Clean - Clean Reserve: Galbanum & Rain
เมื่อสังเกตดีๆ และผ่านการใช้งานกลิ่นต่างๆ ใน Collection - Avant Garden ใน Clean Reserve ที่นอกจากจะมีการครีเอทการจับคู่กลิ่นใหม่ๆ ก็จะมีการนำเอากลิ่นอายเด่นๆ ในรุ่นที่เคยสร้างสรรค์ทั้งใน Collection ปกติที่เอามาต่อยอดสู่การเป็น Clean Reserve เป็นขั้นแรก ก็ใส่ความขั้นกว่าด้วยจับคู่กับ Note กลิ่นอื่นต่อที่การเป็น Avant Garden เพื่อสร้างความแตกต่างอีกขั้นไม่ว่าจะเป็นทั้งรุ่น Warm Cotton, Skin และ Rain ที่ได้ถูกจับคู่ในการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ๆ ที่ยังยืนพื้นกับ Concept ของแบรนด์ที่เน้นกลิ่นอายสะอาดและสุภาพเป็นสำคัญ ซึ่งก็ผ่านการเล่ากลิ่นมาแล้ว 2 รุ่นที่เอาของดีดั้งเดิมมาจับคู่ใหม่ เหลือเพียง 1 รุ่นนั่นก็คือ Rain ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงมาก่อน
เช่นนั้นต้องมาให้ครบ เพราะใน Avant Garden นี่ก็เป็นอีก 1 กลิ่นที่มีดีไม่แพ้ตัวอื่นในการสื่อสารโทนกลิ่นที่ยืนพื้นความสดชื่นของโทนฝน แถมได้เจอกับมวยถูกคู่อย่างกลิ่นอายสายเขียวขมคมพุ่งๆ อย่างยางไม้ที่เป็นตัวสร้างอะโรม่าในโทนเขียวในโลกน้ำหอมมาอย่างยาวนานอย่าง Galbanum เช่นนั้นผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร มาว่ากันเลยที่รุ่นนี้ Galbanum & Rain
เปิดต้นกลิ่นมาเรียกว่าสนุกกับการจำแนกเนื้อกลิ่นเลย เพราะมิติของกลิ่นมีความน่าสนใจกับการเอาโทน Aquatic เป็นตัวเสริมความรู้สึกให้มีความชุ่มชื้นให้จับต้องได้ตลอด จนได้อารมณ์แบบฝนตามชื่อรุ่น + กับเมื่อเจอกับโทนเขียวที่มีลักษณะกลิ่นหลักๆ อย่างเช่น เขียวคล้ายแตงกวาฉ่ำ ก็จะได้ Aquatic Green เป็นตัวเชื่อมกับโทนน้ำฝน ตามด้วยกลิ่นเขียวขมเข้มๆ ที่จับได้เลยว่ามี Oak Moss โผล่มาตั้งแต่ช่วงนี้ที่ให้ความเป็นโทน Earthy Green ที่อารมณ์ชื่นน้ำ และมีตัวดันที่ดีอย่าง Galbanum ที่ให้ความเขียวขมคมพุ่งๆ แต่ไม่บาดและไม่หนักเกินไปทำให้ได้อะโรม่าความเขียวเข้มขมที่เข้มข้นแบบกำลังดี เสริมด้วยโทนฝั่งสายสมุนไพรที่เป็นโทนกลิ่น Herbal แห้งๆ ปร่าๆ ของมะแขว่นหรือพริกหมาล่าที่เอาโป๊ยกั๊กมาเสริมตัดทอนและเสริมความหวาน Airy หน่อยๆ ในเนื้อกลิ่น เลยทำให้เนื้อกลิ่นได้ความเป็นกลิ่นอายบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติแบบเข้มข้นที่มีความชุ่มชื้นจากพื้นดินสู่บรรยากาศเลยทีเดียว เพียงแต่ไม่ได้หนักอัดแน่นมาก เพราะคุมโทนตาม Concept แบรนด์ได้อยู่
เมื่อเนื้อกลิ่นโทน Aquatic หรือความเป็นโทนฝนเริ่มจางลงไปพอสมควร แต่ยังมีให้รับรู้ได้แบบประปราย สิ่งที่เด่นขึ้นมาแทนที่เลยนั่นคือความเขียวขมเข้ม ที่เป็นลูกผสมของ Oak Moss กับ Galbanum ที่แท็คทีมกันได้อย่างดีมากในการเดินเกมของช่วงกลาง ซึ่งความชัดเจนของ Galbanum จะเป็นหลักที่ให้ความเขียวขมมีความชัดและคมในระดับหนึ่งและเสริมด้วยการเป็นกลิ่นโทนเขียวเข้มติดกลิ่นอายค่อนไปทางหมึกที่มีความ Earthy แบบกลมๆ ที่ให้เอกลักษณ์กลิ่นโทนพืชล้มลุกที่ค่อนไปทางสะอาดของ Oak Moss (ที่ไม่ได้เป็นธรรมชาติจ๋าๆ เพราะข้อห้ามต่างๆ ในการใช้มันมีกฎเกณฑ์บังคับอยู่) เลยทำให้เนื้อกลิ่นโทน Earthy & Balsamic Green จะเด่นจริงอะไรจริง แถมเสริมด้วยกลิ่นอายของ Incense ที่ให้ความชัดในการเป็นลูกครึ่งกึ่งไม้หอมกึ่งพริกไทยที่มีโทน Citrus เสริมหน่อยๆ ของ Frankincense เลยทำให้กลิ่นจะมีความดาร์กเขียวแบบไม่ได้ไปทาง Dirty มีความอวลที่ดาร์กแบบค่อนไปทางสะอาด คือ เกลามาจนได้เป็นโทนเขียวแกมยางไม้ที่ชัดเจนแบบสวยๆ ซึ่งในช่วงต้นสู่กลางก็สื่อสารชัดเจนตามชื่อรุ่นได้แบบครบถ้วนแล้ว
ในช่วงรอยต่อ สิ่งที่จับได้เลยและเริ่มสร้างความเป็นกลิ่นอายสไตล์ Clean ที่รื่นจมูกและมีความทันสมัยมากขึ้นด้วยนั่นคือ การเอา Clearwood (กลิ่นสารหอมลูกผสมที่ให้ความเป็นพิมเสนปร่าระเรื่อใสๆ แกมหวานรื่นรมย์กับกลิ่นออกโทนไม้ซีดาร์โปร่งๆ) มาเป็นตัวเปลี่ยนแปลงในการคุมโทนเข้าสู่ Concept พื้นฐานของแบรนด์ที่เน้นกลิ่นแนวสุภาพและรื่นรมย์ ซึ่งทำให้การปรับโทนในช่วงท้ายจะเป็นโทนที่มีความผ่อนคลายและเข้าถึงได้ง่ายแกมเรียบหรูชัดเจน เพราะสายไม้หอมต่างๆ ทั้งมาจากสารหอมและมาจากไม้จริงๆ จะเข้ามาเกลาให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นไม้โปร่งๆ สบายๆ มีลูกยางไม้ผสมนิดๆ เป็นเลเยอร์ตรงกลางแบบตัวเชื่อม เสริมด้วยหญ้าแฝกที่ให้ความเป็นลูกครึ่งไม้แห้งๆ กึ่ง Earthy สะอาดๆ เชื่อมกับฐานกลิ่นที่เป็นโทนออกทางดินๆ เขียวเข้มอ่อนๆ ของ Oak Moss และมีโทนพิมเสนปร่าหวานระเรื่อสะอาดๆ ที่รับช่วงเชื่อมต่อกับกลิ่นติดเขียวเบาๆ ของ Galbanum ที่ลดบทบาทลงเหลือบางๆ แกมกลิ่นอ่อนๆ ของโทนฝนที่เป็นเลเยอร์บนสุดสร้างอะโรม่าที่หอมใสๆ เรียบหรูแหมหวานเย้าๆ อ่อนๆ ได้ดีมีความเรียบหรู ทุกอย่างเชื่อมต่อกันเป็นวงกลมที่เกลาจนกลมกล่อมและให้ความผ่อนคลายกำลังดีได้ลงตัวมาก ถือเป็นการปิดท้ายความเป็น Clean ได้ชัดเจนมากๆ และกลิ่นมีเสน่ห์เรียบหรูในโทน Earthy เด่นได้สวยและลงตัว
เหมาะสำหรับ - Unisex ตรงไปตรงมามาก แต่แม้ว่ากลิ่นจะมาในนามของ Clean แต่ผู้ที่จะอินอาจจะต้องผ่านการใช้งานกลิ่นอายโทนเขียวเข้มๆ มาก่อนบ้างจะดีที่สุด เพื่อจะได้รับและเรียนรู้กลิ่นได้ดีมากขึ้นในช่วงต้นกับกลาง แต่ช่วงท้ายยังไงก็กลิ่นสวยอยู่แล้ว ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยกวาดหมดจริงๆ จะมีก็การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ช่วงกลางอาจจะหนักไปเพราะกลิ่นชัด ให้รอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ทั่วๆ ไปหรือว่าออกงานจะลงตัวที่สุดแล้ว เพราะกลิ่นไม่เหมาะกับการใส่เพื่อไปเย้ายวนชวนนัวแบบท่องราตรีแต่อย่างใด
ความทน - อันนี้ประทับใจมากเพราะเจอไปที่ 15 ชม. ในการใช้งานทุกครั้ง กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ เรียกว่าเรื่องนี้หายห่วง ยังไงก็เกิน 8 ชม. ได้ไม่ยาก
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วง 30 นาที แรก คือมาชัดเลย เพียงแต่ไม่ได้หนักข้นหรือเนื้อกลิ่นหนานัก แล้วจะผ่อนลงมาเป็นกระจายดีกันยาวๆ ไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 4 - 5 ถึงผ่อนลงมาปานกลางซักพักใหญ่ๆ พอเข้าช่วงโมงที่ 8 กลิ่นจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ก่อนเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปแล้วราวๆ 12 ชม.
สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นที่ความทนเป็นเลิศมาก และการกระจายก็ทำได้ดีมากด้วยจนแบบว่าต้องกันไปมองแบรนด์อีกทีว่า Clean เหรอเนี่ย แต่ก็ยอมรับอย่างหนึ่งว่าในสาย Avant Garden มันคือการฉีกความเป็น Clean แบบเดิมๆ มาให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งสำหรับ Galbanum & Rain ถือเป็นหนึ่งในกลิ่นที่มีความเป็นเอกเทศพอสมควรแบบที่เข้าทางการเป็น Niche Perfume ได้เลย โดยที่ยังอยู่บนพื้นฐานที่ช่วงท้ายสร้างความรื่นรมย์ทางกลิ่นแบบที่เป็น Concept ของแบรนด์อยู่ นี่แหละที่น่าสนใจมาก
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.cleanbeauty.com/products/avant-garden-galbanum-rain
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น