Review: Revlon - Charlie Blue
Revlon - Charlie Blue
แบรนด์เครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานคงจะหนีไม่พ้น Revlon ยิ่งสาวๆ
นี่คงรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่านอกจากเครื่องสำอางเลื่องชื่อแล้ว น้ำหอมเขาก็มีแถมราคาก็เรียกว่ากราบในความย่อมเยาว์กันก็งานนี้
แถมคุณภาพก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยแม้แต่น้อย เช่นนั้น สบโอกาสได้มาเจอกันก็ขอเอารุ่นที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เหนือกาลเวลามาเล่ากลิ่นดีกว่านั่นคือ Charlie Blue
บอกก่อน -
เอาจริงๆ ตอนแรกสับสน เพราะมีทั้งรุ่น Charlie
ปกติ และ Charlie Blue ที่ออกมาปีเดียวกัน
แล้ว Charlie ปกติก็ไม่ค่อยเห็นในยุคนี้แล้ว เหลือแต่ Charlie
Blue ดันมี Charlie Blue Eau Fraiche มาอีก
เอาเป็นว่า ไม่รู้ว่ายุบรวมรุ่น แล้วมาแยกรุ่น หรือรุ่นปกติก็ยังมีหรือไม่ อะไรยังไงหาข้อมูลไม่เจอ เช่นนั้น
ก็ขอข้ามมาที่การเล่ากลิ่นของ Charlie
Blue ตัวปกตินี้เน้นๆ แทน
เรียกว่าความเป็น
Floral Aydehyde นั่นคือความชัดเจนที่สุดของน้ำหอมตัวนี้แล้วจริงๆ
เพราะเปิดตัวมากับกลิ่น Aydehydes ที่มาแนวสบู่คมๆ แน่นๆ ติด
Spicy นิดๆ มีความเป็นดอกไม้และสดชื่นจัดๆ กันมาก่อน
ในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นโทนดอกไม้นวลๆ ใหเรู้สึกได้ด้วย
เรียกว่าความคลาสสิคชัดเจนกันตั้งแต่ช่วงนี้ ที่สำคัญจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์
Oak Moss ที่ติดสากเขียวและกลิ่นมีความลุ่มลึกแกมหรูหรากันชัดเจนด้วยในระดับหนึ่ง
และกลิ่นของ Aldehydes จะเป็นเหมือนตัวหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยในช่วงกลางกลิ่นของโทนดอกไม้จะเริ่มชัดมากขึ้น
โดยมีความเป็นดอกกุหลาบเจือ Citrus หน่อยๆ
มีความเขียวติด Spicy นิดๆ ในสไตล์ของดอกเจอราเนียม
และมีกลิ่นอายแบบเม็ดผักชีที่ให้ความเผ็ดปร่าซ่าๆ โดยที่ความเป็น Aldehydes
จะเริ่มผันตัวเป็นตัวรองพื้นที่ให้ความชัดของกลิ่นที่กำลังดี
กระจายกำลังงาม โดยที่กลิ่นแนว Oak Moss ยังคงให้กลิ่นที่คงตัวมีความหรูหรามีความคลาสสิคในเนื้อกลิ่นอยู่
แล้วจะเริ่มมีโทนไม้หอมนวลๆ ของไม้จันทน์หอมดันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
จนนำเข้าสู่ช่วงท้ายที่ความเป็น Oak Moss
จะเด่นที่สุดในช่วงนี้เคล้ากับกลิ่นโทน Musky ที่นุ่มนวลสะอาดและมีความเป็นโทนแป้งที่ติดหรูหน่อยๆ
กลั้วกับกลิ่นสบู่คมๆ ที่ตอนนี้เบาลงมาแบบเป็นกลิ่นหอมรุมๆ
ที่มีความสะอาดติดคมๆ โดยกลิ่นไม้หอมจะมาแบบอบอุ่นกลางๆ
รวมกันเป็นโทนที่คลาสสิค สะอาด และเรียบหรูกำลังดี มีความดาร์กบางๆ
ขับโทนสว่างให้เด่น โดยมีความแน่นและมีพลังเพียงแต่กลิ่นจะเรียบง่ายที่ลงตัว
โดยยืนพื้นที่ความคลาสสิคสไตล์น้ำหอมยุค 70 เป็นสำคัญ
เหมาะสำหรับ -
จริงๆ ตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง แต่กลิ่นแบบนี้ Unisex ได้เลยทีเดียว ผู้ชายใช้ได้อยู่
อาจจะมีความรู้สึกเป็นโทนดอกไม้ไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นนัยยะสำคัญ
โดยสามารถใช้ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป
แต่จะเน้นที่ความคลาสสิคแบบที่ยังไงก็ ผ่าน อย. ด้านกลิ่นได้สบายๆ
อาจจะมีถ้าไปออกกำลังกาย ควรจะรอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายมาก ยิ่งออกงานยิ่งเข้าที แต่ถ้าไปท่องราตรี
กลิ่นนี้อาจจะไม่ได้ตรงกับสมัยนิยมนักก็เท่านั้นเอง
ความทน - ราว 8 ชม. ได้สบายมาก และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวเรียกว่าขอกราบบบบบบ
เพราะว่ากลิ่นทนถึง 15 ชม. ได้สบายมากกับการใช้ 6 สเปรย์
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีมากกกกกในช่วงแรก เรียกว่าง่วงๆ อยู่มีตื่นในความเป็น Aldehydes ที่พุ่งพรวดแน่นออกมา
แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย - Timeless หรือเหนือกาลเวลา
คงต้องยกให้น้ำหอมรุ่นนี้ของ Revlon ที่เรียกว่าถ้าคิดอะไรไม่ออกใส่ไปเถอะตัวนี้
ยังไงก็รอด แม้ว่ากลิ่นจะออกทางย้อนยุคไปบ้างเพราะผลิตมาตั้งแต่ปี 1973 และมีการปรับสูตร รวมรุ่น
และเปลี่ยนแปลงอะไรมาก็ตาม กลิ่นยังคงให้ความคลาสสิคที่ดมแล้วนี่มันของดีงามราคาถูกมากกกกกชัดเจน
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit by https://pbs.twimg.com/media/BUu0Jq5CUAA8tSX.jpg
รอรีวิวแบรนด์ maison Martin margiela ครับ
ตอบลบ