spicy แบบคมๆ แต่มาไม่หนักมากเพราะว่ามีโทนซิตรัสบางๆ มาตัดทอนลงไป กลิ่นเลยจะได้แนวสดชื่นติดโทน Airy ที่แนวๆ อากาศสดชื่นติดหอมหวานกันก่อนเลย แล้วกลิ่นของหญ้าแฝกจะมาแทรกให้ความ Smoky จางๆ โดยมีโทนซ่าๆ ของโสมตังกุยที่จะมีความหวานโปร่งฉ่ำเข้ามาเสริมในช่วงกลาง กลิ่นเลยได้ความสดชื่นแบบกึ่งฉ่ำกึ่งแห้งลงตัวกำลังดี แบบอากาศสบายๆ ซึ่งกลิ่นหญ้าแฝกนี่แหละจะลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายโดยจะมาแบบโทนสว่างฉ่ำๆ ความ Smoky จะไม่ได้มาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะโดนโทนไม้หอมอ่อนๆ มาเสริมให้กลิ่นได้อารมณ์อากาศที่ผ่านต้นไม้มาแบบจางๆ มีความอบอุ่นที่มาแนวๆ เบาๆ หอมสะอาดไปตลอด ภาพรวมเลยเป็นเหมือนการไล่เรียงอากาศตั้งแต่ยามเช้า มาสายๆ และปิดท้ายด้วยอากาศอบอุ่นยามค่อนบ่าย ได้ความเป็น Air สมชื่อรุ่นเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงได้ง่าย สบายจมูกแบบอากาศหอมสะอาดสดชื่น แถมเข้ากับอากาศร้อนๆ ได้ดีมาก โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียว ครอบจักรวาลได้ดีมาก ส่วนยามค่ำคืนถ้าอากาศร้อนแบบเกินกว่าองศาเดือดแบบบ้านเราก็ใส่ได้สบายๆ แบบไม่ได้เน้นไปหาเหยื่อหรือท่องราตรี

ความทน ประมาณ 6 – 8 ชม. เรียกว่ากลิ่นนี้ค่อนข้างจะคุ้นชินจมูกง่ายพอสมควรเลยในช่วงท้ายๆ อาจจะทำให้คิดว่ากลิ่นมันไม่ทน แต่จริงๆ ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมและจุดที่ฉีดเอื้อพอ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายแบบออร่ารอบๆ ตัวให้รู้สึกมุ้งมิ้งกับตัวเอง แล้วปิดท้ายด้วยกึ่งออร่ากึ่ง Skin Scent กลิ่นจะตีขึ้นยามขยับเขยื้อนร่างกาย

ทิ้งท้าย บอกเลยว่า #เลิกผลิต ไปแล้ว และหายากด้วย ซึ่งกลิ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของอากาศได้ดีมาก จ้ะ ของดีๆ เลิกผลิตกันเข้าไปนะจ้ะ Kenzo เบ้ปากแรงใส่เลย เซ็งจัด

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ



วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Kenzo Power Cologne

Kenzo Power Cologne 

จาก Kenzo Power รุ่นปกติ ที่กลิ่นอายจะเป็นแป้งดอกไม้ติด Spicy หอมนวลเท่ห์มาก กลิ่นมีระดับมากจริงๆ ก็ได้เวลาของรุ่นที่ใสขึ้นมาบ้าง เลยมาสู่ Kenzo Power Cologne ที่มีการปรับโทนลงมา ซึ่งจะเป็นยังไง ผลคือ 

กลิ่นจากโทนดอกไม้หอมนวลติดโทนแป้งแบบผสมเครื่องเทศติดแน่นกำลังดี จะลดระดับลงมาเป็น Citrus Aromatic สบายๆ มากขึ้น เปิด Top Notes ด้วยกลิ่นซิตรัสติดเขียวๆ ออกทางมะนาวๆ ของใบเวอร์บีน่ากลั้วกับมะกรูด แต่แปลกตรงที่กลิ่นซิตรัสจะไม่ได้คมมาก เพราะมีกลิ่นโทนเครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานมาเป็นตัวตัดโทนคมๆ เลยทำให้ได้กลิ่นสดชื่นติดหวานเย้าๆ หน่อยๆ ลงตัว โดยกลิ่นซิตรัสสดชื่นติดเขียวในช่วงนี้จะตามไปที่ Middle Notes โดยไปผสมผสานกับความเป็นเครื่องเทศที่หอมซ่าๆ ติดนวลจมูก โดยเอาช่วงต้นของรุ่น Kenzo Power มาเป็นจุดเด่นของรุ่น Cologne นี้แทน เพราะกลิ่นของโทนดอกไม้นวลๆ หอมติดโทนแป้งจะมาแบบเบาๆ ให้กลิ่นพริกไทยมาเด่นนำโดยมีความซ่าๆ ของเม็ดผักชีเสริม ซึ่งจะเป็นช่วงที่ได้ทั้งความสดชื่น สะอาด สบายๆ โปร่งๆ แล้วตามมาที่ Base Notes กับกลิ่นโทนเครื่องเทศสดชื่นที่จะเบาลงไปให้กลิ่นยางไม้ติดโทนธูปหน่อยๆ อย่าง Frankincense (ที่จะมีกลิ่นอายอบอุ่น มีกลิ่นเปรี้ยวหน่อยๆ กลั้วดอกไม้นิดๆ) มารับช่วงต่อ โดยมีกลิ่นโทนไม้หอมอ่อนๆ คลอไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสะอาด และมีระดับกับกลิ่นอาย Smoky เบาๆ สบายๆ ไปตลอดเลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้นขึ้นไปก็ใส่ได้แล้ว กลิ่นอายแบบสดชื่นติดสะอาดๆ สบายๆ ของเครื่องเทศที่ลงตัวมาก สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ นิ่งใช้แบบวันอากาศร้อนๆ ยิ่งเข้าที่มาก ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปใส่ได้ แต่ถ้าไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นตัวอื่นจะดีกว่า ตัวนี้เบาไป ส่วนคุณผู้หญิงใส่ตัวนี้ได้อยู่นะครับ กลิ่นไม่ได้ออกทางแมนจัดอะไรนัก 

ความทน - อยู่ที่ 6 ชม. กำลังดี อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่การอัดสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในช่วงต้น คือ คนฉีดจะได้กลิ่นเต็มๆ ก่อนจะลดลงมากระจายแบบเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วปิดท้ายที่ Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ไม่ว่าจะเป็น Kenzo Power หรือ Kenzo Power Cologne ต่างก็เลิกผลิตกันหมดแล้วนะครับ ซึ่งแปลกใจมากกกกก ของดีๆ ทำไมเลิกผลิต "ไม่เข้าใจ" ทั้งๆ ที่เป็นอีกตัวในด้าน Safe Scent แบบมีระดับ รวมถึงเป็นโทนสดชืิ่นที่แตกต่างจากท้องตลาดได้ดีมากเลย -___-" 

Credit ภาพ - https://az280429.vo.msecnd.net/prodimgs/14057332705-700.jpg

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review: Kenzo Homme Boisee / Woody


Kenzo Homme Boisee / Woody

เพราะ Kenzo Homme เป็นสายน้ำ Kenzo Air เป็นสายลม Kenzo Jungle เป็นผืนป่า Kenzo Flower เป็นดอกไม้ ก็ได้เวลาของรุ่นที่แตกออกมาแล้วหอมได้ใจอีกรุ่นของแบรนด์นี้อย่าง Kenzo Homme Boisee หรือ Kenzo Homme Woody กันบ้าง ว่าจะหมายถึงอะไร 

จริงๆ ก็ตรงตัวตามชื่อเลยนะครับไม่ว่าจะเป็น Boisee หรือ Woody ต่างหมายถึงไม้ เช่นนั้นรุ่นนี้จะต้องบอกอารมณ์ของไม้ เนื้อไม้ และต้นไม้ตามสไตล์ของการทำน้ำหอมของ Kenzo แน่ๆ โดย Top Notes เปิดออกมาด้วยกลิ่นออกเชิงเขียวๆ ของใบไม้ติดสดชื่นก็จริงๆ แต่ไม่ได้มาแบบเขียวจัดๆ มาแบบนุ่มละมุน เพราะความเป็นโหระพาที่จะมาแบบโทน Spicy โดยมากลั้วกับมินท์เลยได้ความสดชื่นแบบไม่ต้องมีความเป็น Citrus ก็เอาอยู่ เพราะกลิ่นสดชื่นละมุนแบบใบไม้ต้องลมกลางแสงแดดลงตัวเลยทีเดียว จนส่งต่อให้ Middle Notes ที่จะรับช่วงต่อในลักษณะของกลิ่นโทนสมุนไพร โดยพริกไทยจะเด่นขึ้นมาเลยทีเดียว มีโทนซ่าๆ จางๆ พอให้รู้สึกได้ กลิ่นจะไม่ได้ถึงกับแน่นมาก แต่เป็นออกนุ่มนวลเนียน หอมละมุนไปตลอด ซึ่งกลิ่นโทนไม้หอมจะเริ่มดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนพ้นช่วงเข้าสู่ Base Notes เต็มๆ กับกลิ่นอายไม้ซีดาร์ที่จะมาแบบนิ่งขรึม หอมอบอุ่นแบบมีภูมิและชั้นเชิงมาก กลิ่นได้อารมณ์แบบลำต้นไม้ใหญ่ ซึ่งไม่พอจะมีกลิ่นโทนติดฉ่ำติด Smoky ของหญ้าแฝกลอยขึ้นมากลั้วตลอด ยิ่งทำให้กลิ่นนี้สมชาย มาดแมน มีภูมิก็จริง แต่ยังยืนพื้นที่ความนุ่มละมุน สบายๆ ไปตลอด และกลิ่นเข้า Concept ของการเป็นต้นไม้ได้น่าดูชมเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็ใส่ได้สบายๆ เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายแบบมีระดับและชั้นเชิง แกล้มไปด้วยความนวลเนียนในเนื้อกลิ่นได้ดีมาก สามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะทางการหรือชิลล์ๆ ทั่วไป ยิ่งใครเป็นชอบธรรมชาติ ต้นไม้ ป่าเขา กลิ่นนี้เสริมออร่าแรงได้เลยว่า นี่แหละหนุ่มรักธรรมชาติของจริง ส่วนยามกลางคืนก็ใส่ได้อยู่ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปเมาหัวราน้ำเท่าไหร่

ความทน - 8 ชม. สบายๆ ครับ กลิ่นติดเสื้อได้ดีด้วยนะนั่น

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ลดลงมากระจายกลางๆ นุ่มๆ ในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวยามช่วงท้าย ซึ่งยกนิ้วให้ Kenzo เลยว่าทำน้ำหอมตัวนี้ออกมาได้กระจายลงตัวทุกช่วงจริงๆ

ทิ้งท้าย - หอมมากกกกกก ทั้งๆ ที่ผมเองแพ้ทางกลิ่นโหระพา ยังรู้สึกได้เลยว่าตัวนี้เบลนด์กลิ่นออกมาได้นวลเนียนจริงๆ เป็นอีกหนึ่ง Flanker ที่คนรักกลิ่นแนวๆ Woody ไม่ควรพลาดครับ ^^

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Kenzo Homme Night


Kenzo Homme Night

Kenzo Homme ถือเป็นรุ่นต้นตระกูลที่มีความดีงามกับกลิ่นราวกับสายน้ำทะเลชื่นใจในยามเช้ามืด จนมี Flanker แตกแยกย่อยไปหลายมาก และเมื่อต้นปี 2014 ที่ผ่านมา ก็มีลูกหลานใหม่เกิดขึ้นนั่นคือ Kenzo Homme Night จะเป็นเช่นไร มาบอกเล่ากันหน่อยครับ 

เอาเข้าจริงๆ ตัวนี้ถือว่าแทบจะเชื่อมโยงกับรุ่นต้นตระกูลน้อยมากเลยนะครับ เพราะความรู้สึกแบบสายน้ำทะเลไม่มีอยู่ในเนื้อกลิ่นเลย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นหนึ่งใน Trick การตลาดที่มาพึ่งพาอาศัยรุ่นที่เด่นดังเป็นตัวเรียกแขก เอาเข้าจริงๆ น้ำหอมก็มีดีไม่ใช่น้อยเลยนะครับ เพราะ Top Notes เปิดมาแม้จะมีโทนซิตรัสจางๆ และกลิ่นซ่าๆ ของเม็ดผักชีขึ้นมาก็ตาม แต่กลิ่นมะม่วงสุกดันขึ้นมาเร็วมาก แถมด้วยกลิ่นมะพร้าวที่ผสมผสานกันจนหอมหวานนวลๆ ได้ใจมาก จนเมื่อ Middle Notes มาถึง งานนี้มะม่วงมาเต็มกว่าเดิม แถมด้วยกลิ่นมะพร้าวที่ยังคงอยู่กับเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีโทนเขียวๆ มากลั้วไปตลอด ให้เกิดความรู้สึกหอมแบบมีชั้นเชิงมากขึ้น กลิ่นได้อารมณ์เซ็กซี่แบบยามค่ำคืนที่เย้ายวนและหอมหวานของประเทศเขตร้อนแบบบ้านเรามากเลยทีเดียว และจะเริ่มมีกลิ่นครีมมี่นุ่มนมของถั่วตองก้าขึ้นมาทีละนิดๆ จนมาเต็มเลยในช่วง Base Notes กลิ่นช่วงนี้มีโทนมะม่วงจางๆ มาเสริมด้วย โดยมีโทนวู้ดดี้ติดกลิ่นอาย Smoky ให้รู้สึกได้ กลิ่นในช่วงนี้จะหอมแบบนุ่มนวลน่าซบ (แต่จะขบโน่นนี่ต่อไหมนั่นอีกเรื่อง) แถมได้ความรู้สึกอบอุ่นติดแมนแกล้มไปตลอดอีกด้วยล่ะครั

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นถือว่าใช้ง่ายในระดับหนึ่งเลยทีเดียว สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่ไม่ได้ออกทางการหรือออกกำลังกาย เช่น ทำงานทั่วๆ ไป ชิลล์ๆ ออกเดท อะไรประมาณนี้ ส่วนยามค่ำคืนอ่ะ จัดไป กลิ่นเย้ายวนกำลังดีเลยล่ะครับ

ความทน – 8 ชั่วโมงขึ้นไปสบายๆ เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากและต่อเนื่องยาวนานด้วยจนถึงปลายๆ ของช่วงกลาง ก่อนจะผันเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – บางวูบได้อารมณ์มะม่วงสุกราดกะทิและนมพอสมควร แหม ถ้ามีข้าวเหนียวมูลนะ กลิ่นนี้จะอร่อยเหาะไม่น้อยเลยแหละ 5555 แต่เพียงแค่นี้ก็เย้ายวนหอมหวานแบบ Modern มากแล้วล่ะครับ 

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review: Kenzo Jungle Homme


Kenzo Jungle Homme

เมื่อตั้งต้นด้วย Kenzo Homme เมื่อมีตัวอื่นๆ ที่แตกแยกย่อยด้วยการตั้งชื่อออกมาเป็นเอกเทศเฉพาะตัวที่สื่อถึงความแมนในลักษณะต่างๆ เช่น Kenzo Homme คือสายน้ำ เช่นนั้น ตัวที่กล่าวถึงนี้ก็มากันเต็มๆ กับ “ป่าและสัตว์ป่า” โดยจะยืนพื้นที่ลักษณะของ #ม้าลาย นั่นเองกับ Kenzo Jungle Homme ครับ 

บอกเลยกลิ่นเปิดอาจจะทำให้คนที่ชอบใช้น้ำหอมเข้าถึงง่ายหรือโซนสดชื่นทั้งหลายต้องผงะกันไปข้างกันเลยทีเดียว เพราะมากับโทนเครื่องเทศอย่าง Mate เม็ดกระวาน เด่นแหลมขึ้นมากันเต็มๆ โดยมีโทนซิตรัสมาเสริมให้กลิ่นดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งตอนได้กลิ่นครั้งแรก ผมรู้สึกได้ถึงว่าเหมือน “ยากวาดคอเด็ก” (หน้าปุเลี่ยนเลย เวลานึกถึงสมัยที่เคยโดนกวาดคอ 55555) ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะมาหนักและฟุ้งกระจายไม่ใช่น้อย แต่เพียงเวลาไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงกลาง โดยกลิ่นเครื่องเทศในตอนต้นจะค่อยๆ จางลงไป ให้กลิ่นของอบเชยมาให้โทนหวานกำลังดี กลั้วกับพริกไทยที่ยังคงความสดชื่นแบบแห้งๆ ที่สำคัญกลิ่นของลูกจันทน์เทศนี่แหละ ที่จะมาให้กลิ่นอายเย็นๆ ขรึมๆ ซึ่งยังคุมโทนความแห้งในเนื้อกลิ่นได้ดีมาก ไม่มีคำว่าฉ่ำๆ ในเนื้อกลิ่นเลย และปิดท้ายที่ Base Notes กับกลิ่นโทนวู้ดดี้ที่จะมาเต็มมากโดยเฉพาะไม้ซีดาร์ที่จะให้ความขรึมนิ่ง และไม้ Guaiac ที่จะมาให้โทนไม้หอมแน่นๆ เข้มๆ แมนๆ ติดกลิ่นอาย Smoky ล้อมไปด้วยโทนหวานจางๆ เย้าๆ ของกำยาน ซึ่งจะได้ความรู้สึกอบอุ่นเท่ห์ๆ ติดสะอาดกำลังดี โดยที่กลิ่นยังคงมีความแห้งๆ ไปตลอด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะที่ออกทางกลิ่นอายป่าโซนแอฟริกามากกว่าจะเป็นป่าดงดิบในแถบบ้านเราครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ซึ่งกลิ่นนี้อาจจะต้องผ่านการใช้น้ำหอมมาหน่อย จะพอรับช่วงต้นได้ไม่ยาก เพราะช่วงที่เหลือ คือความดีงามสมชื่อ Kenzo ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและไม่ทางการ แต่ถ้าจะออกกำลังกายแนะนำว่าขอเป็นช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนเที่ยวกลางคืนจัดไปได้เลยครับ กลิ่นแมนเท่ห์ติดเย้ากำลังดีแบบไม่เหมือนใครดีแท้ เรียกได้ว่าเป็นอีกตัวที่ครอบจักรวาลเลยล่ะครับ

ความทน – 8 ชั่วโมง โดยประมาณ บวกลบประมาณหนึ่ง โดยอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – บอกเลย! กลิ่นกระจายดีมากกกกในช่วงต้น คือ แผ่รังสีเครื่องเทศติดไม้หอมกันเต็มๆ และจะค่อยๆลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง จนถึงเป็นบาเรียรอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – เรียกได้ว่า Kenzo ต่อยอดรุ่น Homme ได้แตกต่างและโดดเด่นมากจริงๆ กับตัว Jungle นี่เป็นแค่ม้าลายนะนั่น ยังมีรุ่นช้าง รุ่นเสืออีก ขออย่างเดียวอย่ามีรุ่นงูกับแมงป่องเป็นพอ เพราะหนูกลัว -___-"

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Kenzo Homme


Kenzo Homme

หนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในเรื่องของความเก๋าและเจ๋งมากกับการผสมผสานความเป็นตะวันออกควบคู่กับตะวันตกที่รังสรรค์น้ำหอมออกมาได้เก๋ไก๋ไฉไลมาเสมอซึ่งถ้าพูดถึงรุ่นพระเอกของแบรนด์นั่นอย่าง Kenzo Homme ที่เป็นที่นิยมมากและเป็นหนึ่งในตัวที่คนรักน้ำหอมสดชื่นต้องไปพลาดที่จะได้ลอง ก็คงจะบรรยายออกมาได้ว่า 

Top Notes เปิดขึ้นมากับกลิ่นอายสดชื่นแบบน้ำทะเลที่กลั้วโทนซิตรัสและติดเขียวสมุนไพรซ่าๆ แต่กลิ่นจะมีความแน่นกำลังดีเพราะมีโทนวู้ดดี้รองพื้นอยู่ด้านหลัง ซึ่งกลิ่นนี้ได้อารมณ์เย็นๆ เหมือนได้ไอน้ำทะเลแบบที่ไม่ได้มีความร้อนของอากาศเจือปนมาด้วยเลย ทำให้ผ่อนคลายได้ดีมาก เพียงชั่วเวลาไม่นานกลิ่นต้นจะมาผสมผสานกับช่วง Middle Notes โดยจะเริ่มมีไอเย็นเหมือนอยู่ริมทะเลช่วงเช้ามืดหรือยามเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีกลิ่นจะเย็นวาบๆ สดชื่นคงที่มากกับจันทน์เทศและจูนิเปอร์เบอร์รี่ที่ยังคงรับช่วงต่อคงอารมณ์แบบสายน้ำเย็นๆ อยู่กลั้วไปด้วยกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ โทนเขียวๆ ของสมุนไพร โทนหวานจางๆ ของเครื่องเทศ ผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัวจนกลายเป็น “กลิ่นน้ำสะอาดเย็นๆ และหอมละมุนจางๆ” ได้ดีมากกกกก ติดสตันไปเลยเพราะกลิ่นมันคุ้นชินและหอมจริง สร้างความสดชื่นยามกลิ่นตีขึ้นได้ดีมากแบบไม่ต้องปีนบันไดดม จนเมื่อปิดท้ายกับ Base Notes งาน Musk ต้องมา ซึ่งเป็นตัวรองพื้นให้ความนุ่มสะอาด ดันกลิ่นโทนเขียวเด่นขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นโทนวู้ดดี้แบบนิ่งๆ โดยมีโทนกลิ่นแมนๆ ของ Oak Moss เข้ามาทำให้กลิ่นดูเป็นสุภาพบุรุษมากขึ้น ซึ่งกลิ่นโทนน้ำสะอาดก็ยังคงอยู่ให้รู้สึกได้อยู่ เรียกได้เลยว่าเป็นกลิ่นที่ใกล้ตัวดูเหมือนจะธรรมดา แต่จริงๆ ไม่ธรรมดาและมีดีในตัวสูงมาก จึงไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะชอบ และเอาไปเป็นหนึ่งใน Signature กันเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น เป็นต้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ จริงๆ เด็กน้อยยังพอฉีดก่อนไปโรงเรียนที่เสื้อให้ยังได้เลย เพราะกลิ่นเข้าถึงง่าย หอมสะอาดอย่างมีระดับ สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหมาะมาก ส่วนยามเย็นแบบทั่วๆ ไปก็ใช้ได้ครับ แต่ไปกินเหล้าอาจจะไม่ได้เข้าทางอะไรมากนัก

ความทน – บอกเลย! นี่คือน้ำหอมโซนสดชื่นที่ทนจริงอะไรจริง ยังไงเกิน 8 ชม. ได้สบายๆ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และลดเป็นกระจายกำลังงามไปเรื่อยๆ ในช่วงกลาง จนเป็นออร่าหอมสะอาดรอบตัวในช่วงท้ายแบบสายน้ำและไอน้ำเย็นๆ สดชื่นเลย

ทิ้งท้าย – ขอบอกกันตรงๆ ว่า นี่คือ “#ของดีเทคนิคไม่ต้อง” ของแบรนด์นี้ครับ