วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: 1907 - Cedar

1907 - Cedar

ครั้งแรกที่ได้เห็นแบรนด์นี้ก็นึกว่าเป็นสไตล์แนวสาย Traditional Brand เก่าแก่ เพราะน่าจะอ้างอิงปีที่ก่อตั้งและเอามาเป็นชื่อแบรนด์ ก็เลยข้ามๆ ไปก่อนไม่ได้ Focus อะไรมาก แต่เมื่อมีโอกาสได้เจอกันอีกทีเพื่อที่จะเอามาศึกษาและเล่ากลิ่น กลายเป็นว่าสิ่งที่เข้าใจไปเองก่อนหน้านั้น ตึ่งโป๊ะ! เพราะดันไม่ใช่ทั้งหมดเลย

1907 เป็นปีเกิดของคุณยายของเจ้าของแบรนด์อย่าง Eva Skovranova ที่กลายเป็นหนึ่งในคนที่ทำธุรกิจทางด้านสบู่และความหอม ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นและโคโลญจน์กลิ่นดอกไม้ต่างๆ โดยทุกอย่างได้อยู่ในความทรงจำทางด้านความหอมต่อตัว Eva มาเสมอ จนวันหนึ่งได้เอามาต่อยอดโดยการได้เจอ Perfumer ที่เมืองน้ำหอมอย่าง Grasse ประเทศฝรั่งเศส และได้เล่าที่มาที่ไปและความทรงจำทางด้านกลิ่นต่างๆ ที่ได้รับมาจากคุณยาย เลยทำให้สร้างแบรนด์เป็น 1907 ในที่สุด และที่สำคัญน้ำหอมแบรนด์นี้มาจากประเทศสโลวาเกีย ที่ไม่ค่อยได้เจอแบรนด์จากประเทศนี้เท่าไหร่ด้วย เลยขอมาถ่ายทอดกลิ่นกันซักหน่อยกับรุ่นแรกที่มีโอกาสได้ลองอย่าง Cedar

บอกก่อน - Cedar ที่กำลังจะเล่ากลิ่นนี้ ได้เลิกผลิตไปแล้ว แต่มีการปรับปรุงและอัพเกรดขึ้นใหม่ในปี 2020 ซึ่งในปัจจุบันกลิ่นนี้เป็นชื่อใหม่ไปแล้วคือ Cedar Blue และเพิ่มความเข้มข้นเป็น EDP ดังนั้นการเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะเป็นการเล่าที่รุ่น Cedar อย่างเดียวเป็นสำคัญ

เปิดต้นกลิ่นคือ ชัดเลยน้ำหอมผู้ชายมากมายก่ายกองมาในสไตล์ Aquatic Marine เด่นมาเลย เพราะพื้นฐานกลิ่นมีความชัดเจนมากกับการเป็นโทนออกทางทะเลๆ แต่ไม่ได้ออกทางคาวเค็มหรือคาวทะเลที่มีสาหร่ายเยอะๆ ขนาดนั้น ออกทางกลิ่นแนวน้ำทะเลที่ให้ความสดชื่น + กับกลิ่นเมล่อนที่มากันตั้งแต่ช่วงนี้เลย ทำให้ได้กลิ่นทะเลอวลกึ่งฟรุตตี้ติดหวานเมล่อนนิดๆ แต่ตัวเปิดจริงๆ ที่ฉาบหน้า คือ โทน Citrus ต่างๆ ที่ให้ความสดชื่นติดเปรี้ยวแกมขมและมีโทนสว่าง ซึ่งน่าจะเป็นการผสมผสานกลิ่น Citrus ยอดฮิตทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นมะกรูดฝรั่ง (ฺBergamot) ที่ให้ความเปรี้ยวติดขมสดชื่นมีความปร่าหน่อยๆ กลิ่นเลมอนที่ให้ความสดชื่นแบบสไตล์ Cologne แต่ไม่ได้เปรี้ยวมาก และมีกลิ่นส้มหน่อยๆ ที่ให้ความฉ่ำ และมีโทนแปร่งสว่างของเกรปฟรุต ซึ่งมาเป็นแบบ Mixed Citrus ที่เอื้อประโยชน์กับโทนทะเลให้มีความสดชื่นชัดเจน โดยจะมีกลิ่นโทนสมุนไพรสร้างความปร่ามีเสน่ห์เข้ามาร่วมด้วยและตัดคาวทะเลได้ดีอย่างมินต์และใบไทม์ กลิ่นเปิดเลยแบบเป็นกลิ่นมหาชนนิยมชัดเจนมากและมีความเป็นสไตล์ Designer Brand สูงจริงๆ

ในการเข้าช่วงกลางเรียกว่าไม่ได้เปลี่ยนไปจากช่วงต้นมากนักในแง่ของการเป็นกลิ่นโทนทะเลกับเมล่อน เพราะกลิ่นยังคงความอวลสไตล์น้ำหอมชายกลิ่นทะเลอยู่เช่นเดิม โดยสิ่งที่ลดลงไปหน่อยนึงคือโทน Mixed Citrus ที่เบาลงมาแต่ยังให้ความสดชื่นประปรายแบบสายสนับสนุน โดยที่เนื้อกลิ่นยังมีความปร่ามินต์กับไทม์แบบแมนๆ ชัดอยู่ท่ามกลางกลิ่นทะเล และสิ่งที่เพิ่มมาคือกลิ่นออกทางปร่าซ่าๆ Sparkling หน่อยๆ ที่แตะความเป็นสบู่เกือบจะฟุ้ง เพราะโดนเหลาเนื้อกลิ่นไปพอสมควรแล้วของ Aldehydes ที่มาแค่เสริมเท่านั้นให้กลิ่นมีความแน่นขึ้นในการเป็นโทนทะเลสดชิ่นติดอวลหวานเมล่อนเนียนๆ แต่เมื่อพอผ่านไประยะหนึ่ง กลิ่นไม้ซีดาร์เริ่มจะออกมาให้จับต้องได้และชัดพอสมควรเลยทำให้เนื้อกลิ่นเป็นโทน Woody Aquatic เต็มตัว และยังเหมือนเดิมคือเป็นกลิ่นผู้ชายทุกสโตรกและเข้าถึงได้ง่ายมากจริงๆ

ช่วงท้ายพูดกันซึ่งๆ ได้เลยว่า เป็นช่วงที่ลดบทบาทของกลิ่นโทน Aquatic ลงไปพอสมควรจนกลายเป็นสายสนับสนุน แต่ให้กลิ่นโทนไม้หอมขึ้นมาแทนที่ซึ่งเด่นกันเต็มๆ กับโทนไม้ซีดาร์ที่มีลูกผสมของกลิ่นพิมเสนหน่อยๆ มีความใสๆ ในเนื้อกลิ่นกำลังดี (เดาว่ามีส่วนผสมของ Clearwood และ ISO E Super รวมอยู่ในนี้ด้วย) ซึ่งจะได้กลิ่นไม้ติดปร่าระเรื่อแกมสะอาดๆ สว่างๆ ที่มีระดับเลยทีเดียว และไม่พอยังเสริมด้วยกลิ่นโทนไม้จันทน์หอมที่มีความครีมมี่หน่อยๆ ที่มีความอบอุ่น เคล้ากับกลิ่นติดเขียวเข้ม Earthy แมนๆ นิด มีความอบอุ่นอวลๆ ของแอมเบอร์หน่อยๆ ซึ่งรวมๆ จะได้อารมณ์แบบกึ่งสบู่ที่มีกลิ่นไม้หอมแกมทะเลสดชื่นที่ปร่าสะอาดๆ ติดทะเลและให้ความเป็นโทนกลิ่นผู้ชายสบายๆ แกมอบอุ่นเพราะพื้นฐานกลิ่นคือ สไตล์ Base น้ำหอมผู้ชายที่ยังไงก็รอดเป็นการปิดท้ายกันอย่างสบายๆ ไปเรื่อยๆ นั่นเอง  

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก ยังไงก็รอด ยังไงก็มีเสน่ห์แบบที่มหาชนไม่ยี้ ซึ่งกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงใส่ออกกิจกรรมต่างๆ ก็ได้ แถมเข้ากับอากาศบ้านเรามากเสียด้วย ส่วนยามค่ำคืนอัดสเปรย์เพิ่มออกงานได้ ท่องราตรีแบบชิลล์ๆ ไม่ได้เน้นปล่อยพลังหาเหยื่อก็ได้ 

ความทน - อันนี้ต้องยอมเข้าเลยว่ากลิ่นทนดีมาก พื้นฐานยังไงก็แตะ 8 ชม. อยู่แล้ว แต่ไปต่อได้อีกถึง 12 - 15 ชม. ได้ด้วย สู้อากาศร้อนมีเหงื่อได้ดีพอสมควร ซึ่งตรงนี้ต้องอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวเอื้อด้วยเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แบบแรกสเปรย์ก็บอกเลย กลิ่นทะเลๆ แบบไม่คาวมาเลย มาสายแมนๆ เชียว แล้วจะดรอปลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 4 ชม. ก็จะเริ่มเป็นปานกลาง แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนถึงขั้น Skin Scent เมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 10 ชม.

สรุป - คำว่า Niche Perfume ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกลิ่นแนวกลิ่นล้ำเสมอไป แต่สามารถสร้างสรรค์กลิ่นที่มีสไตล์ Designer จ๋าๆ ก็ได้ หรือจะเป็นแบรนด์ที่จัดจำหน่ายยังไม่กว้างขวางมากแบบ World-wide เช่นนั้น ถ้าให้มองกลิ่นนี้คือกลิ่นอายสไตล์เข้าถึงได้ง่าย มาในแนวๆ Polo Blue, Antonio Banderas - Blue Seduction หรือ Clinique Happy ที่ไม่มีกลิ่นส้มเด่น เพียงแต่มีมิติกลิ่นที่มีความเป็นไม้หอมโดดเด่นจนแตะความเป็น Niche ใช้ง่าย ในโทนออกทางทะเลๆ แกล้มไม้หอมที่มีระดับอยู่พอสมควร และสุดท้ายกลิ่นนี้มาในแนว #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ชัดเจน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/1907/Cedar-43877.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น