Review: PRYN PARFUM - Morah
PRYN PARFUM - Morah
จากที่เคยเทสผ่านๆ หลังจากที่ PRYN PARFUM หนึ่งในแบรนด์ไทยสาย Niche
Parfumerie ได้ออกน้ำหอมรุ่น Morah มาวางจำหน่าย
ก็กะว่าจะเอามาเล่ากลิ่นทีหลัง เพราะเป็นโทนกลิ่นที่ดมครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่า มันมีความซับซ้อนและมีหลากหลายความรู้สึกอยู่ในนั้น
ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันหน่อย แต่พอทราบว่ารุ่นนี้ได้เป็นหนึ่งในการเข้าชิงรางวัล The Art and Olfaction Award ประจำปี 2018 เท่านั้นแหละ ก็ได้เวลาของการมาเรียนรู้ความซับซ้อนของกลิ่นว่าเราจะได้อะไรจากกลิ่นนี้บ้าง
Morah พูดถึงชื่อนี้
หลายๆ คนที่เคยอ่านนิทานพื้นบ้านไทยอย่าง “จันทโครพ”
เพราะเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญ ที่จะไม่ขอตัดสินว่าใครผิดใครถูก
เพราะนิทานเรื่องนี้ประพัรธ์ขึ้นเพราะมองในเรื่องของผู้ชายเป็นใหญ่ตามยุคสมัยนั้นๆ
แต่สิ่งที่เป็น Morah ออกมาแบบชัดเจนมากตามคาแรคเตอร์คือหญิงงามที่มีความ
Innocent และ Sex Appeal สูงมาก
ทำให้ชายใดที่เห็นเป็นต้องลุ่มหลงรักและต้องการหลอกให้ทำอะไรก็ตามให้ได้นางมาเป็นของตน
การสื่อถึง Morah ผ่านกลิ่นอายน้ำหอมจึงมีความเย้ายวนและ
Sexy ด้วยโทนของดอกไม้และสาปปลุกเร้า Animalic กันตั้งแต่ต้นกลิ่นกันเลยทีเดียว เพราะเปิดตัวด้วยกลิ่นอายติดสบู่อวลๆ
ของ Aldehydes ที่เสริมด้วยกลิ่นอายของ Civet หรือชะมดเช็ด เคล้ากับความน่าค้นหาของ Oakmoss ที่ให้ความเขียวดาร์ก
กลิ่นมีความซับซ้อนจากการเสริมมิติด้วยโทนดอกไม้หอมนวลอมหวานผสมผสานกับความเป็นโทนไม้หอมนวลๆ
ทำให้รู้สึกถึงความหลากหลายในเนื้อกลิ่นได้ชัดเจนมากและดันกลิ่นอายสไตล์
Vintage ที่สร้างความดึงดูดและน่าค้นหาตั้งแต่ต้นกันเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางที่เรียกว่าเป็นความซับซ้อนของกลิ่นที่มีมิติของโทนต่างๆ
มาผสมผสานกันอย่างโดดเด่นมาก โดยที่ยังยืนพื้นกับการเป็นโทนน่าค้นหา
ดึงดูด เย้ายวน และมีความปลุกเร้าที่แตกต่างโทนมาผสมผสานกันไม่ว่าจะมาจาก
1. โทนดอกไม้ขาวที่ให้ความครีมมี่ติดเย็นๆ
ของซ่อนกลิ่น และลีลาวดี ซึ่งจะมีกลิ่นดอกพุดนวลแทรกอยู่
และมีโทนดอกไม้เหลืองที่ให้ความรู้สึกเย้ายวนของกระดังงา
รวมถึงมีกลิ่นหวานโปร่งๆ ของดอกสาละให้พอรับรู้
2. กลิ่นของดอกฝิ่นที่มาแบบแห้งๆ
ติดเขียวออกทางแป้งหน่อยๆ ที่ล้อมกลิ่นเอาไว้ กลิ่นจะมีความเย้ายวนแบบธรรมชาติกำลังดี
ตีคู่เสริมโทนกับกลิ่นของสาย Civet ได้ลงตัวมาก
3. กลิ่นอายติดเครื่องเทศผสมไม้หอมอย่างกาแฟที่ติดขมเคล้าพริกไทย
และมีกลิ่นติดสาปจางๆ จากยี่หร่าที่เป็นสายสนับสนุนรองพื้นแทรกไปกับโทน Animalic
และโทนสบู่ Aldehydes ที่ตามมาอยู่
ทำให้อารมณ์ของกลิ่นหลักอย่างสาปปลุกเร้า Animalic มีอารมณ์ที่ยังชัดเจนตลอด
และมีลูกเล่นที่น่าค้นหาติด Dirty นิดๆ มากขึ้นเสียด้วย
เรียกว่าเป็นไฮไลท์และเสน่ห์ของน้ำหอมที่เรียกว่ามาเต็มมากในเครื่องคุณภาพกลิ่นเพราะ
กลิ่นจะมีลูกเล่นความซับซ้อนของโทนกลิ่นที่แตกต่างที่ให้เราสัมผัสได้ในแต่ละรอบที่ได้ใช้งานเสียด้วย
โดนยังยืนพื้นที่กลิ่นอายเย้ายวน ดึงดูด น่าค้นหา ถ้าเปรียบอารมณ์ไม่ต่างจากที่จันทโครพหรือโจรป่าสุดหล่อตกหลุมเสน่ห์ของนางโมรา
ที่มีจริตความปลุกเร้าตามธรรมชาติ ผ่านกลิ่นจากกาย กลิ่นจากสภาพแวดล้อมตามสถานการณ์ที่อยู่ในป่าเรียกว่าสร้างภาพในหัวและสร้างออร่าความมี
Sex Appeal แบบคุมโทนแบบกึ่ง Vintage
กึ่ง Modern เนียนแทรกไปในกลิ่นได้อย่างดีมาก
เมื่อได้เวลาของช่วงท้าย
กลิ่นอายจะเริ่มมีความดราม่าที่หลากหลายความรู้สึก เริ่มจากโทนสาปปลุกเร้าที่ยังคงอยู่
แต่จะเริ่มมีความดาร์กมากขึ้นจาก Oak
Moss ที่เด่นเข้มขึ้นมาหลังจากจับได้แบบเนียนๆ
ในเนื้อกลิ่นมาตลอดในช่วงต่างๆ ก่อนหน้า ตามด้วยกลิ่นไม้หอมที่มาสายเข้มลึกติดดาร์ก
รวมถึงจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแนวๆ กลิ่นไม้ไหม้แห้งๆ กึ่ง Incense กึ่งเถ้าถ่านหน่อยๆ เสียด้วย ตลอดจนกลิ่นอายในช่วงกลางจะเริ่มลดทอนลงมามีลักษณะเข้าโทนกลิ่นอายติดโทนแป้งหน่อยๆ
ผสมโทนกลิ่นแบบ Musky เจือในเนื้อกลิ่นไปด้วยตลอด อารมณ์ต่างๆ ที่จับได้จะมีทั้งความปลุกเร้าที่คุมโทนตามเดิม
ความเย้ายวนที่หลากหลายจากช่วงกลางจะเริ่มลดลงมีความดาร์กและลึกมากขึ้น
รู้สึกอยากแท้หยั่งถึงในอารมณ์ระดับหนึ่ง และมีความอ้อยอิ่งติดเศร้าๆเป็นมิติให้รับรู้ได้ไปเรื่อยๆ
แบบอารมณ์เมื่อเรารู้เรื่องราวของนางโมราจบแล้วก็ยังมีความรู้สึกติดค้างอยู่
กลิ่นจะให้อารมณ์แบบรอยทางตามเรื่องราวได้น่าสนใจมากจริงๆ
เหมาะสำหรับ -
กลิ่นลงเอาไว้ว่า Unisex ซึ่งถือว่าเป็นไปตามนั้นได้เลย
อาจจะไพล่ไปทางสาวๆ มากหน่อยซัก 65% แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายๆ
แน่นอน เพราะกลิ่นมีลักษณะแบบเรื่องราวและสถานการณ์เสียมาก
ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ให้เหมาะสมจะลงตัวมาก
ไม่ว่าจะใส่ยามทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่ออกกำลังกายไปเลยจะดีที่สุด
กลิ่นไม่ได้ไปสายนั้นและไม่เข้าทางแม้แต่น้อย ส่วนยามค่ำคืน
ถือว่าใส่ออกงานได้อย่างสบายๆ จะใส่ไปท่องราตรีก็พอได้ เพราะจะได้เสน่ห์ในอีกรูปแบบก็ได้
ความทน -
ยกให้เขาเลย กลิ่นทนมากกกก 15 ชม.
กลิ่นยังอยู่ มาเต็มมาครบจริงๆ
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่ามาถึงก็ทำให้รู้สึกได้ถึงอารมณ์กลิ่นที่ชัดเจนมาก
แล้วจะลดลงมากระจายดีคงตัวไปซักระยะ พอผ่านซัก 4 ชม. จะลดลงมาปานกลางแล้วปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ
ตัวแบบยาวไป
ทิ้งท้าย - Morah เป็นอีกหนึ่งในน้ำหอมที่เปิดโลกทัศน์ในเรื่องของกลิ่นที่มีความซับซ้อนและผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความเป็นโทน
Vintage กับโทน Modern ที่รวมตัวกันได้อย่างน่าสนใจและมีชั้นเชิงมาก
ที่สำคัญต้องยอมรับเลยว่า จากเดิมที่เวลาเจอกลิ่นโทน Animalic จาก Civet หรือชะมดเช็ด จะมีอาการแบบว่ามันยังไม่ใช่ทางเท่าไหร่
แต่พอมาดมน้ำหอมรุ่นนี้กลายเป็นได้เรียนรู้จนเห็นเสน่ห์ของความเป็นโทน Animalic
มากขึ้นและทำให้รู้สึกได้ว่า เราได้ผ่านด่านของการเรียนรู้ทางกลิ่นโทนลักษณะนี้ขึ้นมาอีกขั้นนึงแล้ว
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกจากแบรนด์ PRYN PARFUM และสุคนธกรผู้ปรุง นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - Facebook
Page: PRYN PARFUM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น