วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Fendi - Fan di Fendi pour Homme Assoluto

Fendi - Fan di Fendi pour Homme Assoluto 

ได้เวลาเก็บเกี่ยวไลน์ Fan di Fendi ฝั่งผู้ชายจนครบถ้วนเสียทีกับแบรนด์ที่เขาเก่งเรื่องแฟชั่นเครื่องหนังและเฟอร์ต่างๆ อย่าง Fendi รวมถึงน้ำหอมในไลน์นี้เขาก็เอาความเป็นเอกของ Fendi มานำเสนอไม่ว่าจะเป็นรุ่นปกติหรือ Acqua กับการนำเอากลิ่นโทนหนังมาผสมผสานในรูปแบบอื่นๆ จนประสบความาสำเร็จและผ่านการรีวิวไปแล้ว เช่นนั้นมาแตะกันที่ตัวสุดท้าย (และอาจจะไม่ท้ายสุด) อย่าง Assoluto กันบ้าง ว่าจะออกมาในลักษณะไหน

ต้องยกให้เขาเลยว่า Fendi ยังคงลายเซ็นของตัวเองในการใส่กลิ่นโทนหนังมาผสมผสานกับความเป็นเครื่องเทศและไม้หอม รวมถึงเอาความเป็น Oud มาผสมผสานได้อย่างลงตัว โดยจะเปิด Top Notes กับกลิ่นอายที่มาแบบชัดแจ่มกันก่อนเลยกับโทนเครื่องเทศกลั้วความหวานเคล้ากลิ่นอายของ Citrus ที่มาแบบสายผู้สนับสนุนรองกันก่อน กลิ่นของกระวานกับพริกไทยสีชมพูจะเคล้ากันได้แซ่บเข้มข้นอุ่นนัวกึ่งสดชื่นติดเบอร์รี่ได้กำลังดีมาก เพียงไม่นานก็เข้าสู่ Middle Notes ที่คราวนี้ Oud มาเป็นตัวเด่นนำ เพียงแต่ไม่ได้มาสายอวลแบบตะวันออกกลาง มาสายกลิ่นแนวเนื้อไม้เคล้าเครื่องเทศโทนหวานติดเปรี้ยวจางๆ ที่ตามมาตั้งแต่ช่วงต้นจากอิทธิพลของกระวานและพริกไทยสีชมพู กลิ่นจะมีความเย้ายวนกำลังดีเคล้ากลิ่นนวลๆ ของพิมเสน และมีความ Smoky ให้รู้สึกได้ กลิ่นยังคงความเข้มข้นอยู่เพียงแต่ว่าจะไม่ได้ดำดิ่งลงสายดาร์กนัว แต่มีความโปร่งในระดับหนึ่งให้สัมผัสความเป็นกลิ่นโทนไม้หอมเคล้าเครื่องเทศได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งในช่วงนี้จะเริ่มจับได้ถึงความครีมมี่ติดยางไม้ที่จะแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นตัวนำเข้าสู่ Base Notes ที่งานนี้กลิ่นครีมมี่ผสมผสานกับโทนลายเซ็นของ Fendi อย่างกลิ่นหนังจะเป็นเสมือนตัวรองพื้น โดยมีกลิ่นยางไม้ติดเปรี้ยวกลั้วกับ Oud แบบเนื้อไม้จะเป็นตัว on Top ที่ลอยขึ้นมาอยู่ กลิ่นจะยังมีความหวานให้สัมผัสได้จากเครื่องเทศ และคงความผสมผสานกันได้อย่างดีไปตลอดเลยทีเดียว ซึ่งภาพรวมจะได้อารมณ์แบบเข้มข้น ดุดันก็จริงแต่ยังมีความนุ่มหวานแฝงเข้าไป และออกแนวผู้ชายมาดนิ่งมีระดับดูน่าค้นหาและเย้ายวนแบบมีความมั่นใจและถือตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปก็สามารถจัดตัวนี้ได้ เอาเข้าจริงๆ น้องๆ มหาลัยก็ใส่ได้ แต่อาจจะเน้นเป็นการออกงานแต่งตัวเท่ห์ๆ หรือท่องราตรีก็สามารถ ซึ่งกลิ่นนี้ถ้าคนผ่านโทนเครื่องเทศกับ Oud และหนังมาบ้าง จะเข้าถึงได้เร็วมากขึ้น โดยสามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือทั่วๆ ไป เพียงแต่เน้นใส่แล้วอยู่ในห้องแอร์จะดีกว่า เพราะกลิ่นมาแบบดุและหนักอยู่ซึ่งการจำกัดจำนวนสเปรย์จะดีที่สุด ตัดการใส่เพื่อออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายทุกประเภทเลย เพราะกลิ่นจะกระจายและตีขึ้นหนักหน่วงจริง เดี๋ยวขาดอากาศเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนกับการออกงานหรือท่องราตรีก็จัดไป กลิ่นเอาอยู่ มีมาด และน่าค้นหาเลยทีเดียว ชาวบ้านกลบตัวนี้ไม่ได้ง่ายๆ ด้วย 

ความทน - ลุกขึ้นยืนปรบมือ เพราะไลน์นี้ทั้ง 3 ตัวเรื่องความทนดีงามหมด แถมรุ่นนี้มีความเป็น Assoluto กลิ่นจะเข้มจัดและทนมากเลยทีเดียว กับพื้นฐานคือ 8 ชม. และมากกว่านั้นอิงตามจไนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. ตั้งแต่ 7 โมงเช้ายัน 4 ทุ่ม กลิ่นก็ยังตีขึ้นกับจำนวนสเปรย์เพียง 5 สเปรย์ 

การกระจาย - มาเต็มเลยทีเดียวในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีกึ่งปานกลางในช่วงกลาง และค่อยๆ ลงไปที่กระจายปานกลางในช่วงท้าย ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านราวๆ 8-10 ชม. ไปแล้ว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้มาเต็มและปล่อยของจริง เรียกว่าเป็นตัวพ่อของไลน์ Fan di Fendi pour Homme ได้เลย ในเรื่องความเข้มข้น ซึ่งถ้าสรุป 3 ตัวของไลน์นี้จะได้ความเชื่อมโยงจากโทนหนังและเครื่องเทศที่แตกต่างกันไปแบบนี้เลย

pour Homme - หนังและเครื่องเทศแบบเซ็กซี่เย้ายวนอบอุ่น
pour Homme Acqua - หนังและเครื่องเทศแบบสดชื่นแนวทะเล
pour Homme Assoluto - หนังและเครื่องเทศที่เข้มข้นมีมาดเหลือร้าย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  
http://parfumstation.com/product/p1423551676-o.25194.jpg

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Azzaro Now Men

Azzaro Now Men

ถึงกับอึ้งไม่น้อยกับ Azzaro เลยที่มากับขวดทรงแนวๆ ไม่เหมือนชาวบ้านแถมไพล่ไปคิดถึงหูโทรศัพท์หรืออะไรทะลึ่งๆ ได้อีกด้วย ซึ่งขวดทรงนี้ยังไม่จบสิ้นแน่นอนเพราะมีหลายรุ่นที่สืบทอดต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเมื่อสอดส่องเจอว่ารุ่นแรกที่มากับขวดทรงนี้คือตัวไหน ก็ต้องเสาะหามาซะเลยว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไรบ้าง เช่นนั้นมารู้จักกลิ่นที่น่าสนใจอีกตัวจากแบรนด์นี้กันนั่นคือ Azzara Now Men

เรียกว่าน้ำหอมตัวนี้ทำได้ออกมาเกินความคาดหวังอย่างมาก เพราะถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นในเรื่องน้ำหอมที่รวมเอาความสดชื่น ผสมผสานกับกลิ่นอายเขียวๆ และโทนแป้งได้ลงตัวเลย ซึ่ง Top Notes จะเริ่มที่กลิ่นอายเขียวสดชื่นคมๆ ผสมผสานกับกลิ่นกุหลาบแบบนวลสะอาดก็จริง แต่เพราะมีกลิ่นเครื่องเทศแนวสดชื่นแนวๆ พริกไทยกับกระวานมาตัด เลยทำให้ได้ความรู้สึกแบบสดชื่นแบบเขียวติดแมนคมกลั้วความสะอาดเสริมเข้ามา ซึ่งกลิ่นโทนเขียวๆ จะเป็นเหมือนกลิ่นอายหลักที่จะตามไปถึงช่วงท้ายๆ เลยทีเดียว โดยเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นที่เริ่มเด่นขึ้นมาในความเขียวโปร่งสะอาดเลยคือ กลิ่นชา ซึ่งจะมาแบบเขียวติดคมแบบใบชาสด แต่เพราะมีกลิ่นอายแบบโทนแป้งโปร่งๆ ติดเขียวของดอกไวโอเล็ตเลยทำให้กลิ่นจะออกทางแป้งหอมเขียวสะอาด ที่สำคัญกลิ่นอายของเม็ดกระวานยังตามมาในช่วงนี้เลยทำให้ได้กลิ่นอายติดหวานโปร่งเข้าไปด้วยท่ามกลางความเป็นโทนแป้งสดชื่น ก่อนที่จะเริ่มมีกลิ่นอายติดเปรี้ยวอมหวานจางๆ ขึ้นมากลั้วกับกลิ่นโทนเขียวสะอาด นำเข้าสู่ Base Notes ซึ่งมาจากกลิ่นของลิ้นจี่ที่มาเสริมทัพโทนเขียวติดแป้งโปร่ง โดยมีความเป็นไม้หอมติดอบอุ่นเบาๆ เสริมเข้ามากับกลิ่นแนวผิวกายสะอาดของหนังกลับและ Musk เบาๆ เป็นตัวรองพื้น ซึ่งในช่วงนี้จะจับได้ถึงความสดชื่นยังคงความเป็นตัวเอกอยู่ โดยที่จะรองพื้นด้วยกลิ่นอายสะอาดๆ ติดโทนแป้งสดชื่นเคล้าอบอุ่นจางๆ ไปตลอด ภาพรวมจึงเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นอายที่คม โปร่ง สะอาด สดชื่นก็จริง แต่ฉีกด้วยการเอากลิ่นชาติดเขียวกลั้วลิ้นจี่ และใส่ความเป็นแป้งโปร่งๆ เข้าไป จึงทำให้มีความแตกต่างจากน้ำหอมผู้ชายโทนสดชื่นที่มีเยอะมากมายในท้องตลาดได้น่าสนใจเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมาก มหาชนได้กลิ่นมักไม่ยี้ เพราะกลิ่นมันสดชื่นติดเขียวคมเด่นครอบจักรวาลการใช้งานในยามกลางวันได้สบายมากถึงมากที่สุด แม้จะมีความเป็นแป้งแต่ก็เขียวโปร่งมากพอได้อารมณ์แป้งหอมสบายตัวและเจอเหงื่อได้สบายๆ ส่วนยามค่ำคืนถ้าอากาศร้อนนรกแตกใช้ตัวนี้เพิ่มความสดชื่นได้เลย แต่ถ้าจะเอาไปเย้ายวนเรียกแขกในผับในบาร์คงเป็น "นก" เอาได้ เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายยั่วนัก 

ความทน - กลิ่นทนอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. บวกลบประมาณ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวทดลองทั้งการใส่อยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวันแบบจัดไปที่ 6 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อด้านหน้า ลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้สบายๆ ส่วนใส่แบบอากาศทั่วไปไม่ได้อยู่ในห้องแอร์กลั้วเหงื่อซิบๆ จัดไปที่ 8 ชม. กำลังดีเลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่ามาคมกันเลยทีเดียว แล้วจึงค่อยลดลงไปกระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเป็นออร่าสดชื่นติดแป้งอมหวานนิดๆ ไปตลอดแบ้วลดหลั่นลงไปเรื่อยๆ จนหายไปจากผิวอิงตามความทนที่กล่าวข้างต้น

ทิ้งท้าย - ไม่คิดว่าจะเจอกลิ่นอายชาแบบเขียวคมกลั้วแป้งและกลิ่นลิ้นจี่แบบนี้ แม้ว่าเดิมทีไม่ได้คิดว่าจะครอบครองตัวนี้นานนัก และจับได้ถึงกลิ่นอายที่มีความเป็น Azzaro Chrome อยู่ในตัวนี้อยู่บ้าง แต่กลายเป็นว่าชอบและเป็นกลิ่นที่ถ้านึกอะไรไม่ออกหยิบมาฉีดยังไงก็ผ่าน อย. ได้สบายเลย เก็บไว้ใช้ยาวไปจ้า เพราะว่ามัน #เลิกผลิต แล้วด้วยล่ะนะ -___-"

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  http://theperfumeplace.co.uk/wp-content/uploads/2015/03/Azzaro-Now-Men-80ml-EDT-spray.jpg

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Nasomatto - Pardon

Nasomatto - Pardon 

เดิมทีเคยเห็นแบรนด์ Niche จากฮอลแลนด์อย่าง Nasomatto นี้มาบ้าง และแอบอุทานในใจว่า หูยยย ไม่มีตังค์ แต่มีความสนใจไม่น้อยเลยเพราะว่าน้ำหอมเป็น Extrait de Parfum ซึ่งความเข้มข้นมาเต็มที่ขั้นสุดกันแล้วจริงๆ แล้วขวดกับหัวจุกปิดมีความแนวได้อีก เช่นนั้นเมื่อมีกัลยาณมิตรแบ่งปันมาให้ได้ลองก็ขอพิสูจน์ความดีงามของรุ่นแรกที่ได้จับต้องจากแบรนด์นี้กันหน่อยเลยว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน นั่นคือ Pardon 

เปิดตัวออกมาได้กลิ่นอายออกแนวพิมเสนกลั้วกลิ่นแนวๆ รัมผสมผสานกับกลิ่นดอกไม้จางๆ อมเปรี้ยวนิดๆ กันก่อน และแฝงไปด้วยเครื่องเทศโทนอบอุ่นให้รู้สึกได้ ซึ่งเพียงไม่นานกลิ่นอายของชอคโกแลตเข้มๆ จะเริ่มเด่นขึ้นมาโดยดึงพระเอกของงานอย่าง Oud มาเปิดตัวด้วย จึงเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นของชอคโกแลตติดเข้มๆ จะมาให้ความรู้สึกอบอุ่นติดครีมมี่นวลๆ กึ่งนมกึ่งวานิลลาเข้าไปแต่ไม่ได้มาแบบหนักจนเป็นขนม เพราะมีกลิ่นของอบเชยที่เป็นเครื่องเทศโทนอุ่นเปิดตัวเข้ามาด้วย เคล้ากับกลิ่น Oud ที่เริ่มเด่นเป็นสง่ามากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าจะไม่ได้มาแบบพลังจัดจ้านแบบน้ำหอมตะวันออกกลางนัก เพราะมีความเป็นเนื้อไม้กำลังดีติดอวลแบบน้ำมันสกัด Oud แบบกึ่งกลางและลงตัว ที่สำคัญกลิ่นพิมเสนยังคงอยู่ในช่วงนี้ตัดทอนให้มีความหรูหราในเนื้อกลิ่น ซึ่งกลิ่นช่วงนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่เป็นลูกผสมของกลิ่นโทนอบอุ่น หวานจางๆ เซ็กซี่เย้ายวน ติดดาร์กหน่อยๆ และมีหรูหรามีพลังออกมาให้รับรู้ได้ จนเมื่อกลิ่นอายของไม้จันทน์หอมเริ่มเสริมเข้ามา ก็ดึงเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะมาผสมผสานกับ Oud ให้มีความครีมมี่มากขึ้นท่ามกลางความอวลกำลังดี กลิ่นของชอคโกแลตติดครีมมี่นุ่มนมกับพิมเสนยังคงอยู่แต่ให้ความเบาลงปล่อยให้กลิ่นไม้หอมเขาเด่นนำมากขึ้นแบบยาวไป ภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้เลยออกมาเป็นกลิ่นอาย Oud ที่ชัดก็จริง กลิ่นมีความเข้มข้นก็จริง เพราะเจอกลิ่นของชอคโกแลตเข้มๆ กับพิมเสนและความครีมมี่กับโทนไม้หอมมาตัดกันอย่างลงตัวจนได้กลิ่นที่หอมนุ่มอบอุ่นเย้ายวนและมีพลังที่เสริมบุคลิกคนใส่ให้ม่ีความน่าเชื่อถือได้ดีมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นมาสายสร้างออร่าพลังให้คนที่ใช้ และอย่างน้อยถ้าผ่านน้ำหอมที่กลิ่นโทน Oud มาก่อนจะทำให้เข้าถึงตัวนี้ได้ง่ายขึ้นมาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนการแต้มหรือจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นมีความเข้มข้นสูง เอาพอเหมาะกลิ่นจะลงตัวและงามงดเลย ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือทั่วๆ ไปที่ต้องการเสริมออร่าของความอบอุ่นน่าเชื่อถือ ส่วนออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งตัดออกไปได้เลย เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นจนเดี้ยงและคนรอบข้างจะอึดอัดเสียก่อน ส่วนยามค่ำคึืนจัดไป กลิ่นสามารถสร้างเสน่ห์ความเซ็กซี่แบบมีระดับได้ดีมาก

ความทน - กราบน้ำหอม! เพราะความเข้มข้นสูงกว่า EDP เป็น Parfum ไปเรียบร้อยแล้ว จึงทนทายาดมาก 15 ชม. กลิ่นยังอยู่ให้รู้สึกได้ 

การกระจาย - กลิ่นนี้ออกแนวเริ่มต้นที่กระจายดีก่อน แล้วจึงกระจายดีมากแบบบาเรียรอบตัวเลย โดยที่คนฉีดเองอาจจะรับรู้ได้แบบกำลังดี แต่คนอื่นรอบตัวจะได้กันเต็มๆ แล้วจึงลดลงมากระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นมันดีงามมากกกกกกก เพราะมันมีระดับในทุกๆ ช่วงเลย แถม Oud ก็ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงจนจะเป็นแขกตะวันออกกลาง แถมความเข้มข้นก็เริ่ดได้อีก แต่ราคานี่สิ ร้องไห้หนักมาก กราบน้ำหอมเลยดีกว่าแบบนี้ กราบบบบบบบบ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  https://thescentedhound.files.wordpress.com/2012/03/nasomatto-pardon.jpg

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Zadig & Voltaire - This is Him

Zadig & Voltaire - This is Him

หลังจากว่ากันด้วยน้ำหอมเคียงคู่รุ่นล่าสุดกับแบรนด์ Zadig & Voltaire อย่างรุ่น This is Her ที่พึ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยไปแล้ว ก็ได้เวลาของฝ่ายชายกันบ้างที่จะมาบอกเล่าเรื่องกลิ่นว่าจะมาในลักษณะไหน และมีความเชื่อมโยงกับกลิ่นอายของผู้หญิงหรือไม่ เช่นนั้น This is Him จะออกมาในรูปแบบไหนกันต้องพิสูจน์ 

กลิ่นมีความเชื่อมโยงแน่ชัดกับรุ่น This is Her กับการที่ทั้ง 2 ตัวจะมีกลิ่นหลักเดียวกันนั่นคือ ไม้จันทน์หอม เป็นตัวเด่นทำให้ออกแนวเพราะเราคู่กัน (เบ้ปาก) โดยจะเริ่มที่ Top Notes อย่างกลิ่นอาย Citrus ของเกรฟฟรุตก็จริง แต่จะมาแบบสายสนับสนุนเสียมากกว่า ให้กลิ่นโทนพริกไทยมาเต็มและมาชัดมากมาย ซึ่งกลิ่นจะมาแบบปร่าๆ กันก่อน แต่ก็ผสมผสานกับกลิ่นของโทนธูปไม้หอมที่มีความอบอุ่นติดดาร์กนวลๆ แบบไม้จันทน์หอมที่เหมือนเป็นตัวหลบๆ ซ่อนๆ อยู่เบื้องหลังก็จริง แต่จะจับได้ไม่ยากและกลิ่นนี้แหละจะเป็นกลิ่นที่แทรกซึมให้รู้สึกได้ลักษณะคล้ายกลิ่นหลักของน้ำหอมรุ่นนี้เลย แล้วเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นอาย Spicy จะลดระดับลงมาเบาบางให้กลิ่นโทนธูปขึ้นมาเด่นนำเคล้ากับวานิลลา เลยจะได้กลิ่นอายติดโทนแป้งอบอุ่นเคล้าความ Smoky กลิ่นไม้หอมติดควันไอจางๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นช่วงไฮไลท์ของน้ำหอมตัวนี้เลยก็ว่าได้เพราะจะให้ความรู้สึกที่ Modern ที่มีความอบอุ่น นวลนัว อบอุ่น และดึงดูดน่าค้นหาดาร์กกำลังดี ซึ่งกลิ่นอายในช่วงนี้จะตามไปยัง Base Notes ที่คราวนี้ไม้จันทน์หอมจะกลายเป็นหัวเรือหลักที่ให้ความนุ่มติดครีมมี่วานิลลาจางๆ หวานนิดๆ เคล้าความ Smoky หน่อยๆ โดยที่จะมีความสะอาดนุ่มเคล้าไปตลอดแบบติดแป้งไม้หอมนุ่มนวลไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว ภาพรวมเลยเป็นกลิ่นอายไม้จันทน์หอมที่เคล้าความเป็นแป้งอบอุ่นติด Smoky ได้ลงตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ได้แล้ว เพราะเป็นมันกลิ่นอายที่ Modern ติดอบอุ่นน่าค้นหา และออกนวลๆ พอสมควร ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นยามทางการ เพราะกลิ่นติดภูมิฐานในระดับหนึ่ง หรือทั่วๆ ไปก็จัดได้ ยิ่งอากาศเย็นๆ กลิ่นยิ่งลงตัว ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายออกไปได้เลย ไม่เข้าทางและเดี๋ยวจะขาดอากาศหายใจเอาได้ ส่วนยามค่ำคืน ถ้าเป็นแบบใส่ไปท่องราตรีแนวๆ นั่งจิบเคล้าอากาศเย็นๆ ลุคเท่ห์ๆ รับรองว่าหล่อน่าค้นหามาซุกให้อบอุ่นได้เลย 

ความทน – 8 ชม. เป็นพื้นฐานของน้ำหอมตัวนี้ ซึ่งสามารถยาวนานมากกว่านี้ได้อิงที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กำลังดีเลยกับ 6 สเปรย์ (แอบแน่นด้วย 5555)

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น เรียกว่ามาเต็มเรื่องความเป็นพริกไทยกลั้ว Incense ธูปไม้หอมได้เลย ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลางแบบยาวไปจนถึงช่วงสุดท้าย แล้วค่อยลดลงมาเป็นกึ่งออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย กลิ่นนี้ถือว่าแตะความเป็น Modern ที่เข้าถึงผู้ชายในทุกๆ ภูมิภาคของโลกได้เลย เพราะบางวูบจะรู้สึกแบบตะวันออกกลางหน่อยๆ แบบไม่มี Oud แต่ก็ยังหอมนวลนุ่ม แล้วค่อยมาเป็นหนุ่มเท่ห์อบอุ่นน่าค้นหา ก่อนจะเป็นหนุ่มน่าซุกสะอาดสะอ้าน ซึ่งถ้า This is Her มาในลักษณะไม้จันทน์หอมครีมมี่ติดโยเกิร์ต This is Him จะเป็นไม้จันทน์หอมนุ่มนวลอบอุ่นน่าค้นหานั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  http://fashionforlunch.net/wp-content/uploads/2016/09/Zadig-Voltaire-this-is-him--1000x697.jpg

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Zadig & Voltaire - This Is Her

Zadig & Voltaire - This Is Her

ขอมาจับคู่ Review น้ำหอมชายหญิงที่ออกมาเคียงกันบ้างกับแบรนด์ที่พึ่งเข้ามาวางขายในประเทศไทยได้ไม่นานนี้เองอย่าง Zadig & Voltaire โดยได้เปิดตัวน้ำหอมชายหญิงที่ออกมาคู่กัน เช่นนั้นก็ต้องอินเทรนด์กันนิดนึงจัดมาเสียอย่าให้พลาด และก็ขอมากันที่รุ่นของผู้หญิงนี้ก่อนเลยว่าจะออกมาในลักษณะไหนกับรุ่น This is Her 

Top Notes เปิดตัวมาได้มีลักษณะของการเป็นกลิ่นโทนครีมมี่แบบวิครีมผสมนมกันอย่างชัดเจน เพียงแต่เพราะกลิ่นพริกไทยสีชมพูที่ติดโทรเบอร์รี่เคล้าความเป็นเครื่องเทศ และมีโทนดอกไม้หวานจางๆ จากมะลิ เลยทำให้กลิ่นอายจะออกทางคล้ายโยเกิร์ตผสมผสานกับครีมขนมหวานแบบอุ่นๆ แบบมาเต็ม กลิ่นจะมาคมนิดนึง เพราะมันมีความเป็นครีมมี่ให้จับได้และจะเป็นตัวหลักที่นำไปสู่ Middle Notes กับความชัดเจนแบบกลิ่นอายนุ่มนมเคล้าหวานแบบเกาลัดผสมผสานกับกลิ่นอบอุ่นของวานิลลา กลิ่นจะขนมหอมหวานก็จริงแต่จะมีความเป็นไม้หอมเข้ามาผสมผสานไปด้วย เลยจะมีมิติของไม้หอมกลั้วความเป็นขนมครีมมี่ติดเซ็กซี่ ไม่ได้ขนมหวานแหลกหลานแบบแนCelebrity Scent ที่มักจะมาโทนนี้นัก ซึ่งกลิ่นไม้หอมจะเป็นตัวดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นตัวเด่นในช่วง Top Notes ที่จะจับได้ถึงการเป็นไม้จันทน์หอมเคล้ากับความเป็นกลิ่นอายครีมมี่ของขนมที่เบาลงมา กลิ่นมีโทนสะอาดนุ่มๆ เสริมเข้ามาแบบเป็นตัวรองพื้นให้มีความโรแมนติคมีระดับเสียด้วย ภาพรวมจึงเป็นเหมือนผู้หญิงที่มั่นใจ เซ็กซี่เย้ายวนแบบกำลังดี มีความนุ่มมีระดับกำลังงามท่ามกลางการเป็นกลิ่นไม้หอมกลั้วขนมนุ่มนมครีมมี่นั่นเอ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นนี้ถือว่าเข้าถึงได้ไม่ยาก แม้ช่วงต้นจะออกทางหวานคมหน่อย แต่ผ่านไปคือขนมเซ็กซี่กำลังดีเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งงานทางการก็พอได้อยู่แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นจะให้ความเป็นผู้หญิงอบอุ่นติดเซ็กซี่กำลังดีแบบมีระดับมากกว่าจะขนมหวานแหลกลาน ส่วนสถานการณ์ทั่วไปจัดได้เลยกลิ่นเย้ายวนลงตัว ส่วนยามค่ำคืนเพิ่มสเปรย์หน่อยจะบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงมั่นใจได้เลย จัดได้หมดทั้งออกงานและท่องราตรี สำหรับคุณผู้ชายถ้าไม่คิดมากกับกลิ่นครีมมี่ขนม กลิ่นนี้มีความเป็น Unisex ประมาณ 30% จากกลิ่นอายไม้จันทน์หอมเลยสามารถใส่ได้อยู่

ความทน - น่าสนใจมาก เพราะ 8 ชม. คือพื้นฐาน และลากยาวไปมากกว่านั้นได้ถึง 12 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กับ 6 สเปรย์ ถือว่าทำได้ดีงาม 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น อาจจะหวานคมหน่อย แต่พอผ่านเข้าช่วงกลางจะเป็นขนมครีมมี่นุ่มนมติดโยเกิร์ตอุ่นๆ ที่กระจายปานกลาง แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ถ้าใช้แบบผิวเผินอาจจะทำให้มองตัวนี้ว่าไม่ต่างอะไรกับน้ำหอมโทนขนมหวานๆ วานิลลาแบบน้ำหอมดารานักแสดงอะไรนัก แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าดมกันลึกๆ มันฉีกออกมาตรงที่กลิ่นไม้จันทน์ที่เป็นเหมือน Signature ของกลิ่นคู่ This Is Him & Her นี้ที่ดึงให้กลิ่นมีอะไรมากกว่าความหวาน เป็นความมีระดับในเนื้อกลิ่นเสริมเข้ามานี่แหละครับ ความดีงามของรุ่นนี้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  http://fashionforlunch.net/wp-content/uploads/2016/09/Zadig-Voltaire-this-is-her-perfume-1-1-1000x699.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Review: Armaf - Tag-Him pour Homme

Armaf - Tag-Him pour Homme 

หลังจากที่ได้แตะน้ำหอมแบรนด์ตะวันออกกลางอย่าง Armaf ไปแล้วก่อนหน้านี้ 2 รุ่น ที่ให้ความใกล้เคียงน้ำหอมยอมนิยมของแบรนด์ Creed กันมาก่อนหน้านี้ ก็ได้เวลาของตัวที่ 3 ที่จะได้มีโอกาสได้จัดมาเสียทีเพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอยว่าตัวนี้กลิ่นอายยังมีความคล้ายรุ่นดังอยู่เช่นเคย เมื่อพิสูจน์แล้วจึงได้รู้ว่า 

Tag-Him pour Homme นั้นเปิดตัวด้วยกลิ่นอาย Citrus แบบกลั้วเครื่องเทศแบบที่คมและบาดกันนิดนึง โดยจับได้ถึงกลิ่นมินท์ แต่เพียงแค่แป๊บเดียวกลิ่นอายของเกรฟฟรุตและเลมอนจะเด่นออกมาแบบรองพื้นด้วยกลิ่นขิง ซึ่งมินท์ก็ยังอยู่แต่จะเบาลงมา ซึ่งเรียกว่ามีความคุ้นกับโทนกลิ่นนี้มากมายว่าคล้ายตัวไหนเลยกันตั้งแต่ช่วงนี้ เพียงแต่กลิ่นจะฉีกออกไปนิดนึงในเรื่องของความคม และกลิ่นขิงจะเริ่มเทคโอเวอร์นำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นจะนุ่มขึ้นเพราะมีกลิ่นอายของเม็ดจันทน์เทศมาทำให้กลิ่นเข้าทางการเป็น Fresh Spicy โดยที่ยังมีความเขียวคมจางๆ ของมินท์และความสดชื่นของ Citrus อยู่ และจะเริ่มจับได้ถึงการเป็นกลิ่นอาย Smoky จางๆ จากโทนธูป Incense อ่อนๆ ล้อมด้วยกลิ่นอายไม้หอมหน่อยๆติดขิง จนนำเข้าสู่ช่วงท้ายกับการเป็นกลิ่นอายแบบหญ้าแฝกที่แห้งๆ เคล้ากลิ่นพิมเสน โดยมีโทนไม้หอมผสมเข้ามาทำให้ได้ความรู้สึกหรูหรากำลังดีและกลิ่นอายแบบเมโทรทันสมัยในเนื้อกลิ่นยาวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ตรงตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอย เพราะว่ากลิ่นคล้ายรุ่นยอดนิยมสุดๆ อย่าง Bleu de Chanel มากเลยทีเดียว แต่มันก็มีความต่างที่พอจับได้ในพื้นฐานกลิ่นที่ใกล้เคียงกันมากซึ่งเปรียบเทียบออกมาเป็นดังนี้เลย 

Bleu de Chanel (EDT) - โทน Citrus จะเด่น ล้อมด้วยขิงและกลิ่นโทน Incense 
Tag-Him pour Homme - โทน Fresh Spicy จะเด่น ล้อมด้วย Citrus คมๆ โดยไม้หอมจะเบากว่า Chanel 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมาหลัยขึ้นไปก็สามารถจัดจัวนี้ได้สบายๆ เพราะกลิ่นเข้าถึงได้ง่าย แถมถ้าไม่ได้ลงรายละเอียดในการแยกกลิ่นแทบจะไม่ได้แตกต่างอะไร นอกจากที่จะรู้สึกว่ากลิ่นมันคมอิงไปทางเครื่องเทศโทนสดชื่นเสียมากกว่า ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือชิลล์ๆ ทั่วไปก็สามารถ ซึ่งถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถ้าอัดสเปรย์หน่อย ก็สามารถสู้ชาวบ้านเขาได้ในแง่ของการท่องราตรีหรือจิบเบาๆ เคล้าเสียงเพลงทั่วไป 

ความทน - กลิ่นจะติดทนราวๆ 8 ชม. ได้อยู่ ซึ่งก็ยังคงอิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวจัดที่ 6 สเปรย์ กลิ่นลากยาวไป 10 ชม. ได้เลยแบบอยู่ในห้องแอร์ตลอดวัน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีแบบคมแปร่งกันก่อนในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางในช่วงกลาง แล้วปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวผันไปเรื่อยๆ เมื่อผ่าน 8 ชม. ไปแล้วจะกลายเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ ถ้าเป็นการ C&D ถือว่ากลิ่นไม่ได้แตกต่างมากนักกับการดมเพียงผิวเผิน เพียงแต่ถ้าจับกันจริงๆ มันก็มีความแตกต่างกันบ้าง เพราะกลิ่นจะคมกว่า ซึ่งถ้าเทียบกันเรื่องความทTag-Him ทำได้ดีและอาจจะดีกว่า Bleu de Chanel (EDT) เสียด้วยซ้ำไป ซึ่งถ้าไม่ได้มายด์ในเรื่องแบบนี้และรับได้ Armaf นั้นราคาคุ้มค่ากว่า Bleu de Chanel มากกกกกกเลยล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  https://cdn.shopify.com/s/files/1/0910/0818/products/Special-Selection-Tag-Him-Mens-Eau-de-Toilette-Spray-3.4-Best-Price-Fragrance-Parfume-FragranceOutlet.com-Detail_large.jpg?v=1442926172

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Carolina Herrera – CH Men Grand Tour

Carolina Herrera – CH Men Grand Tour

เป็นหนึ่งใน Flanker ลำดับที่ 3 ของรุ่น CH Men ที่เรียกว่าเป็นตัวยอดนิยมของแบรนด์ Carolina Herrera ที่ตามติดโซน 212 มาเลยทีเดียว ส่วนตัวนั้นเดิมทีไม่เคยได้มีโอกาสลอง CH Men ต้นตำรับมาก่อนเลยว่ามาในลักษณะเช่นใด เรียกว่าเป็นการข้ามช็อตมาเลย ดังนั้นมารู้จักกันกับรุ่นนี้เลยดีกว่า CH Men Grand Tour

แน่นอนว่าจะไม่มีการบอกเล่าถึงความเชื่อมโยงใดๆ กับต้นตระกูล จะมุ่งตรงมาที่กลิ่นอายที่รุ่นนี้ทำออกมาเลย ซึ่งก็เปิดตัวกันด้วยความนัวกันก่อนเลยกับ Top Notes ที่เป็นกลิ่นของสมุนไพรแห้งกลั้วเครื่องเทศติดเผ็ดเคล้ากับกลิ่นอายของ Incense หรือโทนธูปจะมาแบบนัวๆ ติดหวานก่อนเลย ซึ่งจะจับได้เลยว่ามีโทนนุ่มรองพื้นอยู่ตั้งแต่ช่วงนี้ กลิ่นอายจะนัวนุ่มติด Smoky กำลังดี และเพียงไม่นานเครื่องเทศโทนอบอุ่นจะเด่นขึ้นมาดึงเข้าสู่ช่วง Middle Notes ที่กลิ่นอายจะมีความหวานเคล้าอบอุ่นของอบเชย และมีกลิ่นอายเผ็ดนุ่มของเม็ดจันทน์เทศมาตัดทอน โดยที่กลิ่นอายโทนธูปยังคงอยู่แต่ลดความ Smoky ลงมา ซึ่งกลิ่นอายนุ่มๆ ที่รู้สึกได้ตั้งแต่ช่วงต้นจะจับได้ชัดเจนในช่วงกลางนี้ด้วยเช่นกันกับกลิ่นหนังกลับที่มาสายนุ่มจมูกมากกว่าจะมีความเป็นสาปปลุกเร้า Animalic กลิ่นอายจะนุ่มนวลจมูกอวลๆ กำลังดีไปตลอด จนเมื่อเข้า Base Notes กลิ่นหนังกลับจะเด่นเคล้ากับกลิ่นไม้หอมอบอุ่นแบบแบ่งภาคกันได้อย่างลงตัวและจะสัมผัสได้ไม่ยากทั้งคู่ เพียงแต่จะมีกลิ่นอายเครื่องเทศที่ยังตามมาจากช่วงกลางมาผสมผสานไปด้วย ซึ่งในช่วงนี้จะได้ความรู้สึกแบบหนังนุ่มสะอาดที่มีความนวลอวลกำลังดีไปตลอดจนกว่ากลิ่นจะเริ่มจางและหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะต้องผ่านน้ำหอมกลิ่นอายหนังกับโทนธูป Incense มาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการ แบบออกงานแต่งตัวสมาร์ทเท่ห์ๆ หรือใส่ทำงาน ไปเรียนอะไรก็ได้ แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ส่วนทั่วๆ ไปก็สามารถจัดได้ ยกเว้นการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย เพราะกลิ่นมาสายแน่นไม่น้อยเดี๋ยวจะจุกคอหอยตายเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนเรียกได้เลยว่าจัดไปได้เลย เพราะกลิ่นดึงดูดและนัวๆ ชวนให้เข้าใกล้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ความทน – 8 ชม. เป็นพื้นฐาน ซึ่งจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีอวลนัวกันเลยทีเดียวในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางอวลๆ นัวๆ ในช่วงกลาง และปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายแบบยาวไป

ทิ้งท้าย ถือว่าเป็นกลิ่นหนังกลับผสมผสานกับเครื่องเทศและโทนธูปได้หอมนุ่มนวลอวลแบบกำลังดีมาก ไม่ได้มาแบบติดสาป Animalic หรือมาสายเผ็ดหวานกระจายแต่ประการใด ซึ่งถ้าอิงตามแรงบันดาลใจของรุ่นนี้หรือกระเป๋าหนังแบบ Vintage Suitcase สำหรับท่องเที่ยวก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ชัดเจนและกลิ่นลงตัวมากเลยล่ะครับ

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


Review: L'Artisan Parfumeur - Mechant Loup

L'Artisan Parfumeur - Mechant Loup 

เมื่อตอนที่ได้รู้จักรุ่นนี้ครั้งแรก ออกแนวเมินพอสมควรเพราะคิดว่ากลิ่นอาจจะไม่เข้าทาง เพราะเห็นว่ามีน้ำผึ้งอยู่ในนั้นด้วย แต่พอได้มีโอกาสจับต้องอีกครั้ง ต้องบอกกันเลยว่า L'Artisan Parfumeur ทำกลิ่นออกมาได้ดีจนต้องรู้สึกพลาดกันตั้งแต่ทีแรกจริงๆ ว่าเมินไปได้อย่างไร เช่นนั้นมารู้จักกันเสียหน่อยกับรุ่นที่น่าสนใจรุ่นนี้ นั่นคือ Mechant Loup 

Mechant Loup มีความหมายว่าหมาป่าที่ดุร้าย เช่นนั้นแค่ชื่อรุ่นอาจจะทำให้เราจินตนาการไปสารพัดว่าต้องดาร์กและดุดัน แต่เอาเข้าจริงสิ่งที่ปรากฎมันดันไม่ใช่ มันออกแนวล่อลวงเสียมากกว่า เพราะเปิดต้นทางของกลิ่นด้วยกลิ่นอายแบบถั่วฮาเซลนัทที่จะเสริมด้วยกลิ่นโทนหวานของชะเอม ซึ่งกลิ่นจะมีความซ่าๆ เสริมเข้ามาลักษณะ Spicy ผสมผสานไม้หอมเสริมเข้ามาด้วย ซึ่งจะได้อารมณ์ติดดาร์กพอสมควรในช่วงนี้ โดยจะรู้สึกได้ถึงความคมของกลิ่นอยู่ในระยะหนึ่ง แล้วจะเข้าสู่ช่วงกลางโดยกลิ่นของถั่วฮาเซลนัทจะลดระดับลงมากลมกล่อมกลั้วไปกับกลิ่นอายของน้ำผึ้งที่นำเสนอตัวเองออกมาในโทนที่โปร่งสบาย ซึ่งชะเอมยังคงอยู่ให้โทนหวานแบบละมุน เชื่อมความหวานของน้ำผึ้งกับโทนไม้หอม โดยมีกลิ่นอายของยางไม้นวลๆ กลั้วไม้หอมติดดาร์กกำลังดี โดยกลิ่นจะมีความหวานแห้งโปร่งไปตลอด ซึ่งจะได้อารมณ์เย้ายวนและล่อลวงให้เข้าใกล้เสียมาก จนเมื่อกลิ่นอายของไม้หอมเริ่มมีความชัดขึ้นจนจับได้ว่าเปนซีดาร์ ผสมผสานกับโทนสะอาดอบอุ่นของไม้จันทน์หอม ก็ได้เวลาของช่วงท้ายที่กลิ่นอายหวานๆ จะลดระดับลงมาโปร่งมากขึ้นเคล้ากับกลิ่นไม้หอมกลั้วกับหนังนุ่มๆ โดยมีกลิ่นอายของยาสูบเบาๆ นวลๆ ที่ยังคงมีความดาร์กให้สัมผัสได้แบบโปร่งหวาน ภาพรวมนอกจากความดาร์กติดหวานเย้าที่จะรู้สึกได้ไปตลอดแล้ว กลิ่นยังให้ความรู้สึกหรูหราเสริมเข้ามาด้วยเป็นระยะจากกลิ่นอายของไม้หอมที่โปร่งติดหวานสะอาดอย่างมีระดับไปตลอด โดยไม่ได้ติดสาป Animalic ให้คนที่ไม่ชอบรำคาญใจแน่นอ 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นอยู่กลางๆ ระหว่างการเข้าถึงได้ง่ายกับต้องอาศัยเวลาในการศึกษามันพอสมควร อย่างน้อยคนที่ผ่านน้ำหอมมาระยะนึงจะเข้าใจได้มากขึ้น โดยจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือออกงาน หรือจะชิลล์ๆ ทั่วๆ ไปก็ได้ กลิ่นค่อนข้างสร้างออร่าหวานโปร่งแบบเย้ายวนซ่อนความดาร์กล่อลวงกำลังดี แต่จะไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายแต่ประการใด กลางแจ้งพอได้แต่ต้องจำกัดสเปรย์ ส่วนท่องราตรีแบบจิบสบายๆ นิ่งๆ ไม่ได้ออกแนวเต้นพล่านจะเข้าทางมากมายเลยทีเดียว 

ความทน - เรียกว่าทำได้ดีกับประมาณ 8 ชม. ซึ่งจะบวกลบประมาณ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. กลิ่นยังติดผิวอยู่ให้รู้สึกหอมสบายเย้าๆ ไม่น้อย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไปจนถึงกลางๆ ช่วงท้าย จึงเป็น Skin Scent ที่ขยับเนื้อตัวแล้ว กลิ่นจะตีขึ้นแบบหวานโปร่งติดไม้หอมให้รู้สึกได้ 

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ กลิ่นไม่โหดเลย ออกแนวเย้ายวนล่อลวงแบบหมาป่าที่ร้ายแบบไม่โจ่งแจ้งพร้อมกินคนที่หลงเข้ามาหาและคิดว่าดูเชื่องเสียมากกว่า ซึ่งส่วนตัวหลังจากที่ได้ใช้ ต้องยกให้เป็นหนึ่งในน้ำหอมของ L'Artisan Parfumeur ที่รักมากกับกลิ่นอายหวานน้ำผึ้งชะเอมโปร่งๆ แบบนี้

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  https://thescentedhound.files.wordpress.com/2012/08/l_artisan_mechant_loup.jpg

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: PRYN PARFUM – Peaches of Immortality

PRYN Parfum – Peaches of Immortality 

เมื่อได้เห็นแบรนด์ไทยอย่าง PRYN Parfum ออกไลน์ใหม่ กับขวดสีทึบแถมลงกำกับไว้ว่า Eau de Interieur ซึ่งตอนแรกก็แอบแปลกใจว่าเป็นลักษณะไหนไม่น้อย แต่พอได้ศึกษาข้อมูลจึงได้รู้ว่านี่คือ Eau de Toilette ปกติ แต่มาในลักษณะของน้ำหอมเอนกประสงค์ที่นอกจากฉีดตัวแล้วสามารถฉีดห้อง ฉีดเสื้อผ้า ฉีดอะไรก็ได้ที่อยากฉีดเสียด้วย เช่นนั้นก็ต้องลองกันซักหน่อยว่ากลิ่นจะออกมาในรูปแบบใดกับรุ่นนี้เลย Peaches of Immortality 

เพียงแค่ฉีดออกมาช่วงแรกจะได้อารมณ์กลิ่นชาอู่หลงที่มาเต็มมาก ล้อมไปด้วยกลิ่นของดอกพีชที่จะให้ความเป็นพีชที่ไม่หวานจัด กลิ่นจะเป็นการตัดกันที่ลงตัวระหว่างชากับดอกพีช เลยไม่ได้ออกทางฉ่ำแบบผลพีชเท่าไหร่ ซึ่งทำให้กลิ่นนั้นทั้งหอมขมนุ่มและหวานโปร่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งกลิ่นของดอกพีชจะเป็นศูนย์กลางของน้ำหอมตัวนี้เลยทีเดียว เพราะจะลากยาวไปจนถึงช่วงท้าย โดยไปผสมผสานกับช่วงกลางที่จะเป็นกลิ่นอายแบบมวลหมู่ดอกไม้แบบสดชื่่นหวานโปร่งเป็นหลักอย่างดอกโบตั๋น โดยมีความหวานติดอมเปรี้ยวหน่อยๆ จากดอกแมกโนเลีย มีความหวานหอมนวลจากดอกสายน้ำผึ้ง แต่ไม่เข้มข้นมากเพราะมีดอกวิสทีเรียที่ให้ความเป็นดอกไม้แบบติด Spicy เลยทำให้กลิ่นออกทางโปร่งสบายๆ ที่สำคัญจะจับได้ถึงกลิ่นอายคล้ายกระดาษหน่อยๆ ซึ่ีงมาจากไม้ไผ่แทรกอยู่ตลอดเสียด้วย และจะเด่นชัดออกมามากขึ้นจนเมื่อเข้าช่วงท้าย ที่ความเป็นดอกไม้ติดกลิ่นหอมหวานโปร่งจากดอกพีชยังอยู่กลั้วกับความเป็นไม้ไผ่ โดยมีความเป็นโทนแป้งจางๆ และมีความอบอุ่นเบาๆ นวลๆ จากโทนไม้หอม ภาพรวมจึงได้ความรู้สึกเหมืิอนนอนจิบชาในสวนพีชที่มีต้นไผ่ปลูกล้อมสวน และมีดอกไม้นานาที่ปลูกแซมไปตลอด กลิ่นลอยมาตามลมหวานโปร่งท่ามกลางอากาศสดชื่น สร้างความอะโรม่าและรื่นรมย์อย่างชัดเจนเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว ซึ่งกลิ่นเข้าถึงง่าย ใช้ยังไงก็หอมสดชื่นหวานโปร่งและน่ารักไม่น้อย โดยสามารถใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันกับอากาศบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ออกกำลังกายอาจจะรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า เพราะจะได้ไม่หวานจนคนเหลียวหลังว่านี่ใส่น้ำหอมดอกไม้มาบึ้ดจ้ำบึ้ดเหรอ ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เนนแบบเดินเล่นสบายๆ หรือเดินเที่ยว Shopping มากกว่าจะใส่ไปเต้นแอ่นหน้าแอ่นหลัง เพราะกลิ่นออกทางปลอดโปร่งน่ารักและรื่นรมย์ จึงไม่ได้มาสายเย้ายวนอะไรจัดหนักอะไรขนาดนั้น ส่วนผู้ชายเอาจริงๆ ถ้าไม่แคร์กลิ่นโทนพีชและดอกไม้ก็ใส่ได้ มันอาจจะหวานหน่อยแต่กลิ่นมันออกทางอะโรม่าอยู่ไม่น้อยได้อารมณ์นอนเล่นในสวนตามที่กล่าวเสียด้วยซ้ำไป 

ความทน - อันนี้ต้องยกให้เลย 8 ชม. คือพื้นฐาน อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายๆ กับ 6 สเปรย์รวมฉีดเสื้อด้านหน้า กลิ่นติดเสื้อดีงามจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่าฟินได้เลยถ้าชอบชาอู่หลงกลั้วพีชที่ไม่ฉ่ำหวานจัด แล้วจึงลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - เป็นอีกตัวที่ให้ภาพในหัวออกมาอย่างชัดเจนว่าเรากำลังทำอะไรที่ไหน ถือเป็นกลิ่นที่อิงสภาพแวดล้อมที่รื่นรมย์มากเลยทีเดียว ที่สำคัญโซน Eau de Interieur นี้ราคาเบากว่า EDP Intense ในรุ่นปกติด้วยในปริมาณที่เท่ากัน ประมาณไม่เกิน 1,500 บาทซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว และสุดท้ายที่ได้ข่าวคือจะ #เลิกผลิตแล้ว มันเจ็บตรงนี้

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ PRYN Parfum ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  http://www.prynparfum.com/peaches-of-immortality/

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Review: Jovan - Intense Oud

Jovan - Intense Oud 

ในกรณีที่ถ้ายังไม่ได้รู้จักน้ำหอมแนวตะวันออกกลางกันมาก่อน ส่วนใหญ่ที่เราจะได้เจอน้ำหอมกลิ่นแนว Oud หรือกฤษณามักจะเจอตามแบรนด์ Niche หรือ Designer Brand ปกติที่ขายตามเคาน์เตอร์ในราคาที่สูงกันเสียส่วนมาก แต่คราวนี้ Jovan แบรนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่ราคาไม่แรงแต่ทำน้ำหอมออกมาได้น่าสนใจมากหันมาจับตลาดของกลิ่นนี้จะเป็นยังไง ต้องมาลองดมกันหน่อยแล้ว ผลออกมาคือ 

เป็นอีกหนึ่งกลิ่น Oud ที่ทำออกมาได้ลงตัวและน่าสนใจมาก กับการดึงเอาจุดเด่นของ Oud กุหลาบ และหญ้าฝรั่นออกมาผสมผสานกันได้คงคอนเซปท์ของการเป็นน้ำหอมที่มีความเป็นตะวันออกกลางผสมผสาน Modern กำลังดีเลยทีเดียว โดยเริ่อมจาก Top Notes ที่จะเป็นการเชิญชวนกันตั้งแต่แรกถึงกลิ่นหญ้าฝรั่นกลั้ว Oud โดยที่จะมีกลิ่นอายของกุหลาบมาเสริมแบบกำลังดีก่อน ล้อมกลิ่นกลิ่นที่ออกโทน Citrus แบบติดเปรี้ยวซึ่งมาจากกลิ่นตะไคร้ที่ไม่ได้โดดออกมาชัดเจนนัก ออกแนวเป็นตัวเสริมที่ดีให้กลิ่นช่วงนี้มีความอวลอย่างลงตัว ซึ่งกลิ่น Oud จะเป็นเหมือนตัวหลักที่จับต้องได้ตั้งแต่ตอนต้น จนถึงตอนท้ายๆ เลย เพียงแต่อาจจะไม่ได้มาแบบหนักหน่วงหรืออวลมากตามสไตล์ Oud แท้ๆ ที่ควรจะเป็นเพื่อไม่ให้ออกทางแขกจัดชัดเจนอะไรขนาดนั้น ซึ่งพอเข้า Middle Notes ก็ได้เวลาของกุหลาบที่จะกลายเป็นโต้โผใหญ่ในการเป็นตัวเด่นกลิ่นกุหลาบจะมาแบบติดแห้งนัวเพราะมี Oud เป็นตัวเสริมคู่กักบกลิ่นโทนคล้ายหนังอบอุ่น แถมด้วยหญ้าฝรั่นในตอนต้นก็ยังคงตามมาให้ความเข้มข้นของกลิ่นด้วยอยู่ ความเป็นกุหลาบนัวร์หอมอวลจะลดลงระดับลงให้ Oud และไม้จันทน์หอมเด่นขึ้นทำหน้าที่แทนใน Base Notes โดยที่ Oud จะยังคงความไม่อบอวลจัดจ้านเกินไปนัก เพราะมีความนุ่มของไม้จันทน์หอมมาเสริมให้กลิ่นมาในลักษณะนวลติดอวลกำลังดี มีกลิ่นพิมเสนจางๆ ให้พอรู้สึกได้ กลิ่นยังมีความอบอุ่นชัดเจนแบบเป็นออร่าออกมาเลย แบบที่ให้ความเป็นตะวันออกกลางแบบที่ตะวันตกหรือเอเชียอย่างเราๆ ก็เข้าถึงได้ไม่ยากนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นแนว Oud กุหลาบ เป็นอะไรที่กลางๆ มากพออยู่แล้วในการใช้งานของทุกเพศ ซึ่งจะเหมาะกับคนที่กำลังจะเรียนรู้น้ำหอมแนว Oud รวมถึงคนที่ผ่านน้ำหอมมาในระดับหนึ่งวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไป แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้มาสายอบอวลแน่นจัดจ้านมากนัก แต่ก็ยังไม่ควรที่จะใส่เพื่อออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งกลางแดดอะไรมากนัก เพราะมันจะทำให้ตีขึ้นจนจุกเอาได้กับสภาพอากาศบ้านเรา แถมชาวบ้านจะมองด้วยว่าเราเป็นลูกครึ่งแขกหรือเปล่า หน้าไม่ให้เลยยยยย ส่วนยามค่ำคืนสามารถจัดได้ตามสะดวกไม่ว่าจะท่องราตรีหรือจิบอะไรเบาๆ แม้กลิ่นจะออกตะวันออกกลางไปบ้าง แต่ก็ถือว่าหอมมีเอกลักษณ์อยู่ไม่น้อย

ความทน - ตรงๆ นี่คือ EDC แต่ กลิ่นทนจัดกว่า EDT หลายตัวมาก เพราะ 8 ชม. คือเรื่องปกติของน้ำหอมตัวนี้ แถมส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นรุมๆ แบบออร่ารอบๆ ตัวให้รู้สึกได้ตลอดเลยด้วยซ้ำไป 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายแบบปานกลาง และปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวอย่างชัดเจน 

ทิ้งท้าย - แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้ออกแนว Luxury อะไรขนาดนั้น และถ้าไม่ได้ใส่ใจว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นแนวสังคราะห์ เอาจริงๆ กลิ่นนี้ ถือเป็นกลิ่นที่หอมไม่น้อยเป็น Oud แบบกำลังดีเลย อาจจะไม่ได้ Intense ตามชื่อนักเพราะจับตลาดคนที่ไม่ได้ใช้ Oud มาก่อนได้ด้วย ใส่ตัวนี้เดินนานามีแขกหันมองตามได้เลยนะว่า "ยูหอมมาก" ที่สำคัญเป็นกลิ่นเริ่มต้นได้เลยสำหรับคนที่จะเข้ามาใช้น้ำหอมโทนนี้ สุดท้ายราคาไม่แพงเลยจ้าาาาา จุดเด่นเขาอยู่ตรงนี้แหละครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ  http://www.beautyencounter.com/products/large/3607346222676.jpg