Lattafa Perfumes – Raghba for Man
จากตัวเทพกลิ่นหวานเย้ายวนแบบ Sexy ติดโทนตะวันออกกลางแบบมีเสน่ห์หาตัวจับได้ยากของ Raghba
ตัวปกติที่เป็นโทน Unisex ใช่ว่าแบรนด์ Lattafa
Perfumes จะไม่มีน้ำหอมกลิ่นอายที่น่าสนใจอื่นๆ
ซึ่งแน่นอนมีการต่อยอดเป็น Limited Edition ออกมาเสียด้วย
โดยเน้นที่ฝั่งผู้ชายเพียงอย่างเดียวเช่นนั้นได้เวลามารู้จักกับอีกตัวที่น่าสนใจกันหน่อยแล้วกับ
Raghba for Man นั่นเอง
บอกเลยว่ากลิ่นนี้
เป็นอีกหนึ่งตัวแทนที่ทำหน้าที่ได้ดีและมีระดับแทบจะเทียบเท่าความเป็น Creed Green Irish Tweed กันได้เลย
เพราะเปิดต้นกลิ่นด้วยกกลิ่นอายเขียวติดเปรี้ยวของใบเวอร์บีน่าเคล้าความเป็นเลมอนที่ทำให้เกิดความสดชื่นก็จริง
แต่กลิ่นในช่วงนี้จะโดนความเป็น Powdery ที่เป็นโทนแป้งของดอกไอริสเป็นตัวตัดทอนให้เป็นซิตรัสติดแป้งนวลหอมละมุน
แต่ความเขียวนวลยังไม่จบเพราะกลิ่นของใบไวโอเล็ตจะมารับช่วงต่อนำเข้าสู่ช่วงกลางที่จะเป็นกลิ่นอายเขียวโปร่งติดแป้งหอมสดชื่นไปเรื่อยๆ
โดยจะรู้สึกนุ่มนวลจากกลิ่นลาเวนเดอร์จางๆ ที่ให้โทนนุ่มสะอาด
ซึ่งถือเป็นช่วงที่กลิ่นหอมคาบเกี่ยวระหว่างเขียวสดชื่นกับเขียวละมุนโปร่งสบายเรียกแจกได้น่าดมกลิ่นเลยทีเดียว
แต่ช่วงนี้จะจับได้เลยว่าแม้จะมีความใกล้เคียง Creed แต่มันมีกลิ่นอายแบบหนังเบาๆ
เสริมเข้ามาในเนื้อกลิ่นที่ทำให้ไม่เหมือนตัว GIT แบบเป๊ะๆ
นัก ซึ่งไม่นานจะจับสัญญาณได้ว่าอีกหนึ่งตัวเอกที่ซ่อนตัวจะดันขึ้นมาจนเด่นนั่นคือ
กลิ่นไม้จันทน์หอมจะมาผสมผสานให้โทนติดตะวันออกกลางบางๆ พอรู้สึกได้
แล้วจะผันตัวนำเข้าสู่ช่วงท้ายโดยมีกลิ่นอายของอำพันปลาวาฬ (Ambergris) ที่มาแบบกลิ่นผิวกายติดเค็มตามธรรมชาติแทรกอยู่ให้รู้สึกได้
กลิ่นจะหอมแบบสบายๆ นวลๆ
ติดเขียวและมีความสดชื่นที่ยังตามมาอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบ
เปรียบเทียบ - กลิ่นมีความคล้ายคลึงกันมากแบบว่าแทบจะตัวเดียวกัน
แต่ Creed GIT มีความละมุนละเมียดและนุ่มกว่า คือ
เกลากลิ่นได้กลมจนน่าประทับใจ แต่ Raghba for Man กลิ่นจะไม่กลมมากเพราะมีโทนติดตะวันออกกลางจางๆ
จากโทนไม้จันทน์หอมที่ไม่ได้เกลาอะไรมากนั่นเอง
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้สบายๆ
กลิ่นมาลักษณะเดียวกันกับ Creed GIT เช่นนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าถึงได้ยาก
เพราะเป็นโทนที่ใครได้กลิ่นมักจะชอบอยู่แล้ว
สามารถใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกาย
ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบสบายๆ
หรือจะใส่ไปเที่ยวก็พอได้แบบอัดสเปรย์ เพียงแต่จะสู่กับกลิ่นหวานๆ ยั่วๆ
ยากหน่อยก็เท่านั้นเอง
ความทน – นี่แหละที่ยกนิ้วให้ว่าทำได้สูสีกับ
Creed เลย เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังอยู่
และลากยาวไปได้มากกว่านั้น ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายๆ เลย
การกระจาย – ตรงนี้อาจจะไม่ได้เด่นนัก
เพราะกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว
ก่อนจะปิดท้ายด้วย Skin Scent นวลๆ
ทิ้งท้าย – ตรงๆ
มันใช้แทนกันได้ครับ ถ้าไม่ยึดติดอะไร 555555 เพียงแค่ความละมุนนั้นอาจจะไม่เท่ากัน
ซึ่งตรงนี้อยู่ที่จมูกคนใช้ว่าแยกได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนราคาต่ำกว่า Creed มากกกกกกก ก ไก่ล้านตัวเลยล่ะครับ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น