วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566

Review: Jacques Fath - Tempête d'Automne

Jacques Fath - Tempête d'Automne

ในช่วงยุค 40 - 50 ที่ Jacques Fath ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่นอกจากด้านแฟชั่นแล้วยังมีอีกอย่างที่ถือเป็นหนึ่งในการจุดประกายในเรื่องของทรงผมผู้หญิงอยู่ด้วยเช่นกัน กับการสร้างผมทรงที่ชื่อว่า Autumn Storm กับทรงผมสั้นที่คล้ายเด็กผู้ชาย (ให้นึกภาพทรงผมสั้นๆ แบบเจี๊ยบ โสภิตนภา ช่วงที่แสดงภาพยนต์เรื่องกุมภาพันธ์ แต่มีความเรียบหรู ไม่ได้แฟชั่นสมัยใหม่จ๋ามาก) ซึ่งส่วนใหญ่ในยุคนั้นมักจะเป็นทรงผมแบบแม่บ้านเจ้าเสน่ห์แบบที่ให้นึกถึงมาริลิน มอนโร แนวๆ นั้นเลย แต่พอทรงผมนี้มาเบรก ก็เริ่มเปลี่ยนโทนให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยให้ความเป็นธรรมชาติ สดชื่น และมีเสน่ห์ดึงดูด

แล้วที่เกริ่นมาในย่อหน้าแรกเกี่ยวอะไรกับน้ำหอม? เกี่ยวเต็มๆ เพราะว่าทรงผมนี้กลายมาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมของแบรนด์ Jacques Fath ในการยกระดับแบรนด์น้ำหอมจาก Designer Brand มาเป็น Niche Brand ที่จะเอาความเก๋แกมมีเสน่ห์มาตีความทางกลิ่นโดยเอาการเป็นไม้จันทน์หอมเป็นแกนหลักในการนำเสนอ เช่นนั้นเมื่อได้ลองและซึมซับจนได้ที ก็ได้เวลาของการถ่ายทอดต่อแล้วว่าเนื้อกลิ่นจะออกมาเป็นเช่นไร

Tempête d'Automne เริ่มด้วยการเป็นโทน Citrus ที่ติดออกทางเปลือกผล แนวๆ เปลือกส้มหรือเปลือกมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เพราะจะไม่ได้มีอารมณ์กลิ่นแบบใสๆ มาให้จับต้องได้เท่าไหร่ แต่ว่าจะมีตัวแปรสำคัญมากๆ คือ กลิ่นโทนเครื่องเทศที่เสริมเข้ามาทำให้จับต้องได้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นเลยว่าเป็นโทนอบอุ่นเสียมากกว่า ซึ่งจะจับได้ไม่ยากเลยว่าจะมีความปร่าเผ็ดคมอวลๆ ของเม็ดผักชี และมีความเผ็ดอุ่นของอบเชย เพียงแต่มีความเป็นโทนสดชื่นปร่าๆ มาตัดทอนเลยทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนสว่าง ทำให้ภาพรวมของกลิ่นจะเป็นเฉดสีออกทางส้มนวลๆ แกมสีน้ำตาลที่มีความปร่าเผ็ดและสดชื่นในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการเปิดตัวที่น่าสนใจและที่สำคัญมีความ Classic ในเนื้อกลิ่นให้รับรู้ได้ด้วย

ช่วงกลางจะชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมว่าเนื้อกลิ่นมาสายเย้ายวนแบบมีระดับ ซึ่งช่วงนี้จะเริ่มจับต้องได้ว่าเนื้อกลิ่นมีความซับซ้อนในระดับที่ไม่ธรรมดา เพราะแม้ว่ากลิ่นหลักที่จับต้องได้จะเป็นเครื่องเทศอย่างอบอชยที่ให้ความหวานเผ็ดอุ่นกับความปร่าเผ็ดคมๆ ของเม็ดผักชี แต่จะมีมิติกลิ่นโทนดอกไม้กึ่งไม้หอมครีมมี่เข้ามาเสริมให้มีความน่าสนใจมากในการจับต้องกลิ่น ซึ่งความครีมมี่แกมไม้หอมนี่ชัดเจนว่าเป็นไม้จันทน์หอม แต่จะไม่ได้ครีมมี่มากขนาดนั้น ค่อนข้างรักษาสมดุลย์ได้ดีมาก และจะมีมิติกลิ่นโทนดอกไม้ที่มาแชร์เพิ่มเติมด้วยจากลาเวนเดอร์ ที่มาแบบนวลๆ ละมุนๆ ติดออกไปทางแป้งที่มีกลิ่นดอกไม้อย่างกระดังงาที่ให้ความหวานเย้าๆ และมีพวกแนวๆ มะลิมาทำให้กลิ่นมีความนวล เลยทำให้ช่วงกลางจะได้มิติกลิ่นที่หลากหลาย โดยยังยืยพื้นที่กลิ่นออกทางอบอุ่นแบบกำลังดีมีเสน่ห์และมีระดับในเนื้อกลิ่น โดยไม่ทิ้ลูกเอื้อน Classic แต่อย่างใด

ในช่วงท้ายตอนนี้จะกลายเป็นโทนไม้หอมติดอบอุ่นแกมแป้งที่ชัดเจนมาก โทนเครื่องเทศอย่างอบเชยจะเริ่มเป็นตัวเสริมให้ความหวานอุ่นในเนื้อกลิ่นแทน ซึ่งตัวหลักคือไม้จันทน์หอมที่ให้ความจืดหอมมีเสน่ห์กึ่งครีมมี่ และมีโทนออกทางนมๆ หน่อยเข้ามาเพราะมีกลิ่นติดนมอุ่นให้รู้สึกได้ เสริมกลิ่นไม้จันทน์หอมได้ลงตัวไปอีก ตามด้วยกลิ่นออกทางแป้งวานิลลาที่ไม่ได้หนักข้น แต่ให้ความหวานอบอุ่นกึ่งแป้งฝุ่นกลิ่นวานิลลาแกมนมๆ ซึ่งนี่แค่มิติแรก แต่ตัวรองพื้นที่ดมใกล้ๆ จะรู้สึกได้นั่นคืกลิ่นหนังที่มาแบบกำลังดี มีความเย้ายวน Sexy เนียนๆ เพราะมีความเป็น Musk มาตัดทอนให้กลิ่นมีความนุ่มนวลร่วมด้วย แน่นอนว่าความ Classic ก็ยังมีเนียนๆ อยู่ เลยทำให้เนื้อกลิ่นลักษณะนี้กลายเป็นโทนร่วมสมัยที่สามารถเป็นกลิ่นอายสไตล์ Timeless ได้ไม่ยาก และที่สำคัญเนื้อกลิ่นอบอุ่นได้อย่างมีคลาสและให้ความพอดีไม่หนักไปปิดท้ายได้สวยและลงตัว

เหมาะสำหรับ - Unisex เนื้อกลิ่นมีความกลางๆ เน้นให้โทนอบอุ่นที่มีระดับ สร้างออร่าให้ผู้ใช้งานมีเสน่ห์และดึงดูดแบบร่วสมัยได้ดี ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วไป เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้เหมาะกับกิจกรรมลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายเท่าไหร่ ยกเว้นรอช่วงท้ายๆ อันนี้ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนไม่ว่าจะออกงานหรือว่าใส่แบบโรแมนติค ถือว่าลงตัวมากและสร้างออร่าดึงดูดได้ดีแบบมีระดับ แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรีอาจจะต้องเพิ่มสเปรย์หน่อยก็พอได้ เพียงแต่อาจจะสู่กลิ่นหวานแน่นๆ ขนมๆ จัดจ้านไม่ได้ได้มากเท่าไหร่ แต่มีดีที่มีระดับแน่นอน

ความทน - ลงตัวที่ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน และไปต่อได้อีกจนถึงชั่วโมงที่ 15 ก็เจอมาแล้ว เช่นนั้นเรื่องความทนไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางแบบยาวไปจนถึงชั่วโมงที่ 5 ก่อนจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปราวๆ 8 ชม. ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent  

สรุป - เป็นกลิ่นร่วมสมัยที่ให้อารมณ์กลิ่นมีเสน่ห์และมีระดับในการเป็นโทนอบอุ่นที่ไม่หนักหน่วง สร้างความมีคลาสให้ผู้ใช้งานได้เหมาะสมและลงตัวมากอีกหนึ่งกลิ่น ยิ่งถ้าพื้นฐานใครชอบกลิ่นไม้จันทน์หอม + อบเชย ที่มีอารมณ์ครีมมี่หน่อยๆ บอกเลยว่าโดนตกได้ไม่ยาก ซึ่งกลิ่นนี้ทำให้นึกถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีไม่ใช่น้อยเลย เพราะโทนสีในเนื้อกลิ่นได้อารมณ์สมชื่อว่า Autumn ครบถ้วนได้เลย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.jacques-fath-parfums.com/?lang=fr

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น