แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Elie Saab แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Elie Saab แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Review: Elie Saab - Essence No.6 Vetiver

Elie Saab - Essence No.6 Vetiver 

เรื่องแฟชั่นในสายชุดราตรีโอกูตูร์ของผู้หญิงที่ Mix เอาความเป็นตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันที่สวมใส่แล้วดูแพง หรูหรา พลิ้วไหว และเซ็กซี่ขับความเป็นผู้หญิง ก็ต้องยกให้แบรนด์ Elie Saab เขาเลย เพราะครอบครองพื้นที่พรมแดงมาอย่างยาวนานจริงๆ
 

ซึ่งนอกจากสายแฟชั่นแล้ว สิ่งที่น่าสนใจตามมา คือ น้ำหอม ที่เดิมทีเน้นฝั่งผู้หญิงเป็นหลัก จนเมื่อประกาศทำน้ำหอมไลน์สาย Exclusive & Luxury ที่เน้นลักษณะโทนกลิ่นที่ครอบคลุมการใช้งานทุกเพศแบบ Unsiex อย่าง Le Collection des Essences ที่ได้ร่วมงานกับ Maison Francis Kurkdjian ในการสร้างสรรค์น้ำหอมขึ้นมา ความน่าสนใจเลยพุ่งพรวดเข้าไปอีก กับ 7 กลิ่นในปัจจุบัน ซึ่งกลิ่นอายสไตล์ Elie Saab X MFK จะออกมาในรูปแบบไหนก็ขอหยิบเอากลิ่นแรกมานำเสนอกับความเป็น หญ้าแฝกที่เป็นหมายเลข 6 ของแบรนด์นี้ว่ากลิ่นอายจะออกมาในลักษณะใดบ้าง 

No.6 Vetiver เป็นการนำเสนอโทนกลิ่นอายสไตล์หญ้าแฝกที่มาสายสดชื่นไล่เรียงสู่การเป็นหญ้าแฝกที่มีมิติทั้งไม้หอมและมีโทน Smoky แบบที่กำลังดีไม่เข้มจัดและไม่ดาร์กดำดิ่ง โดยในทุกๆ ช่วงกลิ่น หญ้าแฝก คือตัวเอกหลักที่เป็นเหมือน Center Notes ที่ให้มิติกลิ่นพื้นฐานที่ความเป็นโทนไม้หอมแต่มีเลเยอร์กลิ่นที่แตกต่างให้จับต้องได้เสียด้วย เพราะมีหญ้าแฝก 2 ประเภทอยู่ในน้ำหอมตัวนี้ โดยช่วงเปิดกลิ่นโทนหญ้าแฝกจะเป็นฉากหลังที่ให้โทนกลิ่นติดเขียวปนไม้แห้งๆ ที่มีความ Smoky อ่อนๆ รองพื้นอยู่ แต่ให้ผู้เล่นหลักอย่างโทน Citrus เปรี้ยวติดขมแห้งอย่างมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และโทนเปรี้ยวสว่างติดแปร่งตามธรรมชาติของเกรปฟรุตเป็นตัวเปิดชั้นดีที่ทำให้โทนช่วงต้นมีความสดชื่นเจือสว่างปนกลิ่นอายไม้หอมติดเขียวปนSmoky และมีความติดกลิ่นดิน Earthy หน่อยๆ ที่เป็นลักษณะของกลิ่นแบบ Haitian Vetiver 

ซึ่งโทน Citrus เปิดตัวไม่นานก็ถอยทัพไปเป็นฉากหลังที่ให้ความสดชื่นบางๆ แทน เพราะจะหลีกทางให้โทนไม้แห้งๆ ติดเก่าๆ ขรึมๆ ของปาปิรัส กับโทน Fresh Spicy ที่ให้ความเผ็ดปร่าซ่าของกานพลูเด่นขึ้นมาแทนที่ และก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่เป็นลักษณะกลิ่นโทน Woody Spicy แบบที่มีความสมดุลย์แต่ละโทนกลิ่นที่ผสมผสานกันเข้ามา โดยให้ความมินิมัลแบบสายไม้หอมก็ได้ ความสุภาพติดขรึมขลังมีระดับก็ดี และความสดชื่นที่สนับสนุนให้กลิ่นมีมิติก็สามารถ ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นเด่นต้องยกให้ปาปิรัสกับกานพลูเลย เพราะเป็นตัวเดินกลิ่นที่ชัดเจนที่สุดกับความเป็นไม้หอมแห้งๆ ติดเผ็ดปร่าซ่าอะโรม่าสมุนไพรแห้งๆ โดยยังมีโทนสดชื่นสว่างอ่อนๆ ของโทน Citrus ที่บางๆ สนับสนุน ส่วนหญ้าแฝกยังคงเป็นฉากหลังที่ให้กลิ่นอายติด Smoky ปน Earthy ให้พอรับรู้ได้แบบห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่ก็ไม่ได้จมหายไป เพราะเมื่อกลิ่นโทนกานพลูเริ่มเบาลง และความเป็น Citrus หายแซ่บหายสอยไปแล้ว คราวนี้คือการเป็นตัวเอกเด่นเพียง 1 เดียวที่จะเดินกลิ่นต่อในช่วงท้าย คือ หญ้าแฝกเต็มๆ เพราะในช่วงนี้มิติกลิ่นของหญ้าแฝกของ Haitian Vetiver จะเริ่มมีลักษณะของกลิ่นหญ้าแฝกที่แตกต่างออกไป เพราะกลิ่นจะ Smoky ปนดินๆ Earthy ติดขมสะอาดมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งก็เป็นลักษณะของ Javanese Vetiver ที่จะให้โทนกลิ่น Smoky ที่ชัดมากขึ้น แต่ไม่ได้ไปสายไหม้เข้มดาร์กนัก เพราะการผสมผสานที่มีโทนติดเขียวปนไม้แห้งๆ ของ Haitian Vetiver และความเป็นไม้หอมแห้งๆ จากปาปิรัสเคล้าปร่ากานพลูมาคุมโทนกลิ่นให้มีความสมดุลย์และติดสะอาดปนปร่าอ่อนๆ อยู่ เลยทำให้ช่วงท้ายจะได้กลิ่นอายสายไม้หอมติดดินๆ ที่สะอาดปนปร่าอ่อนๆ มีความสุภาพและสุขุมติดขรึมแบบกำลังดี ไม่ดาร์กไป ไม่เข้มจัดไป ให้ความเรียบหรูและมีระดับคลอผิวแบบไม่ปล่อยพลังได้อย่างลงตัวมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงไว้ว่า Unisex แต่กลิ่นเบนเข็มไปทางผู้ชายชัดเจน ซึ่งถ้าผู้หญิงจะใส่ก็ได้อยู่ แต่ต้องลุคออกทางขรึมเท่ห์มาด Boy อะไรแบบนี้ก็จะได้อยู่ โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ที่เน้นวางตัวขึ้นมาหน่อย เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายลั่นล้าเลย แม้ว่าจะใส่ออกกิจกรรมลุยๆ หรือออกกำลังกายได้ก็ตาม แต่เพราะออกทางขรึมๆ สุภาพ เรียบหรู เลยเน้นรอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ส่วนนามค่ำคืนใส่ออกงานได้สบายมาก แต่ไม่ได้เข้าทางการไปท่องราตรีนัก เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลัง

ความทน - อยู่ที่ 8 ชม. มีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์ สภาพผิว รวมถึงสภาพอากาศด้วย เพราะสิ่งที่เจอถ้าอากาศร้อนๆ เกินไป กลิ่นจะราวๆ 6 ชม. ก็โบกมือลา แต่ถ้าอากาศสบายๆ เย็นๆ หรือชื้นๆ หน่อย กลิ่นจะลากยาวไปที่ 8 ชม. ได้อยู่ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะดรอปลงมาเรื่อยๆ เป็นปานกลางซักพัก แล้วจึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวพอสมควร ซัก 5 - 6 ชม. ถึงเริ่มเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

สรุป - เป็นอีกหนึ่งโทนหญ้าแฝกที่ทำออกมาได้ดีมีความสุภาพและสุขุมไปในตัวได้ดี โดยคุมความสมดุลย์ของกลิ่นได้ดีมาก ซึ่งเข้าทางคนที่ชอบกลิ่นหญ้าแฝกสายสะอาดและสดชื่นแบบที่ไม่ดาร์กมากไปได้ดีเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/news/Elie-Saab-La-Collection-des-Essences-Vetiver-and-Neroli-6773.html


วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Review: Elie Saab Le Parfum


Elie Saab Le Parfum

เอาเข้าจริงๆ ผมเมินแบรนด์อีหลี แซ่บ ที่เก่งกาจเรื่องชุดเดรสของสาวๆ นี้มานานมากเลยนะครับ เพราะว่ามีแต่น้ำหอมผู้หญิงอ่ะจ้า แม้ปัจจุบันจะมีกลิ่น Unisex ที่ออกมาเป็น Collection แล้ว ก็ยังเฉยๆ มาตลอด จนมีวันนึงชักอยากลอง เลยขอเอารุ่นที่เด็ดดวงมาลองดีกว่า ว่ากลิ่นจะเป็นยังไง เราจะต้องแต่งหญิงไหม กับรุ่นนี้เลยครับ Elie Saab Le Parfum 

เปิดต้นกลิ่นมาดอกส้มแบบผู้หญิงมั่นใจเลยจ้า กลิ่นดอกส้มที่ติดซิตรัสจางๆ โดยมีกลิ่นโทนดอกไม้สีขาวนวลนุ่มรายล้อมกันเต็มๆ ส่งต่อให้ช่วงกลาง กลิ่นของดอกส้มที่เด่นๆ จะไปรวมตัวกับมวลบุปฝาชาติสีขาวนวล ซึ่งมะลิจะเด่นขึ้นมาตีคู่กันอย่างงามเลยทีเดียว กลิ่นจะหอมบ่งบอกความเป็นโทนสีครีมออกขาวและสาวมาก ซึ่งในเนื้อกลิ่นเอง ไม่ได้มีความอ่อนโยนแบบสาวเรียบร้อยนักนะครับ จะเป็นแบบสาวมั่นใจกันเต็มๆ เลยทีเดียว กลิ่นอายในช่วงนี้จะคงตัวอย่างยาวนาน มีความนุ่มเย้าจากพิมเสนมาทำให้มีมิติและหอมเย้ายวนกำลังดีเสียด้วย และกลิ่นโทนหวานจะเริ่มดันขึ้นมา โดยกลิ่นของน้ำผึ้งจะดันขึ้นมาเด่นตีคู่กับกุหลาบ ทำให้กลิ่นจะออกโทนหวานกำลังดี ไม่ได้มาแบบฉ้ำจนเลี่ยน ราวกับน้ำผึ้งมีดอกไม้ผสมอยู่ข้างในตัดกันให้กลิ่นไม่หนักจนน่าดูชมมาก โดยมีกลิ่นของวู้ดดี้และ Musk อ่อนๆ มาทำให้กลิ่นอายหอมมีระดับมีความเป็นสาวสวยแบบมั่นใจ สะอาด รู้จักตัวเองและใช้เสน่ห์ด้านกลิ่นเป็น แถมยังหรูหรามีระดับเสียอีกด้วย ภาพรวมออกมาไม่แปลกใจเลยที่เป็นที่นิยมมากจนแตกไลน์ออกมามากมายในตอนนี้

เหมาะสำหรับ – สาวๆ เลยจ้ะ ได้ตั้งแต่วัยทำงานเป็นต้นไปเลย เพราะกลิ่นมันบ่งบอกถึง Lifestyle แบบคนเมืองอย่างมีระดับเลยล่ะครับ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็น ทำงาน ออกงาน หรือรับแขกบ้านแขกเมืองก็ยังได้อยู่ จะใส่ยามชิลล์ๆ แบบชิคๆ ก็ได้เลยล่ะ แต่งดใส่ยามออกกำลังกายเถิด กลิ่นมันไม่ได้ไปได้ดีกับเหงื่อนะ ส่วนยามค่ำคืนออกงานหรู หรือเที่ยวแบบเก๋ๆ จัดไป ใส่ได้สบายๆ จ้า ส่วนคุณผู้ชาย อย่าเลยเนาะ

ความทน – ยกให้เลยที่ 10 ชม. กลิ่นยังคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่เลยล่ะครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากกกกในช่วงต้น เรียกว่า พร้อมกับการเป็นสาวมั่นใจเลย ตามด้วยกระจายกลางๆ ไปตลอด จนปลายๆ ช่วงท้ายที่เป็น Skin Scent ครับ

ทิ้งท้าย – ผมมาดมั่นมากกับการใส่แบบไม่ลองก่อน แล้วใส่ไปทำงาน โดนสายตามองแล้ว ทำได้แต่ทำหน้าเฉยๆ เออ กลิ่นมันสาวมั่น แต่ผมก็หนุ่มมั่นนะว้อยยยย 555555

Credit ภาพhttp://blog.soton.ac.uk/rcs/files/2014/12/Anja-Rubik-by-Mert-Marcus-for-Elie-Saab-Le-Parfum-DesignSceneNet-01.jpg