วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2565

Review: L’Orchestre Parfum - Thé Darbouka

L’Orchestre Parfum - Thé Darbouka

เมื่อเป็นทั้งนักดนตรีและสุคนธกร การต่อยอดทางความคิดในการสร้างแบรนด์ที่จับเอาแรงบันดาลใจในดนตรีต่างๆ มาสร้างสรรค์เป็นกลิ่นอายน้ำหอมที่นอกจากจะใช้จมูกในการรับกลิ่นแล้ว ลองเป็นการฟังผ่านกลิ่นดูบ้างมันคงน่าสนใจมาก Pierre Guguen จึงได้สร้างแบรนด์ขึ้นมาโดยมี Concept หลักในการนำเสนอกลิ่นอายที่สามารถตีความออกมาเป็นท่วงทำนองดนตรีได้ และก็ออกมาเป็นแบรนด์ L’Orchestre Parfum ในที่สุด

ซึ่งในแต่ละกลิ่นต่างก็มีที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์จากดนตรีและท่วงทำนองต่างๆ ของนักดนตรีที่เอามา Collaborate กับสุคนธกรมือฉมังต่างๆ ถือว่ามีความหลากหลายไม่น้อยในการจับคู่กัน เช่นนั้น เมื่อได้มาเจอแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก ก็ขอมาจับความน่าสนใจในการเอาท่วงทำนองของเพลง Thé Darbouka ที่มาจากผลงานของ Nicolas Leroy กับการสร้างสรรค์ดนตรีที่เน้นกลอง Darbouka หรือ Goblet Drum ที่เป็นกลองทรงคล้ายถ้วยรางวัลที่เสียงทำนองเฉพาะตัว กับการสร้างดนตรีที่มีความลุ่มลึก น่าค้นหา และมีเสน่ห์เฉพาะอย่างหาตัวจับได้ยาก ผลที่ออกมาเลยเป็น Concept ที่สร้างท่วงทำนองของกลิ่นออกมาให้สื่อสารถึงทะเลทรายซาฮาร่าจับคู่กับความลุ่มลึกด้วยกลิ่นชา เมื่อน่าสนใจในที่มาที่ไปเช่นนี้ ก็ขอมาสัมผัสความเป็นดนตรีผ่านกลิ่นซักหน่อยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

Thé Darbouka เปิดตัวด้วยความเป็นลูกผสมระหว่างโทน Citrus ที่ค่อนไปทางขมแกมเปรี้ยวอ่อนๆ ที่มีความปร่ากำลังดีเคล้ากับกลิ่นที่ออกทางเข้มแกมอบอุ่นของโกโก้แฝงด้วยกลิ่นออกทางคล้ายหญ้าแห้งหน่อยๆ อารมณ์กลิ่นมีความกึ่งกลางระหว่างความเย็นๆ กับความอบอุ่นแบบแห้งๆ ที่มีความหวานหญ้าแห้งแกมค่อนไปทางสมุนไพรแห้งติดหวานนิดๆ ซึ่งบางวูบจะได้กลิ่นคล้ายลักษณะแบบโกโก้เย็นก็ได้ หรือบางวูบจะได้กลิ่นลุ่มลึกแกมอบอุ่นที่มีความแห้งแบบสมดุลย์กำลังดีก็ได้ด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นช่วงต้นที่ให้ความมีมิติที่น่าสนใจมากในการสร้างความสดชื่นก็ได้แตะความอบอุ่นน่าค้นหาก็ดี

เนื้อกลิ่นจะค่อนข้างมีความค่อยเป็นค่อยไปแบบเนียนๆ พอสมควรในการเข้าสู่ช่วงกลางที่จะมีโทนกลิ่นเครื่องเทศแห้งๆ ต่างๆ แฝงเข้ามาในช่วงต้นแล้วเริ่มพลิกโทนให้สัมผัสได้แบบมารู้ตัวอีกทีก็อ้าวเป็นเครื่องเทศแห้งๆ แกมหวานติดเผ็ดโปร่งกำลังดีซะแล้ว ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นของกระวานที่มาแบบไม่ได้ออกทางหวานเย้ากึ่งยางๆ แต่มาแบบแห้งๆ กลิ่นของเมล็ดเทียนตากบหรือยี่หร่าประเภทนึงที่เรียกว่า Caraway มาให้ความรู้สึกหวานติดฝาดนิดๆ สอดรับกับกระวาน ตามด้วยกลิ่นปร่านวลของพริกไทยที่ให้ความเผ็ดนวลสะอาด ซึ่งไม่ได้จบลงแค่นี้เพราะในความเป็นเครื่องเทศจะมีกลิ่นออกทางหวานติดผลไม้เล็กๆ แกมกลิ่นไซรัปหวานแห้งๆ แบบกึ่งน้ำผึ้งกึ่งสมุนไพรแกมยาสูบกวานโปร่งหน่อยๆ ที่น่าจะมาจากดอก Immotelle ทำให้ช่วงกลางเรียกว่าเป็นการผสมผสานที่เบลนด์กันได้อย่างน่าดมกลิ่นแบบเป็นเนื้อเดียวที่มีมิติมากเพราะจะได้ความเป็นเครื่องเทศแห้งๆ ที่มีบรรยากาศหวานเรื่อๆ ลุ่มลึกแบบกลิ่นชาอุ่นที่มีความหวานรายล้อม อารมณ์กลิ่นให้ความรู้สึกอบอุ่นเพราะพื้นกลิ่นจะเริ่มสัมผัสได้ได้ถึงกลิ่นกึ่งอบเชยกึ่งไม้หอมแแห้งๆ ร่วมด้วย

การเข้าสู่ช่วงท้ายเรียกว่าความดีงามในช่วงกลางในการเป็นโทนหวานแห้งๆ แต่มีความลุ่มลึกที่มาจาก Immortelle ยังคงอยู่ชัดเจน แต่สิ่งที่มาเสริมให้มีความหวานอุ่นมากขึ้นคืออบเชย ที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีความหวานแกมอุ่น และไม่พอมีโทนไม้กฤษณาที่แฝงเข้ามาทำให้กลิ่นทีความดาร์กเย้าลุ่มลึกซ้อนลงไปในโทนหวานได้อย่างพอเหมาะและไม่ได้ Oud จ๋าเกินไปออกแนวสายสนับสนุน รวมถึงมีกลิ่นยางไม้กำยาน Styrax ที่จะแตกต่างจาก Benzoin ในการให้โทนออกทางแอมเบอร์เคล้าหนังมากกว่า ทำให้ช่วงท้ายที่นอกจากความเป็นบรรยากาศเครื่องเทศแห้งๆ จากช่วงกลางที่ให้ความรู้สึกแบบบรรยากาศทะเลทรายเดิม เพิ่มเติมความหวานเย้าเข้าไปอีกสร้างโทนสีที่ไล่โทนจากสีทราย สู่สีชา ก่อนผิดท้ายด้วยสียางไม้หอมหวาน ทิ้งค้างในความรู้สึกทางกลิ่นที่มีเสน่ห์น่าค้นหากันยาวๆ ไป

เหมาะสำหรับ - มีความ Unisex ชัดเจน แต่จะเป็นการไล่โทนที่แตะความเป็นผู้ชายก่อนไปสู่โทนกลิ่นที่มีความเป็นผู้หญิง เลยจะมีบางวูบช่วงต้นที่ออกแมนนิดนึง และพอเข้าช่วงท้ายก็หวานแตะโทนผู้หญิงนิดหน่อย แต่ภาพรวมในเมื่อดนตรีไม่เลือกเพศในการฟัง กลิ่นก็ไม่เลือกเพศในการใช้งานเช่นกัน ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วไป จะมีก็แต่การใส่ออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางนัก เพราะกลิ่นช่วงท้ายเป็นโทนหวาน ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรือว่าโรแมนติคจะลงตัวที่สุด

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบแน่ๆ ตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างทนเพราะเจอไปที่ 12 ชม. ในการใช้งาน ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางยาวๆ ไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 4 ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปยาวๆ หลังจากนั้นจนถึงชั่วโมงที่ 8 ก่อนที่จะค่อยๆ ผันตัวเป็น Skin Scent

สรุป - ส่วนตัวจับต้องจุดร่วมระหว่างดนตรีประกอบกลิ่นนี้คือความน่าค้นหา ความดึงดูด และความลุ่มลึกที่มาบรรจบกันได้อย่างลงตัวมาก ซึ่งถือว่าเป็นการจับคู่ทางกลิ่นกับดนตรีในการสร้างบรรยากาศท่ามกลางทะเลทรายที่มีสถานที่ลับดึงดูดให้ไปพักผ่อนหย่อนใจ + ความลุ่มลึกทางกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ได้น่าสนใจจริงๆ

ปล. ฟังเพลงประกอบกลิ่นนี้ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=pl6JgwuKO7c

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://giaperfumerie.vn/products/l-orchestre-the-darbouka


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น