แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Abercrombie & Fitch แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Abercrombie & Fitch แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562

Review: Abercrombie & Fitch - First Instinct Extreme

Abercrombie & Fitch - First Instinct Extreme 

จาก First Instinct รุ่นแรกที่เป็น EDT ได้รับความนิยมอย่างมากกับการเป็นน้ำหอมชายอีกหนึ่งเรือธงของแบรนด์ Abercrombie & Fitch ก็ได้เวลามาสู่การเพิ่มความเร้าใจและความเข้มข้นเข้าไปอีกกับการต่อยอดมาเป็นรุ่น Eau de Parfum กับการเป็น First Instinct Extreme ที่จะมาสร้างความหอมแบบผู้ชายสบายๆ แต่มีความนัวเข้ามาแจม เช่นนั้น ต่อยอดขนาดนี้ก็ไม่พลาดสิที่จะไ
ด้ลอง ผลสรุปทางกลิ่นที่ออกมาคือ 

เปิดต้นกลิ่นด้วยโทนแมนๆ ติดอบอุ่นกำลังดีกันก่อนเลยเพราะเนื้อกลิ่นที่รองพื้นจะจับต้องได้ตั้งแต่ช่วงแรกเลย คือ กลิ่นโทนใบไวโอเล็ต ที่ให้โทนเขียวติดเมทัลลิคหอมสดชื่นติดโทน Aquatic เบาๆ ที่ชัดเจนวูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นเม็ดกระวานหวานเผ็ดเย้าที่คลอเคลียให้ความนัวและนวลเป็นพื้นกลิ่น โดยที่จะมีเลเยอร์กลิ่นนวลเผ็ดของพริกไทยและกลิ่นออกทางหวานอมเปรี้ยวคล้ายโทนกลิ่นแนวๆ ลูกแพร์ผสมแอปเปิ้ล หวานอมเปรี้ยวไม่ฉ่ำเกิน (ซึ่งเมื่อไปดู Note แล้วจึงได้รู้ว่าเป็นโทนกลิ่นมะเฟือง) เป็นตัวซ้อนอยู่ด้านบน ทำให้กลิ่นจะผสมผสานกันเป็นโทนผลไม้ติดนัวๆ มีความนวลเขียวเจือเมทัลลิคกำลังดี ซึ่งสร้างความแมนกันตั้งแต่ต้น ซึ่งยังไม่พอ เพราะว่าโทนกลิ่นของกระวานมาเจอกับโทนกึ่งผลไม้ออกเปรี้ยวอมหวานหรือ Citrus มักจะมีความรู้สึกติด Bad Boy อยู่เสมอ ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นก็มีโทนนี้ให้จับต้องอยู่ด้วย

จนเมื่อกลิ่นโทนผลไม้เริ่มเบาลง และมีความครีมมี่บางๆ เสริมขึ้นมา ทำให้กลิ่นของไวโอเล็ตและกระวานจะกลายเป็นตัวเอกเด่นนำไปตลอด ให้ความเขียวนวลเย้ายวนกำลังดีมีความเป็นใบไวโอเล็ตให้จับต้องได้แบบเต็มๆ เคล้ากับความเซ็กซี่ของกระวานที่ให้กลิ่นหวานเย้าเร้าใจปนเผ็ดร้อนที่เซ็กซี่ที่เริ่มจับต้องได้จากกลิ่นของพริกไทยแนวๆ หนึ่งที่ไม่ใช่สไตล์นวลสะอาดแบบพริกไทยปกติ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะได้อารมณ์ Green ปน Aquatic ที่มีเมทัลลิคกับเครื่องเทศหวานเย้าฟุ้งสนับสนุนเต็มชัดพอสมควร โดยจะมี Background เบื้องหลังที่เสริมโทนอยู่เป็นกลิ่นออกทางกึ่งไม้กึ่ง Musk ที่จับได้ถึงกลิ่นโทนหนังกลับหน่อยๆ กลิ่น Musk อ่อนๆ เสริมด้วยโทนอบอุ่นสไตล์แอมเบอร์นัวๆ แทรกตัวเข้ามาเนียนๆ รองพื้น จึงทำให้ช่วงกลางกลิ่นจะได้2 มิติคือ Green Aromatic & Spicy และรองพื้นด้วยโทน Warm Musky ที่มีความนัวกำลังดีไปเรื่อยๆ ได้ความรู้สึกแบบผู้ชายอบอุ่นสบายๆ มีความเท่ห์กำลังดี จนเมื่อกลิ่นโทนเขียวเริ่มเบาลงเหลือเพียงบางๆ กลายเป็นโทน Warm Musky เด่นขึ้นมาแทน ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะจับได้ถึงโทนของกลิ่น Musky เจือไม้หอมที่นัวๆ ตามสไตล์ของกลิ่น Cashmirwood ที่เป็นกลิ่นโทนสังเคราะห์ลูกครึ่งระหว่าง Musk กับไม้หอมติดนัวๆ อวลๆ ดึงดูด ผสมผสานกับกลิ่นโทนหนังกลับกับ Musk รองพื้นด้านหลังให้ความเซ็กซี่นวลๆ รุมๆ แต่สิ่งที่จะจับต้องได้อีกอย่างคือกลิ่นโทนครีมมี่ติดมะพร้าวกะทิที่แอบเนียนมากับเขาด้วยหน่อยๆ แต่มาวูบบางๆ ก็จมไปกับเนื้อกลิ่นเลยสร้างมิติความครีมมี่ให้กลิ่นอยู่ในระดับที่เบาๆ จนผ่อนหายไปหมดเมื่อปลายๆ ช่วงท้ายที่จะเริ่มเป็นโทนสะอาดติดอบอุ่นมีความนัวอ่อนๆ ติดผิวกำลังดีจนกว่าจะจางไปในที่สุด 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายก็สามารถใช้ตัวนี้ ได้สบายมาก เพราะแบรนด์มาสายแนวๆ วัยรุ่นตั้งแต่ตอนต้นสู่ตอนปลายอายุ 60 ก็ยังใช้งานได้อยู่ ซึ่งกลิ่นนี้มีความเกือบครอบจักรวาลในระดับหนึ่ง คือ ใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวันและกลางคืนได้เลย ไม่ว่าจะใส่แบบทำงานหรือทั่วๆ ไป ลามไปถึงใส่ไปปาร์ตี้ ท่องราตรี ซึ่งจะมีก็แต่การใส่ออกทางการจัดๆ ที่อาจจะต้องพิจารณาหน่อย รวมถึงการใส่เพื่อไปออกกำลังกายเลยที่ถ้าเป็นได้ ให้รอช่วงท้ายๆ ก่อนจะดีที่สุด 

ความทน - ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ ก็อิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ชัดเจนกันเลยทีเดียว แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางซักระยะก่อนลงไปที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นประมาณ 5 ชม. ไปแล้ว จะเริ่มเป็น Skin Scent ตามลำดับ 

สรุป - ตัว Extreme จะเป็นการต่อยอดจากรุ่นปกติโดยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาและปรับโทนให้เข้มขึ้น โดยตัดบางกลิ่นเพิ่มความชัดเข้ามาให้มีความ Bad Boy แบบมีชั้นเชิงแต่ยังคุมโทนการเป็นหนุ่มสบายๆ ได้อยู่ รวมถึงความทนที่ดีมากขึ้นมาในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าแยกง่ายๆ รุ่นปกติเข้าทางการใช้ยามกลางวันสไตล์ Daily Scent ที่ให้ภาพลักษณ์หนุ่มข้างบ้านที่หล่อจัง และรุ่น Extreme ใช้ต่อเนื่องยามกลางคืนที่ทำให้หนุ่มข้างบ้านคนเดิม เพิ่มเติมความเซ็กซี่เย้ายวนใจและมาดแมนนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit https://cf.shopee.co.th/file/56e24310ff2f1e4698487c0902dd3465



วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Review: Abercrombie & Fitch - First Instinct

Abercrombie & Fitch - First Instinct 

พูดถึง Abercrombie & Fitch คนมักนึกถึงเสื้อผ้าและพนักงานกล้ามแน่นๆ ในร้านสินะ ซึ่งกว่าจะวนมาน้ำหอมอาจจะต้องผ่าน 6 Packs กันมาก่อนถึงจะนึกออก และมักนึกออกถึงรุ่น Fierce Cologne กันเสียด้วยเพราะดังมาอย่างยาวนานจริงอะไรจริง แม้ว่าจะมีรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นก็เทียบชั้นไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์เขาก็เริ่มขยับไลน์ปกติให้มีมากกว่าความเป็น Cologne แล้ว มาสาย EDT กับเขาบ้างกับรุ่นที่ออกมาเมื่อปี 2016 อย่าง First Instinct for Men ซึ่งกลิ่นจะเป็นยังไง ได้เวลาลองแล้วบอกต่อสินะ 

กลิ่่นเปิดมาก็ทำให้แปลกใจในความกรุ้มกริ่มปนนวลนัวที่เด่นกับความเป็นเมล่อนติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย กลิ่นจะมีความเป็นเหล้าจินเด่นแบบโปร่งๆ มีความซ่าหน่อยๆ ของโทนโซดาแต่จะเคล้ากับกลิ่นเมล่อนที่ไม่ได้มาแบบใสๆ เลยแบบผลไม้จ๋าเลย เป็นเมล่อนอีกโทนแบบแมนๆ นวลๆ และไม่หวานเลย ไม่ใช่กลิ่นแบบฮันนี่ดิวเมล่อนที่หอมหวานฉ่ำเลย ให้ตัดความรู้สึกแบบนี้ออกไปได้ ไม่มีแน่นอน ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มาสายสดชื่นจัดเต็มแน่ๆ เพราะมีความนัวชัดเจนจากโทนติด Spicy เผ็ดปร่าและมีความเขียวเย้าโปร่งๆ มาด้วย เปิดเผยความเซ็กซี่ดึงดูดกันตั้งแต่แรกไม่มีอ้อมค้อม เรียกว่าเรียกแขกกันอย่างชัดเจนเพียงแต่ไม่ได้มาสายที่แน่นหนักมากเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นเหล้าจินโทนิคผสมเมล่อนแมนนวลนัวยังอยู่ ลดระดับลงมากำลังดีให้กลิ่นโทนเครื่องเทศปร่าเผ็ดกับความเขียวเย้ายวนโปร่งๆ ที่แจมในช่วงต้นชัดขึ้นมาจนจับได้ว่าเป็นพริกไทยที่มีความเผ็ดร้อนนัวๆ หน่อย กับใบไวโอเล็ตกลิ่นจะเริ่มจับต้องได้ชัดขึ้นทำให้มีความเป็นโทนโปร่งติด Aquatic ผสมผสานกับกลิ่นที่ตามมาจากตอนแรกเป็นกลิ่นนวลๆ ติดเผ็ดโปร่งกำลังดีไปตลอด คงความเย้ายวนเซ็กซี่ได้อยู่ เพียงแต่ไม่ได้เรียกแขกขนาดเท่าช่วงแรก เน้นให้เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นประมาณนี้ แล้วโทนกลิ่นนวลๆ นุ่มๆ สะอาดอย่าง Musk จะเริ่มชัดขึ้นหลังจากรองพื้นแบบหลบๆ ซ่อนๆ มาตลอดให้รู้สึกได้ถึงความนวลตั้งแต่ช่วงต้น โดยจะมีกลิ่นออกทางผิวกายสะอาดๆ นุ่มๆ ของหนังกลับมาแจมด้วยให้มีความเซ็กซี่แบบนวลๆ รุมๆ ที่ผิวกาย โดยมีความอบอุ่นจางๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งช่วงนี้จะเป็นโทนสะอาดนุ่มนวลชัดเจน ซึ่งกลิ่นเหล้าจินโทนิคเมล่อนจะเรียกว่าเบาไปจนแทบไม่เหลือให้รู้สึกได้แล้วอาจจะพอมีบ้างบางๆ ภาพรวมจึงเรียกว่าเป็นตัวเรียกแขกที่ดีก่อนจะให้คลุกวงในแบบสะอาดๆ นวลๆ สบายๆ ผู้ชายสไตล์ Abercrombie & Fitch นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว แม้ว่าเนื้อกลิ่นที่เปิดตัวออกมาจะไม่ได้มาสายสดชิื่นแบบน้ำหอมชายที่มักจะคุ้นเคย เพราะมาแบบนัวๆ สดชื่นติดเหล้าจินที่โดยความนวลเข้าแทรกเสียมาก แต่ถือว่าเป็นการเรียกแขกดึงดูดความสนใจตั้งแต่ต้นได้ดีจริงๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป และอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เป็นงานทางการจัดๆ รับแขกบ้านแขกเมืองเกินไปนัก ส่วนออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถ้าเป็นทั่วๆ ไป จัดได้สบายมาก แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีต้องอัดสเปรย์กันน่าดูหน่อย และอาจจะสู้ชาวบ้านที่มาสายเย้ากว่าหวานกว่าไม่ได้เพราะกลิ่นเบาอยู่ไม่น้อยในช่วงกลางและท้าย 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ บวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 7 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเลย เรียกร้องความสนใจแบบนวลๆ นัวๆ แต่ไม่หนักชัดเจน แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ก่อนจะปิดท้ายด้วย Skin Scent แบบยาวไปจนกว่าจะหายไปจากผิ

ทิ้งท้าย - เรียกว่าคงความเป็นสไตล์ของแบรนด์ชัดเจนกับกลิ่นนุ่มๆ แนว Musky ในช่วงท้ายที่คงลายเซ็นชัดเจน เพียงแต่ใส่ความแปลกใหม่ด้วยความนัวดึงเรตติ้งของกลิ่นด้วยเมล่อนแมนๆ ไม่หวานนั่นเอง ที่สำคัญขวดสวยมากกกกกกกก 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by http://www.perfumestore.sg/wp-content/uploads/2017/03/ABERCROMBIE-FITCH-FIRST-INSTINCT-HOMME-EDT-FOR-MEN-1.jpg

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Abercrombie & Fitch - Fierce Cologne



Abercrombie & Fitch - Fierce Cologne 

หนึ่งในตัวที่ยอดนิยมสุดๆ ของ Abercrombie & Fitch เลยทีเดียวที่ใครได้กลิ่นเป็นต้องปลื้มและชอบมากกกกกก เป็นน้ำหอมกลิ่นที่เหมือนจะธรรมดาทั่วๆ ไป แต่สร้างเสน่ห์ขาดใจมากมายเลยทีเดียว แน่นอนว่าถ้าใครเข้า Shop ที่ต่างประเทศรับรองจะได้กลิ่นนี้คลุ้งเต็มร้านแบบที่ CC-OO เอามาใช้เลยทีเดียวกับรุ่น Fierce Cologne ครับ 

แค่เปิด Top Notes ก็บอกเลยว่าจะได้ความสดชื่นแบบออกทางเขียวนุ่มจมูกมาก เพราะมีโทนของซิตรัสอย่างส้มและเลมอน มากลั้วกับโทนเขียวนุ่มสะอาด แต่จะตัดโทนคมๆ ของกลิ่นที่ควรจะเป็นด้วยเม็ดกระวานเลยทำให้จะได้ความสดชื่นแบบนุ่มๆ เท่ห์ๆ กันตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว เพียงแค่กลิ่นนี้ก็เพียงพอให้เสียตังค์ง่ายๆ ยังไม่พอเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นโทนดอกไม้ต่างๆ มที่ไม่ได้ออกทางสาวเริ่มปล่อยของบางๆ แอบจับได้คือกุหลาบและมะลิ แต่เพราะการมีโทนสมุนไพรออกทางเขียวนุ่มและโรสแมรี่ที่ออกทางเขียวเย็นมาช่วยตัด เลยไม่ออกสาวเลย กลิ่นช่วงนี้ Unisex ชัดเจนมากๆ และหอมมากมาย กลิ่นให้ความเข้าถึงง่ายและเย้ายวนแบบที่อยู่เฉยๆ ก็ดึงดูดได้โดยไม่ต้องแสดงออก แต่กลิ่นของไม้เนื้อหอมและ Musk จะเริ่มขึ้นมาไวมากมาผสมผสานจนถ่ายโอนเข้าสู่ Base Notes ที่คราวนี้จะได้อารมณ์แบบผู้ชายสะอาดสะอ้าน สบายๆ กลิ่นไม่แน่นจมูกเลย ออกทางนุ่ม สร้างเสน่ห์ชัดเจนแบบผู้ชายทั่วๆ ไป ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ และสวมเชิ้ตลายสก๊อตพับแขน แบบที่เห็นแล้ว อืมมมม The Boy Next Door คนนั้นน่ะ ถ้าได้ก็ดีนะนั่น ฮิ้ววววววว แบบนี้เลยครับ

เหมาะสำหรับ - น้ำหอมตัวนี้เจาะมาที่เหล่ากระทาชายทุกเพศทุกวัยเป็นหลัก แต่กลิ่นค่อนข้างออกทาง Unisex ที่ผู้หญิงใช้ได้สบายๆ นะครับ เพราะกลิ่นมันเหมาะกับการใส่เสื้อผ้าแบบไม่ทางการนักเช่นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ของสาวๆ แต่กลับผู้ชายสามารถใช้ได้หมดทั้งสถานการณ์ยามกลางวันเช่นไปเรียน ทำงาน ออกกำลังกาย เที่ยว เดินเล่น ให้แฟนซุกทั่วๆ ไป เพราะเข้าได้กับการแต่งกายทุกประเภทเลย ส่วนกลางคืนก็ใส่ได้อยู่ครับ ครอบจักรวาลใช้ได้เลย

ความทน - แม้เป็นแค่ Cologne แต่ความทนเหนือเมฆมาก เพราะ 8 ชม. เป็นเรื่องปกติเลย เผลอๆ มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในทุกๆ ช่วงเลย ให้อารมณ์หอมนุ่มสะอาดเซ็กซี่และเย้ายวนแบบธรรมชาติ ไม่ต้องประดิษฐ์อะไร เพราะมันออกมาเองแบบ #ก็ไม่รู้สินะ เลย

ทิ้งท้าย - ราคาไม่ใช่ถูกๆ นะนั่น แต่ถ้าใช้แล้วหลายคนไม่ผิดหวังเลยครับ เผลอๆ ปลื้มจนเป็น Signature เลยด้วยซ้ำไป ^^

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review: Abercrombie & Fitch - AbercrombieHOT



Abercrombie & Fitch - AbercrombieHOT 

เป็นแบรนด์ที่ผู้หญิงและผู้ชายหลายๆ คนชอบเข้าไปที่ Shop เวลาไปต่างประเทศ ใช่ม้ายยยยยยย~ ก็พนักงานขายแต่ละคนจัดหนักเรื่องหน้าตาที่หล่อและล่ำเป็นมัดๆ ทั้งนั้นนี่นา แน่นอนว่าไม่ได้มาวิเคราะห์ 6 Packs แต่ประการใด มาพูดกันถึงน้ำหอมต่างหาก ที่แบรนด์นี้น้ำหอมเองไม่ใช่ถูกๆ กลิ่นก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ทุกตัวต่างก็ฮอตฮิตติดลมบนเป็นตัวยอดฮิตของวัยรุ่นของหนุ่มอเมริกันเป็นอย่างมาก เช่นนั้นแสดงว่ามันต้องมีอะไร เลยมาขอจับกันที่ตัวล่าสุดที่พึ่งวางตลาดกันเลยอย่าง AbercrombieHot นั่นเอง

น้ำหอมแบรนด์นี้ส่วนใหญ่จะเป็น Eau de Cologne: EDC นะครับ ซึ่งตัวนี้ก็ใช่ เปิดตัว Top Notes กันซึ่งๆ ด้วยกลิ่นของโทนเลมอนและแตงกวาเลย ซึ่งเว่ากันซึ่งๆ ว่าถ้าคนที่เคยได้กลิ่นของ Bvlgari Aqva Marine และ D&G Light Blue pour Homme มาก่อนคงตกใจไม่ใช่น้อย เพราะมันเหมือนมากกกกกก แต่ในความเหมือนก็ยังมีความแตกต่าง เพราะโทน Aquatic ในช่วงนี้ กลิ่นแตงกว่าที่สดชื่นอมเขียวหน่อยที่เปลือกของมันจะจัดเต็ม ไม่ได้ออกสาหร่ายแบบ Aqva Marine หรือออกซิตรัสจัดๆ แบบ Light Blue นัก แต่แน่นอนถ้าดมที่ผิวอาจจะได้กลิ่นเขียวๆ แอบคาวนิดๆ ของแตงกวานิดหน่อย ซึ่งถ้าคนชอบหรือไม่ถือจะไม่มีปัญหานัก (แต่ผมเองแอบ เอ่อ แตงกวาสดๆ กันเลยเหรอ แอบอึ้งๆ มึนๆ นิดหน่อย) และพอเข้าสู่ Middle Notes ช่วงนี้จะให้โทนแบบที่นุ่มๆ ใสๆ สดชื่นแบบบางเบา หรือเรียกว่า Ozonic กันเลย เพราะกลิ่นเบาๆ ของน้ำมะพร้าว (ที่ไม่ใช่กะทิ) จะมาแบบบางๆ ให้เราได้พอจับต้องได้ มีติดกลิ่นแบบซิตรัสในช่วง Top มาพอสมควร ซึ่งช่วงนี้เรียกได้ว่า HOT ไหม ก็ในระดับหนึ่งครับ คือกลิ่นไม่ได้กระจายมาก จนบางทีเราอาจจะคิดว่าไม่มีกลิ่นเลย เพราะกลิ่นออกแนวค่อนข้างเบาๆ แต่กระจายออกนอกตัวมากกว่าจะให้เจ้าตัวได้กลิ่น คนอื่นจะได้กลิ่นแบบเบาๆ กำลังดี หอมนุ่มๆ สดชื่น ดูไม่จงใจหรือแต่งเติมเยอะเกินไป และพอเข้าสู่ช่วง Base Notes ตอนนี้กลิ่นจะเปลี่ยนโทนมาเป็นกลิ่นแนวสะอาดสะอ้านกลั้วอบอุ่นเบาๆ แทนเพราะ Musk จะเด่นมาก มีกลิ่นแอมเบอร์อบอุ่นจางๆ ให้จับต้องได้ ซึ่งกลิ่นค่อนข้างติดผิวพอสมควร ออกแนว Skin Scent ประมาณว่าอยาก HOT มาคลุกวงในกันเถอะ เช่นนี้เลย

คหสต. - จริงๆ ผมว่ารุ่นนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึก HOT นักครับ แต่จริงๆ มันน่าจะเหมาะกับอากาศ HOT มากกว่า เพราะโทนกลิ่นเข้ากับอากาศยามหน้าร้อน อบอุ่น หรือร้อนโคตรๆ แบบบ้านเราได้ดีเลยทีเดียว แต่ถ้า HOT แบบเซ็กซี่ไหมส่วนตัวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ ตัวอื่นของแบรนด์นี้ทำได้ดีกว่าเป็น Fierce Cologne เป็นต้น

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศทุกวัยครับ เป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายมาก เข้าถึงได้ง่าย ให้ความรู้สึกแบบวัยรุ่นกำลังดี ใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยว เดินเล่น ซื้อของ จ่ายตลาด หรือจะใส่ไปทำงานก็ยังได้ ยิ่งใส่ออกกำลังกายก็เหมาะ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับใส่เที่ยวกลางคืนเท่าไหร่ครับ กลิ่นเบาไปเดี๋ยวไม่ HOT นะ

ความทน - แม้จะเป็น Cologne แต่ความทนของแบรนด์นี้ถือว่าเทียบเท่าน้ำหอมปกติแทบจะทั้งหมดเลย ซึ่งอยู่ที่ 6 – 8 ชม. ตามแต่ผิวคนใส่ครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายได้ดีในช่วง Top ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นมากทีเดียว แต่ช่วง Middle กลิ่นจะกระจายออกหมด คนใส่ไม่ค่อยได้กลิ่นหรอกครับ คนอื่นจะได้กลิ่นเบาๆ แทน แต่ Base จะเป็น Skin Scent ติดผิวตามที่บอกข้างต้น

ทิ้งท้าย - เป็นอีกตัวที่ผมแพ้หลานเพราะผมใส่ 6 ชม. กลิ่นก็หมดไปแล้ว แต่หลานชายอายุ 9 ขวบ ใส่แล้วหอมทั้งวัน แถมมันวิ่งเล่นตามประสาเด็กๆ อีกด้วย ก็ยังหอมได้กลิ่นน้ำมะพร้าวติดซิตรัสชัดมาก 8 ชม. แล้วยังได้กลิ่นอยู่เลย รมณ์เสียที่สุด! เออ ตูมันแก่ ไม่ใช่วัยรุ่น (-“-)