วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

Review: Cacharel - Noa

Cacharel - Noa

จากที่ห่างหายน้ำหอมของ Cacharel มาอย่างยาวนาน ที่เคยใช้ก็มีเพียงขวดรูปตัว Y อย่าง Nemo เพราะเป็นน้ำหอมชายที่มีความซับซ้อนและมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก เพียงแค่นั้นก็ไม่ได้ไปต่อกับแบรนด์นี้อีกเลยเพราะน้ำหอมส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมมักจะเป็นน้ำหอมผู้หญิง ทั้งฝั่งสาย Classic กับโซนยุค 2000 ขึ้นไปที่มีความ Modern เป็ํนเน้นดมเพื่อเรียนรู้กลิ่นมากกว่าจะเจาะลึก

แต่พอเริ่มผ่านประสบการณ์ทางกลิ่นมามากขึ้น เลยเริ่มหันมาสนใจกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงของแบรนด์นี้อยู่ไม่ใช่น้อย ซึ่งมีอยู่ 1 กลิ่นที่เรียกว่าอยู่กึ่ีงกลางระหว่างสาย Classic กับกลิ่นอายสาย Modern ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนเรียกว่าเป็นหนึ่งใน Timeless Scent อีกหนึ่งกลิ่นเลยก็ว่าได้ของแบรนด์นี้ และที่สำคัญเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายและเป็นหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เสียด้วย เช่นนั้นจึงมาขอเรียนรู้กลิ่นและลงลึกซักหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะออกมาในรูปแบบใดกับ Noa

Floral เปิดตัวมาเลย แต่เป็นกลิ่นแนวดอกไม้ใสๆ ที่มีความหวานหอมลูกผสมระหว่างดอกไม้ขาวที่ให้โทนหวานใสแกม Spicy จางๆ ซึ่งน่าจะมาจาก Freesia กับกลิ่นแนวหวานดอกโบตั๋นแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกชมพูในกลิ่นจ๋าเกินไป เสริมด้วยความนวลละมุนแต่ไม่ข้นคลั่กเกินไปของ White Musk ทำให้กลิ่นมีลูกเล่นโทนแป้งกึ่ง Musk มินิมัลประมาณนั้นเลย และไม่พอยังได้ความรู้สึกติดเขียวๆ แบบใบไม้เบาๆ เลยทำให้กลิ่นในภาพรวม คือ Floral Musk ที่มีความหวานใสสู่นวลละมุนขาวอมชมพู ติดสดชื่นเขียวอ่อนๆ ไม่หวือหวา แต่มีเสน่ห์แบบที่ใครดมก็ชอบและไม่ยี้ได้เลยตั้งแต่ต้นกลิ่น

ซึ่งเมื่อช่วงต้นปูทางให้แล้ว ก็จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางที่แน่นอนว่า White Musk และโบตั๋นยังคงยืนพื้นเหมือนเป็นเวทีที่แข็งแรงในการชูโรงให้สายดอกไม้และความเขียวเป็นผู้โลดแล่นอยู่ด้านบน ซึ่งคราวนี้ความเป็นดอกไม้ขาวใสๆ จะชัดขึ้นมาก และมีความติด Spicy หน่อยๆ ซึ่งจับได้เต็มๆ เลยคือ ลิลลี่ ที่ให้ความปร่าหวาน Spicy แกม Waxy หน่อยๆ และมีดอกกระดิ่งหรือ lily-of-the-valley ที่มาให้ความเป็นโทนกึ่งมะลิแกมเขียวใส และแน่นอนว่ามีมะลิอยู่ด้วย ที่สำคัญมีความเขียวใบไม้ใบหญ้าชัดมากขึ้น ทำให้กลิ่นมีมิติทั้งกลิ่นหวานดอกไม้ใสๆ กลิ่นเขียวสดชื่นบางๆ คลอๆ ไปสู่กลิ่นแป้งละมุนที่มีความหอมหวานสบายๆ แกมนวลที่ชัดเจนมาก แต่ยังมีอะไรซักอย่างที่เป็นฉากหลังนอกเหนือจากแป้งกับ Musk อยู่แต่ยังจับไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นกลิ่นขมเบาๆ ที่มีเสน่ห์ เลยต้องตามกลิ่นกันต่อ 

ความต่อเนื่องของกลิ่นยังคงส่งต่อมาถึงช่วงท้ายที่ตอนนี้จะมีความเซอร์ไพร์สขึ้นมาเพราะตอนนี้จะจับกลิ่นได้แล้วว่าอะไรที่ให้ความขมหอมเบาๆ มีเสน่ห์ นั่นคือ กาแฟ ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มาสายกาแฟนมต่างๆ เลยแต่จะให้ความเป็นกาแฟบางๆ เคล้ากับ White Musk ที่ยังคงอยู่แต่กลิ่นลดทอความนวลลงไปเยอะมากแล้ว แต่สิ่งที่เสริมขึ้นมาชัดมากขึ้นคือกลิ่นแป้งหอมติดวานิลลาอ่อนๆ ที่มีกลิ่นไม้หอมนวลๆ เบาๆ ของจันทน์หอมและน่าจะมีกลิ่นปร่าๆ ของซีดาร์รวมอยู่ด้วย ที่เป็นตัวเดินกลิ่นที่เคล้าคลอด้วยกลิ่นกาแฟาบางๆ ประปราย แน่นอนว่ายังมีกลิ่นหวานดอกไม้ตามมาอยู่ก็จริง แต่ก็จะเนียนเป็นเนื้อกลิ่นกันกับกลิ่นแป้งเรียบร้อยแล้ว ปิดท้ายผสมผสานกันเป็นกลิ่นแป้งหอมนวลแกมไม้หอมกึ่งโปร่ง Airy ที่มีกลิ่นกาแฟซ่อนอยู่อย่างเนียนๆ ได้อย่างลงตัวมาก

เหมาะสำหรับ - ผู้ญิงทุกเพศ ได้ตั้งแต่เรียน ม.ต้น เลยก็ยังได้ เพราะกลิ่นมีความใสๆ แกมแป้งที่เข้าทางการเป็นกลิ่นที่คุณหนูก็ได้ หรือจะดูเป็นกลิ่นหอมแกมแป้งหวานโปร่งที่ให้ความเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน หรือจะให้ความเป็นกลิ่นสบายๆ ที่ไม่ต้องเยอะสิ่งแต่ยังไงก็รอดแบบน้อยแต่มากก็ได้ และเอาจริงๆ ผู้ชายก็ใช้ได้ เพราะเนื้อกลิ่นหวานหอมจะมาช่วงต้นๆ ก็จริง แต่พอกลิ่นเบาลงก็จะได้ความ Unisex จากกาแฟและโทนแป้งแกม Musk เบาๆ ได้เช่นกัน ซึ่งจะใส่ตอนไหนก็ได้ ยกเว้นใส่ไปท่องราตรี เพราะโดนน้ำหอมกลิ่นหนักทั้งหลายกลบมิดแน่นอน

ความทน - 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ แต่กลิ่นจะติดเสื้อยาวกว่าอีกราวๆ 2 ชม.

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นราวๆ 15 นาที ก่อนที่จะลดลงไปเป็นปานกลางต่ออีกราวๆ 1 ชม. แล้วจะไปคงที่กับการเป็นออร่าอ่อนๆ รอบตัวไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 4 - 5 ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent แล้ว

สรุป - เป็นอีกกลิ่นที่ปรามาสไม่ได้ แม้ว่าจะมาสายกลิ่นมหาชนชอบ เข้าถึงได้ง่าย ยังไงก็รอด แต่ยังมีตัวซ่อนอย่างกาแฟที่ให้ลูกเล่นทางกลิ่นที่มีเสน่ห์ในความเรียบง่ายได้ดีและให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปแบบไม่โจ่งแจ้ง เนียนๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ ได้อย่างน่าสนใจมาก และบอกได้ตรงนี้เลยว่า ยังไงกลิ่นนี้ก็เป็นหนึ่งใน Timeless Scent แน่นอน และยืนอย่างยาวนานอีกด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.central.co.th/en/cacharel-noa-edt-spray-50-ml-cds26366982

 

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

My Favorite Newcomer Fragrances of 2024


My Favorite Newcomer Fragrances of 2024

เมื่อย้อนกลับไปในรอบปี 2024 ที่ผ่านมา ยอมรับกันซึ่งๆ ว่า ไม่ค่อยได้ซื้อน้ำหอมมากนัก + เกิดปัญหาจากโรงงานอุตสาหกรรม (อาหารสัตว์) ที่อยู่ใกล้เคียงกับที่พักปล่อยกลิ่นรบกวนช่วงฤดูมรสุม ทำให้จมูกไม่สามารถพินิจพิเคราะห์กลิ่นได้แม่นยำ เพราะกลิ่นอาหารสัตว์จะรบกวนจนทำให้การรับกลิ่นเพี้ยนไปเยอะจนต้องเบรกการเขียนบรรยายกลิ่นน้ำหอมไป ซึ่งทุกวันนี้ยังรอการแก้ปัญหาจากหน่วยงานรัฐว่าจะจัดการให้โรงงานนี้ปรับปรุงอย่างสมบูรณ์ได้หรือไม่ ซึ่งก็เลยทำให้ซื้อน้ำหอมน้อยลงไปมากเช่นกัน

แต่ยังไงก็ตามก็ยังมีช่วงที่ยังเรียนรู้กลิ่นน้ำหอมได้ และยังสามารถค้นหากลิ่นที่เข้าทางและตรงกับจริตได้อยู่ ซึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ 10 กลิ่นของปี 2024 ก็ขออ้างถึงกลิ่นที่จำใจนำออกจาก List อยู่ จึงขอให้เครดิตและ Profile กลิ่นไว้ตามนี้

  • Hince - 03 The Flat Shoes : นอนเล่นในสวนเคล้าใบและลูก Fig
  • Kohshi Parfums - Taian : ชาเขียวมัทฉะทุกมิติ
  • Jul et Mad - Stairway to Heaven : กอดคนรักที่ใส่สเวตเตอร์ผ้าแคชเมียร์จากด้านหลัง
  • Aux Paradis - Grapefruit : Pure Grapefruit ที่สุภาพและสดชื่น
  • Aiam - Chapter 18 : หนุ่มญี่ปุ่นที่มีกลิ่นแป้งสะอาดอ่อนๆ คลอผิวกาย 

และก็ขอเข้าสู่ 10 กลิ่นน้ำหอมโดยไม่ได้เรียงลำดับตามความชอบและไม่ได้สนใจว่าจะผลิตหรือวางจำหน่ายปีไหนเน้นเฉพาะที่ได้มาในปี 2024 เพียงอย่างเดียวของเข็มขัดสั้น เริ่มที่

-----------------------------------

Osaji - Shogo Sekine × Osaji Eau de Parfum

“Sparkling Citrus > Green Earthy > Clean Earthy Woody” กลิ่นจะไล่เรียงกันเฉกเช่นเดียวกับสีของ Artwork บนขวด โดยเนื้อกลิ่นจะมีศูนย์กลางอยู่ที่หญ้าแฝกเป็น Background ให้จับต้องได้ตั้งแต่ต้นยันจบ และเป็นเสมือนตัวเกลาให้กลิ่นมี Concept สไตล์ Woody Minimal ที่สว่าง สุภาพ แต่มีระดับสูงมาก โดยมีสไตล์แบบญี่ปุ่นที่กลิ่นไม่ตะโกนบอกทุกคนรอบตัวว่าใส่น้ำหอมมา แต่ให้ความมีคลาสหอมสดชื่นแกมไม้หอมสว่างกำลังดีและสมดุลย์ตั้งแต่ต้นยันจบได้อย่างพอเหมาะเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา
-----------------------------------

J-Scent - On A Cloud

“Sweet Icy Creamy Mint > Green Vanilla & Coconut > Milk Ice Cream” สมชื่อกลิ่นชัดเจนมากถึงบอกที่สุด เพราะเนื้อกลิ่นจะมีความครีมมี่ปุยนุ่มนวลแต่ล้อมกรอบด้วยความรู้สึกเย็นๆ แบบไอศครีม โดยความหวานหอมนุ่มจะมาจากกลิ่นนมผสมวานิลลาเป็นตัวตั้งที่จะจับต้องได้ตลอดก่อนจะเข้มชัดขึ้นตามแต่ละช่วงของน้ำหอม แต่กลิ่นกลับไม่ถึงกับหนักข้น มีความสมดุลย์พอดีๆ เพราะความ Icy เย็นๆ และความติดปร่าเขียวของมินต์ ที่สำคัญช่วงท้ายได้กลิ่นโทนไม้หอมแบบไม้แท่งไอศรีมวานิลลาเวลาที่เรากินหมดแล้วดูดไม้จนได้กลิ่นนั่นแหละ ปลื้มจริงอะไรจริง

-----------------------------------

Zara - Popeline Blanche

“Fresh Green Citrus > Fresh Laundry Cologne > Clean & Relaxing” โดยความสดชื่นและน้อยแต่มากสไตล์มินิมัลจะเป็นแก่นหลักของน้ำหอมกลิ่นนี้ ซึ่งจะสัมผัสได้จากช่วงต้นที่เป็นโทน Bergamot และกลิ่นหญ้าสดตัดใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดความสดชื่นและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะได้ความเรียบง่ายกับกลิ่นโทนดอกส้มสะอาดๆ เหมือนกลิ่นเสื้อผ้าซักเสร็จใหม่ๆ ตากกลางแจ้งแล้วกลิ่นลอยตามลมมาให้รับรู้ ก่อนจะเป็นกลิ่นสะอาดๆ ติดเขียวอมเปรี้ยวปร่าอ่อนๆ แกม Musk และไม้หอมเบาๆ นี่แหละ Simply the Best ชัดเจนที่สุด

-----------------------------------

Kousaido - Lily of the Valley (Solid Perfume)

“Japanese Classic Powder : Fruity Floral & Powdery All in One Place” เพียงแค่ได้กลิ่นครั้งแรกภาพลอยขึ้นมาในหัวเลยถึงผู้หญิงหรือผู้ชายที่ใส่กิโมโนหรือยูกาตะที่มีกลิ่นแป้งหอมคลาสสิคสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งกลิ่นจะผสมผสานความเป็นโทนผลไม้หวานอมเปรี้ยวกับกลิ่นดอกไม้แนวมะลิและดอกกระดิ่งที่ติดเขียวโปร่งอ่อนๆ แต่เพราะมีความเป็นแป้งหอมหวานโปร่งของไวโอเล็ตทำให้เนื้อกลิ่นมีมิติความหวานลึกนิ่งเฉพาะตัวที่มีเสน่ห์มาก เพียงแค่น้ำหอมแห้งสำหรับแต้มกระปุกเล็กๆ แต่สามารถบอกเล่าถึงภาพความเป็นกลิ่นอายแป้งหอมสไตล์ญี่ปุ่นได้ครบถ้วน บอกเลย “ไม่ธรรมดา”

-----------------------------------

Hermes - Un Jardin à Cythère

“Olive & Herb Garden with the Brighter Day” แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ในการไปเยือน Kythira Island ที่ Greece มาก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีเวลาที่ใช้กลิ่นนี้คือ กลิ่นต้นและลูกมะกอกกับกลิ่นถั่วพิสตาชิโอที่มีความสดชื่นของเลมอนมาเสริม ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนเดินผ่านสวนต้นมะกอกและสมุนไพรที่มีกลิ่นเขียวเฉพาะตัว ตามด้วยความอวลคล้ายกลิ่นนมอัลมอนด์ผสมอาหารแนวธัญพืช ก่อนจะเป็นกลิ่นไม้หอมแกม Musk ที่มียังมีความเขียวมะกอกเบาๆ สร้างประสบการณ์ใหม่และความประทับใจในเนื้อกลิ่นทันที เพราะมันได้บรรยากาศผ่านกลิ่นจริงๆ

-----------------------------------

Roger & Gallet - Fleur de Figuier

“All about Fruity Fig: Fresh > Ripe > Sweet Syrup” เป็นการนำเสนอความเป็น Fig หรือมะเดื่อฝรั่งที่เน้นไปทางด้านความเป็นโทนผลไม้แบบชัดๆ เต็มๆ ซึ่งแต่ละช่วงจะได้ความเป็นโทนผลไม้จริงๆ โดนช่วงเปิดอาจจะไม่ได้มาถึงก็ Fig จ๋าก่อน เพราะจะมาแบบโทน Fruity Citrus ที่มีความเป็นส้มแกมเครื่องเทศหน่อยๆ ที่ทำให้เนื้อกลิ่นดึงดูดให้น่าสนใจก่อน แล้วก็จะมาแบบกลิ่น Fig สุกหอมหวานเคล้ากลิ่นส้มคลอเป็นฉากหลัง ก่อนจะปิดท้ายด้วยไซรัป Fig ที่ชัดเจนมาก แม้เนื้อกลิ่นจะค่อนไปทางน้ำหอมผู้หญิง แต่มันแตกต่างอย่างมีเสน่ห์จนดมแล้วดมอีกวนไป

-----------------------------------

Kitowa - Kusunoki

“Kindness People: Polite, Nice & Warm” ต้องบอกเลยว่ากลิ่นไม้การบูรที่เป็นแก่นหลักในน้ำหอมขวดนี้คือที่สุดในแง่ของการวางตำแหน่งกลิ่นระหว่างความเยือกเย็นและความอบอุ่น โดยฟากที่เป็นโทน Citrus ไม้สน เกล็ดการบูร คือ ฝั่งเยือกเย็น และโทน Musk วานิลลา และกลิ่นแนวผ้าแคชเมียร์ที่เป็นลูกผสมระหว่าง Musky & Woody ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น เนื้อกลิ่นส่งต่อกันอย่างดีเป็นผืนเดียวที่เปลี่ยนแปลงโทนทีละนิดๆ เหมือนให้เราเจอและทำความรู้จักคนใจดีคนหนึ่งผ่านกลิ่นน้ำหอม บอกตรงๆ ว่า “ตกหลุมรักในทุกๆ สโตรกกลิ่นเลย”

-----------------------------------

Moresque - Al Andalus

“Seductive Saffron > Rich Amber & Oud > Smoky Amber” เพียงแค่เปิดต้นกลิ่น ก็สามารถจับต้องได้เลยในคราวเดียวถึงกลิ่นอายโทน Amber ที่เป็นศูนย์กลางของกลิ่น ยิ่งมีหญ้าฝรั่น กับ Oud เข้ามาเสริมแบบกำลังดี ไม่ได้มาถึงก็สำแดงฤทธิ์เดชกลบทุกสิ่ง แต่มาแบบลักษณะกลิ่นไม้หอมเย้าลึกเสริมให้โทน Amber มีความลุ่มลึกมากขึ้น และเชื่อมโยงกับโทน Smoky ไหม้ๆ แกมกลิ่นหนังที่จะเข้ามาเสริมในช่วงท้ายแกมกลิ่นหวานยางไม้ ซึ่งทำให้อารมณ์กลิ่นดึงดูดและมีเสน่ห์เฉพาะตัว อาจจะไม่ได้ถูกใจคนที่ไม่ได้อินกับ Amber แต่ส่วนตัวเหมือนรักแรกพบในทุกรอบที่ใช้งานเลยจ้ะ
-----------------------------------

Roja Parfums - Elysium Eau Intense

“Icy Fresh > Modern Timeless > Smooth & Smart Gentleman” ไม่นึกว่าตัวเองจะชอบกลิ่นนี้ เพราะพื้นฐานเฉยๆ กับสาย Elysium แต่พอได้ใช้งานกลายเป็นประทับใจในความเป็นกลิ่นสไตล์ Modern ที่มีความเปรี้ยวหอม Rhubarb และความ Icy เย็นๆ ให้สัมผัสได้ตั้งแต่ต้นยันจบ เนื้อกลิ่นมีความซับซ้อนที่ใส่ลูกเล่นทั้งความเป็นโทน Citrus, Green, Floral และ Woody ที่ทำให้ภาพรวมกลิ่นมีความ Fresh และอวลทันสมัย แต่ซ่อนความคลาสสิคเนียนๆ ในเวลาเดียวกันและกลิ่นถูกใจเกินกว่าที่คิดไปมาก ตรงๆ กลิ่นนี้สดชื่นกว่า และหวานน้อยกว่ารุ่น Parfum Cologne

-----------------------------------

Hunq - # 005 Mechanic

“Unique > Dirty > Uncompromising” บอกเลยว่าครั้งแรกได้กลิ่น คือ สตันไปเลย! เพราะเถื่อนได้สะใจมากกับกลิ่นโทน Dirty ต่างๆ ทั้งกลิ่นแนวน้ำมันเครื่อง โลหะ ยาง ที่มีโทนหนังแบบดิบเถื่อน Animalic แกมเหงื่อรองพื้นให้กลิ่นมีความหนาอวล และมีโทน Smoky ติดไหม้ควันเผาๆ เคล้ายาสูบ กำยาน และพิมเสน ที่ขุดด้านดิบออกมาชัดเจน แต่ดันมีความเซ็กซี่แกมหวานโปร่งจากไวโอเล็ตที่สร้างโทนแป้งมาตัดทอนความเถื่อน ภาพที่เห็นคือ หนุ่มฝรั่งล่ำหุ่นเซี๊ยะทำงานอู่ซ่อมรถที่ตัวเปื้อนจากการทำงานมีกลิ่นเหงื่อเคล้ากลิ่นแป้งติดหวานเย้า เออ! ไปสุดมากๆ ชอบ

-----------------------------------

ทั้งหมด ถือเป็นสมาชิกใหม่ของเข็มขัดสั้นในปี 2024 ที่สร้างความประทับใจในเนื้อกลิ่น และดีใจที่ได้มาครอบครองเพื่อเติมเต็มสีสันของชีวิตในแต่ละวันมาเสมอ และสุดท้าย Happy New Year 2025 ขอให้มีความสุขกับกลิ่นหอมรายล้อมรอบตัวกันตลอดทั้งปีนะครับ