My Favorite New Comer Fragrances of 2017
ได้เวลาของการบอกเล่าเรื่องราวน้ำหอมในรอบปีแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้สนใจว่าผลิตปีไหน เอาแค่ที่สอยมาเท่านั้นในปี 2017 นี้
แล้วเกิดอาการกรีดร้องโหยหวนมากชอบมากกกกกกก
จากปีก่อนเดิมทีมีแค่
7(+1) ตัว
มาคราวนี้มันผุดขึ้นมาเยอะมากก เลือกไม่ถูกจัดมาเลยแล้วกัน 9(+1) เลยแล้วกัน ที่สำคัญปีนี้เป็นปีทองมากมายของน้ำหอม
Niche ที่หลั่งไหลเข้ามาให้กระเป๋าแบน แฟนไม่มีมากมาย
เรียกว่า List ที่ได้เห็นและกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้นั้น
Niche มากันให้ตรึมๆ แน่นอน แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ครอบครัวของผมประจำปี
2017 นี้ ขออ้างอิงตัวที่จำเป็นต้องตัดไปจาก List
เพราะไม่งั้นมันจะบานตะไทเอาได้ เช่น
Amouage – Bracken Man,
Chanel – Coromandel EDT, Calypso Christiane Celle – Calypso Fique, Tauerville –
When we cuddle and I can smell your perfume on my cloth, Tauerville – Patchouli
Flash, Shay & Blue – Salt Caramel, Replica – Tea Escape, Atelier Cologne –
Vanille Incensee, Thierry Mugler – Angel Muse, L’Artisan Parfumeur – La Chasse
aux Papillons, Penhaligon’s – The Tragedy of Lord George, Ormande Jayne - Qi และ Serge Lutens – Bapteme du Feu เป็นต้น
เช่นนั้นได้เวลาเข้าสู่
Top 9(+1) Fragrance’s Family of 2017 เลยดีกว่ากับ Mini Review ตัวที่ผมสอยมาแล้วไม่ผิดหวังเลย
แบบไม่ได้เรียงลำดับความชอบเพราะรักหมด เริ่มที่
Jul et Mad – Terrasse a
St-Germain
มันคือการจับเอาความรักแรกพบลงมาใส่ขวดอย่างแท้จริง
กับกลิ่นอายที่สว่างสไวระยิบระยับหอมหวานโปร่ง Sparkling ที่มีโทนดอกไม้เป็นตัวเด่นที่กุหลาบหวานนวลและฟรีเซีย
เคล้ากลิ่น Citrus นวลๆ ไม่ออกเปรี้ยว และพิมเสนกลั้ว Musk
ที่ละมุนมาก กลิ่นมีความสว่างสไวและไม่ได้ดูใสน่ารักเกินไป
ให้อารมณ์โรแมนติคแบบรักแรกพบที่มีความเป็นผู้ใหญ่ไม่ Puppy Love จนดูเว่อร์วังและน่าหมั่นไส้ ที่สำคัญกลิ่นนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการพบรักกันระหว่างเจ้าของแบรนด์ทั้ง
2 คน มันเลยสื่อสารกลิ่นออกมาได้งดงามขั้นสุดมากกกกก
Xerjoff - 1861
Renaissance
King ของผม
(ซึ่งอาจจะไม่ใช่ของคนอื่น 5555) ที่มากับกลิ่นอาย Citrus
Mint ที่ดีงามมากลำกับต้นๆ ของโลก กลิ่นอายผ่อนคลายสดชื่น แต่หรูหราแบบธรรมชาติ
กลิ่นไม่โฉ่งฉ่าง แต่ออร่าผู้ดีจัดๆ มันจับทันทีเวลาใช้งานน้ำหอมกลิ่นนี้
กับกลิ่นอายเปิดตัวด้วย Citrus ติดเขียวธรรมชาติ
เคล้ามินต์ที่ผ่อนคลายสดชื่นได้อารมณ์ปลอดโปร่ง ก่อนจะเป็นโทนสะอาดเรียบหรูกับไม้หอมอบอุ่นเคล้าความสดชื่น
On Top ที่กลิ่นมินต์ยังอยู่มาจนถึงช่วงท้าย
เรียกว่ายอมยกดาวให้ทั้งฟ้าเลย กลิ่นมันสว่างสไว สดชื่น
และหรูหราขั้นสุดจริงๆ
PRYN PARFUM – Hikari
กลิ่นที่สว่างสไวสไตล์ญี่ปุ่นในช่วงเช้าเคล้าสดชื่นด้วยกลิ่นผลไม้หวานโปร่งเคล้าเหล้าสาเกที่ให้ความรู้สึกแบบบรรยากาศแดนอาทิตย์อุทัยมาก
ตามด้วยช่วงเย็นออกทางล้ำด้วยแสงและสีนีออนยามค่ำคืนด้วยกลิ่นแนวเมทัลลิคแร่ธาตุเก๋ๆ
และปิดท้ายเรียบนิ่งหรูหราวางตัวสุภาพด้วยกลิ่นสะอาดเนี้ยบลึกล้ำ
ทุกอย่างลงตัวด้วยโทนสว่างคุมโทนหมดแบบว่ากลิ่นน่ารักและมีเสน่ห์มาก
หนึ่งในฝีมือสุคนธกรคนไทยที่สร้างกลิ่นออกมาแล้วสามารถสร้างภาพในหัวเราได้เลยว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนให้ซึมซับและรื่นรมย์ไปกับกลิ่น
Frederic Malle – Eau de
Magnolia
ดอกแมกโนเลียจริงๆ
ความรู้สึกมันจะไม่ได้ออกทางครีมๆ เปรี้ยวอมหวานแบบที่เราเจอในน้ำหอมหลายๆ
ตัวนัก เพราะมันจะมีความเขียวธรรมชาติติดสดชื่น มีความครีมบางๆ
และดึงดูดเคล้าไปตลอด และนี่คือสิ่งที่ตามหามานานมากกับกลิ่นอายดอกแมกโนเลียที่ใกล้เคียงธรรมชาติจริงๆ
กลิ่นมีความสดชื่นติดเขียวนำเด่น ตามด้วยความเปรี้ยวอมหวานสดใสพลิ้วไหว
และปิดท้ายด้วยกลิ่นอายสะอาดเคล้าแมกโนเลียบางๆ กำลังดี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มาสาย
Less is More น้อยแต่มาก
เรียบแต่โก้ ไม่ถึงกับไฮแฟชึ่น แต่อะโรม่าและผ่อนคลายสบายใจมากมาย
Parfumerie Naturelle –
Sunset over Santorini
Creamy Citrus ที่เข้ากับอากาศแบบทะเลมากมายก่ายกอง ซึ่งสมกับชื่อรุ่นอย่างแรงว่า
“พระอาทิตย์ตกที่ซานโตรินี่” (ไม่ใช่ที่ชะอำนะจ้ะ)
ซึ่งกลิ่นอายจะมาด้วย Citrus สดชื่นติดโทนนุ่มไม่บาดมาทางแห้งๆ
แล้วจะมีกลิ่นอายของไม้หอมนวลๆ มารับช่วงต่อให้ความอบอุ่นติดเค็มนิดๆ
ให้รู้สึกได้ถึงทะเล และปิดท้ายด้วยความครีมมี่นวลๆ จาก Musk วานิลลา และ Tonka Bean ได้ลงตัวมาก
บอกเลยว่าน้ำหอมตัวนี้ใส่แล้วกวาดคำชมสุดๆ แถมเป็นกลิ่นที่สู้กับลมได้แบบไม่ลดราวาศอกมากๆ
ยิ่งกลิ่นนี้เจอลมทะเลกลิ่นยิ่งหอมสดชื่นแบบรื่นรมย์จริงจังมาก
Le Couvent des Minimes
- Cologne of the Missions
ได้รับเป็นของขวัญปีใหม่ช่วงต้นปี
2016 มาจากกัลยาณมิตรทางด้านน้ำหอม
เดิมทีไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่าแบรนด์อะไร แต่พอดมเท่านั้นแหละ
นี่มันมาเพื่อฆ่า Guerlain - Spiritueuse Double Vanilla ชัดๆ
กลิ่นคล้ายมากกกกกกก ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับความเป็นวานิลลาติด Smoky ยางไม้ที่ละมุนและอบอุ่นดึงดูดมาก ในเนื้อกลิ่นจะได้ความรู้สึกของวานิลลายืนพื้นแต่จะมีหลากหลายอารมณ์ทั้งมีเสน่ห์
อบอุ่น น่าค้นหา เจ้าชู้นิดๆ และรื่นรมย์ดมแล้วเคลิ้มแบบไม่ต้องฉีดก็มีความสุขทันทีกับการได้กลิ่นนี้
Kemkudson - Wood after Rain
อันนี้ฝีมือเข็มขัดสั้นเป็นคนทำเองจากการไปเข้า
Workshop ทำน้ำหอมกับ PRYN
PARFUM แล้วสรรสร้างออกมาแบบที่เรียกว่า “ฟลุ๊ค” เพราะก่อนหน้าที่จะได้น้ำหอมตัวนี้
ก็ทำพังพินาศไป 2 รอบ พอล้างไพ่ในเวลาอันจำกัดแล้วสร้างตัวนี้ขึ้นมา
เรียกว่าโชคช่วยเพราะได้ตามConcept ที่อยากได้เลยคือ
กลิ่นอายดินเปียกและไม้เปียกหลังฝนตกฉ่ำๆ และจะค่อยๆ แห้งขึ้นมาเรื่อยๆ
มีความชื้นในอากาศแบบรื่นรมย์กำลังดี ก่อนจะปิดท้ายที่กลิ่นอายไม้ติดครีมมี่แห้งๆ
อารมณ์แบบนั่งดูบรรยากาศหลังในตกไปจนแดดออก เรียกว่า “ฟิน”
ขอบคุณโชคช่วยมากมายที่ทำให้ได้กลิ่นประจำตัวกลิ่นนี้มา
Parfums Dusita – Issara
ความพลิ้วไหวของกลิ่นอายที่บ่งบอกถึงความอิสระ
มาสายนุ่มนวล ธรรมชาติ อบอุ่นแบบคล้ายต้องแสงแดดยามอากาศเย็นๆ
(มากกว่าที่โดนแดดแล้วร้องโหยหวนแบบแดดเมืองไทย) กลิ่นอายมีความเป็น Family Man หรือผู้ชายอบอุ่นพอสมควร
ได้อารมณ์พลิ้วไหวและคุณภาพกลิ่นจัเดเต็มและชัดเจน ให้ลองนึกถึงเวลาที่เที่ยวป่าอากาศเย็นๆ
มีแสงแดดอุ่นกำลังดีส่องลงมา แล้วอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายแข็งแรงซักคนที่กลิ่นกายสะอาดนุ่มๆ
หอมนุ่มละมุนเคล้ากลิ่นธรรมชาติดูสิ กลิ่นนี้ให้อารมณ์ประมาณนั้นเลยแหละ
Etat Libre d’Orange –
You or Someone Like You
Less is More น้อยแต่มากอีกหนึ่งกลิ่นที่สรรสร้างความเป็นกลิ่นอายของมินต์ได้ธรรมชาติมาก
กลิ่นจะให้ความเป็นโทนสมุนไพรติดเครื่องเทศปนเขียวที่ปลอดโปร่งโล่งสบายขั้นสุด
แล้วจะลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนเป็นมินต์สะอาดนุ่มสบายๆ ให้อารมณ์แบบเหมือนเราผ่อนคลายกับกลิ่นมินต์ที่ให้ความอะโรม่า
ซึ่งทำได้ดีงามมากในแง่ที่มีความเป็นธรรมชาติ และจำลองความเป็นสภาพแวดล้อมมาได้น่าสนใจแบบที่จะเห็นภาพบ้านสะอาดๆ
อากาศดีๆ กลิ่นมินต์ทำให้ผ่อนคลายชวนให้หลับตาและซึมซับกลิ่นอายที่รื่นรมย์ได้ทุกเม็ด
ปรบมือให้กับกลิ่นนี้รัวๆ
Strangers Parfumerie –
Fume Ma Peau
แบรนด์ไทยที่เป็นกิ่งก้านสาขาจาก
PRYN สู่การเป็น Strangers
Parfumerie ที่สรรสร้างน้ำหอมออกมาแบบ Niche แต่เข้าถึงได้ง่าย
ไม่ได้อาร์ตจ๋า กับกลิ่นอายที่เป็นความเท่ห์ขาดบาดจิตมาก
เหมือนชายหนุ่มมาดเท่ห์ลุคสุด Cool ขับรถเปิดประทุนผ่านเมืองที่มีมลภาวะกลิ่นต่างๆ
ผสมปนเปกันไป แต่กลิ่นเหล่านั้นติดตัวไปผสมผสานกับลุคเท่ห์ๆ กลิ่นอายหนังและไม้หอมทำให้มีเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาแบบติดดิบห่ามกำลังดี
Dirty กำลังงามเสริมความเท่ห์ให้ดูดาร์กและน่าค้นหาไปอี๊กกก! จนมาแรงแซงโค้งสุดท้ายเข้ามาใน Top 9+(1) ทันทีแบบไม่มีข้อแม้
และนี่แหละ
ครอบครัวสุดยอดน้ำหอมของผมประจำปี 2017 ที่ทำให้ชีวิตมีความสุขกับกลิ่นอายต่างๆ และอบอุ่นมากกับสมาชิกในครอบครัวนี้ทุกขวดในรอบปีที่ผ่านมานี้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น