วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Calvin Klein – Reveal Men


Calvin Klein – Reveal Men

มาถึงตัวล่าสุดของแบรนด์ Calvin Klein หรือ CK ที่ทุกๆ คนรู้จักกัน ที่ปล่อยออกมาเมื่อต้นปี 2015 ที่ผ่านมา และเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งในน้ำหอมที่เรียกว่ามาแบบ Amazing มาก เพราะหลายๆ ตัวที่เราๆ รู้จักกัน มักจะไม่ทน แต่หอมเข้าถึงง่ายทุกตัวไม่ว่าจะแนวไหน แต่กลับกลายเป็นว่าตัวนี้กินขาดเรื่องความทนแบบ เฮ้ย! นี่ CK จริงๆ เหรอเนี่ย เช่นนั้นลองดมกันครับกับรุ่นนี้ Reveal Men

Top Notes ก็บอกได้ถึงกลิ่นอายของหนุ่มเมโทรเท่ห์ๆ ที่มีกลิ่นอายแบบกรุ้มกริ่มเท่ห์ๆ เลยทีเดียว เพราะกลิ่นอายติดผลไม้โทนหวานฉ่ำอย่างเมล่อนและลูกแพร์จะมาเต็มเคล้ากับกลิ่นบรั่นดีเลยล่ะครับ กลิ่นช่วงนี้จะเริ่มต้นด้วยความนัวแบบติดหวาน มีความอวลๆ แบบกลิ่นเหล้าหอมเท่ห์ๆ แบบที่แต่งตัวออกงานดีๆ หรืออกแนวปาร์ตี้ค็อกเทลหรูๆ ริมสระว่ายน้ำอะไรประมาณนี้ ยังไม่พอส่งต่อให้ช่วง Middle Notes กับกลิ่นของเตกิล่า ที่หอมแบบเหล้าหวานๆ ลงตัว มีกลิ่นเกลือจางๆ โดยยังเคล้าความเป็นผลไม้ในตอนต้นอยู่ กลิ่นตอนนี้ได้อารมณ์เย้ายวนชวนจิบเลยล่ะครับ มีกลิ่นอายนุ่มๆ ของหนังจางๆ แบบผิวกายอุ่นๆ เข้ามาแทรกด้วย กลิ่นเรียกว่ากรุ้มกริ่มแบบไม่ได้ออกทางลั่นล้า แต่ออกทางขรึมๆ เท่ห์ๆ เสียมากมากกว่า จนเริ่มมีกลิ่นอายอบอุ่นมากขึ้นทีละนิดจนมารู้อีกทีก็เข้า Base Notes ไปแล้วกับกลิ่นครีมมี่ของถั่วตองก้า ที่มีกลิ่นอาย Smoky แกมอบอุ่นของโทนวู้ดดี้แทรกไปด้วย โดยที่กลิ่นโทนเตกิล่ายังคงอยู่ ตอนนี้แหละที่กลิ่นอายเซ็กซี่มาเต็มในรูปแบบที่ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเลยทีเดียว เป็นไงล่ะ เกินคาดมากมายจริงๆ กับรุ่น Reveal Men นี้

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นมันออกทางกรุ้มกริ่มแบบเท่ห์ๆ แต่ยังคงความเข้าถึงได้ง่ายอยู่ ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน โดยตัดออกกำลังกายออก งานทางการพอได้ แต่ถ้ารับแขกบ้านแขกเมืองกลิ่นมันยั่วไปนิด ใส่ทำงานแบบอยู่ในห้องแอร์ก็สามารถ ส่วนชิลล์ๆ หรือออกเดท และเที่ยวกลางคืน จัดไปกลิ่นพร้อมมากสุดๆ แถมยั่วยวนแบบเท่ห์ๆ เสียด้วยนะนั่น

ความทน – นี่แหละที่ Amazing เพราะเฮ้ย กลิ่นทนเกิน 12 ชม. คือ ไม่คาดฝันว่ามันจะใช่ จนใส่ซ้ำอีกหลายรอบ ก็ยังทนอยู่ถึง ซึ่งยังไงอย่างน้อยก็เกิน 8 ชม. ได้เลยล่ะครับนั่น

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และคงตัวการกระจายดีไปตลอดจนถึงปลายๆ ช่วงกลาง ก่อนจะผันเป็นออร่ารอบๆ ตัวอบอุ่นเย้ายวนในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นดีงามและมีระดับในแง่ของน้ำหอมโทนเจ้าสำราญแบบไม่ต้องแสดงออกเยอะมากได้ดีเลยล่ะครับ

Credit ภาพ http://assets-s3.usmagazine.com/uploads/assets/articles/77151-charlie-hunnam-doutzen-kroes-topless-calvin-klein-reveal-ads/1409937436_doutzen-kroes-charlie-hunnam-zoom.jpg

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: La Ong Siam Perfume – ชามะลิ (Jasmine Tea)


La Ong Siam Perfume – ชามะลิ (Jasmine Tea)

ผ่านไป 2 ตัวที่ได้กล่าวถึงแบรนด์น้ำหอมไทยน้องใหม่ที่ทำน้ำหอมออกมา Tribute บ่งบอกถึงความเป็นกลิ่นอายน้ำหอมไทยได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว ก็ได้เวลาเข้าสู่ตัวที่ 3 ที่ได้มีโอกาสใช้งานแล้วนั่นคือ ชามะลิ ซึ่งกลิ่นจะเป็นยังไงล่ะนั่น ผลออกมาคือ

คำจำกัดความ - ดอกมะลิติดครีมแน่นๆ สบู่กลิ่นมะลิกลั้วความนุ่มของหนัง และชามะลิอุ่นกรุ่นกำยาน

ยามที่ฉีดและใช้งานโดยภาพรวม กลิ่นนี้จะ Tribute ความเป็นมะลิเลยล่ะครับ เพราะมะลิจะอยู่ตั้งต้นยันจบเลย เพียงแต่เปลี่ยนลักษณะของกลิ่นไปในแต่ละช่วง และกลิ่นมีความภูมิฐานอยู่พอสมควร โดยเปิด Top Notes กันเต็มๆ ที่กลิ่นมะลิกลั้วกลิ่นอายของมะนาว โดยกลิ่นจะผสานกันออกมาจนเป็นกลิ่นอายโทนดอกไม้สีขาวแบบแน่นๆ กลั้วความสดชื่น เพราะกลิ่นอายในช่วง Middle Notes จะดันขึ้นมาเร็วมากจนมะนาวจะหายไปไวหน่อย แล้วเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกลิ่นโทนสบู่มะลิ มีกลิ่นอายของหนังนุ่มๆ ทำให้กลิ่นออกโทนนุ่มนวลมากขึ้น โดยมีกลิ่นชาที่เข้ามาเสริมให้กลิ่นออกทางชามะลิกลั้วโทนสบู่ชัดเจน ส่งต่อให้ช่วง Base Notes งานนี้ทะลิจะอ่อนลงไปให้ชาเด่นขึ้น โดยจะมีกลิ่นของกำยานที่จะมาในโทนอบอุ่นกำลังดี มีความหวานกำลังงาม โดยยังมีโทนสบู่สะอาดๆ ติดเนื้อไม้และกลิ่นอายติดแป้งของวานิลลาเข้ามาผสมด้วย เลยทำให้กลายเป็นกลิ่นชามะลิที่มีกลิ่นกำยานมาเป็นตัวดันให้กลิ่นออกทางเป็นชามะลิอุ่นๆ ใส่นมกลิ่นวานิลลาประมาณนั้นเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – สาวๆ เลยครับ ได้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ได้แล้ว โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ เพราะกลิ่นแน่นไม่น้อย ถ้าเจออากาศร้อนๆ จะตีขึ้นหนักเลยล่ะ งดใส่ออกกำลังกายจะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนจัดไป สามารถใส่ได้สบายๆ เลยล่ะครับ ส่วนผู้ชายก็สามารถใช้ตัวนี้ได้อยู่นะครับ เพราะมีความเป็น Unisex ในเนื้อกลิ่นอยู่ถึง 40% ได้เลยกับโทนสบู่และโทนอบอุ่นในช่วงท้าย

ความทน – 8 ชม. กำลังดีเลยล่ะครับ อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้น อยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคั

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น กลิ่นถือว่าแน่นเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ ที่ยังมีความแน่นอยู่ และปิดท้ายด้วย Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นมีความ Modern ผสมผสานกับความเป็นไทยได้ดีเลย ที่สำคัญเข้าถึงได้ง่ายเพราะความคุ้นชินกับกลิ่นมะลิแบบครีมๆ ไม่ได้หนักหน่วงแบบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้สีขาวหนักๆ แต่ประการใด

Credit ภาพ: https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1629426763947873.1073741830.1626693334221216&type=3

Review: Davidoff – Champion Energy


Davidoff – Champion Energy

จากน้ำหอมขวดดัมเบลสีดำในรุ่น Champion ปกติ ของ Davidoff ที่เน้นตอบโจทย์กลิ่นแมนๆ ล่ำๆ แบบยกเวท มาสู่น้ำหอมขวดดัมเบลสีขาวที่จะมาตอบโจทย์ผู้ชายที่ออกกำลังกายแนวๆ อื่นกันบ้างอย่างรุ่น Champion Energy ว่าจะแมนๆ เตะบอลกันหรือไม่ เช่นนั้นมาดมกลิ่นกันดีกว่าเนาะว่าเป็นยังไง 

ความแตกต่างในเรื่องของ Theme น้ำหอมของผู้ชายที่รักการออกกำลังกายน่ะ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงครับ แต่เปลี่ยนแปลงโทนกลิ่นมาในลักษณะที่ไม่ได้เขียวแมนแบบรุ่นต้นตำรับ แต่มาในโทนสว่างแบบกลางแจ้งเสียมาก เพราะเปิดตัว Top Notes ด้วยกลิ่นโทนซิตรัสของมะกรูดและเกรฟฟรุต ซึ่งจะหอมสดชื่นมาก กลิ่นติดคมๆ พอประมาณ แต่ไม่ได้เสียดจมูกจัดๆ จนรับไม่ได้ ซึ่งพื้นฐานกลิ่นจะออกทาง Sport กันอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้เลย และกลิ่นโทนซิตรัสนี้จะตามไปจนถึงช่วงท้ายเลยทีเดียว เรียกว่าคุมโทนให้สดชื่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ โดยไปผสานกับช่วง Middle Notes ก่อนเลย กับกลิ่นโทนเขียวๆ สะอาดๆ และมีโทนเครื่องเทศแบบสดชื่นแซมไปตลอด กลิ่นจะหอมสดชื่นและนวลขึ้นแบบนุ่มจมูกท่ามกลางกลิ่นอายที่สดชื่น และปิดท้ายด้วย Base Notes ที่จะเป็นกลิ่นวู้ดดี้ติดเขียวกำลังดี ซึ่งกลิ่นซิตรัสจะรองพื้นด้านหลังให้ ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะแมนๆ สะอาดๆ แบบอากาศดีๆ รอบตัวเลยทีเดียว ซึ่งภาพรวมมันเป็นน้ำหอมที่ออกทางกลางแจ้งชัดเจน ไม่ได้เขียวหรือแมนล่ำจัดเต็ม ออกทางหนุ่ม Sport ที่เน้นออกกำลังกายในรูปแบบที่เน้นการเคลื่อนไหวแบบเตะบอล เล่นบาส ตบวอลเล่ย์ ตีแบด วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือแนวๆ Cardio เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัย ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ กลิ่นใช้ง่ายและ Sport มากเลยล่ะ ที่สำคัญเข้าถึงได้ง่ายมาก เป็นกลิ่นที่ใครได้กลิ่นก็มักชอบได้ไม่ยาก สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย แถมเข้ากับอากาศบ้านเราสุดๆยิ่งใส่ออกกำลังกายนี่ได้เลยกลิ่นสดชื่นสบายๆ มากมาย ส่วนยามค่ำคืนแบบใส่เที่ยวกลางคืน ก็ใส่ได้แต่อาจจะไม่ได้เน้นยั่วยวนเท่านั้นเองครับ

ความทน – บอกเลยว่าน่าสนใจมากกับน้ำหอมโทน Sport แบบนี้ เพราะอยู่ระหว่าง 6 – 8 ชั่วโมงขึ้นไป อยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ โดยส่วนตัวกับ 6 สเปรย์กดเต็ม (รวมฉีดเสื้อด้วย) อยู่ที่ 12 ชม. เลยจ้า ยกนิ้วให้เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดลงมาเป็นกระจายกลางๆ ค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัว และปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่ตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อนเลยล่ะ

ทิ้งท้าย – ส่วนตัวผมชอบมากกว่าตัว Champion ที่เป็นดัมเบลสีดำ เพราะชอบกลิ่นออกทางสดชื่นสบายๆ แบบนี้ แถมเป็นพวกออกกำลังกายแบบ Cardio เป็นหลักด้วย เลยออกแนวปลื้มโทนนี้มากกว่าครับ

Credit ภาพ: Fragrantica - http://fimgs.net/images/secundar/o.15652.jpg

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Yves Rocher - Secrets d'Essences Neroli


Yves Rocher - Secrets d'Essences Neroli

ถ้าใครชอบน้ำหอมโทนกลิ่นดอกส้มแบบสดชื่น ไม่ใช่แบบดอกส้มแน่นๆ อัดหนักจนเบลอและมึนหัว แถมกลิ่นอยู่ระหว่างการเป็น Guerlain Aqua Allegoria Nerolia Bianca กับ Tom Ford Neroli Portofino แบบอยู่มันตรงกลางเลยล่ะ ตัวนี้ของ Yves Rocher เลยเป็นตัวที่น่าสนใจในราคาที่ไม่ได้แพงเท่ากับ 2 แบรนด์ที่กล่าวถึงข้างต้นเสียด้วยนะครับกับรุ่นนี้เลย Secret d'Essences Neroli

เพราะ Guerlain Aqua Allegoria Nerolia Bianca จะมากับความเป็นน้ำดอกส้มใสๆ เหมือนส้มที่รวมกันทั้งต้น และ Tom Ford Neroli Portofino จะมาในรูปแบบของสบู่ดอกส้มราคาแพงที่ทนจัดและหรูหรามาก เช่นนั้นตามที่กล่าวไป Secret d'Essences Neroli จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ 2 รุ่น ที่ว่า คือ Top Notes จะเป็นกลิ่นโทนใสๆ ที่มีความเป็นซิตรัสของส้มและความเขียวของใบส้ม กลิ่นอายจะมาแบบเย็นๆ สดชื่นแบบนวลๆ เรียกความกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดีเลย แล้วกลิ่นของดอกส้มจะเริ่มดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Middle Notes ที่จะกลายเป็นลักษณะของสบู่ดอกส้มแบบที่ไม่หนักหน่วง ให้ความหอมนวลๆ แบบดอกไม้สีขาวที่ติดทางใสๆ ยังมีความสดชื่นติดโทนเปรี้ยวอมหวานหอมนวลตามธรรมชาติได้อย่างลงตัว กลิ่นในช่วงนี้สามารถเรียกคำชมได้สบายๆ เลยนะครับ เพราะมันหอมโทนสบู่ดอกส้มติดสดใสสบายๆ ได้ดีเลยล่ะ จนเข้า Base Notes กลิ่น Musk จะเป็นตัวหลักที่ให้กลิ่นโทนนุ่มเย้ายวนแนวสะอาดติดผิว โดยยังมีกลิ่นอายสบู่ดอกส้มตามมากลั้วแบบกำลังดี เรียกว่าเป็นกลิ่นที่ได้ทั้งน่ารัก สดใส ธรรมชาติ และหอมสื่อถึงดอกส้มได้ดีตัวนึงเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – แบรนด์เขาตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งจริงๆ กลิ่นนี้มีความเป็น Unisex อยู่ประมาณ 30% เลยล่ะ เพราะตัวใกล้เคียงที่พาดพิงถึงนั้นเป็น Unisex ทั้งคู่ ตัวนี้ได้ไม่ต่าง เพียงแต่จะ Unisex น้อยกว่าเพราะกลิ่นดอกส้มในตัวนี้เขาปรับให้ออกโทนผู้หญิงหน่อยๆ นั่นเอง ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและไม่ทางการ จะให้ความรื่นรมย์ได้ดีมากเลย แต่ถ้าจะใส่ออกกำลังกาย ในรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน ถ้าทั่วๆ ไปอากาศร้อนๆ ใส่ได้สบายๆ ครับ แต่ไม่เหมาะกับการใส่เที่ยวชนแก้วเหล้าเลยล่ะ

ความทน – เพราะเป็น EDP ด้วย ความทนจึงน่าพึงพอใจกับ 8 ชม. และมากกว่านี้ได้ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะส่วนตัวผมเจอไปแล้ว 10 ชม. แบบอากาศร้อนๆ เหงื่อออกด้วยนะครับนั่น

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น สดชื่นกันเลยทีเดียว แล้วลดลงมากระจายกลางๆ ที่คนอื่นรอบๆ ตัวจะได้กลิ่นไม่ยาก ปิดท้ายด้วย Skin Scent เลยครับ

ทิ้งท้าย – เพราะตัวนี้ทำให้ผมตัดสินใจระงับการซื้อ Tom Ford Neroli Portofino ทั้งๆ ที่อยากได้มานานมาก เพราะราคามันถูกกว่ากันเยอะเลย 555555 เอามาเป็นตัวตายตัวแทนกันไปก่อน และแถมมี Guerlain รุ่นที่กล่าวไปตอนต้นอยู่แล้วด้วย อีกอย่างคือ Yves Rocher ไม่เคยทำน้ำหอมออกมาแล้วใช้ยากเกินเหตุด้วยแหละครับ ซึ่งประทับใจรุ่นนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

Credit ภาพ: Fragrantica - http://www.punmiris.com/himg/o.18925.jpg

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Regina Floris: with Rose Oil of Bulgaria EDP for Men


Regina Floris with Rose Oil of Bulgaria Eau de Parfum for Men 

ถือเป็นน้ำหอมแบบ Local Brand ของ Balgaria เลยนะครับ ที่ผมมีโอกาสได้มาครอบครอง ซึ่งแน่นอนว่าพอเจอ Rose Oil of Bulgaria ตางี้โตเลย เพราะกลิ่นกุหลาบบัลแกเรีย เป็นอีกหนึ่งกุหลาบที่หอมมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว แถมมีความโรแมนติคติดกลิ่นอายสดชื่นเสียด้วย เลยจัดไป ผลออกมาก็คือ 

นี่มันนนนนนนน! Armani Code แบบที่ใส่ความเป็นกุหลาบเข้าไปนำเด่นนี่หว่าาาาา มันใช่เลยล่ะ สิ่งที่โดดเด่นมากคือ กลิ่นกุหลาบบัลแกเรียที่จะแทรกซึมไปทุกๆ ช่วงของน้ำหอมตัวนี้ตั้งแต่ต้นยันจบ ทำให้มีกลิ่นอายแบบโรแมนติคไปตลอดนี่แหละครับ เริ่มจาก Top Notes ที่จะมาในลักษณะของซิตรัสติดกลิ่นอายเครือ่งเทศโทนหวาน ซึ่งน่าจะมาจากโป๊ยกั๊ก โดยที่กุหลาบบัลแกเรียจะมาเสริมมให้กลิ่นโทนซิตรัสในช่วงนี้ออกทางนวลๆ หอมสดชื่นแบบแน่นกำลังดี มีความหวานเย้ากำลังงาม ส่งต่อให้ Middle Notes กลิ่นกุหลาบจะเริ่มนวลติดหวานกำลังดีตีคู่กับยาสูบที่มาให้ความหวานแบบแมนๆ และมีโทนครีมมี่หอมนุ่มกลั้วไปตลอด โดยที่กลิ่นเครื่องเทศโทนหวานก็ยังคงอยู่ กลิ่นหอมเย้าโรแมนติคเลยล่ะครับ จนปิดท้ายที่ Base Notes งานนี้ไม่ใช่เป็นแบบ Code แล้ว เพราะกลิ่นโทนไม้หอมจะตีคู่มากับกุหลาบที่จะให้โทนแป้งหอมนวลๆ สะอาดสะอ้าน เรียกว่าเป็นกลิ่นกุหลาบในรูปแบบที่แมน หวาน เย้า และโรแมนติค และน่าสนใจตรงที่เอาความเป็น Code มาผสานกับกุหลาบนี่แหละครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็สามารถใส่ได้แล้ว เพราะกลิ่นจะมาในรูปแบบที่เป็น Code กลั้วกุหลาบ และไม่หนักหน่วงเกินไปนัก สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ขอตัดในส่วนออกกำลังกายออก ยิ่งถ้าใส่ออกงานหรือเน้นโรแมนติคเข้าทีสุดๆ ส่วนยามค่ำคืนใส่เที่ยวก็ใส่ได้สบายๆ เลยล่ะครับ แต่อาจจะไปรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับคนที่ใส่ Code มาเที่ยว (ที่บอกเลยเกิน 70% ใส่ Code มาเที่ยวกลางคืนจนกลิ่นเหมือนกันไปหมด) หน่อยนะครับ

ความทน - เป็น EDP เช่นนั้นสิ่งที่เจอ 8 ชม. สบายๆ แต่ไม่เกิน 10 ชม. จากการใช้จริงครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ลดลงมากระจายกลางๆ และปิดท้ายด้วยออร่าแบบแป้งหอมติดผิวรอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย - กลิ่นดีเลยทีเดียว มีลักษณะเป็นกุหลาบผสม Code ได้ลงตัว เพียงแต่จะไม่แน่นเท่า Code ที่สำคัญไม่ได้หาได้ง่ายๆ ด้วยนะนั่น ต้องสั่งจาก EBay ฝากคนที่ไปเที่ยวซื้อ หรือไม่ก็สั่งตรงจากเวบของบัลแกเรียน่าจะเข้าทางที่สุดครับ

Credit ภาพ: http://www.made-in-bulgaria-on-line.net/WebRoot/StoreES2/Shops/63987336/52F5/D814/7A76/3DD4/3E64/C0A8/2ABA/951D/perfum-1024X1280.jpg

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Cartier - Baiser Vole Lys Rose


Cartier - Baiser Vole Lys Rose

หลังจากผมปลื้มและบอกเล่าไปแล้วถึงลิลลี่อุ่นๆ กรุ่นวานิลลากับ Essence de Parfum ก็มาต่อกันที่อีกรุ่นว่าคราวนี้จะเป็นลิลลี่แบบไหน ซึ่งก็คือ Baiser Vole Lys Rose รุ่นนี้นี่เอง 

เปิดตัวกันด้วยความเป็นสีชมพูกันเลยล่ะครับ เพราะ Top Notes กลิ่นของราสเบอร์รี่จะเด่นมาก ให้ทั้งความหวานหอมติดอมเปรี้ยวสดชื่นกำลังดี โดยมีกลิ่นอายของลิลลี่ที่รองพื้นอยู่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกแบบเป็นลิลลี่สีชมพูที่ทั้งหวานและสดใสมาก ให้ความรู้สึกถึงสีชมพูบานเย็นแบบสดใส จนเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นอายหอมหวานของราสเบอร์รี่ยังตามมา แต่ลิลลี่จะเด่นมากขึ้น โดยมีโทนแป้งหอมติดกลิ่นกุหลาบจางๆ และโทนดอกไม้สีขาวเป็นฉากหลังให้รู้สึกได้อยู่ โดยกลิ่นโทนสีชมพูจะลดโทนลงมาเป็นชมพูโทนสว่าง กลิ่นในช่วงนี้ให้ความรู้สึกอ่อนหวานที่ลงตัว และเป็นกลิ่นโทนดอกไม้ที่หอมหวานแบบไม่ได้ออกทางเข้มหนัก กลิ่นยังคงเซทตัวที่ความสดใสก็ได้ ติดโทนแป้งก็ดีโดยไม่มีคำว่าหนักจมูกเลย ส่งต่อให้ Base Notes กลิ่นลิลลี่ก็ยังคงอยู่ ยังคุมโทนสีชมพูเช่นเคย เพียงแต่จะลดระดับมาเป็นชมพูอ่อนๆ เพราะกลิ่นอายของวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่น จะมาให้ความรู้สึกออกโทนแป้งเบาๆ มีกลิ่นอายนุ่มสะอาดของ Musk กำลังดี โดยภาพรวมกลิ่นนี้จะให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงที่ทั้งน่ารัก สดใส และอ่อนหวานในแบบสีชมพูไล่เรียงระดับกันได้ดีมากเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วจ้า กลิ่นน่ารัก สดใส และอ่อนหวานเลยล่ะ ยิ่งใครชอบสีชมพูกลิ่นนี้คุมโทนให้คนใส่เป็นสีชมพูไปด้วยไม่ยากเลย สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและไม่ทางการ ยิ่งใส่เสื้อสีชมพูนะ เข้ากั๊นนนน เข้ากัน ยกเว้นใส่ออกกำลังกายที่จะไม่เหมาะนัก ยามกลางคืนถ้าทั่วๆ ไป ก็เข้าทางครับ แต่ไม่เหมาะกับการใส่เที่ยวเต้นเด้งหน้าเด้งหลังเมาเละเลย บอกตรงนี้ ส่วนคุณผู้ชาย ถ้าไม่แคร์อยากเป็นสีชมพู ก็จัดไป 555555

ความทน - กลิ่นทนดีเลยล่ะครับ อยู่ที่ 8 ชม. กำลังดี

การกระจาย - เป็นข้อดีนะครับ ที่ตัวนี้ไม่ได้กระจายมาก ให้หอมฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกับตัวเองเป็นหลัก หรือให้คนที่เข้ามาอยู่ใกล้ๆ หรือเดินสวนระยะประชิดได้กลิ่นโทนสีชมพูจากคนใส่ ซึ่งกลิ่นจะกระจายกลางๆ ในช่วงต้นและลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - กลิ่นสาวววววมากกกกกก บอกเลยผมใส่อยู่บ้านมีแต่คนทักว่าน้ำหอมสาวไปไหม กลิ่นชมพู๊ ชมพู ก็เลยแถไปว่า ก็อยากโลกนี้สีชมพูบ้าง ไรบ้าง 555555555

Credit ภาพ: http://beautydelights.pl/wp-content/uploads/2015/02/lys_002.jpg

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Montale – Roses Elixir


Montale – Roses Elixir

เพียงแค่ชื่อรุ่นอย่าง Roses Elixir ก็ความหมายดีไม่น้อยกับการเป็นน้ำกุหลาบอมฤต เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสลองจากการแถมมาจากการซื้อน้ำหอมของ Montale ที่มาตั้ง Shop อยู่ที่ภูเก็ต สิ่งที่ได้มันอะเมซซิ่งมากเลยทีเดียวแม้ว่าจะเป็นน้ำหอมผู้หญิงก็ตาม เพราะ

กลิ่นที่ได้เป็นกลิ่นกุหลาบกับสตรอเบอร์รี่ที่หอมนุ่มนวลมากกกกกกก พูดเลย! เปิดต้นกลิ่นยามแรกฉีดด้วยกลิ่นซิตรัสติดโทนเขียวของใบไม้ และยังมีกลิ่นออกทางครีมมี่ขนมจางๆ ก่อน ออกทางกลิ่นลูกอมรสผลไม้ที่ผสมครีมหน่อยๆ พอไม่นานกลิ่นของสตรอเบอร์รี่จะดันขึ้นมากลั้วกับโทนซิตรัส มีกลิ่นของส้มเขียวหวานจางๆ ให้กลิ่นดูสดชื่นขึ้น ตีคู่มากับกลิ่นกุหลาบสีชมพูที่เด่นขึ้นมาพร้อมๆ กันจนกลายเป็นกลิ่นกุหลาบกลั้วสตรอเบอร์รี่ที่หอมละมุนมาก ตัวกลิ่นถือว่าคาบเกี่ยวความใสของผลไม้ และความนุ่มนวลของกุหลาบ และมีความครีมมี่นุ่มๆ กลั้วไปตลอด เรียกว่ากลิ่นในช่วงนี้เป็นเอกลักษณ์ที่หอมหวานเหมือนยืนท่ามกลางสวนสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกกุหลาบแซมๆ แล้วมีตระกร้าปิคนิคที่กลิ่นขนมแบบครีมนุ่มๆ ลอยผสมผสานกันมาเลยล่ะครับ หอมจริงหอมจังมากมาย จนเมื่อเข้าช่วงท้ายกลิ่นของความเป็นกุหลาบกลั้วสตรอเบอร์รี่จะจางลงไปเป็นฉากหลังให้กลิ่นโทนครีมนุ่มๆ ที่รองพื้นด้านหลังมาตลอดเด่นขึ้นมาแทนนั่นคือ Musk และวานิลลา โดยมีกลิ่นอบอุ่นโทนวู้ดดี้มาผสมผสาน มีความเย้ายวนกำลังดี หอมนุ่มนวลไปตลอดแบบที่ยังคง Concept กลิ่นกุหลาบในอีกรูปแบบที่ Montale นำเสนอได้อย่างน่าสนใจมากมายเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – สาวๆ เลยจ้า กลิ่นนี้ของผู้หญิงเต็มๆ ให้ได้หมดทั้งความสดใส ความนุ่มนวล ความหวานที่กำลังดี และความครีมมี่อบอุ่น สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ขอยกเว้นการออกงานทางการจัดๆ ถ้าจะออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ หน่อยจะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนจัดได้เลย กลิ่นน่ารักหอมหวานเลยล่ะ ส่วนผู้ชายจริงๆ ถ้าไม่แคร์ก็จัดไปครับ ยิ่งใครชอบกลิ่นสตรอเบอร์รี่ (กลิ่นนี้เด่นกว่ากุหลาบอีกนะเออ) ก็จะปลื้มอย่างที่ผมปลื้มได้ไม่ยาก

ความทน – จะให้เสียชื่อ Montale คงไม่ได้ เพราะล่อไป 12 ชม. ยังได้กลิ่นอยู่เลย เช่นนั้นยังไงก็เกิน 8 ชม. ได้ไม่ยากครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงต้น หอมลูกอมเปรี้ยวอมหวานติดกลิ่นสตรอเบอร์รี่ซิตรัสครีมมี่มากมาย ก่อนจะลดลงมาเป็นกุหลาบกลั้วสตรอเบอร์รี่ครีมมี่หอมหวานที่จะกระจายดีในช่วงกลาง และปิดท้ายด้วยกระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวแบบนุ่มนวลในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ตอนแรกได้กลิ่นคิดอย่างเดียวว่ามันสาวมากกกก แต่พอใช้จริง เออ ไม่แคร์ ก็กลิ่นหอมหวานจนชอบมากไปเลย ใครแซวพ่อจะปล้ำให้หนำใจเล๊ยยยยยย คอยดู 55555555

ป.ล. ถ้าใครสนใจน้ำหอมของ Montale ที่ Shop ภูเก็ต มีเป็น 100 รุ่นเลยนะที่นั่นน่ะ แต่ไม่สามารถไปหาซื้อเองได้เพราะไกลไป ลองเข้าไปเยือนเว็บเขาได้เลยจ้าhttp://asiafragrance.com/en/

Credit ภาพ: http://www.alathar.com/alathar/web/img/pic21409727081.jpg

Review: Carolina Herrera – 212 VIP Men


Carolina Herrera – 212 VIP Men

ต้องบอกเลยว่า นี่คือหนึ่งในรุ่นที่รับช่วงต่อความเย้ายวนที่แตกต่างมาอีกรูปแบบหนึ่งของโซน 212 ของแบรนด์ Carolina Herrera เลยทีเดียว แถมมีคอนเซปท์ที่น่าสนใจคือ “งานปาร์ตี้ยามค่ำคืนที่คุณเป็นหนึ่งใน List ที่ได้รับเชิญ” เลยทำให้กลิ่นที่ได้มันต้องออกทางเจ้าชู้ประตูดินแน่ๆ ซึ่งกลิ่นที่ออกมาเป็นเช่นนี้เลยครับ 

212 VIP จะเปิด Top Notes ด้วยกลิ่นโทนกรุ้มกริ่มและเจ้าสราญกันก่อนเลยกับกลิ่นของเหล้าจินโทนิคที่ผสมผสานกับกลิ่นของเสาวรสเปรี้ยวๆ แบบไม่มีกลิ่นติดเอียน กลิ่นจะสดชื่นติดหวานแบบเจ้าชู้กำลังดี โดยมีกลิ่นอายสะอาดๆ ของพริกไทยกับโทนเย็นติดเขียวของมิ้นท์แกล้มไปตลอด เรียกว่ากลิ่นเปิดนี่หนุ่มเมโทรปล่อยเสน่ห์กันเลยล่ะครับ เพียงไม่นานก็เข้าสู่ช่วง Middle Notes งานนี้กลิ่นจะเริ่มทวีความเป็นเจ้าสำราญมากขึ้น โทนสดชื่นแบบค็อกเทลที่เด่นด้วย Vodka จะมาเต็ม โดยจะมีมะนาวกับเสาวรสที่เสริมให้กลิ่นยังคงสดชื่นอยู่ แต่มันจะกรุ้มกริ่มติดหวานขึ้นมาด้วย เรียกว่ากลิ่นเจ้าสำราญก็จริง แต่ยังมีชั้นเชิงมากพอที่ออกทาง Nice Guy มากกว่าจะออกทางขี้หลี เหมือนหนุ่มเท่ห์ๆ ที่สาวๆ เห็นแล้วอยากเข้าไปชนแก้วด้วย ไรงี้ แล้วกลิ่นโทนนุ่มอบอุ่นจะเริ่มดันขึ้นมาจนเข้าสู่ช่วง Base Notes โดยกลิ่นหนังแบบนุ่มๆ ลงตัวจะผสานกับโทนวู้ดดี้เป็นดลิ่นอายที่ดึงดูดกลิ่นโทนเหล้าได้ลงตัวมาก มีกลิ่นอายอบอุ่นรุมๆ จาก Amber ที่ให้ความรู้สึกแบบแอลกอฮอล์เข้าเลือดแล้วร่างกายอบอุ่นติดเย้ายวนเรียกว่ากลิ่นช่วงนี้ถ้าคลุกวงใน มีฟินนนนแล้วคลุกต่อได้นะครับ กลิ่นเรียกว่ามาแนวเจ้าชู้ เจ้าสำราญแบบมีระดับ เฉกเช่นเดียวกันกับชอลิ้วเฮียงที่สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายๆ คนเห็นแล้วแล้วอยากเป็นเมียเอกกันได้เลยล่ะนะ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป สามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งถ้าใส่ทำงานก็พอได้ แต่จำกัดจำนวนสเปรย์หน่อย ไม่งั้นอาจจะดูเมาอะไรแต่เช้ามานั่น หรือใส่แบบชิลล์ๆ ออกเดทแบบกรุ้มกริ่มก็เข้าที ที่สำคัญใส่เที่ยวกลางคืนได้เลย กลิ่นเย้ายวนกรุ้มกริ่มแบบหนุ่มเท่ห์เมโทรกันชัดๆ ตัดการใส่ออกงานทางการแบบที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือออกไปได้เลย กลิ่นไม่เหมาะนัก สุดท้ายเอาจริงๆ น้องๆ มหาลัยก็ใส่ได้ครับ แต่จะเหมาะกับงานปาร์ตี้กลางคืนเสียมากกว่า

ความทน – ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนมากเลยทีเดียวกับ 8 ชม. ขึ้นไป ซึ่งส่วนตัวเจอมาที่ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นเต็มๆ อยู่เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น บอกเลยจะมาแบบค็อกเทลผลไม้กันเลย แล้วลดระดับลงมากระจายดีไปตลอดบ่งบอกความเป็นหนุ่มนักปาร์ตี้เท่ห์ๆ และปิดท้ายที่กระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ตรงๆ ผมเคยรู้จักพี่คนนึงที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เป็น Signature ซึ่งกลิ่นขับเสน่ห์มากมาย เรียกว่าพี่เขาหัวกระไดแทบไม่แห้งเลย แถมเข้ามาหมดทุกเพศเสียด้วยนะเออ เก๋ไหมล่ะครับ 55555

Credit ภาพ: http://www.theperfumeshop.com/pws/images/catalogue/products/7583/zoom/7583.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Moschino UOMO


Moschino UOMO

ถ้าจะมองว่าน้ำหอมตัวนี้กลิ่นอายอาจจะออกทาง Old School ไหม? เอาเข้าจริงไม่ใช่เลย กลิ่นออกทางร่วมสมัยเสียมากกว่า แถมคาบเกี่ยวกันอย่างดีระหว่างความเป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษกับความชิลล์ๆ สบายๆ เสียด้วยซ้ำ เช่นนั้นมารู้จักกับน้ำหอมผู้ชายที่น่าสนใจมากตัวนึงของ Moschino กับรุ่น UOMO กันครับ 

Top Notes มันกลิ่นสบู่สดชื่นติดเขียวๆ และมีกลิ่นของส้มจี๊ดเด่นขึ้นมาแบบไม่หนักจมูกเลย เพราะมีกลิ่นซ่าๆ ติด Spice มาตัดให้กลิ่นสบู่คมๆ ติดเขียวไม่ให้มันแรงจนเสียดจมูก กลิ่นจะสดชื่นไปตลอดจนไม่นานกลิ่นโทนอุ่นๆ ติดสมุนไพรจะเริ่มดันขึ้นมากลายเป็น Middle Notes กับกลิ่นของโทนวู้ดดี้ติดกลิ่นออกทางกุหลาบกลั้วไม้ ผสานกับอบเชย กลิ่นจะอบอุ่นติดหวานกำลังดีไปตลอดเลย โดยกลิ่นในช่วงต้นยังคงตามมาเป็นฉากหลังให้รู้สึกได้ ซึ่งได้อารมณ์แบบสุภาพบุรุษที่ทั้งสดชื่นติดภูมิฐาน โดยมีความผ่อนคลายแบบ Mr.Nice Guy ในเนื้อกลิ่นเลยทีเดียว และกลิ่นนุ่มๆ ของ Musk จะดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วง Base Notes เต็มตัว โดยจะมีโทนวู้ดดี้อ่อนๆ แทรกไปตลอด ให้ความรู้สึกนุ่มเย้าและสะอาดสะอ้านไปตลอด โดยที่โทนอบอุ่นในช่วงกลางจะยังตามมาแบบเบาๆ ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายความหอมแบบผู้ชายสะอาดสะอ้านและสบายๆ ได้ดีเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นคาบเกี่ยวความเป็นสุภาพบุรุษในแบบที่ไม่ Old School ออกทางร่วมสมัยที่ใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือไม่ทางการ แต่ในส่วนของการออกกำลังกายแนะนำให้รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามคำคืนถ้าทั่วๆ ไป ก็ใส่ได้กับอากาศแบบบ้านเรา แต่ถ้าใส่ไปเมาต้องอัดสเปรย์หน่อยก็พอสู้เขาได้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้ยั่วยวนชวนได้กลับบ้านเท่าไหร่นะครับ

ความทน – ต้องยกให้เขาเลยเพราะเกิน 8 ชม. สบายๆ ซึ่งส่วนตัวผมเจอที่ 10 ชม. กลิ่นยังอยู่ให้รับรู้ได้ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในส่วนต้น สดชื่นติดนุ่มๆ กันเลยทีเดียวล่ะ แล้วลดลงมากระจายกลางๆ ไปจนถึงการเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ถือเป็นรุ่นที่ Moschino ทำออกมาได้ดีเลยล่ะครับ และแอบเป็นต้นแบบให้รุ่น Forever ที่ทำออกมาเป็นโทนทันสมัยมากกว่าในรูปแบบที่สดชื่นแกมอบอุ่นกำลังดีคล้ายกันนั่นเอ

Credit ภาพ: http://cdn1.feelunique.com/img/products/19900/Moschino_Uomo_Eau_De_Toilette_Spray_125ml_1386167927.png

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

Review: Hermes – Eau d'Orange Vert


Hermes – Eau d'Orange Vert (EDC)

แตะกันไปแล้วที่รุ่น Concentree (Intense) ของตัวนี้ ที่เรียกว่าเป็นตัวยอดนิยมมาเสมอตั้งแต่อดีตยันถึงปัจจุบันของ Hermes โดยคราวนี้จะมาที่รุ่น EDC ที่พึ่งมีการปรับใหม่ ให้เป็นหนึ่งในหัวหอกของ Collection Cologne เช่นนั้นจะเป็นยังไง ว่าหอมกลิ่นผ่านตัวอักษรกันครับกับ Eau d&Orange Vert (EDC) 

เปิดต้นกลิ่นมาได้แบบธรรมชาติมาก กลิ่นสดใสและสดชื่นเลยทีเดียว เป็นกลิ่นของส้มติดเขียวและมีความขมในเนื้อกลิ่นที่เหมือนเราผ่าส้ม แล้วกลิ่นส้มผสมกลิ่นจากเปลือกของมันลอยขึ้นมา ซึ่งกลิ่นมาแบบโทนใสสว่างเลยล่ะครับ แถมมีกลิ่นอายเย็นวาบๆ ติดเขียวของมิ้นท์มาเสริมด้วย เลยได้อารมณ์เหมือนเปิดยามเช้าที่สดชื่นและอากาศดีเลย ส่งต่อให้ช่วงกลางจะเป็นโทนซิตรัสที่ติดเขียวเช่นเคย โดยยังมีกลิ่นส้มจางๆ มากลั้วกับเลมอนหน่อยๆ โทนเขียวของ Oak Moss เสริมขึ้นมา กลิ่นช่วงนี้จะได้อารมณ์สะอาดๆ เรียบง่าย สดชื่น และสบายๆ กลิ่นจะไม่ได้หนักหน่วงตามประสาความเป็น Cologne ลากยาวไปที่กับกลิ่นออกทางวู้ดดี้อ่อนๆ ติดพิมเสนจางๆ กลิ่นออกทางผิวกายสะอาดๆ เสียมาก ภาพรวมเป็นอีกกลิ่นที่ให้อารมณ์ความเป็น Hermes ที่ลงลายเซ็นของแบรนด์ชัดเจนไม่พอ ยังเป็นน้ำหอมกลิ่นสบายๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายมากเสียด้วยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – Unisex กลิ่นแบบว่าได้ทุกเพศทุกวัยเลย เข้าถึงได้ง่ายมาก และเป็น Safe Scent ที่ไม่รบกวนใครเลย สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งอากาศบ้านเมืองเรานี่ยิ่งเข้าทางมากมาย ใส่ออกกำลังกายนี่ก็ช่วยทำให้สดชื่นได้มากเลยทีเดียว ส่วนยามกลางคืน มองข้ามไปเถอะ เบาไปจ้า

ความทน – เหอ เหอ เป็น Cologne นี่เนาะ แถมกลิ่นโทนซิตรัสนำแบบนี้ จงอย่าได้คาดหวังความทนครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่เกิน 3 ชั่วโมงกลิ่นก็จางหายแล้ว อย่างดีก็ 4 ชม. ครับ พกไปเติมระหว่างวันจะดีที่สุด

การกระจาย – กระจายกลางๆ กำลังดีในตอนต้น ให้คนฉีดรู้สึกสดชื่น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว และเป็น Skin Scent ตั้งแต่ปลายๆ ช่วงกลางเป็นต้นไป แล้วหายไปในที่สุด

ทิ้งท้าย – เอาเข้าจริง ราคามันสูงนะครับ ซึ่งถ้าเทียบราคากับความทนแล้ว มันดูไม่คุ้มอย่างบอกไม่ถูก ไปเลือกรุ่น Concentree จะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าไม่คิดมาก นี่คือหนึ่งใน Cologne ที่กลิ่นดีงามตามแบบฉบับของ Hermes เลยล่ะครับ

Credit ภาพ: http://media.hermes.com/media/wysiwyg/Prehome/Fragrances/orange-verte.jpg