แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Lolita Lempicka แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Lolita Lempicka แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Review: Lolita Lempicka - Oh Ma Biche

Lolita Lempicka - Oh Ma Biche

ครั้งแรกที่ได้เห็นฝาขวดของน้ำหอมแบรนด์ Lolita Lempicka รุ่นนี้ครั้งแรก เรียกว่ามีความแบ๊วได้อีกกับหงส์หัวเป็นกวางน้อยไร้เดียงสา ซึ่งแน่นอนเดาไม่ยากว่าต้องเป็นน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งพอพินิจพิเคราะห์ชื่อรุ่น Oh Ma Biche กับภาษาฝรั่งเศสเลยมีความโล่งใจที่ตอนแรกไพล่ไปคิดถึงคำที่คล้ายๆ กันในภาษาอังกฤษที่ความหมายแสบสันต์ แต่จริงๆ คือไม่ใช่ แปลออกมาได้ว่า “Oh My Honey” หรือเอาจริงๆ จะเรียกว่า “แม่กวางน้อยของฉัน” ให้ดูมีความเลี่ยนๆ ขึ้นมาอีกระดับก็ย่อมได้ ก็เลยมานั่งดู Notes กลิ่นกันหน่อยว่ามีความน่าสนใจแค่ไหนกัน

ซึ่งหลังจากดู Notes กลิ่นไม่นาน บอกเลยว่าความน่าสนใจมันอยู่ที่การนำเสนอกลิ่นค็อกเทลและแชมเปญนี่แหละ เช่นนั้นจะไปไหนเสียแม้จะเป็นกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแต่กลิ่นสายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบนี้ก็อยากเอาเข้าบ้านมาเพิ่มเหมือนกัน เช่นนั้นสอยไปอย่าได้เสีย จนเมื่อได้มาลองใช้จริงจนตกผลึก ก็ต้องบอกว่า

Oh Ma Biche ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด นำเสนอกลิ่นได้น่าสนใจมากแบบที่แม่หงส์กวางน้อยขวดนี้ นำเสนอกลายเป็นกลิ่นอายสไตล์ค็อกเทล Bellini ที่มีความเป็นพีชเคล้าส้มและแชมเปญเจือกลิ่นกุหลาบได้ดีมาก แต่สิ่งแรกที่จะเปิดตัวออกมาคือ ความเป็นนางเอกที่ต้องมีน้ำผลไม้คู่กายกันก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน น้ำนางเอกอย่างน้ำส้มนั่นเอง กลิ่นจะได้อารมณ์น้ำส้มส้มสื่นติดปร่าสดชื่นหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นจะไม่เป็นลักษณะแบบน้ำส้มคั้นสดจากลูกที่มาพร้อมเกล็ดส้มอะไรขนาดนั้น มีความเป็นน้ำส้มเปรี้ยวอมหวานติดเข้มข้นที่มีการผสมผสานมากกว่า เพราะในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ก่อนเลยคือ เกรปฟรุต เพราะมีความเปรี้ยวติดแปร่งเจือเมทัลลิคนิดๆ ที่สร้างโทนสว่างจะวูบขึ้นมาให้จับต้องได้ก่อนที่จะขนเอาความเป็นส้มที่จะมีโทนออกทาง Juicy ติดเปรี้ยวอมหวานสดชื่นหอมและมีความเย็นๆ เนื้อกลิ่นมีความฟุ้งพุ่งปร่าหน่อยๆ อารมณ์แบบมีโทนแนว Aldehydes เข้ามาเสริมด้วย แต่น่าจะมาเป็น Background มากกว่าที่จะเด่น เลยเสริมความซ่าหน่อยๆ เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นกลิ่นจะกลายเป็นสบู่ส้มไปแทน ซึ่งไม่น่าจะเข้ากับการเป็นแม่กวางน้อยนัก

เพียงไม่นานซึ่งที่จะแทรกตัวขึ้นมาเริ่มจะกลายเป็นนางเอกสมัยใหม่ที่มีความมั่นใจมากขึ้นแทน เพราะกลิ่นจะไม่ได้เป็นแค่น้ำนางเอกเฉยๆ แล้ว เพราะจะมีกลิ่นกลิ่นสไตล์ Aldehydes ที่รู้สึกได้ในตอนแรกจะชัดเจนขึ้นมาเลยว่า อ้อ นี่มันอารมณ์แบบ Sparkling ซ่าๆ แบบแชมเปญนี่เอง ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะมีความเป็นกุหลาบมาแทรกๆ ในการเป็นสไตล์แชมเปญกลิ่นกุหลาบ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น กลิ่นที่แทรกตัวออกมาค่อยๆ กินซีนแชมเปญคือ ค็อกเทล Bellini ที่เป็นค็อกเทลพีชผสมผสานกับเหล้าองุ่นสไตล์แบบไวน์ขาว ซึ่งจะแทรกขึ้นมาและผนวกเอาความเป็นแชมเปญกุหลาบเข้ามาร่วมด้วยจนได้อารมณ์กลิ่นแนวค็อกเทลพีชฟุ้งๆ มีความซ่าๆ ในสไตล์แชมเปญเสริมแกมกลิ่นออกทางเมทัลลิคติดปร่าเผ็ดซ่านิดๆ แนวคล้ายพริกไทยเสฉวน เลยพอเข้าใจได้ว่าความซ่าที่มีผ่านการวางโทนกลิ่นเพื่อผสมผสานกันเป็นอย่างดีมาแล้ว ซึ่งเนื้อกลิ่นจะติดปลายกลิ่นน้ำส้มในตอนแรกอยู่บ้างเล็กน้อย เลยจะได้อารมณ์ค็อกเทลสีพีชกึ่งส้มแกมชมพูแบบกุหลาบอ่อนๆ ได้ชัดเจนและที่สำคัญดึงดูดและเย้ายวนไม่หยอก เรียกว่าช่วงนี้ถ้าใครที่ชอบกลิ่นแนวค็อกเทลเป็นทุนเดิมและชอบกลิ่นพีชด้วยอยู่แล้ว บอกเลยว่าโดนตกได้เลยล่ะ

การเข้าสู่ช่วงท้ายการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีนัยยะสำคัญนัก เพราะว่ากลิ่นจากช่วงกลางจะตามมาทั้งหมดเพียงแต่จะลดทอนการเป็นค็อกเทลจ๋าๆ ลงไปในระดับหนึ่ง แบบว่านางเอกสายมั่นใจจิบค็อกเทลกับแชมเปญยังมาชัด เพียงแต่จะมีการเกลากลิ่นด้วยโทน Musk เข้ามา ทำให้กลิ่นไม่ได้คมหรือค็อกเทลพีชจัดจ้านเท่าช่วงกลางแล้ว แต่จะได้อารมณ์กลิ่นสไตล์ค็อกเทลพีชหอมมั่นใจฉาบผิวกายนวลบางๆ มากกว่า ซึ่งถือเป็นกลิ่นอายโทนกึ่งฟรุตตี้แกมค็อกเทลที่กำลังดี ให้เสน่ห์แบบที่ไม่ได้ดูแบบก๊งมาจากไหนแค่มีความขี้เล่นก็ได้ ความน่ารักก็ได้ แต่ถามว่า Feminine จ๋าๆ ไหม? ก็บอกว่าไม่ได้ขนาดนั้นออกทาง Unisex เสียมากกว่าในช่วงนี้

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็สามารถจัดตัวนี้ได้สบายมาก กลิ่นมีความสดใสก็ได้เย้ายวนในการเป็นสไตล์ของค็อกเทลก็ดี เรียกว่าใส่แล้วมีเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาไม่เหมือนน้ำหอมผู้หญิงอื่นๆ ในท้องตลาดเท่าไหร่ด้วย ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ตัดยามทางการและออกกำลังกายออกไปได้เลย แต่ถ้าเป็นใส่ทั่วไป หรือกิจกรรมกลางแจ้งแบบที่ไม่ได้ลุยโลดโผนมากจะไปได้ดีเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ออกงานหรือว่าใส่ปาร์ตี้ จะไพล่ไปใส่ทั่วไปก็ได้ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีอันนี้สู้เขายากหน่อย เพราะกลิ่นไม่ได้ข้นอวลจัดหนักสู้โทนหวานแน่นได้ง่ายนัก

ความทน - เกินคาด เพราะว่าสิ่งที่ส่วนตัวเจอคือ 12 ชม. สบายๆ แต่ถ้าตีค่าเฉลี่ยก็น่าจะราวๆ 6 - 8 ชม. ที่น่าจะให้เสน่ห์ได้ดีและลงตัว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นน้ำส้มมาเต็มเลย ก่อนจะลงมากระจายดีในช่วงกลางที่จะอยู่กับเราไปซักประมาณ 2 ชม. ได้ ก่อนจะลดลงเป็นปานกลางไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ก่อนเป็น Skin Scent หลังพ้นราว 8 - 10 ชม. ไปแล้ว   

สรุป - นี่ไม่ใช่กวางน้อยที่น่ารักดูใสๆ หลอกง่ายนะ แต่มาในการเป็นโทนกวางน้อยสายมั่นใจและไม่ได้เป็นนางเอกแบบขนบโบราณที่เอะอะก็น้ำส้มแล้ว แม้จะมีการ Tribute อยู่บ้างก็ตาม ไม่ธรรมดาเลยล่ะกลิ่นนี้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/news/Oh-Ma-Biche-by-Lolita-Lempicka-12699.html

 

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Review: Lolita Lempicka - L’Eau Jolie

Lolita Lempicka - L’Eau Jolie

ส่วนใหญ่เวลานึกถึงน้ำหอมผู้หญิงของ Lolita Lempicka เรามักจะนึกถึงกลิ่นหอมหวานเย้าเข้าโทนแป้งเคล้าโทนขนมที่จะต้องมีกลิ่นชะเอมหวานให้จับต้องได้ กับขวดทรงแอปเปิ้ลที่ให้อารมณ์ราวกับผลไม้ต้องห้ามในสวน Eden แต่เอาจริงๆ นอกจากตัวต้นตระกูลตัวนี้ที่ดังกันมายาวนานแล้ว ยังมีลูกหลานแตกตัวออกมากันอย่างมากมายรวมถึงมีกลิ่นใสๆ ที่ใช้ง่ายและมีความรื่นรมย์ปนน่ารักอยู่ด้วยก็มี

และกลิ่นนั้นก็คือ L’Eau Jolie ที่จะมาเล่ากลิ่นนี่แหละ ซึ่งแน่นอน Concept กลิ่นก็ไม่หนีไปไหน ต้องมีความหวานตามสไตล์แหละ เพียงแต่ถอดความหวานมาเป็นโทนหวานใสอะไรประมาณนั้น แต่โดยรวมกลิ่นจะเป็นอย่างไรว่ากันได้ตามนี้เลย

เปิดต้นกลิ่นมาเรียกว่าทำเอารู้สึกสดชื่นเจือหวานปลอดโปร่งของกลิ่นผลไม้อย่างลูกแพร์ที่จะมีอารมณ์กลิ่นออกทางโทนน้ำ Aquatic ฉ่ำหน่อยๆ เข้าร่วมด้วยเลยจะได้อารมณ์แบบกลิ่นลูกแพร์หอมหวานปนฉ่ำน้ำแบบกำลังดีฟุ้งขึ้นมาซ้อนด้วยเลเยอร์กลิ่นติดเปรี้ยวหอมเจือเขียวกึ่งแอมโมเนียปนปร่าคล้ายมินต์เล็กๆ ที่เป็นลักษณะของแบล็คเคอแรนท์ และแน่นอนว่ามีกลิ่นโทน Citrus สร้างบรรยากาศสดชื่นร่วมอยู่ด้วยแบบติดขมเจือเขียวน่าจะเป็นโทนของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ไม่ได้เด่นเกินหน้าใคร มาแบบอ้อยอิ่งปลายๆ กลิ่นเจือแบล็คเคอแรนท์เสียมาก สร้างผสมผสานกันจนกลายเป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่นฉ่ำติดหวานหอมปลอดโปร่ง ได้อารมณ์แบบกลิ่นหอมหวานของลูกแพร์ที่เปียกน้ำฝนหรือน้ำค้างยามเช้าท่ามกลางอากาศดีๆ ฟุ้งหอมลอยมาเลย ซึ่งแค่นี้ก็บอกเลยว่า สามารถสร้างความประทับใจแรกกลิ่นกันได้และทำให้เสียเงินได้เลยโดยไม่ต้องรอช่วงอื่น เพราะกลิ่นเปิดสร้างรอยยิ้มได้มากจริงๆ

แต่ก็ไม่ได้จบแค่นี้ เพราะความฉ่ำน้ำหอมหวานของกลิ่นจะเริ่มปรับโทนมาเป็นโทนที่ให้อารมณ์ติดชื้นๆ และมีกลิ่นหอมหวานน่ารักติดกลิ่นพีชอ่อนๆ เคล้ากลิ่นติดเปรี้ยวเจือนวลปลายสะอาดของดอกส้มที่จะเข้ามารับช่วงต่อในการเข้าสู่ช่วงกลาง สร้างอารมณ์ลูกผสมระหว่างการเป็นกลิ่นผลไม้หวานหอมโปร่งเคล้าดอกไม้หอมสดชื่นติดโปร่งสะอาดเจือหวานใส ซึ่งกลิ่นจะสร้างความน่ารักและสดชื่นเย็นๆ ได้ดีมาก โดยที่ยังมีกลิ่นหอมผลไม้หวานชื้นๆ ปลายกลิ่นได้ดีอยู่ อารมณ์กลิ่นจะค่อยๆ แทนที่ช่วงกลิ่นผลไม้หอมหวานฟุ้งยามเช้าสู่กลิ่นหอมดอกไม้ยามสายที่ให้ความสดชื่นติดหวานเจือสะอาดมากขึ้นตามลำดับ จนเมื่อโทนผลไม้ช่วงต้นเหลือเพียงเบาๆ ปลายกลิ่น และเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นนวลสะอาดของ Musk ที่เปิดตัวกลิ่นมาให้อารมณ์นวลสะอาดเจือหวานดอกไม้ติดผลไม้ปลายกลิ่นซ้อนด้วยกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ  ก็เป็นการเป็นสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะให้โทนสะอาดติดนวลเจือหวานอ่อน ซึ่งกลิ่นจะให้ควาหอมเจือหวานที่เรียบง่าย รื่นรมย์ และน่ารักในสไตล์มินิมัลแบบไม่ต้องเยอะสิ่งที่ลงตัวแบบตรงไปตรงมาไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากจนกว่าจะจางไปในที่สุด  

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ก็ใส่ได้สบายมาก กลิ่นหวานน่ารัก เยาว์วัย เรียบหรู และสดใสแต่ไม่ได้ไก่กา เลยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย ครอบจักรวาลแบบยังไงก็รอดและหอมสูงมาก จะมีก็แต่ใส่ออกกำลังกายที่รอช่วงกลางๆ ค่อยว่ากันจะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเน้นสร้างความสดชื่นอย่างเดียวเถอะ อย่าเอาไปเสียวกับการใส่ท่องราตรีเลย โดนกลบมิดแน่นอน และที่สำคัญกลิ่นนี้ถ้าไม่มายด์เรื่องกลิ่นผลไม้ใสฉาำ บอกเลยว่าผู้ชายใช้ได้สบายมาก ยิ่งใส่กับเสื้อสีขาวหรือสีออกชมพูอ่อน เข้ากันสุดๆ

ความทน - เจอสูงสุดที่ 8 ชม. แล้วก็หมดหน้าที่ ซึ่งอาจจะน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำถ้าสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ไม่เอื้อพอ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีสร้างความสดชื่นหอมหวานฉ่ำได้ลงตัวมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นปานกลางซักครู่ แล้วดรอปลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนเมื่อครบ 4 ชม. ถึงลดลงเป็นติดผิวจนค่อยๆ โบกมือลาไป

สรุป - กลิ่นสดชื่นและน่ารักหอมแบยสร้างรอยยิ้มได้ดีมาก ซึ่งแน่นอนว่ายังคุมโทนหวานหอมอยู่ในแบบสไตล์ของ Lolita Lempicka เพียงแต่ตีความฉีกออกมาเป็นโทนสดใสและหวานน่ารักได้ดีและใช้ง่ายมากจริงๆ อารมณ์ กลิ่นเหมือนเดินเล่นในลูกลูกแพร์ยามเช้า ไปหยุดที่สวนพีชและสวนส้มที่ให้กลิ่นดอกไม้หอมระเรื่อปนอากาศเย็นๆ ก่อนจะมานั่งชิลล์รับอากาศสบายๆ ปนกลิ่นอายผิวกายสะอาดนวล ซึ่งบอกเลยกลิ่นนี้มีความ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง สูงมาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Lolita_Lempicka/L_Eau_Jolie

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

Review: Lolita Lempicka - Illusions Noires Au Masculin Eau de Minuit


Lolita Lempicka - Illusions Noires Au Masculin Eau de Minuit

พอเห็นชื่อว่า Au Masculin ในใจเดาไว้ก่อนเลยว่า Lolita Lempicka ต้องมาหวานขนมอีกแน่นอน แต่เพราะเห็นชื่อรุ่นอันยาวเหยียดที่เป็น Collection พิเศษในปี 2012 เลยชักอยากรู้ว่า Eau de Minuit หรือแปลแบบตรงๆ เลยว่า น้ำยามเที่ยงคืน” (ทำอะไรอ่ะ ถึงมีน้ำยามเที่ยงคืน) มันเป็นอย่างไง เช่นนั้นจัดมากับตัวนี้ที่เป็น Limited Edition ซะเลยกับ Illusions Noires Au Masculin Eau de Minuit 

ต้องยอมให้เขาเลย เพราะเปิดต้นกลิ่นขึ้นมาได้น่าสนใจมากกับ Top Notes ที่มีกลิ่นอายเขียวๆ ติดหวานโปร่งของตำลึงมาให้รู้สึกได้ แต่จะได้กลิ่นโทนเครื่องเทศหวานๆ จากเม็ดเทียนสัตตบุษย์ที่จะมาหอมหวานติดกลิ่นอายสมุนไพรหอมๆ กำลังดีเลย เพียงไม่นานกลิ่นตำลึงจะหายไป เพราะกลิ่นของชะเอมจะดันขึ้นมาตีคู่โทนหวานกับกลิ่นของช่วงต้นแทนนำเข้าสู่ Middle Notes ที่กลิ่นในช่วงนี้ถือเป็นไฮไลท์เลย เพราะกลิ่นของชะเอมจะมาแบบหอมหวานติดเนื้อไม้โดยจะมีกลิ่นอายแบบโทนธูปยางไม้นวลๆ นัวๆ ดาร์กๆ รายล้อมแบบหวานแบบลึกลับน่าค้นหา ที่สำคัญกลิ่นของ Oud (กฤษณา) จะโผล่มาแจมด้วย แต่จะโดนเหลาจะกลิ่นอวบๆ นวลๆ นัวๆ เลยหายไป กลายเป็นกลิ่นไม้เนื้อหอมเย้ายวนแบบรองพื้นที่มีความแมนผสมผสานอยู่ในนั้น เลยกลายเป็นโทนเซ็กซี่ล้อมด้วยกลิ่นอุ่นหวานนัวได้ดีงามมาก แบบว่าถึงกับร้อง หูยยย ยั่วแบบติดหวานอย่างมีชั้นเชิงชะมัดในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเซ็กซี่น่าค้นหาแบบชัดเจนที่สุด ส่งต่อให้ Base Notes กลิ่นโทนไม้หอมจะเริ่มมีกลิ่นอายแบบติด Smoky เบาๆ แกล้มความหวานหอมอุ่นที่ยังตามมาอยู่ กลิ่นยังคุมโทนความดาร์กแบบติดหวานนวลเนื้อไม้ไม่มีผิดเพี้ยน เรียกว่าเป็นการต่อยอดเอาความเป็น Au Masculin เดิมที่เด่นกับความหวานแบบขนมติดชะเอม กลายมาเป็นกลิ่นหอมหวานติดดาร์กลึดลับน่าค้นหาแบบอบอุ่นได้น่าดูชมจริงๆ ยกนิ้วให้เลย 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว อาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนหวานมาบ้างจะเข้าถึงได้ง่าย โดยสามารถใช้ได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ เพราะกลิ่นเจออากาศร้อนจะฟุ้งได้ใจมาก ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วไปสามารถจัดได้สบายๆ ยกเว้นออกกำลังกาย หรืออยู่กลางแจ้งอากาศร้อนๆ ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้พร้อมมากจัดไปได้สบายๆ เลย แถมกลิ่นมีความหอมหวานอบอุ่นเซ็กซี่เรียกแขกได้ดีอีกด้วยนะนั่น 

ความทน ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนมากเกิน 8 ชม. สบายๆ โดยส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนจะมาเย้ายวนอบอุ่นเซ็กซี่แบบกระจายกลางๆ ในช่วงกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย – Au Masculin ปกติอาจจะดูขนมหวานแบบผู้ชายอบอุ่น แต่ตัวนี้จะมาแบบติดดาร์กหน่อยๆ อวลๆ เซ็กซี่เป็นการต่อยอดที่ดีมากเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://fimgs.net/images/secundar/o.33776.jpg

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review: Lolita Lempicka - L'Eau au Masculin


Lolita Lempicka - L'Eau au Masculin

หลังจากที่ได้กล่าวถึงรุ่น Au Masculinไปก่อนหน้านี้ ที่บ่งบอกถึงผู้ชายแสนหวานอบอุ่นชวนซบนัวเนียแบบนิยายรักปกผู้ชายฝรั่งล่ำๆ กับสาวสูงศักดิ์โนตมไปแล้ว แต่กลิ่นอาจจะหวานหนักไปถ้าเทียบกับอากาศบ้านเรา เช่นนั้นจึงมีรุ่นใสๆ ออกมากับเขาบ้าง จึงต้องมานำเสนอให้ได้รู้กันว่ารุ่นนี้ คือ L'Eau au Masculin

ถ้าแปลความหมายของชื่อรุ่นกันตรงๆ มันออกแนวสยิวกิ้วไม่น้อยนะครับ เพราะแปลว่า “น้ำท่านชาย” เอิ่ม น้ำอะไรอ่ะ จำเป็นต้องคิดลึกไหมอ่ะ ว่าแต่ช่างเถอะจะน้ำอะไรก็ตาม แต่น้ำหอมกลิ่นนี้ไม่ได้มีกลิ่นน้ำนั้นๆ แน่นอน เพราะเปิด Top Notes มากับกลิ่นโทนซิตรัสติดเขียวสดชื่นของใบเวอร์บีน่าที่กลิ่นจะคล้ายมะนาว มากลั้วกับเลมอน ซึ่งยังมีกับกลิ่นโทนหวานแบบต้นตระกูลที่มาแบบจางๆ ซึ่งคนไม่ชอบโทนหวานแบบของเดิมจะเบาใจได้ว่าไม่ได้มาหนักเกินไปนัก และส่งต่อให้ Middle Notes ที่จะมากับโทนแป้ง แปลงจากต้นตระกูลที่เป็นกลิ่นแป้งออกทางขนม กลายเป็นกลิ่นแป้งหอมกำลังดีโดยไม่ออกสาว เพราะกลิ่นของดอกไวโอเล็ตกลั้วมะลิมาตัดกับโทนซิตรัสตอนต้นเลยทำให้ได้กลิ่นแป้งหอมสบายตัวแมนๆ เลย และได้เวลาของไฮไลท์อย่าง Base Notes ที่คราวนี้จะทำให้ทุกคนรู้จักว่าคุ้นชินเข้าถึงง่ายสุดๆ เพราะมาเต็มมากจากกลิ่นแป้งหอมแมนช่วงกลางมาผสานกับกลิ่นวู้ดดี้นุ่มๆ มีกลิ่นอายฉ่ำๆ แบบอาบน้ำเสร็จใหม่ เลยกลายเป็นกลิ่น “แป้งเด็กแคร์ขวดสีฟ้า” ขวดต้นตำรับเลยทีเดียว ได้อารมณ์อาบน้ำเสร็จกล้ามแน่นๆ แล้วทาแป้งเด็กแคร์ทั้งหน้าทั้งตัวหอมละมุนขาวๆ สบายๆ ชิลล์ๆ เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัยเลย เพราะกลิ่นมันแป้งเด็กแคร์นี่นา เด็กเลยใช้ได้สบายๆ เลย สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือไม่ทางการ คนได้กลิ่นมักคุ้นชินและชอบได้ไม่ยาก กลิ่นเข้าถึงง่ายสุดๆ ส่วนยามกลางคืน ถ้าใส่ไปเมาคงไม่เข้าท่านัก ยกเว้นเมาที่แคร่หน้าบ้านเคล้ากลิ่นหมูกะทะเพลนๆ นั่นอีกเรื่องครับ

ความทน – ถือว่าต้องปรบมือให้เลย เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้ได้อยู่ ไม่เสียชื่อ Lolita Lempickaแม้แต่น้อย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ที่เหลือจะกลางๆ เบาๆ ไปตลอด จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายกับกลิ่นแป้งเด็กแคร์

ทิ้งท้าย – จริงๆ บางวูบมันเหมือนกลิ่นแป้งเด็กแคร์ขวดสีฟ้าผสมกับกลิ่นแป้งเด็กฮอลลีวูดอยู่นะครับ กลิ่นนุ๊มนุ่มในความทรงจำเลย เอ๊ะ! ผมยังไม่แก่นะคร้าบ 5555

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

Review: Lolita Lempicka – Au Masculin



Lolita Lempicka – Au Masculin

หนึ่งในน้ำหอมผู้ชายที่ถือว่าเป็นกลิ่นเชิงขนมหอมหวานและอบอุ่นโรแมนติคสุดๆ กับแบรนด์ Lolita Lempicka ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวยอดนิยม และเป็นตัวเลือกแรกๆ ในน้ำหอมเชิง Gourmand ที่ไม่ควรพลาดที่จะได้กลิ่น แถมเป็นน้ำหอมผู้ชายตัวแรกของแบรนด์นี้ด้วย เช่นนั้นเลยมาขอบอกเล่ากันหน่อยกับรุ่นนี้ครับ Au Masculin 

เพราะน้ำหอมหรือแฟชั่นของ Lolita Lempicka มักจะมาแบบเทพนิยาย โรแมนซ์ หรือหรูหราสูงศักดิ์ เช่นนั้น Au Masculin เลยจะบอกถึงความโรแมนติคราวกับนิยายรัก (วาบหวามด้วยไหม ก็น่าจะ เพราะกลิ่นชวนกินขนาด) ที่หอมหวานในรูปแบบของผู้ชายได้อย่างลงตัว เพราะเปิด Top Notes ด้วยความหอมหวานของชะเอมจัดกันเต็มๆ ไม่มีเม้ม แถมมากับยี่หร่าอีก หวานกันตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว แต่ข้อดีคือการได้ดอกไวโอเลตและตำลึงมาตัดทำให้โทนหวานไม่ออกแหลมจนเกินไป ออกทางแป้งหอมหวานเย้ายวนแบบแน่นๆ และส่งต่อมาที่ Middle Notes ที่มาเต็มกันเลยกับความครีมมี่นุ่มๆ ของถั่วตองก้าและหอมหวานอัลมอนด์ โดยมีรัมมาตัดให้ออกทางเจ้าสำราญหน่อยๆ และมีโทนวู้ดดี้อบอุ่นแบบที่ผู้ชายควรจะเป็นให้สาวๆ มาหลงกันให้ควั่ก จนปิดท้ายด้วย Base Notes ที่ได้เวลาของความหอมอบอุ่นกันเต็มๆ แล้วด้วยวานิลลา ไม่พอมาหวานกันต่อด้วยพราลีน (ช็อคโกแลตสอดไส้) แต่มีความดีงามของหญ้าแฝกที่ให้ความรู้สึกแมนสะอาดและโทนขรึมๆ ของไม้ซีดาร์มาเบรก เลยไม่ทำให้หวานหยดย้อยหยาดเยิ้มเกินไป ออกทางอบอุ่นชวนให้โผเข้าหาแล้วซุกที่กล้ามอกดมจนฟินไม่รู้ลืมเอาได้ นี่มันนิยายรักฝรั่งปกผู้ชายล่ำๆ กับสาวสูงศักดิ์นมใหญ่ตาม Se-Ed ชัดๆ เลยนะนั่น

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ไม่ว่าจะมีกล้ามท้องแผ่นอกแน่นๆ หรือไม่ ก็ใส่ได้หมดไม่มีข้อห้าม เพราะน้ำหอมตัวนี้จะให้ความรู้สึกที่หวานอบอุ่นโรแมนติคทันทีแบบไม่มีข้อแม้ โดยสามารถใส่ยามกลางวันทั่วไป ยกเว้นออกกำลังกายในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม และยามกลางคืน ไม่ว่าจะเที่ยวหรือไปหาแฟน จีบหญิง จีบหนุ่มด้วยกันเอง อ่ะ จัดไป กินชวนอบอุ่น นวลเนียน โรแมนติคจริงๆ

ความทน – 8 ชม. เป็นเรื่องปกติ และมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำไ

การกระจาย – กระจายดีมากกกกกตั้งแต่ต้นยันกลางๆ ค่อนท้าย มีช่วงท้ายที่จะลดลงมานิดหน่อย แต่ยังคงความดีงามในการกระจายความหอมและตีขึ้นอยู่ตลอด ยิ่งอัดสเปรย์เยอะยิ่งกระจายแน่นมากขึ้นตามนั้นเลย

ทิ้งท้าย – ถ้าใครสนใจน้ำหอมเชิงอบอุ่นออกทางขนม แต่ไม่สาวเลย มีความแมนน่ากินอยู่ในนั้น Au Masculin ถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ดีมากเลยทีเดียวครับ ยิ่งอากาศเย็นๆ ด้วยนะ ฉีดแล้วคนฉีดเองยังฟินเลย หอมมาก