วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Review: Celine - La Peau Nue

Celine - La Peau Nue

จุดเริ่มต้นของ Celine มาจากธุรกิจรองเท้าเด็กสู่การเป็นแบรนด์แฟชั่นสายมินิมัลของผู้หญิงที่เน้นความเรียบหรูและทันสมัย ต่อเนื่องด้วย Accessories ต่างๆ โดยเฉพาะกระเป๋าหนังที่ได้รับความนิยมมาก และอื่นๆ รวมถึงน้ำหอมที่มีออกมาวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน และถือว่าได้รับความนิยมมากในช่วงยุค 60 - 70 อย่างรุ่น Vent Fou ก่อนจะเว้นช่วงยาวจนมาถึงในช่วงยุค 90 - 2000 ก็มีออกมาวางจำหน่ายอยู่บ้างเพียงแต่ไม่ได้เป็น Product ที่พีคอะไรนักถ้าเทียบกับตัวอื่นๆ ซึ่งมีออกมาและแบรนด์เองก็ไม่ได้ต่อยอดอะไรในเรื่องนี้เท่าไหร่

และเมื่อเข้าสู่การบริหารงานของหัวเรือทางด้านแฟชั่นคนใหม่ของแบรนด์อย่าง Hedi Slimane ที่นอกจากจะปรับเปลี่ยนการเป็น Celine ในรูปแบบใหม่ทางด้านแฟชั่นแล้ว สิ่งที่เอากลับมาปัดฝุ่นทำใหม่และชูโรงด้วยนั่นก็คือ น้ำหอม กับการเปิดตัว Haute Parfumerie Collection ออกมาทั้งหมด 9 รุ่น เมื่อปี 2019 เช่นนั้นเมื่อได้มาเจอกับน้ำหอมแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก ก็ขอมาสัมผัสความงามทางกลิ่นของแบรนด์นี้กันหน่อยกับรุ่นแรกที่ได้ลองอย่าง La Peau Nue กับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ที่มาจากนักแสดงหญิงที่เป็น Icon ต่างๆ ช่วงยุค 70 เช่นนั้นก็ว่ากันในเรื่องกลิ่นได้แบบนี้เลย

Powdery ชัดเจนที่สุดและเป็นโทนกลิ่นที่เป็นเมนหลักของน้ำหอมรุ่นนี้ไปในทุกๆ ช่วงและทุกสโตรกกลิ่นเลย เพราะเปิดต้นกลิ่นมาก็มีความชัดเจนถึงที่สุดจริงๆ เพราะกลิ่นเปิด Center Notes หลักอย่างดอกไอริสและหัวเหง้าออริส (เหง้าของต้นไอริส) จะเป็นตัวเดินกลิ่นที่ให้ลูกเล่นโทนแป้งออกมาเป็น 2 มิติในโทนแป้งติดอับจืด คือ กลิ่นแป้งทึบจืดเบาๆ อารมณ์แบบแป้งเครื่องสำอางค์จืดเจือหวานกึ่งดอกไม้ของไอริส และกลิ่นแป้งติดข้นทึบที่มีความชื้นๆ แบบหัวเหง้าใต้ดินปน Earthy และมีอารมณ์แบบเนื้อข้น Butter ของหัวเหง้าออริสซึ่งเรียกว่าเปิดมาก็ “ขอเชิญเข้าสู่กลิ่นอายโทนแป้งหอมมีจริต” ที่สร้างความชัดเจนกันอย่างเต็มๆ ซึ่งพอจับกลิ่นแบบดมห่างออกมาจะรู้สึกได้ถึงโทนติดบรรยากาศที่มีความปร่าอ่อนๆ ติดเปรี้ยวเจือเขียวที่เป็นกลิ่นโทนมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เข้ามาสร้างมิติให้มีความสดชื่นประปรายหน่อยๆ อยู่ด้วย

เมื่อโทน Citrus ของมะกรูดฝรั่งเริ่มจางไปและเนื้อกลิ่นเริ่มมีความแห้งมากขึ้นแบบเข้าโทนแป้งกันอย่างแท้ทรู ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่โทนแป้งจะมีกลิ่นอายแป้งหอมติดหวานอ่อนๆ ของข้าวเข้ามาร่วมด้วย ตามด้วยตัวเอกของน้ำหอมอีกหนึ่งโทนอย่างกุหลาบที่มาแบบระเรื่อๆ หอมนวลแบบกำลังดี มีเสน่ห์ อารมณ์แบบโทนกุหลาบสีชมพูติดนวลหอมโรแมนติคกำลังดี ทำให้อารมณ์กลิ่นจะเป็นแป้งหอมกุหลาบแบบกลิ่นเครื่องสำอางค์แนว Make up ที่ให้โทนสีออกทางกึ่งชมพูกึ่งนวล ซึ่งช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาในการเป็นกลิ่นอายโทนแป้งหอมที่ให้ความเรื่อๆ มีเสน่ห์แบบเรียบหรูและมีจริตเนียนๆ ในเนื้อกลิ่นแบบไม่ได้โจ่งแจ้งและดูพยายาม จนเมื่อเริ่มมีโทนไม้หอมแห้งๆ เจือวานิลลาอ่อนๆ ที่มาแบบโทนแป้งอบอุ่น เนื้อกลิ่นก็เดินทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะคลอผิวกันอย่างยาวๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่าตัวหลักยังไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน เพราะยังเป็นโทนแป้งหอมหวานมีเสน่ห์อยู่ เพียงแต่จะมีมิติกลิ่นที่มีความอบอุ่นเข้ามาพร้อมกับมีโทนไม้แห้งโปร่งๆ เคล้ากลิ่นอาย Musky ออกทาง White Musk ที่เข้ากันได้ดีกับโทนแป้งอยู่แล้ว มาสร้างโทนสีออกทางนวลสว่างในเนื้อกลิ่นมากขึ้น และจะมีความเป็นธรรมชาติแบบเวลาเราทาแป้งหอมกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ แล้วกลิ่นติดผิวให้ความระเรื่อออกมาที่ได้ทั้งกลิ่นหอมแป้งนวลๆ กลิ่นหวานกุหลาบอ่อนๆ และกลิ่นอบอุ่นของผิวกาย เรียกว่าปิดท้ายกันด้วยความมินิมัลที่ให้ความรื่นรมย์ทางกลิ่นแบบเรียบหรูมีระดับและไม่เยอะสิ่งได้ดีมาก

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex ก็จริงๆ แต่เนื้อกลิ่นภาพรวมจะให้อารมณ์ไปทางผู้หญิงราว 80% เลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชายใส่ไม่ได้ เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังนัก เน้นกลิ่นอายรุมๆ คลอผิวเสียมาก เลยทำให้ใช้งานตัวนี้ได้ไม่ยากและใช้ได้สบายมากด้วย ยิ่งถ้าชอบโทนแป้งเป็นทุนเดิมบอกเลยว่าจะฟินมาก ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เน้นแบบสร้างออร่าเรียบหรูมีระดับ แต่ให้ตัดทิ้งในเรื่องการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือทั่วๆ ไปที่ให้อารมณ์ออกทางโรแมนติคหน่อยๆ จะลงตัวที่สุด 

ความทน - กลิ่นทนลงตัวมากกับเพื้นฐานที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้อีกถ้าสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ลงตัว เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายมากกับการใช้งานราว 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาที่ปานกลางอยู่ซักครู่หนึ่ง ที่เหลือคือ ออร่ารอบๆ ตัวแบบเรื่อๆ กันยาวๆ ไปจนเมื่อพ้นซัก 6 - 8 ชม. จะเริ่มขยับเข้าสู่การเป็น Skin Scent กันยาวๆ ไป 

สรุป - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ให้คำจำกัดความได้เลยว่า “สวยงาม” และจับลงการเป็น Timeless Scent ในการเป็นกลิ่นแป้งหอมได้เลย เพราะว่ากลิ่นจะให้ทั้งความรู้สึก Classic ก็ได้ หรือจะให้ความมีระดับติด Modern เนียนๆ ในกลิ่นก็สามารถ ซึ่งถือว่าแบรนด์นำเสนอออกมาได้ดีในการดึงเอาทั้งที่มาที่ไปของน้ำหอมมาดัดโทนเนียนๆ ให้มีความเรียบหรูและมินิมัลตามสไตล์ยุคใหม่ได้น่าสนใจมากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.celine.com/fr-ch/celine-boutique-femme/parfums/la-peau-nue-eau-de-parfum-100ml-6PC1H0305.37TT.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น