Serge
Lutens - Vitriol d’Oeillet
ทุกครั้งยามที่ได้มีโอกาสลองน้ำหอมของ
Serge
Lutens มักจะคิดไปก่อนเสมอว่าเราต้องเจอกับความซับซ้อนและน่าค้นหาของกลิ่นนะ
แม้ว่าบางครั้งอาจจะเจอตัวที่ใช้ง่ายกว่าที่คาดก็ตาม
แต่ก็ยังมิติทางด้านกลิ่นที่ให้ได้รู้สึกถึงความน่าค้นหาและลึกล้ำอยู่เสมอ และรุ่น
Vitriol d’Oeillet ก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นเอง
ในการตีความทางภาษาความหมายของน้ำหอมรุ่นนี้
คือ "ความโกรธกริ้วของดอกคาร์เนชั่น" ที่เป็น กลิ่นหลัก ของน้ำหอมตัวนี้และอยู่ลากยาวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
จนถึงช่วงท้ายของน้ำหอมเลยทีเดียว โดยเปิดตัวที่กลิ่นอายแบบดอกคาร์เนชั่นสดที่มีความเขียวติด
Spicy เคล้ากลิ่นสะอาดคมๆ แบบ Aldehydes ซึ่งจะได้ความสดชื่นติด
Old School กันบ้าง แต่เพราะกลิ่นอายที่มีลักษณะโปร่งๆ
และมีกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ของลิลลี่
ที่เป็นหวานโปร่งติดเครื่องเทศผสมแว๊กซ์จะลอยมาอ่อนๆ
กับกลิ่นพริกไทยสีชมพูที่ให้ความอมหวานเบอร์รี่ฟรุตตี้อยู่เบาๆ
ซึ่งเพียงไม่นานกลิ่นกานพลูจะเริ่มมาผสมผสานกับคาร์เนชั่น
กลิ่นจะรับช่วงกันอย่างดีเพราะลักษณะโทนกลิ่นใกล้เคียงกัน
ซึ่งกานพลูจะมาให้ความเป็นเครื่องเทศโทนโปร่งแบบชัดเจนมากขึ้นให้กับคาร์เนชั่นให้กลิ่นอายออกทางแป้งติดเครื่องเทศโปร่งๆ
โดยจะมีกลิ่นที่มาทำให้สะอาดมากขึ้นแบบเครื่องเทศอีกตัวคือพริกไทยและมีกลิ่นเผ็ดนุ่มของเม็ดจันทน์เทศมาทำให้กลิ่นอายนวลขึ้น
แฝงกลิ่นอายไม้หอมจางๆ
ทำให้กลิ่นช่วงนี้มีความเผ็ดโปร่งที่นั่มละมุนก็จริงแต่มีความถือตัวและซับซ้อนทางความรู้สึกว่าเข้มข้นอยู่ภายใต้ความโปร่งนุ่ม
ซึ่งกลิ่นในช่วงกลางจะยังตามไปเด่นในช่วงท้ายๆ ที่ให้ความรู้สึกแบบไม้หอมอ่อนๆ
อบอุ่นกำลังดี มีกลิ่นอายแบบสบู่กลิ่นโปร่งผสมผสาน เคล้าความเป็น Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาด โดยที่กลิ่นของคาร์เนชั่น กานพลู
และกลิ่นโทนออกทางสบู่กลิ่นหอมเผ็ดนุ่มจะยังลอย On Top ออกมาให้รู้สึกได้
เรียกว่าภาพรวมมาในลักษณะ Bomb of Fresh Spicy เลยเพราะกลิ่นคาร์เนชั่นมันมีความเป็น
Spicy เผ็ดๆ ติดเขียวอยู่แล้ว
พอมาเจอกานพลูและเหล่าเครื่องเทศเผ็ดโปร่งอื่นๆ เรียกว่ารวมกันกันเต็มๆ
และสนุกสนานกับการค้นหาความซับซ้อนของกลิ่นได้ดีมาก
เหมาะสำหรับ -
ทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป
กลิ่นเรียกว่าต้องผ่านน้ำหอมมาในระดับหนึ่งกลิ่นอาจจะมาแบบที่ไม่ได้เข้าถึงทุกคนได้ในทันทีมากนัก
แม้กลิ่นจะดูเหมือนเข้าถึงได้ง่าย
แต่กลิ่นมีความน่าค้นหาและซับซ้อนในการบอกเล่าเรื่องราวแบบนิ่งขรึมแต่เข้มข้นในความรู้สึกเสียมาก
จึงเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป
ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งออกน่าจะดีกว่า
เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายสดชื่นลั่นล้า
ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ได้แบบออกงานหรือใส่ไปจิบเบาๆ แบบมีระดับมีมาดจะดีกว่า
เพราะกลิ่นไม่ได้มาโทนเย้ายวนนักออกแนวถือตัวแต่มีเสน่ห์ท่ามกลางความนิ่งขรึมเสียมากกว่านั่นเอง
ความทน - ลงตัวมากที่
8 ชั่วโมงเป็นพื้นฐาน บวกลบประมาณ 2 ชม.
อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด
การกระจาย
- กลิ่นกระจายดีตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางโปร่งแต่เข้มข้นในช่วงกลาง
และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย -
ต้องบอกว่ากลิ่นนี้เป็นอีกหนึ่งที่แสดงความเป็นคาร์เนชั่นได้ชัดไม่พอ
ยังบอกความรู้สึกแบบภายใต้ความโปร่งและดูเหมือนไม่มีอะไรสวยงามตามที่เห็น
แต่ภายในมีความเข้มข้นคุกรุ่นออกมาให้รู้สึกได้
ถ้าจะบอกว่านี่คือความโกรธของคาร์เนชั่น มันก็ออกมาแบบที่โกรธแบบปล่อยบรรยากาศมาคุแบบนิ่งๆ
แต่ยังมีชั้นเชิงในการเก็บอารมณ์ที่ให้เห็นความซับซ้อนได้อยู่
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่สอนให้ผมแตะความรู้สึกของน้ำหอมได้อีกระดับเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้ามผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น