วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Jennifer Lopez – Deseo for Men


Jennifer Lopez – Deseo for Men

ใครว่าน้ำหอม Celebrity ของแม่สาวสะโพกดินระเบิดอย่าง J.Lo จะมีแค่น้ำหอมผู้หญิง นางก็มีน้ำหอมผู้ชายเพียง 1 รุ่นออกมากับเขาด้วยนะครับ และบอกเลยว่า รุ่นนี้พึ่งประกาศว่าเลิกผลิตเมื่อต้นปี 2015 ที่ผ่านมาเสียด้วย ก่อนที่รุ่นนี้จะราคาอัพสูงขึ้นและจะหายจากไป เช่นนั้นมาทำความรู้จักกับรุ่นนี้กันครับ Deseo for Men 

เรียกว่าใครชอบน้ำหอมโทนซ่าๆ ออกทางค็อกเทลโทนลั่นล้ากรุ้มกริ่มจะปลื้มปริ่มกันได้ไม่ยาก เพราะ Top Notes เปิดมาด้วยกลิ่นออกทางค็อกเทลแบบที่มีโทนเบอร์รี่สีแดงจำพวกแครนเบอร์รี่หรือเรดเคอแรนท์ที่ และมีกลิ่นเปรี้ยวๆ โทนซิตรัสของส้มยูซุติดเลมอน พูดง่ายๆ คือ มันสดชื่นซ่าๆ แบบนั่งจิ๊บค็อกเทลเย็นๆ ชิลล์ๆ กำลังดีเลยล่ะ ซึ่งพอเข้า Middle Notes งานนี้ค็อกเทลหมด เพราะจิบเกลี้ยงแล้ว (อาจจะไม่มีตังค์ซื้อต่อ) แต่จะมีกลิ่นอายติดหลงเหลือยู่แบบแอลกอฮอล์เข้าเส้นติดผิวเลยจะได้ความรู้สึกแบบโทนหวานเย้าเข้ามาแทนเพราะกลิ่นใบยาสูบจะมาเทคโอเวอร์และมีโทนวู้ดดี้แบบติด Smoky มาเป็นกลิ่นโทนน่าค้นหาและดึงดูดแทน ได้อารมณ์ผู้ชายเซ็กซี่เร้าใจแบบกำลังดี และปิดท้ายที่ Base Notes กับการเป็นผู้ชายที่อบอุ่นน่าซบด้วยกลิ่นของวานิลลาแบบเบาๆ กลั้วพิมเสนนุ่มเย้า โดยมีโทนไม้หอมรองพื้นด้านหลังให้ยังคงความแมนอยู่ ซึ่งภาพรวมบอกอารมณ์ของผู้ชายที่มีความเป็นชอลิ้วเฮียงที่มีมิติความเป็นเจ้าสำราญในรูปแบบต่างๆ เริ่มจากลั่นล้า ต่อด้วยเซ็กซี่ และปิดด้วยอบอุ่นน่าซบให้สัมผัสได้ในตัวครบเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่าย และออกทางกรุ้มกริ่มเจ้าสำราญ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันยกเว้นงานทางการ เพราะเดี๋ยวเขาจะคิดว่ามาจีบมากกว่าจะมาติดต่องาน แต่ถ้าจะใส่ทำงานใน Office ไม่ได้พบปะผู้คนก็ใส่ได้อยู่ ที่เหลือจะชิลล์ หรือจะไปเดทจัดไปจ้า ส่วนออกกำลังกายอย่าดีกว่า เดี๋ยวผู้ชายข้างๆ อาจจะมาขอดมเอาได้นะ (ถ้าชอบก็อีกเรื่อง) และถ้าจะใส่ยามค่ำคืน จัดไปจ้า กลิ่นเข้าทางเลยล่ะ

ความทน – อยู่ที่ระหว่าง 6 - 8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด มีพึ่งเคมีด้วยบางส่วน

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดลงมากลางๆ ปิดท้ายด้วย Skin Scent ยั่วอบอุ่นเบาๆ

ทิ้งท้าย – เรียกว่าน้ำหอมรุ่นนี้กลิ่นน่าสนใจเลยนะครับ เพราะกลิ่นออกทางลั่นล้ากรุ้มกริ่มชัดเจน อาจจะไม่ได้มาในทางหรูหรา แต่ก็เรียกเสน่ห์ได้อยู่ล่ะครับ ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยนะ ^^

Credit ภาพ: http://ecx.images-amazon.com/images/I/61AyceqtaKL._SL1000_.jpg

Review: Aramis Life


Aramis Life

หนึ่งในของดีที่เลิกผลิตไปแล้ว และต้องเอ่ยคำว่า #ผิดที่เราเจอกันช้าไป ได้เลย เพราะถ้าพูดถึง Aramis น้ำหอมส่วนใหญ่จะมีกลิ่นอายของ Old School ที่จะแตะกลุ่มเป้าหมายอย่างผู้ใหญ่อายุ 25 อัพ เป็นหลัก แต่รุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ผสมผสานความเป็น Old School แบบเข้าถึงง่ายกับความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดีเลย นั่นคือ Aramis Life ครับ 

Top Notes เปิดตัวกันด้วยโทนซิตรัสชัดเจนกลิ่นจะมาแบบสดชื่นก่อนเลย โดยกลิ่นของมะนาวกับส้มจี๊ดจะเด่นขึ้นมาแบบติดโทนเขียวออกทางเปลือกที่ติดหวานขมในรูปแบบน้ำหอมติดโทน Old School ที่ไม่ได้ทำให้มะนาวออกมาแบบซิตรัสคมๆ แต่จะทำให้ออกทางซิตรัสหวานๆ และจะมีโทนกลิ่นแบบน้ำทะเลติดกลิ่นแมนๆ เขียว จึงทำให้เป็นกลิ่นสดชื่นที่ออกทางแน่นๆ แต่สิ่งดีคือไม่ได้หนักจมูก กลิ่นจะแมนจัดชัดเจนกันตั้งแต่ช่วงนี้ ต่อส่งให้ Middle Notes ที่จะมาในโทนเขียว ใส มากขึ้น เพราะมีกลิ่นของแตงกวาดันขึ้นมาเด่นตีคู่กับโทนซิตรัสแบบแมนๆ ในช่วงต้น มีความซ่าๆ ในเนื้อกลิ่นมากขึ้นและแอบหวานมากขึ้นจากเม็ดกระวานทำให้กลิ่นไม่เบาใสเกินไป กลิ่นในช่วงนี้คาบเกี่ยวความสบายๆ แมน สะอาด และติดหวานได้ลงตัวมากเลยทีเดียว และกลิ่นของโทนซิตรัสจะเริ่มเบาบางลงไป เข้าสู่ช่วง Base Notes เต็มๆ แบบที่กลิ่นโทนเขียวแมนยังมีอยู่แบบเบาๆ แต่กลิ่นโทนไม้หอมแมนๆ ที่จับได้ถึงกลิ่นของไม้ซีดาร์และกลิ่นหนังแบบไม่หนักที่เข้ามาเสริมจะเด่นขึ้นมาเต็มๆ ทำให้ช่วงนี้จะเป็นโทนวู้ดดี้โปร่งๆ กำลังดี ซึ่งในโทนกลิ่นมีความนุ่มอยู่กำลังดี อบอุ่นกลั้วสดชื่นไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว ซึ่งภาพรวมกลิ่นนี้แมนจริงอะไรจริงครับ แต่ไม่ได้แมนจัดแบบน้ำหอมโทน Old School แบบ Gentleman เต็มเหนี่ยวหลายๆ ตัวนัก ให้ความรู้สึกร่วมสมัย สดชื่นและรื่นรมย์ไม่น้อยเลยล่ะ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป หรือถ้าเป็นได้อายุเกิน 25 จะคุ้นและชอบกลิ่นแบบนี้ได้ไม่ยาก สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย เพราะมีความโปร่งในเนื้อกลิ่นสูง ส่วนยามกลางคืนตัวนี้ก็ถือว่าใช้งานได้ไม่ขัดเขินเลยครับ กลิ่นครอบจักรวาลในการใช้งานได้เลยครับ 


ความทน – เรียกว่าแม้จะมาในโทนสดชื่น แต่ความทนเรียกว่าน่าพึงพอใจตามประสาน้ำหอมของ Aramis ที่อยู่กับ 8 ชม. กำลังดีเลย 

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น และจะลดลงมากระจายกลางๆ และปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวจนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – เพราะน้ำหอมตัวนี้กลิ่นร่วมสมัยมากเลยทีเดียว เหมือนได้อารมณ์ของช่วงชีวิตที่ยืนท่ามกลางความเปลี่ยนผ่านของช่วงเวลามาจนถึงปัจจุบัน เสียดายชะมัดที่ตัวนี้เลิกผลิตไป เพราะเรียกว่าเป็นหนึ่งใน Masterpiece ของ Aramis ได้เลยล่ะครับ

Credit ภาพ:
Fragrantica - http://fimgs.net/images/secundar/o.974.jpg

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Fresh - Brown Sugar


Fresh - Brown Sugar 

หนึ่งในแบรนด์เครื่องสำอางค์ต้นกำเนิดมาจาก USA ซึ่งโด่งดังในเรื่องสบู่มาก่อนครับ จนได้มีการแตกไลน์มามีเครื่องสำอางค์อื่นๆ ที่มาจากส่วนผสมธรรมชาติ จนถึงการมีน้ำหอม ซึ่งกลิ่นน่าสนใจมากเลยทีเดียว ไหนได้มีโอกาสใช้งานก็ขอจัดรีวิวซะเลยกับรุ่น Brown Sugar ครับ 

ต้องกวักมือเรียกกันเลยทีเดียวว่าใครที่อยากได้น้ำหอมโทนเปรี้ยวอมหวาน เคล้าคลอกันไปมาตลอดเวลาโดยกลิ่นออกทางสดใสไม่หนักหน่วงแต่ประการใด ต้องได้มีโอกาสลองดมรุ่นนี้ล่ะครับ เพราะ Top Notes เปิดต้นกลิ่นแบบโทนซิตรัสแบบคมๆ อย่างกับน้ำ Lemonade ผสมน้ำส้ม กลิ่นจะออกทางซ่าๆ นิดๆ เปรี้ยวๆ สดชื่นมากมาย โดยจะจับได้ถึงโทนหวานที่แทรกอยู่ด้วยตลอด จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes โทนหวานที่ว่าจะมาชัดเลยคือกลิ่นของน้ำตาลทราย ซึ่งจะมีโทนดอกไม้กลั้วผลไม้หวานๆ จางๆ ไปตลอด โดยกลิ่นซิตรัสตอนต้นก็ยังมีอยู่ผสมผสานกันจนเป็นหวานอมเปรี้ยวนแบบโปร่งๆ สบายๆ ซึ่งกลิ่นหอมใสลงตัวมาก และปิดท้ายที่ Base Notes กลิ่นของคาราเมลจะมารับช่วงต่อความหวาน แต่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงหวานเยิ้ม โดยจะมาแบบไลท์เวอร์ชั่นใสๆ กลั้วกับกลิ่นน้ำตาลทรายที่ยังคงอยู่จางๆ และมีกลิ่นอายอบอุ่นเบาๆ รองพื้นไปตลอด ซึ่งกลิ่นออกโทนสีน้ำตาลจางๆ กลั้วขาวได้ดีมากเลย แถมใช้งานได้ง่ายมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex ครับ กลิ่นนี้ใช้ได้หมดทั้งผู้ชายและผู้ชายวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็ได้แล้ว เพราะกลิ่นเข้าถึงได้ง่าย และใช้ง่าย แม้จะหวานและออกทางใสสดชื่น เลยจะไม่หนักหน่วงถ้าเจอกับอากาศบ้านเรา สามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ที่ไม่ได้ทางการจัดๆ ประมาณว่าเสริมความหวานใสให้ชีวิตบ้าง ไรบ้าง แต่ถ้าจะใส่ไปออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุดนะครับ ส่วนยามเย็นหรือค่ำคืน กลิ่นจะไม่ค่อยเอื้อนัก ถ้าชิลล์ๆ โรแมนติคอยู่กับแฟนน่ะพอได้ แต่ถ้าหาเหยื่ออาจจะเบาไปมากเลยล่ะครับ

ความทน - 6 ชม. โดยประมาณ แต่จะทนมากกว่านี้ไปถึง 8 ชั่วโมงได้ อยู่ที่การอัดสเปรย์ครับ ซึ่งหลังจากทดลองส่วนตัวอัดที่ 6 สเปรย์กดมิด + ฉีดใส่เสื้อด้านหน้า 2 lgxipN กลิ่นติดทนถึง 8 ชม. ได้อยู่แบบ Skin Scent ครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และลดลงมากระจายหวานใสกลางๆ ปิดท้ายด้วย Skin Scent แบบคาราเมลใสๆ อบอุ่นเบาๆ

ทิ้งท้าย - Fresh เข้ามาเปิด Shop ในไทยแล้วนะครับ ที่ EmQuartier ราคาน้ำหอมถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพงมาก ถ้าเทียบกับเคาน์เตอร์แบรนด์อื่นๆ ซึ่งมีข้อเสียอย่างนึงครับ เข้า Shop นี้ไประวังเสียตังค์ ก็เท่านั้นเอง 5555555

Credit ภาพ: http://www.sephora.com/productimages/sku/s1310168-main-zoom.jpg

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Montale - Taif Roses


Montale - Taif Roses 

Taif Rose เป็นหนึ่งในกุหลาบพันธุ์หนึ่งที่ปลูกที่เมือง Taif ของซาอุดิอาระเบียซึ่งถือว่าเป็นกุหลาบขึ้นชื่อลือชามากในเรื่องความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และโทนกลิ่นจะออกทางติดโทนชาจางๆ มีความนุ่มนวลมากเลยทีเดียว ซึ่ง Montale เลยเอากลิ่นหอมของกุหลาบประเภทนี้มาจัดซะเลย เพราะเป็นเอกในด้านการทำน้ำหอมกุหลาบและกฤษณาอยู่แล้วนั่นเอง 

Taif Roses จะเปิดต้นกลิ่นแบบกุหลาบติดโทนเขียวมาแน่นทีเดียวเชียวล่ะครับ มีกลิ่นโทนซิตรัสแบบกลิ่นมะขามเปียกเจือด้วยหน่อยๆ ไปตลอดซึ่งทำให้มีความสดชื่นจางๆพอให้รู้สึกได้ เรียกว่าแค่ช่วงนี้ก็สามารถกลบทุกกลิ่นที่อยู่รอบตัวได้แบบจัดเต็ม และฟุ้งกระจายอยู่แบบที่ทุกคนรอบตัวจะรู้ทันทีว่าใครฉีดมา และเมื่อผ่านไประยะหนึ่งกลิ่นจะเริ่มปรับสภาพเป็นกลิ่นของกุหลาบที่นุ่มนวลมากขึ้น และเป็นกลิ่นกุหลาบที่ชัดมากราวกับเกินอยู่ท่ามกลางการผลิตน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบเลยทีเดียว สิ่งที่ดีงามดี กลิ่นจะไม่ได้ออกทางกุหลาบแบบกุหลาบแดงแน่นๆ แต่เป็นกุหลาบโทนชมพูอ่อนแบบช่อดอกไม้ติดโทนแป้งจางๆ ที่กลิ่นกำลังดี ความแน่นยังคงมีอยู่ แต่จะโปร่งมากขึ้น จนเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะกลายเป็นกลิ่นออกทางครีมมี่แบบสบู่กลิ่นกุหลาบชั้นดีที่จะมาแบบนุ่มนวลเจือความสะอาดของ Musk กลิ่นมีคลาสและบ่งบอกถึงความเป็น Taif Rose ได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งใครชอบกลิ่นกุหลาบแบบแน่นและนุ่ม จะเข้าทางเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้บอกไว้ว่าเป็น Unisex ซึ่งถ้าจมูกของคนไทยเอาเข้าจริงๆ จะมองว่ากลิ่นนี้มันสาวครับ ซึ่งถัวเฉลี่ยเอามีความเป็นหญิง 60% เลยล่ะ เพียงแต่ว่า ผู้ชายใส่ได้และไม่น่าเกลียด ถ้าจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสมหรืออย่างมากเกินไป โดยเฉพาะยามกลางวัน โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์เช่นงานทางการหรือไม่ทางการ ให้ยกเว้นไปเลยในเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกายถ้าไม่อยากขาดออกซิเจนหรือมอมคนรอบข้างให้เมาขาดอากาศไปเสียก่อน ส่วนยามกลางคืนใส่ได้สบายๆ เลยครับ แต่อย่ามากสเปรย์เพราะกลิ่นหนักและปล่อยของได้ดีมากอยู่แล้ว ไม่งั้นแทนที่จะเมาเหล้า จะเมาน้ำหอมกันเสียก่อน เช่นนั้นใส่ดีๆ กลิ่นโรแมนติคทีเดียวเลยล่ะครับ

ความทน - คือ ข้ามวันข้ามคืนเลยดีกว่า ฉีดตั้งแต่ 6 โมงเช้า เที่ยงคืนกลิ่นยังตีขึ้น ขนาดซักเสื้อที่ใส่วันที่ฉีดน้ำหอมตัวนี้ ตอนรีดผ้ากลิ่นยังตีขึ้นจางๆ อยู่เลย ทนจัดทนจริงครับ

การกระจาย - เรียกว่า รอบทิศ ฟุ้งกระจายยาวนานอยู่ในห้องที่ฉีดเสียด้วย มีช่วงกลางที่จะลดลงมากระจายดี และกระจายกลางๆ ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - ใครอยากรู้ว่ากลิ่น Taif Rose เป็นยังไง ส่วนตัวบอกได้เลยว่ากลิ่นของ Montale รุ่นนี้สื่อได้ชัดไม่น้อยครับ สำหรับกลิ่นกุหลาบประเภทนี้ ^^

Credit ภาพ: http://cdn.shopify.com/s/files/1/0739/3953/products/TAIF-ROSES_1024x1024.jpg?v=1421188608

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Superdry – Orange


Superdry – Orange

Superdry เป็นแบรนด์ของ UK ที่เน้นเสื้อผ้าแบบ Casual รวมถึง Accessories ต่างๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนรวมถึงน้ำหอมด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าตอนนี้ผมเห็นเข้ามาในไทยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีน้ำหอมมาด้วยหรือไม่ ก็ขอมาแนะนำกันก่อนเลยดีกว่ากับรุ่นที่ขวดสีสันจัดจ้านเลยทีเดียวอย่าง Orange ครับ 

เปิดต้นกลิ่นกับ Top Notes ที่เรียกแขกให้สนใจกันได้เลยกับกลิ่นของส้มสีเลือดที่ออกโทนหวานติดฉ่ำจางๆ ไพล่ไปทางผลไม้มากกว่าจะเป็นซิตรัส ซึ่งไม่ได้มาฉ่ำมาก เพราะมีโทนออกทางไม้หอมติด Smoky รองอยู่ด้านหลัง กลิ่นในช่วงนี้จะดึงดูดได้เลยทีเดียว ให้อารมณ์ได้ทั้งความสดชื่นและอบอุ่นแบบโทนส้มออกแดงได้ลงตัว ส่งต่อให้ Middle Notes ที่ส้มสีเลือดจะผันเป็นตัวรองพื้นแทนดันให้กลิ่นโทน Spice ของพริกไทยเด่นขึ้นมา กลิ่นจะหอมสะอาดติดส้มจางๆ ซึ่งยังคุมโทนได้ดีเลยทั้งความสดชื่นและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน โดยที่ยังได้ความรู้สึกสบายๆ ออกแนวโทนสีส้มสว่างตามากขึ้น จนปิดท้ายด้วย Base Notes ที่กลิ่นของพริกไทยติดส้มสะอาดยังคงอยู่ แต่จะมีโทนหอมอบอุ่นเบาๆ ของไม้จันทน์หอมที่มาเพิ่มความอบอุ่นนวลๆ และมีพิมเสนที่มาให้ความหวานนุ่มนวลแบบสบายจมูกกลั้วไปตลอด โดยภาพรวมคุมโทนความเป็นสีส้มที่อบอุ่นติดสดชื่น โดยมีความความรู้สึกสบายๆ ชิลล์ๆ ได้ตั้งแต่ต้นยันจบ แถมเข้าถึงง่ายมากเสียด้วยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไป กลิ่นใช้ง่าย ออกทางอบอุ่นติดสดชื่นกำลังดี และเนื้อกลิ่นมีความสบายๆ ที่ใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ขนาดงานทางการยังใส่ได้เลย เพราะกลิ่นไม่ได้รบกวนใครมากเสียด้วย ส่วนยามกลางคืนถ้าไม่ได้สบายๆ ชิลล์ๆ แบบอากาศร้อนๆ เน้นใส่ไปเที่ยวกลางคืนแบบลานเบียร์ ก็พอได้ครับ

ความทน – ถือว่าเป็น EDC หรือ Cologne ที่ความทนน่าสนใจมากครับ เพราะ 6 ชม. แล้วกลิ่นยังอยู่

การกระจาย – กลิ่นกระจายปานกลางในช่วงต้น ลดลงมาเป็นออร่ารอบตัวแบบสดชื่นปนอบอุ่นในช่วงกลาง และปิดท้ายที่ Skin Scent ครับ เรียกได้เลยว่าเป็นกลิ่นที่ Safe และไม่รบกวนใครได้เลยล่ะครั

ทิ้งท้าย – ผมซื้อมาแบบ Blind Buy พอได้ใช้แล้วแบบว่า เฮ้ย! กลิ่นดีนะเนี่ย ที่สำคัญปลื้มกลิ่นส้มสีเลือดเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ถือว่าคุ้มค่าและแฮปปี้เลยครับที่ได้ครอบครองตัวนี้ ^^

Credit ภาพ: http://www.stylensound.co.uk/wp-content/uploads/2013/12/superdry-orange-45ml.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Joop! Go


Joop! Go

เห็นน้ำหอมสีเขียวที่มาพร้อมกับแบรนด์ Joop! หลายคนถอดไปไปหาแบรนด์อื่นดีกว่า กลัววววว จะเหมือนกับรุ่น Homme กัน แต่เอาเข้าจริงตัวนี้เป็นอีกรุ่นที่ใช้ง่ายมาก และกลิ่นสนุกสนาน ร่าเริง สดใสเลยล่ะครับ เช่นนั้นมารู้จักกันดีกว่ากับรุ่นนี้ครับ Joop! Go 

การผสมผสานระหว่างกลิ่นโทนเปรี้ยวของผักรูบาป (จริงๆ มันคือรูบาร์บ แต่ขอเรียกแบบนี้แล้วกันเนาะง่ายกว่า) กับกลิ่นของส้มขมที่จะได้กลิ่นโทนหอมหวานติดซิตรัส แถมด้วยกลิ่นพริกหวานเข้าไปตัดกลิ่นซิตรัสติดเปรี้ยวให้ไม่คมเกินเหตุ ในช่วง Top Notes ก็เลยกลายเป็น “แฟนต้าน้ำเขียว” เลยจ้า เพียงแต่เป็นแฟนต้าน้ำเขียวที่ไม่มีความซ่าของโซดาเท่านั้นเอง กลิ่นแรกฉีดอาจจะมีความสดชื่นคมแบบติด Spice แต่แป๊ปเดียวกลิ่นจะกลายเป็นสดชื่นติดหวานแบบนวลๆ ทันที เพราะกลิ่นของดอกไวโอเล็ตจะดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้าช่วง Middle Notes ที่ยังคงความเป็นสีเขียวอยู่ เพียงแต่มีโทนแป้งเสริมขึ้นมาให้กลิ่นนุ่มขึ้น โดยไม่ทิ้งความเป็นน้ำอัดลมและน้ำหอมที่มีสีเขียวเลย เรียกว่ากลิ่นออกทางขี้เล่น สนุกสนาน แอบเย้าๆ สดใสลงตัวมาก จนเมื่อเข้าช่วง Base Notes กลิ่นจะผันไปทางสะอาดๆ นุ่มๆ สดชื่นเพราะ Musk จะรองพื้นด้านหลัง โดยมีกลิ่นเขียวๆ ติดโทนแป้งจากช่วงกลางกลั้วไปตลอดเวลา เรียกว่า ภาพรวมของน้ำหอมมีทั้งความสดชื่นติดหวานแบบใสๆ และความเย้าแบบสนุกสนานกำลังดีไปตลอดเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไป ก็สามารถใส่น้ำหอมตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่าย และสดชื่นติดหวานออกโทนวัยรุ่นกันเต็มๆ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ตอนกลางวัน ซึ่งขอยกเว้นงานทางการเพราะกลิ่นมันดูลั่นล้าไปหน่อย แต่ใส่ทำงาน Office ได้อยู่ ส่วนออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ เลยครับ ไม่งั้นกลิ่นโทนแป้งจะตีขึ้นจนหวานใสแน่นเอาได้ ส่วนเที่ยวกลางคืนจัดไป กลิ่น OK ลงตัวเลยล่ะครับ สำหรับการเป็นหนุ่มเฮฮาและขี้เล่น

ความทน – 8 ชม. กำลังดี ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น คมแล้วค่อยนวล ต่อด้วยความนวลหวานสดชื่นแบบกระจายกลางๆ ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวครับ

ทิ้งท้าย – ถือว่าเป็นอีกกลิ่นของ Joop! ที่ดูเป็นหนุ่มลั่นล้าหวานใสๆ ได้ดีมากเลยครับ เช่นนั้นแบรนด์นี้มีอะไรน่าสนใจเยอะ เช่นนั้นใครตกใจกับรุ่น Homme มาลองรุ่นอื่นอาจจะได้ของดีกลับไปได้นะครับ

Credit ภาพ: http://www.elleroom.com/images/users/14348/product/20121102_51479.jpg

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Yves Rocher - Bois de Gaïac et Genièvre (Guaiac Wood & Juniper)


Yves Rocher - Bois de Gaïac et Genièvre (Guaiac Wood & Juniper) 

พึ่งออกมาไม่นานก็ได้มีโอกาสจัดมาซะเลยกับ Collection: Nature Homme ของกระทาชายที่ Yves Rocher ได้ปล่อยออกมา ซึ่งจริงๆ มี 3 รุ่นครับ แต่ผมได้มาเพียง 2 รุ่น เช่นนั้นเลยขอบอกเล่ากันก่อนเลยกับรุ่นนี้ครับ Bois de Gaïac et Genièvre หรือเรียกเป็น Eng ง่ายๆ กว่า Guaiac Wood & Juniper

กลิ่นเปิดหอมแบบสดชื่นจริงจังมากครับ เพราะกลิ่นของจูนิเปอร์เบอร์รี่จะมาเต็มเหนี่ยวมาก ซึ่งแน่นอนว่ามีโทนซิตรัสอื่นๆ อย่างมะนาวและเลมอนผสมในช่วงนี้ด้วย เลยจะมาเต็มแบบกลิ่นสดชื่นที่ให้ความเป็นธรรมชาติสูงมาก มีโทนกึ่งๆ แป้งเย็นแบบเป็นลักษณะของจูนิเปอร์อยู่ด้วยแต่ไม่ได้มามากนะครับ เน้นเบาๆ ซึ่งกลิ่นของจูนิเปอร์นี่แหละที่จะยาวนานไปจนต้นๆ ช่วงท้ายเลย โดยมาผสานกับกลิ่นของเม็ดกระวานที่มาในโทนหวานแบบบางๆ ไม่ได้มาควบแน่นจนหวานเย้ายวนเกินกว่าเหตุ เพราะ Theme คือ ธรรมชาติ เลยจะเน้นเป็นตัวรองพื้นดันให้โทนซิตรัสมีความหวานเจือๆ เข้ามาไม่ให้ออกคมเกินไปนักเลยทำให้ได้ความนุ่มเข้ามาด้วยในเนื้อกลิ่นแบบแป้งเย็นที่กลิ่นซิตรัสนำ แล้วกลิ่นโทนไม้หอมติด Smoky ของไม้ Guaiac จะเริ่มแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ที่ละหน่อยจนเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มๆ ซึ่งจะมาผสานกับโทนของซิตรัสที่ยังมีอยู่แต่จะบางลงไปมากแล้วทำให้ได้กลิ่นโทนวู้ดดี้ติด Smoky อ่อนๆ ติดผิวกายไปเรื่อยๆ แทน ซึ่งกลิ่นภาพรวมถือว่าเป็นน้ำหอมโทนสดชื่นที่ไม่ได้หวือหวา แต่มีความหอมสดชื่นตามธรรมชาติที่เข้าถึงง่ายมากเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่ายมากแถมไม่รบกวนใคร ถือเป็นหนึ่งใน Safe Scent ได้สบายๆ ในการใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ส่วนยามกลางคืน ถ้าชิลล์ๆ ทั่วไปก็จัดได้ครับ แต่บอกเลยว่ากลิ่นจะเบามากเลยนะ จึงไม่ควรใส่ไปกินเหล้า เพราะกลบเกลี้ยงเพียงแค่จิบอึกแรกเลย ส่วนคุณผู้หญิงใช้ตัวนี้ได้สบายๆ ครับ กลิ่นสดชื่นเหมาะกับวันพักผ่อนดีแท้

ความทน - เหอเหอออออ ตรงๆ นะครับ ไม่เกิน 4 ชม. จ้า พกไปเติมระหว่างวันจะดีที่สุด

การกระจาย - กลิ่นกระจายกลางๆ ค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัว ออกทางมุ้งมิ้งสดชื่นกับตัวคนใส่เป็นหลัก คนที่มายืนใกล้ๆ จะได้กลิ่นอยู่ แต่พอผ่านไปไม่นานจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ซึ่งชัดเจนเลยว่า Safe Scent ชัดๆ

ทิ้งท้าย - ตามประสาน้ำหอมกลิ่นแบบธรรมชาติที่มันจะไม่ทนนัก แต่หอมจริงอะไรจริง ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยครับ เพราะแค่หลักร้อยเอง kiki emoticon

Credit ภาพ: Fragrantica - http://www.punmiris.com/himg/o.30752.jpg

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Hermes - Eau de Pamplemousse Rose


Hermes - Eau de Pamplemousse Rose 

เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่อยู่ในโซน Cologne Collections ของ Hermes หลังจากที่ได้บอกเล่ากันไปถึงรุ่น Gentiane Blanche ไปก่อนหน้านี้แล้ว งานนี้ต้องมีต่อเนื่องสิครับ เลยมาที่รุ่น Eau de Pamplemousse Rose ว่าคราวนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง 

บอกเลย! กลิ่นสดชื่นมากครับ ใครชอบกลิ่นสดชื่นติดหรูๆ ตัวนี้จะให้ได้เต็มๆ เปิดต้นกลิ่นที่เกรฟฟรุตผสมส้มกันเลย กลิ่นจะหอมสดชื่นคมๆ สะอาดๆ หรูหราลงตัวมาก มีกลิ่นเขียวๆ ติด Earthly แบบธรรมชาติที่เป็น Signature ของ Hermes แฝงอยู่ในเนื้อกลิ่นไปตลอด ซึ่งกลิ่นจะได้อารมณ์สีเขียวติดโทนเหลืองเบาๆ แบบสดชื่นฟุ้งกระจายกันเลยทีเดียว เพียงไม่นานกลิ่นของกุหลาบจะมาแบบเบาๆ ให้พอรู้สึกได้ว่าเป็นกุหลาบ เพียงแต่จะมาผสานกับเกรฟฟรุตที่ยังคงอยู่จากช่วงต้น เลยทำให้เป็นกลิ่นซิตรัสกลั้วกุหลาบสะอาดและสดชื่น แบบมีความนุ่มนวลในเนื้อกลิ่นติดเขียวๆ แฝงไปตลอด และปิดท้ายโดยกลิ่นออกทาง Smoky แบบกึ่งแห้งกึ่งฉ่ำจากหญ้าแฝกที่มาให้ความสะอาดแบบเบาๆ มีความละเมียดในเนื้อกลิ่นติดหรูหราลงตัว โดยที่กลิ่นในช่วงกลางก็ยังตามมาเป็นพื้นหลังให้พอรู้สึกได้ กลิ่นคุมโทนความสดชื่นตั้งแต่ต้นได้ดีไม่มีผิดเพี้ยน และคงความเป็นสไตล์ของ Hermes ในเนื้อกลิ่นได้ดีเลยล่ะครั

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศทุกวัย ยกเว้นเด็กทารกเลยจ้า กลิ่นใช้ง่ายโคตรรรรรร เพราะเข้าถึงง่ายสุดๆ แถมเป็นโซน Safe Scent ที่ไม่รบกวนใครเสียด้วย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย งานทางการหรือไม่ทางการจัดได้หมด แต่ยามกลางคืนขอข้ามครับ กลิ่นเบาไป ยกเว้นวันอากาศร้อนๆ ชิลล์ๆ พอได้อยู่

ความทน - เอิ่มมมมมมมมมม 4 ชั่วโมงนั้น ท่านได้แต่ใดมา และทำไมท่านถึงได้แค่นี้ล่ะ 55555 เพราะเป็น Cologne โทนสดชื่นด้วยซิตรัสนำเด่นด้วยแหละครับกลิ่นเลยไม่ทนนัก อย่างดีอัดหนักหน่อยก็ไม่เกิน 5 ชม. อย่างดีพกไปเติมระหว่างวันน่าจะดีที่สุด

การกระจาย
- กลิ่นกระจายให้ความสดชื่นดีเลยในช่วงแรก แต่พอเข้าช่วงกลางจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่ให้ความรู้สึกสะอาดครับ

ทิ้งท้าย - เอาเข้าจริง กลิ่นดีมากครับ แต่ไม่ทนนัก ซึ่งราคาดันแพงเสียด้วยสินั่น สะเทือนใจกันก็ตรงนี้แหละ แต่ถ้าชอบและไม่ใส่ใจเรื่องราคา กลิ่นดีงามหรูหราตามท้องเรื่องของ Hermes เลยล่ะครับ

Credit ภาพ:
 http://media.hermes.com/media/wysiwyg/Prehome/Fragrances/pamplemousse-rose.jpg

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: L'Artisan Parfumeur – Timbuktu


L'Artisan Parfumeur – Timbuktu 

จากคำบอกเล่าในกระทู้พันทิปที่ Review น้ำหอมของ L'Artisan Perfumeur ตัวนี้ว่าทั้งขลังและลึกลับจาก Mr.Dhay (ตอนนี้เปลี่ยน Log in ไปแล้วแต่ความแหล่มในเรื่องน้ำหอมระดับเทพไม่เปลี่ยนแปลง) เข็มขัดสั้นก็เลยอยากได้อยากโดนกับเขาบ้างสิครับ ว่ากลิ่นของรุ่น Timbuktu ที่บอกเล่าถึงพิธีกรรมการทำเครื่องหอมที่เมือง Timbuktu ประเทศ Mali ตัวนี้จะเป็นยังไงบ้าง เช่นนั้น มีโอกาสได้สอยมาลองกับเขาเสียที ซึ่งผลที่ออกมาคือ

กลิ่นมันแนวนะ พูดเลย! คือ ต้องผ่านน้ำหอมในโซนพวก Smoky หรือโซนธูปหอมมาพอสมควร จะทำให้รู้สึกว่าตัวนี้มันมีอะไรดีมากมายเลยทีเดียวที่ให้เข้าถึงและเรียนรู้ เพราะเปิดต้นกลิ่นกันที่กลิ่นของโทนเครื่องเทศติดหวานอย่างพริกไทยสีชมพูกลั้วกระวาน แต่ไม่ได้เป็นเครื่องเทศจ๋าติดหวานเกินไปนักเพราะมีกลิ่นมะม่วงดิบแทรกขึ้นมาตัด เลยทำให้เป็นกลิ่นออกทางเขียวๆ กลั้วเครื่องเทศ ราวกับเดินเข้าไปในร้านขายยาแผนโบราณโซนเครื่องเทศที่เป็นห้องแอร์อย่างบอกไม่ถูก แน่นอนว่ากลิ่นต้นแบบนี้หลายๆ คนไม่พิสมัยมันเป็นแน่แท้ เพราะตัวผมเองก็เช่นกัน ออกแนวอึ้งๆ ไปพอสมควร เพราะกลิ่นมันแปร่งเลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดีระหว่างหวานหรือเขียว เพียงช่วงระยะเวลาไม่นานกลิ่นของธูปที่อัดจากไม้เนื้อหอมจึงค่อยๆ แทรกเข้ามาเต็มตัว โดยมีกลิ่นออกทางใบลานเขียวๆ ซึ่งจากที่ดู Notes นั่นเลยต้นปาปิรัส ที่ใบเอามาทำกระดาษ คล้ายๆ ลักษณะของใบลาน ทำให้กลิ่นผสานกันเป็นธูปหอมติดโทนเขียวจางๆ โดยที่กลิ่นในช่วงต้นเริ่มผันมารองพื้นให้รู้สึกได้ถึงเครื่องเทศด้านหลัง ทำให้ได้ความรู้สึกนิ่ง สงบ มีภูมิ อบอุ่น และขลัง ราวกับอยู่ท่ามกลางไอของธูปไม้เนื้อหอมที่ไม่ได้มาจนท่วมทำให้สำลัก แต่มาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ นิ่งงันไม่รีบไม่ร้อนราวกับยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นของการเริ่มพิธีกรรมอะไรบางอย่างไม่น้อย ซึ่งความ Smoky ในเนื้อกลิ่นจะเริ่มมีมากขึ้นตามลำดับ จากกลิ่นของไอควันจากการเผายางไม้ โดยมีโทนกลิ่นแห้งๆ ของหญ้าแฝกดึงให้ความเป็นควันไอทางด้านกลิ่นมันเด่นชัดขึ้น กลิ่นแบบการเผาไม้และยางไม้จะรายล้อมแบบไม่ได้โดยรมควัน แต่จะมาแบบลอยละล่องรอบตัวเบาๆ ความลึกลับของกลิ่นในช่วงนี้จะโดนเติมโดยกลิ่นของพิมเสนแบบแห้งกับกำยานทำให้กลิ่นดูมีพลังและมีความลึกลับไปตลอด ซึ่งบอกเลยครับกลิ่นไม่ได้ออกทางเย้ายวนมากนัก แต่ออกทางอบอุ่น นิ่ง สีออกเทาๆ ขรึมขลัง ลึกลับ และน่าค้นหาแบบมองผ่านควันไอที่อ้อยอิ่งท่ามกลางความสงบกับบรรยากาศแบบแห้งๆ ไปตลอด นี่แหละครับ ถึงบอกว่า “กลิ่นมันแนว”

เหมาะสำหรับ – Unisex ครับ กลิ่นนี้สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เอาตรงๆ ถ้ากลิ่นนี้อยู่บนผิวผู้หญิงน่าจะได้อีกความรู้สึกนึงไปได้เลย เพราะสภาพผิวแตกต่างจากผู้ชาย ซึ่งจากผิวผู้ชายอย่างผม กลิ่นนี้เหมาะกับสถานการณ์ที่เป็นงานทางการที่เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือพอสมควร รวมถึงการออกงานหรูหรา เพื่อเพิ่มความขรึมและลึกลับให้กับผู้ใส่ ส่วนถ้าใครจะใส่ชิลล์ๆ ก็ทำได้ครับ เพียงแต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกาย หรือเมาเละเทะแต่ประการใดเลยล่ะ

ความทน – 8 ชม. สบายๆ เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น จะลดลงมากระจายกลางๆ แล้วเปลี่ยนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง สุดท้ายจะเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นให้รับรู้ยามร่างกายทำความร้อนครับ

ทิ้งท้าย – Hugh Jackman ชอบและใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ (เอาข้อมูลมาจากกระทู้ Mr.Dhay) และสำหรับผมยังคงที่จะเรียนรู้กลิ่นนี้ต่อไป เพราะรู้สึกได้เลยว่า มันยังมีอะไรมากกว่านี้อีกในความลึกลับของเนื้อกลิ่นที่เย้าให้อยากใช้ต่อเรื่อยๆ ครับ

Credit ภาพ: http://wearyourself.style.it/files/2012/04/L_Artisan_Timbuktu.jpg

Reference: http://pantip.com/topic/30039747

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review: Tom Ford - Private Blend: Noir de Noir


Tom Ford - Private Blend: Noir de Noir 

ได้เวลาของน้ำหอมกลิ่นลึกลับและเย้ายวนสุดช่วงตัวจากแบรนด์ของดีไซน์เนอร์หนุ่มสุดหล่ออย่าง Tom Ford ที่ราคาของรุ่นี้ เห็นแล้ว เฮือกกกกก ใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เพราะแพ๊ง แพง แต่กลิ่นนั้นสมราคาเป็นอย่างมาก เพราะลึกลับและซับซ้อนได้ใจเลยทีเดียว ที่สำคัญเป็นโซน Private Blend ที่ถือเป็น Exclusive ที่เจ้าของแบรนด์ลงมือเองเสียด้วย นั่นคือรุ่น Noir de Noir ครับ

คำจำกัดความ - กุหลาบดำส่งกลิ่นรัญจวน ราดครีมวานิลลาเจือชอคโกแลตทั่วดอก จนส่งกลิ่นลึกลับและดึงดูดแบบดาร์กเข้มข้น

ต้องบอกกว่ากลิ่นนี้มีความสามารถในการดึงดูดอารมณ์คนรอบข้างได้ดีมากเลยนะครับ เพราะลักษณะแบบ Power House ที่กระจายดีเหลือเกินและแต่ละคนที่ได้กลิ่นจะพูดว่า "กลิ่นหอมแปลก ยั่วๆ แต่แอบน่าเกรงขาม ลึกลับบอกไม่ถูก" โดยเปิดตัวด้วยกลิ่นกุหลาบดำ (กลิ่นจะออกทางเข้มพอๆ กับกุหลาบแดง แต่กลิ่นจะออกนวลๆ ติดดาร์กกว่า) ซึ่งจะมีกลิ่นหญ้าฝรั่นมาทำให้กลิ่นออกทางเข้มติดดาร์กและมีกลิ่นเครื่องเทศประปรายให้รู้สึกได้ กลิ่นจะมาเต็มมาก เลยว่าแน่นกันตั้งแต่ตอนนี้ แล้วจึงส่งต่อให้ช่วงกลางที่เป็นช่วงที่ขอมอบความงามด้านกลิ่นกุหลาบแบบลึกลับให้กันเต็มเลย เพราะกุหลาบดำจะเหมือนโดนสาดหรือราดจนเคลือบไปด้วยวานิลลากับชอคโกแลต โดยมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ติดเลี่ยนๆ ออกทางขนมหน่อยๆ ของเห็ดทรัฟเฟิลดันขึ้นมา ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะมีเสน่ห์และเย้ายวนแบบมาเต็มเหนี่ยวมาก กลิ่นไม่ได้ออกทางหวานจัด เพราะจะอยู่ระหว่างโทนดอกไม้กับโทนขนมแบบแน่นๆ เสียมาก แต่คุมโทนสีดำชัดเจนมีความดาร์กในเนื้อกลิ่นแบบติดเครื่องเทศจางๆ เสียด้วย กลิ่นมีความซับซ้อนเลยทีเดียว จนส่งต่อให้ช่วงท้ายที่กุหลาบดำจะจางลงไปเป็นพื้นหลังส่งให้วานิลลากับพิมเสนจะมากลั้วกับโทรไม้หอมซึ่งมี Oud หรือกฤษณาเป็นตัวรองพื้นด้านหลัง กลิ่นจะรัญจวนแบบดึงดูดอย่างร้ายกาจเลย เพราะมันมีความหอมนุ่มอบอุ่นก็จริงแต่แอบติดความรู้สึกเย็นชาจางๆ ให้เกิดความน่าค้นหาอย่างมาก กลิ่นตอนนี้ความเซ็กซี่จะมาเต็มแบบมีระดับ ไม่ได้โจ่งแจ้ง ให้ความรู้สึกดึงดูดไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เข้าไปค้นหาคนใส่น้ำหอมรุ่นนี้จนได้

เหมาะสำหรับ - Unisex ครับ เรียกว่าเป็นน้ำหอมโทนลึกลับนำเด่นด้วยกุหลาบที่ครอบคลุมการใช้งานได้ทุกเพศจริงๆ สามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำกัดจำนวนสเปรย์เพราะกลิ่นหนักมาก สามารถใส่ออกทางทางการก็ได้ ทำงาน Office แอร์เย็นฉ่ำๆ ก็ได้ ชิลล์ๆ แบบใส่เสื้อผ้าชุดดำก็ได้ แต่งดใส่ออกแดดและออกกำลังกาย ฆ่าตายหมดรอบทิศเอาแทนที่จะยั่ว ส่วนยามค่ำคืนออกงานถ้าทางการก็เพิ่มจำนวนสเปรย์ตามความเหมะสม แต่ถ้าไปท่องราตรีจัดไปครับกลิ่นเซ็กซี่เย้ายวนแบบมีระดับมาก ไม่ต้องเอ่ยปากเลยว่า "มากินผมสิ" แต่จะเป็นการเอ่ยผ่านกลิ่นว่า "ผมรู้ว่าคุณอยากเข้ามาใกล้ๆ ผม" ประมาณนั้นเลย

ความทน - มากกกกกกกกก คือ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้น ขนาดจัดเพียง 3 สเปรย์เท่านั้น ของเขาแรงจริงๆ

การกระจาย - มากกกกกกก กลิ่นกระจายหนักเลย กลิ่นมาก่อนคน คนไปแล้วกลิ่นยังทิ้งค้างเอาไว้พักใหญ่ ช่วงต้นนี่เอาอยู่รอบทิศ ช่วงกลางลดลงมากระจายดีงามไปตลอด จนช่วงท้ายจะลดการกระจายเป็นกลางๆ และออร่ารอบๆ ตัวแทน

ทิ้งท้าย - ถ้าราคาไม่หนักหน่วงจนจะเป็นลมเพราะไม่มีตังค์ซื้อ ถ้ามีผ่อน 0% 6 เดือนนะ ป่านนี้จัดขวดใหญ่ไปแล้ววววววว ที่สำคัญน้ำหอมรุ่นนี้ ใช้แต่ละครั้งจะได้ความรู้สึกซับซ้อนในเนื้อกลิ่นที่จับอย่างอื่นได้มากขึ้น ยกนิ้วให้ Tom Ford เลย ปรุงออกมาได้เจ๋งจริงครับ ^^

Credit ภาพ: http://www.tomford.com/noir-de-noir/T0-NOIR-DENOIR.html