Karl
Lagerfeld for Him
ว่ากันในนามของ
Karl
Lagerfeld หลายๆ
คนที่ติดตามวงการแฟชั่นคงรู้จักกันดีไม่น้อยในความแซ่บของป้าที่มาเต็มสุดๆ ในทุกๆ
ครั้ง (ณ ปัจจุบันร่วมงานกับ Chanel อยู่)
ที่สำคัญเคยมีแบรนด์น้ำหอมเป็นของตัวเองมาก่อนเสียด้วย แถมกลิ่นแรกที่คลาสสิคสุดๆ
ก็มีความแหวกแนวอย่างอาจหาญมากในช่วงเวลานั้นเสียด้วย เรียกว่าใส่ความ Unique
มาเต็มๆ แล้วเมื่อปี 2014 ก็ได้เห็นว่ามีน้ำหอมของป้าได้มาทำการตลาดในบ้านเรากับการตีคู่รุ่น
Him และ Her เมื่อเป็นเช่นนั้นต้องมาจัดซะหน่อยว่า
กลิ่นจะมาในลักษณะไหนจะแหวกแนวหรือไม่ ผลออกมาคือ
Karl Lagerfeld for Him เรียกกว่าเป็นอีกด้านหนึ่งที่มากับความนวลและสบายๆ น่าจะดีกว่า เพราะตัวนี้มาในแนวของความเป็น Safe Scent ในระดับหนึ่งที่เข้าถึงได้ง่ายมากกับความเป็นน้ำหอม Designer ที่เจาะตลาด Mass โดยเปิดตัวที่ Top Notes กับการเป็นกลิ่นโทนนุ่มเด่นขึ้นมาก่อนเลยกับการเป็นลาเวนเดอร์ที่ให้ความนวลจมูกโดยจะมีกลิ่นโทนแป้งสบายๆ รองพื้นด้านหลังพอให้รู้สึกได้ และยังกลิ่นของโทนซิตรัสมาเป็นตัวล้อมเบาๆ แบบที่ไม่คมให้กลิ่นมีความสดชื่นให้รู้สึกได้ กลิ่นช่วงนี้บอกเลยว่าเป็นกลิ่นที่สามารถทำให้ตัดสินใจซื้อได้ทันที เพราะกลิ่นจะดึงดูดให้รู้สึกชอบได้แบบไม่ต้องรอช่วงอื่นๆ แต่แม้ว่าจะรอช่วงอื่นๆ กลิ่นก็ยังคุมโทนความเข้าถึงง่ายชวนชอบได้มากอยู่ดีเพราะ Middle Notes โทนแป้งที่พอรับรู้ได้ในช่วงต้นจะเปิดเผยกันอย่างชัดเจนกับการเป็นแป้งหอมโปร่งๆ โล่งสบายมีความสะอาดนวลๆ และมีกลิ่นอายเขียวๆ แซม เพราะมาจากความเป็นดอกไวโอเล็ตผสมผสานกับลาเวนเดอร์ที่ตามมาตั้งแต่ตอนต้น แต่ที่ชัดเจนกว่าคือ กลิ่นของแอปเปิ้ลเขียว รับช่วงต่อจากโทนซิตรัสในตอนต้นมาแล้วพอมาผสมกับโทนแป้งโปร่งๆ กลายเป็นกลิ่นนุ่มสดชื่นติดผลไม้ได้ไม่ออกทางสาวเลย กลิ่นมีความแมนแบบนุ่มๆ มีความขี้เล่นจางๆ ลงตัว จนส่งต่อไปที่ Base Notes กับความเป็นแป้งที่ยังคงอยู่ แต่จะมีกลิ่นอายของไม้หอมอ่อนๆ อบอุ่นจางๆ สบายๆ รองพื้นด้านหลังแบบหอมสะอาดๆ นวลๆ ภาพรวมจึงไม่ได้มีความแหวกแนวอะไรแบบน้ำหอมของป้ามาตั้งแต่ช่วงต้นนัก แต่เป็นอีกอ้านที่ให้ความนวลสบายๆ ใช้ง่าย เข้าถึงง่ายนั่นเอง
Karl Lagerfeld for Him เรียกกว่าเป็นอีกด้านหนึ่งที่มากับความนวลและสบายๆ น่าจะดีกว่า เพราะตัวนี้มาในแนวของความเป็น Safe Scent ในระดับหนึ่งที่เข้าถึงได้ง่ายมากกับความเป็นน้ำหอม Designer ที่เจาะตลาด Mass โดยเปิดตัวที่ Top Notes กับการเป็นกลิ่นโทนนุ่มเด่นขึ้นมาก่อนเลยกับการเป็นลาเวนเดอร์ที่ให้ความนวลจมูกโดยจะมีกลิ่นโทนแป้งสบายๆ รองพื้นด้านหลังพอให้รู้สึกได้ และยังกลิ่นของโทนซิตรัสมาเป็นตัวล้อมเบาๆ แบบที่ไม่คมให้กลิ่นมีความสดชื่นให้รู้สึกได้ กลิ่นช่วงนี้บอกเลยว่าเป็นกลิ่นที่สามารถทำให้ตัดสินใจซื้อได้ทันที เพราะกลิ่นจะดึงดูดให้รู้สึกชอบได้แบบไม่ต้องรอช่วงอื่นๆ แต่แม้ว่าจะรอช่วงอื่นๆ กลิ่นก็ยังคุมโทนความเข้าถึงง่ายชวนชอบได้มากอยู่ดีเพราะ Middle Notes โทนแป้งที่พอรับรู้ได้ในช่วงต้นจะเปิดเผยกันอย่างชัดเจนกับการเป็นแป้งหอมโปร่งๆ โล่งสบายมีความสะอาดนวลๆ และมีกลิ่นอายเขียวๆ แซม เพราะมาจากความเป็นดอกไวโอเล็ตผสมผสานกับลาเวนเดอร์ที่ตามมาตั้งแต่ตอนต้น แต่ที่ชัดเจนกว่าคือ กลิ่นของแอปเปิ้ลเขียว รับช่วงต่อจากโทนซิตรัสในตอนต้นมาแล้วพอมาผสมกับโทนแป้งโปร่งๆ กลายเป็นกลิ่นนุ่มสดชื่นติดผลไม้ได้ไม่ออกทางสาวเลย กลิ่นมีความแมนแบบนุ่มๆ มีความขี้เล่นจางๆ ลงตัว จนส่งต่อไปที่ Base Notes กับความเป็นแป้งที่ยังคงอยู่ แต่จะมีกลิ่นอายของไม้หอมอ่อนๆ อบอุ่นจางๆ สบายๆ รองพื้นด้านหลังแบบหอมสะอาดๆ นวลๆ ภาพรวมจึงไม่ได้มีความแหวกแนวอะไรแบบน้ำหอมของป้ามาตั้งแต่ช่วงต้นนัก แต่เป็นอีกอ้านที่ให้ความนวลสบายๆ ใช้ง่าย เข้าถึงง่ายนั่นเอง
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนม.ปลาย
ก็สามารถใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายมาก
มหาชนที่ได้กลิ่นจะพึงใจกับโทนแบบนี้เพราะความเป็นกลิ่นที่ไม่รบกวนใครหอมสบาย
ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไป
กวาดได้หมด แต่ถ้าจะออกกำลังกาย
ต้องบอกว่ากลิ่นโทนแป้งมักจะไม่เข้ากับเหงื่อมากเท่าไหร่ ควรรอจนท้ายๆ จะดีกว่า
ส่วนยามค่ำคืนแบบท่องราตรี กลิ่นไม่ค่อยเข้าทางนักเพราะว่ากลิ่นเบาไป
ยกเว้นถ้าใส่ไปชิลล์ๆ ทั่วไป จัดไป ได้อยู่แล้ว
ความทน – อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. บวกลบพอประมาณ
ซึ่งจะอยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญว่าจะอัดเหมาะสมจนทำให้ทนขึ้นได้หรือไม่
การกระจาย – เรียกว่ากลิ่นนี้เน้นความเป็น
Safe Scent ทำให้กลิ่นจะไม่ได้กระจายแบบเป็นวงกว้างกวาดหมดให้ทุกคนในที่แห่งนั้นรู้ว่าเราใส่น้ำหอมมา
โดยกลิ่นกระจายกำลังดีในช่วงต้น แล้วลดไปที่ออร่ารอบๆ ตัวกึ่ง Skin Scent ในช่วงกลาง ปิดท้ายที่การเป็น Skin Scent อย่างชัดเจน
ทิ้งท้าย – เอาจริงๆ แฟนป้า Karl อาจจะคิดว่ามันไม่แหวกแนวจากที่เคยได้เจอ แต่ถ้าในเรื่องความใช้ง่าย
เจาะทุกผู้ทุกนามในรู้จักป้า มันได้และกลิ่นเข้าถึงง่ายจริง
ซึ่งสำหรับคนที่ชอบแนวๆ Mont Blanc Legend และติดความเป็น Chanel
Allure Homme Sport แบบบางๆ ในรูปแบบที่เน้นหอมกับตัวเอง Karl
Lagerfeld for Him เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ ที่สำคัญราคากำลังดีราวๆ 2,000 บาทกลางๆ เสียด้วย ^^
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น