วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: Christian Dior – Dior Homme Sport 2017

Christian Dior – Dior Homme Sport 2017 

เมื่อมีข่าวประกาศออกมาว่า Dior Homme Sport จะปรับสูตรเป็น Generation ที่ 3 ก็เรียกว่าได้ลุ้นกันเลยทีเดียว ว่าจะเสียดายหรือว่าปรบมือให้กับ Gen ใหม่ ที่จะออกมาเพราะว่ารุ่นปี 2008 มันดีงามสดชื่นสุดๆ และรุ่นปี 2012 เป็นรุ่นที่มีความเชื่อมโยงกับความเป็นไลน์ Dior Homme ที่จะออกแนวสำอางเมโทรได้ดีเลยทีเดียว เมื่อมีโอกาสได้มาจัดไปสิ อยากรู้มากมายเล
ยทีเดียวว่าจะออกมาเป็นลักษณะไหน 

เปิดตัว Top Notes ชัดเจนมากกับการเป็นโทน Citrus ที่มาสายสดชื่นกันก่อนเลย เพียงแต่ว่าเนื้อกลิ่นจะมีความกึ่งแห้งกึ่งฉ่ำ เพราะจับได้ถึงโทน Fruity บางอมหวานเจือเป็นตัวเสริม ซึ่งกลิ่นจะไม่คมนัก มีลักษณะแบบเป็นโทน Sport ที่มีความลักษณะแบบ Watery ที่แบบคล้ายโทนน้ำเจือกลิ่นหวานรองอยู่ และที่แน่ๆ คือ กลิ่นโทน Fresh Spicy ของโทนเครื่องเทศแบบโทนโปร่งติดเผ็ดปร่าอวลนวล ที่จะแทรกขึ้นมาตีคู่กับโทนสดชื่นได้ไวมาก โดยจะดึงเข้าช่วง Middle Notes ที่จะเป็นการผสมผสานความเป็นโทนเครื่องเทศแบบโปร่งผสมอวลหน่อยๆ กลิ่นเลยจะเป็น Citrus ที่มีความหนาขึ้น แต่ไม่ได้แน่นมากกับความเป็นกลิ่นติดโทนเบอร์รี่จางๆ ปนเครื่องเทศอย่างพริกไทยสีชมพูที่มีกลิ่นของเม็ดจันทน์เทศมาตัดทอนให้มีความเป็นไม้หอมติดเผ็ดนุ่มเจือ เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้แบ่งภาคผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยที่จะจับได้ทั้งความสดชื่นแบบ Citrus ความเย้ายวนโปร่งติดหวานของเครื่องเทศ และความนุ่มของไม้หอมที่จะเริ่มเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งต่อให้ Base Notes ที่กลิ่นจะเริ่มเป็นกลิ่นอายนุ่มเท่ห์ๆ ด้วยการเป็นไม้จันทน์หอมที่นุ่มนวลแกมอบอุ่น มีกลิ่นไม้แห้งๆ ที่ติดหวานเจือจางๆ ของหญ้าแฝกแบบไม่มีความเป็น Smoky มาทำให้กลิ่นหอมแห้งๆ สะอาด โดยที่จะยังสัมผัสได้อยู่ว่ากลิ่นโทนสดชื่นจะยังคงอยู่กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึก Sport ติดหรูหรากำลังดีและมีความลงตัว

เปรียบเทียบ จาก 3 Generations ต้องบอกว่า กลิ่นเปลี่ยนโทนกันอย่างชัดเจน โดยอิงที่ความเป็นน้ำหอมโทนSport ซึ่งรุ่น 2017 จะเอาลายเซ็นของความเป็น Dior Homme ที่จะมีโทนเครื่องสำอางแบบติดแป้งของไอริสมาน้อยลง ตัดออกให้มีความเป็น Sport แบบเย้ายวนมากขึ้น โดยอิงที่ความเป็นเมโทรของเนื้อกลิ่นที่เป็นไปตามยุคสมัยที่เน้นความหวานมาเจือ โดยที่ความสดชื่นยังเป็นตัวตั้งต้น ให้ความเย้ายวนแบบมีระดับติด Sport แถมด้วยความเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น มาแทนที่ความเรียบหรูดูหล่อจัดติดหวานท่ามกลางความ Sport ที่เคยมีในรุ่นก่อนหน้านี้

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อน มีความสดชื่นกลั้วความฉ่ำกำลังดี ไม่ได้ถึงกับติดหรูหราเกินไปจนเข้าถึงได้ยาก แต่มีความคูลเท่ห์เมโทรแบบติดลุยมากขึ้น โดยสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยแบบว่ากวาดหมดทั้งทางการและไม่ทางการ เรียกว่ายังไงก็รอด ส่วนยามค่ำคืนถ้าเป็นใส่แบบโรแมนติค หรือเที่ยวสบายๆ ก็จัดได้ แต่ถ้าจะเอาไปเน้นปล่อยของยามค่ำคืนอาจจะต้องอัดสเปรย์น่าดูชมกันพอสมควร 

ความทน เรียกว่ามีดีตรงนี้ ยอมให้เขาจริงๆ กับความทนที่ประมาณ 8 ชม. ขึ้นไป อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดมที่ฉีด ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์แบบกดเต็มรวมฉีดเสื้อด้านหน้า 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว ในช่วงท้าย แล้วลดลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านราวๆ 8 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - สิ่งแรกที่เกิดจากการใช้งาน ต้องลบภาพสิ่งที่เคยได้ลองเพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบก่อน ซึ่งกลิ่นนี้ถ้าไม่ได้มองความดีงามของรุ่นก่อนหน้านี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีสมกับการแปะแบรนด์ Dior เข้าไป เพราะมีความสมดุลทั้งสดชื่น Sport เย้ายวน เท่ห์ และนุ่มจมูก แต่ถ้าเทียบกับของเก่า มันลดระดับความเชื่อมโยงไปบ้างก็เท่านั้นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Credit ภาพ - https://www.punmiris.com/himg/o.51475.jpg



วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: Six Scents - Six Scents 3 Cosmic Wonder: Spirit of Wood

Six Scents - Six Scents 3 Cosmic Wonder: Spirit of Wood

เห็นครั้งแรกก็แปลกใจไม่น้อยกับชื่อแบรนด์ที่เก๋ดีแท้อย่าง Six Scents ที่มาแบบ 6 กลิ่น 6 สไตล์แยกเป็น Series เน้นสาย Niche Perfume ที่แตกต่างกันไปตาม Theme พอได้มีโอกาสสอยมาจากความชอบ Theme ของแบรนด์เป็นการส่วนตัวและยังไม่เคยลองมาก่อนกับหนึ่งใน Series แรกอย่างรุ่น Six Scents 3 Cosmic Wonder: Spirit of Wood ก็ได้มาพิสูจน์กันหลายต่อหลายครั้งเพื่อซึมซับความหอมซึ่งจะเป็นยังไงบ้าง 

แรกกลิ่นเปิดก็เรียกความรู้สึกของความเป็นโทนสดชื่นที่มีความเป็นไม้หอมติดซ่าจากเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าอย่างเม็ดผักชี มีความเป็นกลิ่นอายแบบใบยูคาลิปตัสให้รู้สึกได้ และมีความเขียวแบบกลิ่นหญ้าสดชื่นเจือไปด้วยตลอด โดยเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นไม้หอมสะอาดติดเปียกๆ สดชื่นมีซิตรัสจางๆ จากไม้ฮิโนกิที่เป็นไม้สนประเภทหนึ่งรองพื้นอยู่ให้รู้สึกได้ กลิ่นในช่วงต้นนี้จะมีความเป็นธรรมชาติมาก ถอดความรู้สึกราวกับเราเดินป่าที่มีกลิ่นอายฉ่ำๆ ชะอุ่มเย็นหอมนวลหวานเนื้อไม้และกลิ่นอายเขียวโปร่งสว่างเย็นกันเลยทีเดียว เรียกว่าคนที่ชอบกลิ่นใกล้เคียงธรรมชาติจะฟินไป 3 ตลบ ซึ่งกลิ่นจะเริ่มพัฒนาเป็นไม้หอมติดนวลหวานในช่วงกลางที่ความสดชื่นแบบติดอากาศซ่าเย็นจากเครื่องเทศในช่วงต้นจะยังตามมาผสมผสานด้วย และจะได้กลิ่นอายเขียวอมหวานเจือจากใบ Fig ที่จะให้ความสดชื่นผ่อนคลาย เคล้ากับกลิ่นหวานโปร่งแนวชะเอมและมีกลิ่นออกไม้สนไพน์จางๆ ให้รู้สึกนวลหอมไปตลอด ซึ่งกลิ่นของไม้ฮิโนกิยังคงคุมโทนให้ความรู้สึกเป็นกลิ่นอายไม้สนติดฉ่ำสดชื่นแต่เนื้อกลิ่นจะมีความแห้งลงมาในระดับหนึ่งเพราะจะได้ความรู้สึกแบบไม้หอมสะอาดแห้งนวลของสนไซเปรสที่มาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับฮิโนกิ (เพราะเป็นพืชชนิดเดียวกันแต่ต่างสายพันธุ์) และหญ้าแฝกที่จะไม่ได้มาสายกลิ่นอายไม้แห้ง ซึ่งจะได้อารมณ์กึ่งแห้งกึ่งเปียกสบายๆ หอมหวานโปร่งลงตัวมาก แล้วจะผันตัวเข้าสู่ช่วงท้ายที่คราวนี้เป็นการร่วมด้วยช่วยกันของหญ้าแฝกที่จะมีกลิ่นแบบ ISO E Super ที่ให้ความเป็นไม้ซีดาร์เด่นมาด้วยเลยทำให้เป็นกลิ่นไม้แห้งหอมสะอาดนวลๆ กลิ่นมีความอบอุ่นบางๆ อ่อนๆ ให้ความรู้สึกแบบไม้สะอาดสะอ้านสบายผ่อนคลาย ซึ่งถ้านึกภาพตามจะได้อารมณ์เหมือนกอดต้นไม้ที่สะอาดๆ กลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ลอยเข้าจมูกซึ่งมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ก็ครบถ้วนของการบอกเล่าถึงคำว่า Spirit of Wood ได้ชัดเจน 

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย ได้หมดทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องเป็นคนที่ชอบกลิ่นไม้หอมเป็นทุนเดิมด้วยจะรักตัวนี้ยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นยามทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมีความสุภาพ หอมหวานนวลๆ ผ่อนคลาย และมีความขรึมในตัวแบบโทนสว่าง อาจจะไม่เข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายนัก แต่ถ้ารอช่วงท้ายๆ พอได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่พักผ่อนสบายๆ จะดีกว่า เพราะว่ากลิ่นไม่ได้มาสายยั่วยวนนัก เผลอๆ ใส่ไปเที่ยวแพ้ชาวบ้านที่ใส่น้ำหอมหนักๆ จัดเต็มกันพอดี 

ความทน กลิ่นอายธรรมชาติแบบนี้แรกเริ่มก่อนใช้เดาไว้ว่าไม่ทนแน่นอน แต่กับกลายเป็นว่ากลิ่นทนได้ลงตัวมากกับราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบไปบ้างตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคั

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนแรก ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลาง และปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็น Skin Scent ชัดเจน 

ทิ้งท้าย นี่คือหนึ่งในตัวที่ผมได้มาเมื่อปี 2015 แล้วเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ชอบมากประจำปีแบบขอพ่วงเพราะโควต้าเต็ม เช่นนั้นบอกเลยว่าปลื้มปริ่มกับกลิ่นอายธรรมชาติแบบไม้หอมที่ไล่เรียงความรู้สึกจากไม้หอมชะอุ่มชุ่มน้ำ ไม้หอมนวลอมหวาน และไม้หอมแห้งๆ สะอาด มันดีงามมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - https://mandycrossl.files.wordpress.com/2010/04/cosmic-wonder-light-source-philippe-paparella-paris-_-the-spirit-of-wood-six-scents.jpg

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: Guerlain - Idylle Duet Jasmin-Lilas

Guerlain - Idylle Duet Jasmin-Lilas

พอทราบมาว่าไลน์น้ำหอมผู้หญิงอย่าง Idylle ของ Guerlain ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ลองเท่าไหร่ เพราะมาสายน้ำหอมผู้ชายมากกว่า จนวันนึงได้รับการหยิบยื่นไมตรีมาให้ลองน้ำหอมรุ่นหนึ่งในไลน์นี้ จากที่คิดว่าคงสาวแบบเรโทรหรูหราตามสไตล์ของแบรนด์ตามปกติ แต่เอาจริงๆ มันดันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย เพราะว่า

Idylle Duet Jasmin-Lilas เปิดต้นทางมาก็กลิ่นดอกไลแลคชัดเจน ซึ่งมาแบบโทนน้ำติดเขียวใสให้รู้สึกได้ โดยในเนื้อกลิ่นจะโปร่งๆ สบายๆ อย่างกับมีดอกไลแลคท่วมไปทั้งตัวก่อน แล้วจะเริ่มสัมผัสได้ถึงความหวานเจือที่มีกลิ่นอายน้ำผึ้งเจือความเขียวใสจางๆ ติดโทนแป้งหน่อยๆ ตามด้วยการเข้ามาเทคโอเวอร์ของมะลิที่นำเข้าสู่ช่วงกลาง ที่จะเป็นกลิ่นหวานนวลแต่ไม่ข้นและมีความครีมติดแป้งสะอาดจากดอก Lilac ที่กลายเป็นคู่หูปล่อยของกันในช่วงนี้แบบชัดเจนมาก ในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงความเป็นกุหลาบที่มาแบบสายสนับสนุนคู่หูหลักเน้นให้กลิ่นที่เย้ายวนแบบใสๆ เสริมเข้าไปให้กลิ่นในช่วงนี้เป็นโทนแป้งติดดอกไม้ที่ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป ได้ความหวานแบบน่ารักก็ได้ วางตัวดีมีความเรียบหรูก็สามารถ ส่งต่อให้ช่วงท้ายที่โทนแป้งดอกไม้จากคู่หูของมะลิและ Lilac ยังคงเด่นอยู่ แต่จะเจือความนุ่มมากขึ้นจาMusk ที่ให้ความอารมณ์แบบกลิ่นโลชั่นดอกไม้ชั้นดีติดผิวกายเคล้าความหวานนวลละมุน ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มาทื่อๆ แบบดอกไม้กับ Musk มันเข้าไปขนาดนั้น แต่ว่าจะมีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ให้รู้สึกได้เจืออยู่ตลอดแบบที่ให้ความอบอุ่นจางๆ ซึ่งภาพรวมกลิ่นบอกชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงกันเต็มเหนี่ยวไปเลยพี่เต็มที่ไปเลยเธอและเนื้อกลิ่นยังมีระดับมากพอในการเป็นโทนดอกไม้ที่ไม่ได้ถึงกับกรุยกรายจัดจ้านจนจะเป็นคุณนายนั่งสวนดอกไม้ขนาดนั้น แต่ให้ความหวานนวลแนวๆ สีชมพูติดม่วงพาสเทลอ่อนๆ มีระดับ ทันสมัย และรื่นรมย์ออกแนวผู้หญิงที่อ่อนหวานมีเสน่ห์ในแบบเรียบหรูดูมีคลาสนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ สาวๆ เลยตรงไปตรงมามาก กลิ่นมีความเป็นผู้หญิงกันแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะวัยทำงานที่เข้ากันกับน้ำหอมที่ตัวนี้ในเรื่องของการเสริมบุคลิคให้มีความน่ารักอ่อนหวานเรียบหรู เอาจริงๆ น้องๆ วัยมหาลัยก็ใส่ได้ซึ่งมันจะเสริมให้เราดูเป็นลุคคุณหนูมากขึ้นได้ด้วยส่วนหนึ่งเพียงแต่ไม่ได้แบ๊วดูใสจนไร้สติอ่อนต่อโลกอะไรขนาดนั้น ออกแนวคุณหนูที่อ่อนหวานและดูมีระดับแบบที่วางตัวดี ซึ่งใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสมกำลังดีทั้งทางการและทั่วๆ ไป ออกกิจกรรมกลางแจ้งพอได้บ้าง แต่ยกเว้นใส่เพื่อออกกำลังกาย ควรจะข้ามไปได้เลย เดี๋ยวดอกไม้ตีขึ้นจนมึนไปก่อน ส่วนยามค่ำคืนจะเหมาะมากกับการใส่แบบสบายๆ อยู่กับเพื่อนแบบไร้แอลกอฮอล์ หรืออยู่กับแฟนกลิ่นก็จะน่ารักเชียว แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีมันจะดูอ่อนหวานไปหน่อย ขัดกับสภาพแวดล้อมโดยรวมไปพอสมควร 

ความทน กลิ่นทนน่าพึงพอใจมากที่ราว8 ชม. และมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. แถมกลิ่นติดเสื้อยาวนานมากกกกเสียด้วย ของเขาดีจริงๆ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดระดับลงมาเรื่อยๆ มาเป็นกระจายปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย กลิ่นนี้ผมดมครั้งแรกแล้วนึกถึงแอฟ ทักษอร ขึ้นมาเลย อ่อนหวาน สวย น่ารัก เรียบหรู และมีระดับ ครบเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - https://fimgs.net/images/secundar/o.18463.jpg

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: L'Erbolario - Frescaessenza

L'Erbolario - Frescaessenza

หลายๆ คนอาจจะรู้จักแบรนด์นี้กันมาบ้างกับกลิ่นอายที่ดีงามเกินราคาอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ผ่านการบอกเล่ากลิ่นคู่หูที่ออกมาวางตลาดพร้อมกันไปแล้วอย่าง Gelsomino Indiano กับความหอมอบอุ่นเซ็กซี่มาแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลาของการมาเจาะกลิ่นอายสดชื่นแบบมีระดับเข้าทางการเป็น Greenery กันบ้าง เอาให้ครบคู่หูคู่นี้จะได้ไม่ค้างคากับรุ่นนี้ของ L'Erbolario นั่นคือ Fresscaessenza 

ต้องบอกว่านี่คือกลิ่นที่เหมาะกับอากาศบ้านเรามากกกกกกก เพราะมันเป็นโทนสดชื่นที่แตะทำออกมาได้สะอาดและสมดุลระหว่างโทนเขียว Citrus สดชื่น และไม้หอมนุ่มนวลได้ลงตัว โดยที่จะเปิด Top Notes ด้วยกลิ่นอายสดชื่นติดเขียวสบายๆ เหมือนเวลาที่เราเดินในสวนส้มหรือมะนาวในช่วงเช้าๆ อากาศเย็นสบาย กลิ่นจะมีความเขียวจากกิ่งก้านและใบส้ม (Petitgrain) โดยที่จะมีโทน Citrus เสริมเข้ามาแบบกระตุ้นให้มีความสดชื่นแบบปลอดโปร่ง แต่ข้อดีมากๆ อย่างหนึ่งคือ กลิ่นจะไม่สดชื่นคมแบบ Overacting ที่มักจะเจอในน้ำหอม Designer ตัวดังหลายๆ ตัว เพราะมันจะมาแบบสดชื่นติดนุ่มๆ มีความเขียวแต่ติดนวลให้รู้สึกได้ เรียกว่ามาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่เน้นหนักหน่วงแต่เอาอยู่ ซึ่งเพียงไม่นานก็จะเข้าสู่ Middle Notes ที่เริ่มเดินเข้าสู่สวนสงบๆ ที่มีดอกไม้ประปราย โดยความเขียวติดสดชื่นในตอนต้นจะยังตามมาเด่นในช่วงนี้ แต่จะเริ่มมีกลิ่นแนวๆ เครื่องเทศโทยเผ็ดโปร่งเจือหวานซึ่งน่าจะมาจากพริกไทยสีชมพูกับกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ ที่ทำให้กลิ่นเริ่มเปลี่ยนโทนมาสายนุ่มสะอาด Aromatic มากขึ้น แต่ที่ทำเอารื่นจมูกดันกลายเป็นกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ติดหวานนวลกลั้วกับไอริสที่มาแบบแป้งบางเบา กลิ่นในช่วงนี้เลยจะได้ความรู้สึกแบบหอมนุ่มติดเขียว มีความละมุนของโทนแป้งนวลดอกไม้ที่สมดุลเป็นตัวสนับสนุนให้กลิ่นมีความสะอาดนวลติดหวานสบายจมูกลากยาวไปเรื่อยๆ จนถึง Base Notes เลย โดยโทนไม้หอมอบอุ่นจะเริ่มดันขึ้นมาเด่นให้ความสะอาดติดอบอุ่นนวลๆ และมี Musk เป็นตัวทำให้เกิดความนุ่มท่ามกลางกลิ่นโทนเขียวเจือแป้งหอมดอกไม้บางเบา ที่จะผันตัวมาเป็นสายสนับสนุนให้กลิ่นมีความนุ่มผ่อนคลายไปตลอด ภาพรวมเลยได้กลิ่นอายที่มาสายเขียวนุ่มกลั้วไม้หอมนวลๆกลิ่นมีความสงบ สบาย มีระดับ และสะอาดกลั้วหวานเจือแบบที่ยังไงก็ผ่าน อย. ทางด้านกลิ่นได้ไม่ยากเลย 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศตั้งแต่วัยเด็กน้อย (ที่ไม่ใช่ทารก) ก็สามารถใส่น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ (เพียงแต่เด็กน้อยให้ฉีดที่เสื้อที่สวมซักสเปรย์ก็พอ) เข้ากับอากาศร้อนๆ ของบ้านเราได้ดีมาก และเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เรียกว่าครอบจักรวาลด้านการใช้งานทั้งทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นนี้ยังไงก็รอด แถมมีความปลอดภัยสูงมากที่ทำให้คนอื่นๆ ไม่ยี้ แต่กลับจะชอบกลิ่นแบบนี้เสียด้วยซ้ำ ส่วนยามค่ำคืนถ้าอากาศมันร้อน ถือว่าเข้าทาง แต่ถ้าจะเน้นใส่ไปท่องราตรี จงเปลี่ยนไปที่ตัวคู่หูอย่าGelsomino Indiano จะดีกว่า เพราะกลิ่นนี้ไม่ได้มาสายเย้ายวนเลย 

ความทน - นี่คือสิ่งที่เกินคาดแบบไม่คิดว่าตัวนี้จะทำได้ เพราะอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. กลิ่นยังคงปล่อยของอยู่ อาจจะมีบวกลบบ้างตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงประเภทของผิว

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางแบบคงตัวมากตั้งแต่ต้น ลากยาวไปจนถึงช่วงท้าย มาสาย Safe Scent ที่ดีงามเลยทีเดียว 

ทิ้งท้าย - เมื่อเห็นครั้งแรกบอกเลยว่าแอบปรามาสตัวนี้ในใจว่าคงไม่ต่างอะไรกับน้ำหอมโทนสดชื่นติดเขียวทั่วๆ ไปนักหรอก เพราะ Notes กลิ่นพวกนี้เห็นมานักต่อนักแล้ว แต่พอใช้จริงมากกว่า 3 ครั้ง จบข่าว เราเอาตัวนี้มาไว้ในใจเรียบร้อย คิดอะไรไม่ออกในการใช้น้ำหอมกับอากาศร้อนๆ แบบนี้ นี่สามารถเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่จะหันไปหยิบมาฉีดได้เลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - http://www.parafarmaciamengoli.it/wp-content/uploads/2015/11/Erbolario-Fresca-Essenza-Parafarmacia-Mengoli-Bologna.jpg

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: 4160 Tuesdays – The Dark Heart of Old Havana

4160 Tuesdays – The Dark Heart of Old Havana

เป็นหนึ่งในแบรนด์ Niche ที่ทำน้ำหอมได้เก๋ไม่พอ การตั้งชื่อรุ่นก็เด็ดดวงไม่แพ้กัน แถมมีความ Rare Items พอสมควรกับการหามาครอบครองอย่าง 4160 Tuesdays ซึ่งเคยผ่านการกล่าวถึงไปแล้วรุ่นหนึ่ง ที่เขาตั้งชื่อบอกว่าเป็นน้ำหอมที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกหล้านี้ (แบบเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ปรุง) ก็ได้เวลาของกลิ่นอายของรุ่นอื่นกันบ้างว่าแบรนด์นี้จะทำออกมาอย่างไร ผลออกมาคือ 

The Dark Heart of Old Havana เปิดตัวด้วยกลิ่นอายน้ำตาลไอซิ่งที่ผสมผสานกับกลิ่นน้ำเชื่อมไซรัปข้นๆ แต่แปลกตรงที่ไม่หนักหน่วง เพราะโทนกลิ่นจะมีความหวานเป็นที่ตั้งก็จริง แต่จะมีความโปร่งสบาย หวานแบบไม่ทึบ เพราะกลิ่นอายของผลไม้อย่างพีชมาเป็นตัวเสริมแต่ไม่สาวมากไป และมีกลิ่นติดเขียวแปร่งๆ แบบเปลือกส้มหรือผลไม้ตระกูล Citrus มาตัดทอนผสมผสานแบบเปลือกผลไม้ที่โดนเคลือบน้ำเชื่อม ที่เหมือนจะยังผสมกันไม่ลงตัวนัก แต่มันมีเสน่ห์ในความเป็นธรรมชาติอยู่ไม่น้อย ซึ่งกลิ่นน้ำตาลไอซิ่งนี่แหละจะเป็นตัวหลักที่อยู่ยาวไปจนถึงท้ายๆ ของน้ำหอมเลย โดยที่จะไปเจอกับพระเอกหลักของน้ำหอมตัวนี้อีกตัวที่จะเป็นตัวมาเต็มๆ ในช่วงกลางอย่างยาสูบ ที่จะมาให้ความหวานใสโปร่งแต่ติด Dark เสริมทัพความหวานของน้ำตาลไอซิ่งที่ยังมีโทน Citrus เจือจางๆ นั้นมีมิติแบบเย้ายวนมากกว่าจะหอมโปร่งเฉยๆ แบบตอนต้น และยังไม่พอกลิ่นแนวกาแฟแบบติดครีมมี่ รวมถึงกลิ่นนวลใสของมะลิจะยกพลเข้ามาเสริมทัพด้วย โดยกลิ่นจะผสมผสานกันพร้อมแบ่งเค้กให้ปล่อยของกันได้ลงตัวมากขึ้นประมาณว่ากลิ่นเริ่มเซทตัวได้ที่ประมาณนั้นเลย ลักษณะของกลิ่นจะได้ความหวานหอมโปร่งตีขึ้นมาแบบหวานเย้าของยาสูบแทรกให้รู้สึกได้ แต่พอดมที่ผิวกลิ่นออกทางกาแฟหวานครีมจะชัดเจน ซึ่งเมื่อผ่านไประยะหนึ่งความอบอุ่นจะเริ่มแสดงความโดดเด่นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เคล้ากับความหวาน นำเข้าสู่ช่วงสุดท้ายอย่างชัดเจนกับการเป็นวานิลลาที่เป็นตัวมาผสมผสานกับยาสูบให้มีความเย้ายวน เซ็กซี่ มากขึ้น ซึ่งจะมีความรู้สึกออกทางสีน้ำตาลเข้มแต่ออกทางซีทรูที่สัมผัสได้ว่ามีความ Dark อยู่นะ โดยที่ความหวานโปร่งของน้ำตาลไอซิ่งจะยังคงอยู่เป็นตัว On Top ที่จะได้ความเป็นมะลิในกลิ่นจางๆ ในเนื้อกลิ่นอยู่ตลอด ซึ่งถาพรวมน้ำหอมตัวนี้ไม่ได้มาแบบแน่นหนักข้นคลั่กแต่อย่างใด อาจจะมี Bomb ความหวานกันหน่อยในตอนแรกกับกลิ่นที่ยังแปลกๆ แปร่งๆ กันบ้าง แต่ที่เหลือคือความหวานที่ดีงามหอมแบบติดดาร์กก็จริง แต่มีความโปร่งมากพอให้เราเข้าถึงได้ ที่สำคัญกลิ่นนี้ให้ความโรแมนติคได้ดีมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ ทุกเพศตามที่แบรนด์เขาตราเอาไว้ ตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ได้สบายๆ แต่อย่างน้อยพื้นฐานอาจจะพอรับหรือมีความชอบกลิ่นหวานเป็นทุนเดิมจะฟินมากกับกลิ่นน้ำตาลไอซิ่งแบบนี้ ซึ่งสามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งกลิ่นอาจจะไม่เหมาะกับยามทางการนัก เพราะมันหวานนี่แหละ อาจจะทำให้คนอื่นที่ได้กลิ่นไม่ได้ปลื้มเหมือนกันทุกคน แต่ถ้าใส่ทั่วๆ ไปเช่น ทำงาน Office แบบไม่ได้พบปะใครมาก หรือชิลล์ๆ ออกแนวโรแมนติคหวานติดลึกล้ำแบบทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้ได้ถึงความหวานโปร่งที่เรามี ส่วนยามค่ำคืนจัดไปกลิ่นนี้หวานเย้ายวนลงตัวน่าค้นหามาก อาจจะไม่ได้เหมาะกับการไปเต้นแร้งเต้นกา แต่เหมาะกับการคลุกวงในแบบโรแมนติคทีเดียวเชียวแหละ 

ความทน อยู่ที่ราวๆ 8 ชั่วโมง และมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเพียงแค่ 4 สเปรย์ ลากยาวไปที่ 12 ชั่วโมงได้สบายๆ เลย 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่ามาเต็มและหวานแปร่งๆ ให้งงๆ กันก่อน จึงค่อยลดลงมากระจายดีในตอนกลาง แล้วจะลงมาตามลำดับเรื่อยๆ ในช่วงท้ายแบบออร่ารอบๆ ตัว กับ Skin Scent ตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย แม้ในความดาร์กมืดมันก็ยังมีความหวานอยู่ภายในที่น่าค้นหาไม่น้อยด้วยเช่นกัน เช่นนั้นกลิ่นนี้จึงเป็นหนึ่งในลูกรักและเป็นหนึ่งใน Knight of Romance ของผมเลย กลิ่นหอมหวานโปร่งน้ำตาลไอซิ่งกับยาสูบที่ไม่แน่นหนา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายในความหวานที่กลิ่นนี้มีให้ ฟินที่สุดเลยจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: AJMal – Solace

AJMal – Solace

เพราะว่า AJMal เขามีน้ำหอมเยอะมากจนแบบว่าบางทีก็มองข้ามตัวที่ดีๆ ไปไม่น้อย มาดูอีกที อ้าว มีตัวนี้ด้วยเหรอ กลิ่นน่าสนใจจัง ซี่งหนึ่งในนั้นก็มีน้ำหอมรุ่นนึงที่เรียกว่ามารู้อีกที เราพลาดอะไรไปหรือเปล่านั่น และแกมแปลกใจเล็กน้อยว่าเขาระบุอะไรผิดหรือเปล่ากับตัวนี้เลย Solace 

กลิ่นเปิดตัวมาด้วยความคุ้นชินมากเพราะเหมือนเคยได้กลิ่นแนวๆ นี้มาจากหลายๆ แบรนด์มาก่อน แต่ขอพิสูจน์กันให้แน่ใจนิดนึง เพราะ Top Notes มากับโทน Citrus ที่มีความเป็นเครื่องเทศโทนโปร่งแบบบางๆ เสริม ทำให้ได้อารมณ์แบบเหมือนได้กลิ่นน้ำมะนาวเลมอนมะกรูดที่เปรี้ยวติดขมเพียงแต่ว่าไม่ได้มาสายฉ่ำ ออกทางกลิ่นแห้งๆ อยู่พอสมควร แล้วกลิ่นจะเริ่มมีความนุ่มนวลๆ แบบโทนดอกไม้มาผสมผสานดึงเข้าสู่ Middle Notes ที่จะชัดขึ้นมากับการเป็นลาเวนเดอร์ที่ให้กลิ่นนวลๆ มีความเป็นกุหลาบจางๆ แบบติดเปรี้ยวหน่อยๆ ซึ่งน่าจะมาจากเจอเรเนียมหรือมีกุหลาบอยู่เสริมบางส่วนนิดหน่อย โดยที่ Citrus ตอนต้นจะยังตามมาผสมผสานแต่ลดบทบาทลงไปในระดับหนึ่งเหลือออกแนวให้ความสดชื่นสนับสนุน แต่สิ่งที่เริ่มจับได้คือ กลิ่นอายติดเครื่องเทศโทนโปร่งติดหวานน้อยๆ ที่ลอยไปลอยมาอยู่ตลอด และมีกลิ่นแนวๆ ไม้หอมติด Smoky นัวๆ เสริมเข้ามาจากหญ้าแฝกและมีกลิ่นแนวพิมเสนจางๆ นวลๆ ให้พอรู้สึกได้แบบเบาบาง ซึ่งเนื้อกลิ่นจะเริ่มมีควารู้สึกให้จับต้องได้มากขึ้นถึงความติดครีมมี่หน่อยๆ นัวๆ กลั้วไม้หอมที่กลิ่นอายแบบตะวันออกกลางดันขึ้นมาจนนำเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นของไม้จันทน์หอมกลั้วแอมเบอร์จะเด่นขึ้นมาแบบอบอวลปละอบอุ่นกลั้วกลิ่นอายนัวๆ ที่ไม่ได้มาสายนุ่มนวล เพราะมีความเป็นสาปปลุกเร้าของ Musk ทำให้กลิ่นช่วงนี้ได้อารมณ์แบบตะวันออกกลางที่มีความนัวแน่นและมีความดิบเจือไปตลอด แม้เนื้อกลิ่นจะมีความครีมมี่อยู่บ้างก็ตาม ภาพรวมจึงเป็นน้ำหอมที่ไล่เรียงความสดชื่น มาเป็นโทนดอกไม้นวลสะอาด และปิดท้ายด้วยกลิ่นอายไม้หอมกลั้ว Musk ที่เป็นกลิ่นอายตะวันออกกลางแบบกำลังดีมีภูมิและหอมลงตัว ไล่เรียงแบบแนวคุณหลอกดาวจากเบามาสู่แน่นได้น่าสนใจเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ เอาจริงๆ ก็แอบงง บาง Database ก็บอกว่าน้ำหอมตัวนี้ของผู้หญิง บางทีก็บอกว่า Unisex บางทีก็บอกว่าผู้ชาย ซึ่งเอาจริงๆ เนื้อกลิ่นแมนมากเลยทีเดียวเช่นนั้นขอจับลงเป็นน้ำหอม Unisex ไปแล้วกัน เผื่อมีสาวๆ คนไหนชอบกลิ่นแมนๆ จะได้ใส่ตัวนี้ได้ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำกัดจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นมาสายคุณหลอกดาวเหมือนจะเบาแต่ไปแน่นช่วงท้าย งดใส่ออกกลางแจ้งกับออกกำลังกาย เพราะกลิ่นจะกระจายดีจนอาจจะทำให้ชาวบ้านตกใจเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าจัดได้ถ้าใจชอบ เพราะกลิ่นจะพัฒนาจากเบาสู่หนัก ทำให้เกิดความนัวแบบติดตะวันออกกลางในช่วงท้ายที่คนอื่นก็กลบไม่ลงเอาได้สบายๆ 

ความทน เรียกพ่อกันเลยดีกว่า กลิ่นนึกว่าจะไม่ทน เพราะช่วงต้นหลอกคนใช้กันชัดเจน แต่เอาจริงๆ ทนจัดมาก 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่กับจำนวนสเปรย์ 5 สเปรย์ 

การกระจาย กลิ่นกระจายปานกลางกึ่งเบาๆ สดชื่นในตอนต้น แล้วจะเพิ่มดีกรีเป็นกระจายดีในช่วงกลาง และคงตัวการกระจายที่ดีไปตลอดทั้งช่วงท้าย อาจจะมีลดหลั่นไปบ้างเป็นกระจายปานกลางเมื่อผ่านซัก 12 ชม. ไปแล้ว แต่ก็ยังปล่อยของไม่ยั้งอยู่เช่นเดิม 

ทิ้งท้าย - สิ่งที่แว้บปิ๊งเข้ามาในหัวครั้งแรกเลย คือ นี่มันโทนเดียวกับ Bleu de Chanel, Dior Sauvage และ Armaf Tag-Him pour Homme ชัดๆ เลยเพียงแต่ตัดเอาพวกขิงหรือ Incense ออก ใส่ความเป็นโทนตะวันออกกลางมาเจือให้ดูเป็น Signature นั่นเอง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - http://www.parfumes.ee/images/items/263/2917/640x459/1.jpg

Review: Davidoff – Cool Water for Woman

Davidoff – Cool Water for Woman

เพราะรุ่นผู้ชายคือ 
#ของดีเทคนิคไม่ต้อง ที่มาเต็มตลอดในแง่ของการไปที่ไหนก็ได้กลิ่นเพราะมันฮิตจริงอะไรจริงและคงความนิยมมาตลอด เมื่อฝ่ายชายเขาดังติดลมบนขนาดนี้ก็ต้องมามองที่ฝ่ายหญิงบ้างว่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายชายด้วยการอิงความสำเร็จหรือไม่ (เพราะตามมาทีหลัง) ต้องมาลองพิสูจน์กันหน่อยกัDavidoff Cool Water for Women 

เพราะมาสายผู้หญิงเลยจะเน้นที่กลิ่นอายแบบผลไม้โทนหวานกับดอกไม้หอมนวลโปร่งเป็นหลัก โดยที่ยังคงความเป็น Aquatic แบบความเป็น Cool Water ไว้อยู่ โดยที่ Top Notes จะเปิดตัวกับกลิ่นโทนผลไม้หอมหวานอย่างเมล่อน ที่จะมีกลิ่นเปรี้ยวอมหวานของแบล็คเคอร์แรนท์และมีเจือสับปะรดเสริมเข้ามา มีความเป็นซิตรัสแบบบางๆ โดยมีลักษณะไม่ได้ถึงกับฉ่ำมาก แต่พอให้รู้สึกได้ถึงความเป็นโทน Aquatic ที่รองพื้นด้านหลังมีกลิ่นที่ติดเขียวจืดๆ ติดโทนน้ำหอมนวลของดอกบัวกำลังดี ผ่านไปไม่นานความเป็นโทนหอมรวยรินของดอกไม้โทนโปร่งติดหวานจะดึงเข้าสู่ Middle Notes ด้วยการเป็นผู้นำของกลิ่นโดยจะได้อารมณ์ของการเป็นโทนหอมใสแต่มีความหวานโปร่งราวกับช่อดอกไม้สีขาวที่หอมรื่นจมูก โดยจะมีโทนของมะลินวลใสเป็นตัวเอกเคล้าไปกับกลิ่นอายของโทนผลไม้ที่หอมหวานจากช่วงต้น แต่กลิ่นยังมีความเป็นลักษณะของความสดชื่นแฝงอยู่ตลอด เพียงแต่จะหลบๆ ซ่อนๆ ให้ความหอมนวลๆ ของดอกไม้กับผลไม้ที่ติดหวานนั้นเป็นตัวเด่นมีความโปร่งหอมแบบเข้าถึงได้ง่ายอยู่ตลอด ซึ่งในช่วงนี้จะเริ่มได้กลิ่นออกทางลูกพีชที่หอมหวานติดโทนแป้งเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นอายจะมีความเป็นแป้งโปร่งๆ กลิ่นมีความอบอุ่นจางๆ จากวานิลลาที่มาแบบไลท์เวอร์ชั่นกลั้วกับ Musk อ่อนๆ โดยมีกลิ่นเจือไม้จันทน์หอมนวลๆ เสริมอยู่แบบเบาๆ แต่จะเป็นเสมือนตัวรองพื้นให้ความเป็นผลไม้ติดหวานใสอย่างพีชที่ติดกลิ่นเบอร์รี่นิดๆ เคล้ากับดอกไม้ขาวที่ยังตามมาในช่วงนี้เด่นอยู่แบบหอมระเรื่อสบายๆ ซึ่งภาพรวมถือว่าเป็นน้ำหอมโทน Fruity Floral ที่มีความเป็น Aquatic สดชื่นและความนุ่มสบายรองพื้น โดยมีความเป็นหญิงในเนื้อกลิ่นติดโทนกลิ่นแชมพูหอม ที่เขาถึงได้ง่ายมาก ที่สำคัญไม่เหมือนความสดชื่นแบบรุ่นผู้ชายเลยแม้แต่นิดเดียว 

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย เป็นต้นไปก็สามารถใช้น้ำหอมตัวนี้สบาย เพราะกลิ่นเข้าถึงง่าย มหาชนมักชอบและไม่ยี้กับกลิ่นแนวๆ นี้ เพราะมีความหวานก็จริง แต่มีความใสที่ทำให้ไม่รู้สึกแน่นจมูกและสดชื่นโปร่งๆ ในรูปแบบที่ผลไม้กับดอกไม้เป็นตัวนำ โดยสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย กวาดหมด เข้ากับอากาศบ้านเราอย่างมากเสียด้วย แม้จะใส่ออกกำลังกายก็ยังได้อยู่ แต่อาจจะรอช่วงกลางๆ หรือติดท้ายๆ หน่อยน่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน ถ้าอากาศร้อนๆ เดินเล่นหรือช้อปปิ้ง หรือว่าอยู่กับแฟน รวมถึงปาร์ตี้สบายๆ ใส่ได้เลย กลิ่นเข้าที แต่ถ้าจะเน้นไปร่อนเพื่อปล่อยเสน่ห์ อาจจะแพ้ตัวหนักๆ แน่นๆ หวานข้นๆ แน่นอน เพราะกลิ่นมันใสและไม่ได้มาสายปล่อยของตัวแม่ขนาดนั้น 

ความทน ราวๆ 6 ชม. อาจจะมีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวจัดไปที่ 7 สเปรย์ กลิ่นพอลากมาให้รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายแบบปานกลางในช่วงกลาง และเป็นออร่าติด Skin Scent ในช่วงท้าย ก่อนจะค่อยๆ จางไปลง

ทิ้งท้าย - #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ให้ตำแหน่งนี้ไปเลยดีกว่า เพราะว่าถ้าคิดอะไรไม่ออกบอกตัวนี้มันตอบโจทย์กับการใช้งานในอากาศบ้านเราได้ดี หวานแต่โปร่งใส แม้จะเหมือนๆ คนอื่นๆ ไปบ้าง แต่ก็สร้างความหอมแบบผู้หญิงที่ลงตัว รื่นรมย์ และรอดผ่าน อย. ได้อย่างสบายมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ  http://stardust.co.th/media/wysiwyg/1015499_2-96bd8.jpg

วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

Review: by Kilian – Water Calligraphy

by Kilian – Water Calligraphy

เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เป็นคู่หูรับช่วงต่อเนื่องกันกับรุ่น Bamboo Harmony (ที่เคยผ่านการ Review ไปแล้ว) กับการบอกเล่ากลิ่นอายที่บ่งบอกถึงความเป็นเอเซียที่ละเมียดพลิ้วไหวและหอมแบบเรียบหรูติดกลิ่นอายธรรมชาติจาก by Kilian ที่อิงมาจากศิลปะการเขียนพู่กันจีนที่ทำให้จิตใจสงบ เรียบง่าย และมีสมาธิ เช่นนั้นกลิ่นจะมาในลักษณะใด สื่อสารออกมาได้ชัดเจนแค่ไหน ต้องมาลองดมกันหน่อยแล้วกับรุ่น Water Calligraphy

เรียกว่าต้องยอมใจ สำหรับคนที่อยากได้กลิ่นออกทาง Floral Aquatic ที่ชัดเจนและธรรมชาติมากต้องยกให้เขาเลย เพราะว่า เปิดมากับกลิ่นอายของความสดชื่นของเกรฟฟรุตแบบทำให้เกิดการกระปรี้ประเปร่าก็จริง แต่กลิ่นที่คุมโทนเด่นเป็นสง่าทั้งหมดเป็นกลิ่นอายของสมุนไพรที่มาโทนเขียวหอมหวานแต่โปร่งจมูกตีคู่กับกลิ่นของดอกบัวที่ไม่ใช่แนวบัวหลวง (Lotus) ที่กลิ่นจะสะอาดติดเขียวจืดนวลๆ แต่จะเป็นแนวๆ กลิ่นของบัวสาย (Water Lily) ที่จะมีความหอมคล้ายดอกลิลลี่ที่จะติดหวานมีโทนเครื่องเทศจางๆ ที่จะได้ความรู้สึกหวานโปร่งแต่ฉ่ำน้ำ ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะเหมือนอยู่ในสวนที่มีกระถางบัวเยอะๆ กลิ่นจะคล้ายน้ำในกระถางบัวสะอาดๆ ติดเขียวหวานนวลมีความทึบนิดๆ เคล้าไปกับกลิ่นของหอมหวานของดอกไม้ และมีความรู้สึกสดชื่นแบบอากาศดีๆ รอบข้างไปตลอดมาสายธรรมชาติที่ถอดแบบกลิ่นจากสภาพแวดล้อมมาได้ดีมาก และเพียงไม่นานกลิ่นของมะลิจะเข้ามาผสมผสานนำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นจะเริ่มคล้ายเป็นดอกไม้หอมนวลมากขึ้น กลิ่นยังคงชูความเป็นดอกบัวสายอยู่ โดยที่จะมีดอกแมกโนเลียที่กลิ่นจะมาเสริมความสดชื่นที่เป็นโทนเปรี้ยวหอมจางๆ เลยจะได้อารมณ์หวานเจือเปรี้ยวนวลๆ กลิ่นในช่วงนี้จึงชัดเจนมากกับโทนดอกไม้ที่มีความเขียวนวลหวานสนับสนุน กลิ่นเลยจะหอมนวลนิ่งรื่นรมย์และละเมียดมากเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นโทนดอกไม้จะตามไปยังช่วงท้ายที่จะมีความหวานสะอาดเป็นตัวตั้งโดยมีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ที่ให้ความนิ่งและความรู้สึกโทนขาวนวลกับกลิ่นของเครื่องเทศที่มาแบบเบาๆ ให้โทนหวานสอดรับกับกลิ่นโทนดอกไม้ที่จะได้ความรู้สึกนวลสะอาด หอมหวานโปร่งสบายแบบดอกไม้อ่อนๆ ผ่อนคลาย เรียบหรู ธรรมชาติ และสงบ มาครบทุกอย่างของกลิ่นที่สื่อสารถึงความเป็นเอเซียตะวันออกที่มีความละเมียดละไมได้ชัดเจน 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ Unisex เลยกวาดหมดทั้งหญิงทั้งชายในการใช้งานเพราะกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก เพียงแต่กลิ่นโทนดอกไม้ที่เด่นอาจจะแตะความรู้สึกฝั่งสาวๆ ได้มากกว่า ซึ่งจะเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นให้ความมีระดับและเรียบนิ่งได้ดีมาก แต่ขอข้ามเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกาย เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายเอื้อต่อกิจกรรมหนักเลย ยกเว้นรอช่วงท้ายๆ ไปแล้วอันนี้พอได้ ส่วนยามค่ำคืน ให้เพื่อให้รับความรื่นรมย์ของกลิ่น เดืนเล่น หรืออยู่กับคนรักง่ายจะดีกว่า เพราะกลิ่นก็ไม่ใช่มาสายใส่ไปหาเหยื่อแต่ประการใด

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม.กำลังดีหอมผ่อนคลายมากกั6 สเปรย์ (รวมฉีดเสื้อที่สวมด้านหน้า)

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความสดชื่นฉ่ำๆ อากาศดีติดดอกไม้หอมหวานกันก่อนแล้วจึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ที่มายืนใกล้ๆ จะได้กลิ่น แล้วเป็น Skin Scent ที่สะอาดติดหวานในช่วงท้าย ตีขึ้นยามร่างการขยับตัว 

ทิ้งท้าย - ถ้า Issey Miyake - L’Eau d’Issey ที่ส่วนใหญ่บอกว่ากลิ่นคล้ายๆ แต่ส่วนตัวขอบอกว่ากลิ่นนี้มีความธรรมชาติกว่า และเข้าถึงความรู้สึกของสภาพแวดล้อมที่ชัดเจนกว่ามาก เรียกว่าตอนแรกคิดว่าจะไม่ชอบเพราะไม่ได้มาสายดอกไม้อะไรมากขนาดนั้น แต่พอใช้ไปเท่านั้นแหละ เฮ้ย! มันดีนะ แถมทนดีงามกว่าที่คิดมาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - http://perfumer.net.ua/media/catalog/product/cache/1/image/650x650/06e39ddf78eabc761799a0f4acc4157b/k/i/kilian_water_calligraphy2_10.jpg

Review: Lattafa Perfumes - Al Dur Al Maknoon Silver

Lattafa Perfumes - Al Dur Al Maknoon Silver

แบรนด์อาหรับอื่นๆ เขาก็เดินตามรอยความสำเร็จของ Aventus กันถ้วนหน้า ก็เลยลองมาชะโงกดูว่าฝั่งของ Lattafa Perfumes เขามาร่วมแจมหรือไม่บ้าง และผลออกมาก็คือ มีเตรียมพร้อมเรียบร้อยเลย พร้อมเป็นหนึ่งใน Team Aventus ชัดเจน เช่นนั้นจึงได้เวลามาพิสูจน์กันซักหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นยังไงกับรุ่นนี้เลย Al Dur Al Maknoon Silver

กลิ่นเปิดมาก็ชัดเจนแบบพุ่งกันเลยโดยที่จะมีกลิ่นแอลกอฮอล์มาชัดนิดนึง แล้วจึงเปิดตัวหลักให้กลิ่นโทน Smoky Fruity เฉิดฉายออกมา นำดยสับปะรดที่ให้ความรู้สึกติดเปรี้ยวไม่ฉ่ำ โดยมีเจือแอปเปิ้ลเขียวให้รู้สึกได้ และเนื้อกลิ่นจะติดขมหน่อยๆ ของมะกรูดเด่นขึ้นมาด้วย แล้วจะจับได้ถึงการเป็นกลิ่นโทน Smoky แนวๆ น้ำมันดินติดไม้ไหม้ๆ ของ Birch ที่ดันขึ้นมาเร็วมากตั้งแต่ช่วงนี้ แต่กลิ่นจะไม่ทึบเกินไป เพราะจะมีความนวลๆ ที่ทำให้รู้สึกติดสบู่ผลไม้หน่อยๆ จะได้อารมณ์ผสมผสานเหมือนมาเจอกันครึ่งทางเสียมาก ซึ่งกลิ่นเปิดนี้จะได้ความรู้สึกเหมือน Aventus เลยทีเดียว แล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางที่ยังคงเป็นโทนผลไม้กับความ Smoky ยังอยู่ เพียงแต่ความรู้สึกเขียวนวลปร่าติดดิบกำลังดีไม่มากมายของพิมเสนจะเด่นออกมาตีคู่ พร้อมกับกลิ่นที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความนวลให้รู้สึกได้นั่นคือโทนมะลินวลๆ ที่เป็นตัวรองพื้นด้านหลังให้รู้สึกได้ ทำให้กลิ่นไม่ Smoky หรือมาสายผลไม้จัดจ้านเกินไป เนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นโทนหนังที่ไม่ได้นุ่มมากและไม่ถึงกับติดสาปมากนวลๆ อยู่ และจะเด่นขึ้นมาเอาในช่วงท้ายกลั้วกับกลิ่นอายของ Musk ที่จะเป็นเหมือนสายสนับสนุนเสียมาก ให้กลิ่นมีความนวลสะอาดติด Animalic นิดๆ และจะมีกลิ่นอายแบบเขียวสากของ Oas Moss เข้ามาทำให้กลิ่นมีความแมนจัดชัดจริง มีความร่วมสมัยที่สร้างออร่าแบบสุภาพบุรุษผมเรียบแปล้พอสมควร ที่สำคัญมีกลิ่นอายแบบไม้หอมที่ให้ความรู้สึกติดทางตะวันออกกลางให้พอสัมผัสได้ ทำให้กลิ่นในช่วงท้ายจะได้อารมณ์สะอาดติดอบอุ่นแบบโปร่งๆ มีไม้หอมเจือและอมหวานนวลๆ กำลังดี 

ซึ่งภาพรวมกลิ่นอายคล้าย Aventus มากในช่วงเปิด แต่มีความแตกต่างบ้างในช่วงกลางกับท้าย เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายนุุ่มนวลเนียนคุณชายหรูหรามีระดับแบบที่ Creed ทำได้อย่างเป็นเอกลักษณ์จากการมี Ambregris เป็นตัวเด่น เพราะจะมาเน้นสายไม้หอมติด Smoky แทน แต่ถ้าจะเอามาเทียบจริงๆ ให้เทียบกับ Armaf Clun de Nuit Intense for Men จะดีกว่า เพราะกลิ่นคล้ายตัวนี้มากกว่าอีก เพียงแต่ว่าจะเป็น Lite Version กว่า ไม่ได้ Smoky จัดๆ แบบที่ Armaf ทำให้เด่นทะลุออกมานั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นโคตรแมนมาก เหมาะกับผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ได้แล้ว แต่ถ้าวัยทำงานใส่อาจจะเสริมให้กลิ่นปล่อยของได้ดีกว่าเพราะกลิ่นท้ายๆ มันสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเป็นสุภาพบุรุษติดเนี้ยบมีมาดพอผสมควร จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะงานทางการและทั่วๆ ไป แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม กลิ่นจะลงตัวมากกว่าจะคมบาด ใส่ออกกลางแจ้งพอได้ให้รอช่วงกลางนิดนึง แต่งดใส่ออกกำลังกายจะดีกว่า กลิ่นไม่ได้มาสายนี้นัก ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้ใส่ได้เต็มที่จะอัดเท่าไหร่ก็ตามสะดวก กลิ่นถือว่าเรียกร้องความสนใจมาสายเท่ห์ Cool มากกว่าจะมาแนวคุณชายแบบนั้น แอบติดโทนกรุ้มกริ่มนิดๆ เสียด้วย 

ความทน - ตัวนี้ความทนเรียกว่าทำได้ลงตัวกับราวๆ 6 - 8 ชม. อาจจะมากกว่านี้ได้ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าจะมาแบบคมๆ กันก่อน แล้วจึงมากระจายปานกลางในช่วงกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวค่อนไปทาง Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - #TeamAventus แบบเป็นน้องชายที่เกือบจะฝาแฝดของ Armaf Club de Nuit Intense นั่นเองงงงงงงงง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Credit ภาพ - เข็มขัดสั้น

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Jo Malone - Velvet Rose & Oud

Jo Malone - Velvet Rose & Oud 

หลังจากที่ผ่าน Jo Malone ในโซน Cologne มาหลายรุ่น ก็ได้เวลาของการมาแตะฝั่ง Cologne Intense ขวดดำกันบ้างที่แน่นอนว่าจะต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น เพียงแต่ว่ายังคง Concept ของการเป็นน้ำหอมโทน Whispering ที่มาแบบเบาๆ ผู้ดีตามสไตล์อยู่เสมอ เช่นนั้น มาพิสูจน์กันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรบ้างและความเข้มข้นระดับ Intense จะเป็นอย่างไง กับรุ่นนี้เลย Velvet Rose & Oud 

เรียกว่าสมกับการเพิ่มระดับเป็น Cologne Intense และการเป็น Jo Malone ได้ชัดเจน เพราะช่วงต้นเป็นช่วงที่บ่งบอกถึงคำว่า Intense ในรูปแบบที่กลิ่นมีความแน่นอวลในระดับที่กำลังดี ไม่ได้มาแบบใสกระจ่างแบบรุ่Cologne ปกติ เพราะกลิ่นจะออกลักษณะติดโทนอบอวลและแฝงไปด้วยความดาร์กนัวกับกลิ่นของกุหลาบแดงที่มาเข้มเย้ากลั้วกลิ่นอวล Oud แต่ไม่ได้แน่นจัดจ้านแบบน้ำหอมตะวันออกกลางที่จัดหนักจัดเต็มขนาดนั้น เพราะมีกลิ่นติด Spicy โปร่งจางๆ เจืออยู่ และในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสลักษณะสไตล์ Cologne ของแบรนด์ที่แฝงตัวเป็นเอกลักษณ์ให้รู้สึกได้อยู่ตลอด และกลิ่นของกุหลาบแดงกับ Oud นี่แหละที่จะอยู่คู่กันยาวไปราวกับคู่ผัวตัวเมียจนถึงช่วงท้ายเลย โดยกลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนโทนในช่วงกลาง เป็นกลิ่นอายแบบกุหลาบกลั้วควันไม้กฤษณาที่ความอวลเริ่มจางลงไปมากขึ้น โดยที่จะมีกลิ่นครีมมี่ติดขนมแนวๆ ชอคโกแลตที่มีครีมสอดไส้หอมหวานผสมผสานเข้ามาด้วย เลยทำให้ได้อารมณ์แบบขนมครีมๆ ดาร์กๆ ติดกลิ่นควันไอไม้ที่มีกลิ่นกุหลาบเจือแบบอ้อยอิ่งและไม่ได้มาแบบหนักหน่วงเหมือนได้กลิ่นขนมลอยมาแบบห่างๆ และเมื่อผ่านไปจนถึงช่วงท้ายก็เข้าสู่เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความเป็น Whispering Scent ลอยมาอ่อนๆ ให้รู้สึกได้ เพราะกลิ่นกุหลาบจะยังอยู่แบบเบาๆ เจือความสะอาดนวลเข้ามา และมีโทนไม้หอมอ่อนๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังซ่อนความเป็นขนมชอคโกแลตติดครีมกลั้ว Oud ที่เป็นควันไอจางๆ กลิ่นดาร์กอยู่ก็จริง แต่มีความโปร่งแนวซีทรู อารมณ์ที่ได้จึงออกแนวสะอาดติดน่าค้นหาจากโทนไม้หอมกลั้วหวานนวลละมุนที่หรูหรามีระดับ เข้าลักษณะเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาในเนื้อกลิ่นยังไงยั้งงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - เขาตราไว้ว่า Unisex เช่นนั้นใช้ได้หมดทุกเพศ โดยกลิ่นอาจจะไพล่ไปทางสาวๆ ประมาณ 65% แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายๆ เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายแน่นอวลแขกจ๋าแต่ประการใด ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จัดได้หมด ได้อารมณ์น่าค้นหา เย้ายวน แบบที่ไม่โจ่งแจ้งและมีความเรียบหรูดูแพงเสียด้วยซ้ำ ใส่ออกกลางแจ้งพอได้แต่ให้รอช่วงกลางๆ จะดีกว่า และถ้าออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ ไปได้เลย ไม่งั้นเดี๋ยวเวียนหัวยามร่างกายต้องการออกซิเจนเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจริงๆ ใส่ได้สบายๆ แบบหรูๆ จิบเบาๆ หรือออกเดท โรแมนติคได้หมด แต่ถ้าจะใส่ไปเต้นแหกหน้าแหกหลังหรือสร้างเสน่ห์เผื่อได้เหยื่อ แพ้ชาวบ้านเขาแน่นอนจ้ะ 

ความทน - เป็น Cologne Intense แน่นอนว่ากลิ่นอยู่ทนให้รับรู้มากขึ้น กับประมาณ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบไปบ้าง อิงที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงประเภทผิวผู้ใช้ด้วย โดยส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กับ 6 สเปรย์แบบกลิ่นติดผิว

การกระจาย - ปล่อยของได้ดีในตอนต้น ฟุ้งแต่ไม่ถึงกับหนักหน่วง แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พ้น 8 ชม. ไปแล้วจะผันเป็น Skin Scent ที่ติดผิวแบบยาวไปอิงตามความทนที่บอกได้ข้างต้น

ทิ้งท้าย - เรียกว่าคนรักกุหลาบไป็นอีกตัวที่ไม่น่าพลาดเพราะกลิ่นมีมิติและคงความเป็น Jo Malone ที่เข้มขึ้นมาในระดับหนึ่ง แถมกลิ่น Oud ที่มีก็ไม่แขกเสียด้วย ส่วนตัวชอบกลิ่นช่วงกลางกับท้ายมากที่เป็นขนมกลิ่นกุหลาบติดไม้ไหม้ เพราะฟินไปเลย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ - http://talkingmakeup.com/tm65/jo_malone.jpg