วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2565

Review: Helmut Lang Eau de Parfum (2014)

Helmut Lang Eau de Parfum (2014)

ย้อนกลับไปในช่วงยุค 90 กับกระแสความเป็นแฟชั่นแบบมินิมัลลิสต์ที่กลายเป็น Trend ถ้าบอกวง่าใครเป็นผู้บุกเบิกแน่นอนว่า Helmut Lang จะมาเป็นชื่อต้นๆ แน่นอน กับการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นนำเสนอความมินิมัลเรียบง่ายแต่มีความเก๋ด้วยการเอาวัสดุต่างๆ ที่ไม่ค่อยปรากฎในเสื้อผ้าแฟชั่นมาผสมผสานกับสิ่งที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นโลหะผสมกับผ้า หรือว่ายางและอื่นๆ (ในช่วงเวลานั้น) ซึ่งแน่นอนว่าเป็นยุคทองของแบรนด์และตัว Designer เลย ที่ถ้าช่วงนั้นใครมีเสื้อผ้าของ Helmut Lang ไว้ซักตัวก็ถือว่าอวดได้ไม่อายใครจริงๆ

และแน่นอนในเมื่อเป็นแบรนด์แฟชั่น ก็ต้องมีน้ำหอมมาเป็นส่วนหนึ่งให้มีความครบเครื่องในการนำเสนอในความเป็น Helmut Land ซึ่งก็ได้มีการปล่อยออกมาจำหน่ายถึง 3 กลิ่น ในช่วงปี 2000 - 2002 คือ Cuiron, Eau de Cologne และ Eau de Parfum ซึ่ง 2 กลิ่นแรก เป็นของฝ่ายชาย และกลิ่นหลังเป็นของผู้หญิง ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ต่อมามีปัญหาบางประการ รวมถึงตัว Designer เองถอนตัวออกจากวงการแฟชั่นทำให้หยุดผลิตไป แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2014 จึงได้มีการกลับมาผลิตและวางจำหน่ายต่อทั้ง 3 กลิ่น

และเมื่อได้มาเจอกับน้ำหอมของแบรนด์นี้แม้ว่าจะเป็นช่วง Re-launch แต่ก็ขอมาเล่าความดีงามของกลิ่นหน่อยเถอะ และในการกลับมาในครั้งนี้ความเป็น Eau de Parfum เดิมที่เคยเจาะกลุ่มผู้หญิง จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเจาะตลาด Unisex แทน และนี่แหละที่จะเอามาเล่า

ช่วงต้น - เปิดมาคือการผสมผสานระหว่างความเป็นโทนแป้งหอมดอกไม้กับกลิ่นอายแนวสดชื่นเรียบง่ายแกมสะอาด ที่มีความร่วมสมัยกำลังดี เพราะแตะความรู้สึกกลิ่นแนว Soapy Classic ก็ได้ และให้ความเรียบหรูสีโทนขาวสว่างแตะความร่วมสมัยที่ไม่ตกยุคก็เข้าที กลิ่นที่มาทักทายก่อนใครเพื่อนเลย คือ ดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) ที่จะให้ความสะอาดแกมเปรี้ยวอมหวานนวล เสริมด้วยโทนติดกึ่งแป้งกึ่งสะอาดนุ่มอะโรม่าของลาเวนเดอร์ โดยมีความแป้งติดอัลมอนด์เรื่อๆ ของดอกเฮลิโอโทรเป้มาสร้างออร่ากลิ่นค่อนไปทางนุ่มนวล แต่มีความปร่าฟุ้งสดชื่นหน่อยๆ ของโทนสมุนไพรที่ให้ความเขียวเนียนๆ เป็นตัวเสริมแรงอยู่ด้านหลัง กลิ่นเลยถือว่าเปิดมาด้วยความสดชื่นกึ่งแป้งหอมที่ให้ความ Unisex ที่ลงตัวมาก

ช่วงกลาง - จะเป็นการเดินทางเข้าสู่ช่วงแป้งหอมดอกไม้เด่นแล้ว ซึ่งทั้งดอกส้ม ลาเวนเดอร์ และเฮลิโอโทรเป้ก็ยังคงเด่นอยู่ แต่เนื้อกลิ่นจะมีความละมุนมากขึ้นเพราะมีโทนดอกไม้ขาวของมะลิ + กับกลิ่นกุหลาบเรื่อๆ มาทำให้กลิ่นมีความเป็นโทนแป้งเต็มตัว แต่สิ่งที่เป็นตัวเสริมให้ยังคงรู้สึกได้ถึงกลิ่นโทนสดชื่นติดปร่าหน่อยๆ ที่ไม่ทำให้ดูเป็นแป้งจ๋าๆ เกินไป นั่นคือโทนสมุนไพรที่ยังเป็นตัวเสริมประปรายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นความปร่ากึ่งมินต์หน่อยๆ ของโรสแมรี่ และมีความเขียวตุ่นเข้มที่มาแบบลูกเอื้อนสร้างมิติที่น่าสนใจอย่างโกฐจุฬาลัมพา (Artemisia) แถมยังจับได้ง่ายมากเลยว่ามี Musk เป็นกลิ่นที่รองพื้นอยู่แน่นอน เลยทำให้เนื้อกลิ่นยังคุมโทนตรงกลางได้ดีระหว่างโทนแป้งสาย Classic กับโทนแป้งที่มีความร่วมสมัยได้ชัดเจนและมีเสน่ห์แบบมินิมัลได้ดีเช่นเดิม

ช่วงท้าย - แน่นอนว่าโทน Musk จะเป็นหลักในช่วงท้ายชัดเจน โดยที่มีกลิ่นอายของไม้หอมที่มี 2 มิติให้จับต้องคือครีมนวลที่มาจากไม้จันทน์หอมและความปร่าขรึมสว่างของซีดาร์ผสมผสานอยู่ในนั้น และไม่ใช่แค่นี้ยังมีโทนอบอุ่นของแอมเบอร์แฝงอยู่ เพราะเนื้อกลิ่นมีความอุ่นให้รู้สึกได้ โดยที่โทนแป้งจากช่วงกลางก็ยังตามมาให้ความรู้สึกหอมนุ่มๆ เบาๆ สบายๆ เนื้อกลิ่นมีโทนสีขาวสว่างที่ชัดเจนและมีความมินิมัลสูงมากในการให้ความรู้สึกไม่ต้องเยอะสิ่งแต่มีความหอมนุ่มน่าประทับใจกลิ่นอายร่วมสมัยสายแป้งหอมดอกไม้นุ่มนวลที่แตะได้ทุกเพศ

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะเนื้อกลิ่นมีความเรียบง่ายแต่หอมนุ่มจมูกในความเป็นโทนแป้งที่กำลังดี และยังไงก็ใช้ง่ายแบบมีระดับเสียด้วย ซึ่งเหมาะกับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่อาจจะไม่ได้ Match นัก แต่รอช่วงท้ายๆ ก็ได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนเน้นการใส่ทั่วไป ออกงาน หรือว่าสบายๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังเรียกเรตติ้งในการใส่เพื่อไปปล่อยเสน่ห์ท่องราตรีนัก

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบได้อีกจากเวลาที่เฉลี่ยไว้นี้ ซึ่งตรงนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอเป็นประจำที่ 8 ชม. มีเลยไปบ้างนิดหน่อยแบบที่เป็นกลิ่นที่ติดเสื้อที่สวมอ่อนๆ เสียมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้นราวๆ 10 - 15 นาที แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางยาวๆ ไปราวๆ 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะลงมาแตะในความเป็นออร่ารุมๆ รอบตัว จนเมื่อแตะชั่วโมงที่ 6 ถึงลงมาเป็น Skin Scent ชัดเจนกันยาวๆ ไป

สรุป - ร่วมสมัย ไม่ตกยุค ให้ความหอมแบบเข้าถึงง่ายในลักษณะที่เป็นโทนแป้งแบบมินิมัล แต่ไม่ได้ไก่กาในเรื่องความหอมที่นุ่มนวลและสร้างโทนสว่างขาวมีเสน่ห์แบบไม่ต้องพยายาม ซึ่งแน่นอนว่าเข้ากับความเป็นเสน่ห์ทางมินิมัลน้อยแต่มากของแบรนด์ไม่พอ ยังตอบโจทย์การใช้งานที่เข้าข่ายกลิ่นอาย Timeless ได้สบายมากด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.helmutlang.com/parfum/883389442216.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น