Histoires de Parfums - 1876 Mata Hari
Mata Hari เป็นภาษามาเลเซียที่แปลว่า “ดวงตาแห่งรุ่งอรุณ” และเป็นหนึ่งในนามแฝงของบุคคลในประวัติศาตร์ที่ถือเป็นสายลับผู้หญิงคนหนึ่งในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่แม้จะลงเอยด้วยการโดนประหารชีวิตจากการตัดสินของศาลฝรั่งเศส ด้วยสาเหตุอันใดที่อาจจะทั้งผิดจริงในการเป็นสายลับ 2 หน้า หรือโดยป้ายความผิดเพื่อลดทอนความผิดพลาดบางอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ เธอคนนี้คือหนึ่งในบุคคลประวัติศาสตร์ที่ผ่านการดิ้นรนต่างๆ ในชีวิตมาอย่างมากมาย และจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่โด่งดังมากจริงๆ ในช่วงปี 1906 เพราะอาชีพสร้างชื่อของเธอนั้นก็คือ ระบำเปลื้องผ้า ที่อุปโลกเอาสไตล์ของเอเชียมาผสมผสาน โดยมีเครื่องแต่งกายที่ประดับแพรวพราวที่เปิดเผยเรือนร่างให้เย้ายวนมากที่สุด
ซึ่งเพราะระบำเปลื้องผ้านี่แหละที่ทำให้เธอคนนี้ได้ไปพัวพันกับชนชั้นสูงต่างๆ ในระดับประเทศและสามารถเดินทางไปโน่นนี่ได้ในช่วงระยะเวลาสงครามแบบน่าสงสัย ซึ่งอารมณ์พอเข้าไปพัวพันก็ต้องกลายเป็นสายลับเพื่อดิ้นรนให้อยู่รอดได้จนวาระสุดท้าย กลายเป็นหนึ่งในบุคคลในหน้าประวัติศาสตร์ในที่สุด และก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจเพื่อสร้างสรรค์กลิ่นของแบรนด์ Histoires de Parfums ในการดึงเอาความเย้ายวนและน่าค้นหาของการเป็น Mata Hari มานำเสนอผ่านกลิ่น โดยเอาปี 1876 ที่เป็นเกิดของเธอคนนี้ เป็นตัวตั้งในการตั้งชื่อกลิ่นนั่นเอง
ช่วงเปิดตัวจะจับต้องได้ชัดเจนมากว่านี่จะเป็นกลิ่นอายโทนแป้งเป็นพื้นฐานแน่นอน เพราะไอริสจะให้อารมณ์แบบแป้งฝุ่นกึ่งแป้งเครื่องสำอางค์เด้งขึ้นมาเลย แต่จะมีสิ่งที่เป็นเลเยอร์สำคัญให้รู้สึกได้นั่นคือ กลิ่นที่ออกทางชื้นๆ แกมหวานกึ่งเปรี้ยวอ่อนๆ ของลิ้นจี่ที่จะให้อารมณ์แบบติดฉ่ำและมีกลิ่นติดเปลือกส้มแฝงอยู่หน่อยๆ ตามด้วยกลิ่นออกทางเครื่องเทศที่ให้อารมณ์คล้ายกลิ่นเหงื่อ ที่ให้ความรู้สึกกึ่ง Animalic น่าค้นหาที่เดาไม่ยากว่าต้องเป็นยี่หร่าเคล้าความปร่าติดเขียวที่ไม่ถึงกับกานพลูแต่ให้ความสว่างๆ ซึ่งน่าจะมาจากคาร์เนชั่นมาเสริม ทำให้เนื้อกลิ่นช่วงต้นเปิดตัวที่เป็นกลิ่นอายสไตล์แป้งกึ่งสดชิ่นแนวคลาสสิคที่ให้ความร่วมสมัยได้ด้วย ที่สำคัญมีความ Feminine ในสไตล์แป้งหอมเย้ายวนชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มกลิ่นเลย
เมื่อเนื้อกลิ่นเริ่มเข้าสู่ช่วงกลางการเปลี่ยนแปลงจะมีในส่วนของการลดบทบาทกลิ่นโทนชื้นๆ ลงมาเป็นโทนแป้งเต็มตัว ซึ่งความเป็นแป้งฝุ่นแนวเครื่องสำอางค์จะมีความเป็นกุหลาบหอมนวลๆ เข้ามาผสาน และที่สำคัญมีไวโอเล็ตมาเสริมโทนแป้งให้มีความหวานโปร่งเข้ามาร่วมด้วย จนเรียกว่าเป็นกลิ่นแป้งกุหลาบเลยก็ย่อมได้ แต่เนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนปร่าเผ็ด Spicy ที่มีหลายมิติซ้อนอยู่ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นโทนปร่าสว่างแกมเขียวนิดๆ ของคาร์เนชั่น กับกลิ่นโทนเครื่องเทศลูกผสมที่ยังคงให้ความเป็นกลิ่นเหงื่อเซ็กซี่ของยี่หร่าที่มีความสมดุลย์ติด Dirty Sexy แบบพอเหมาะ เคล้าความอบอุ่นแกมอุ่นอวลๆ ของอบเชยที่ให้ความรู้สึกเย้ายวนเพิ่มเข้ามา แต่สิ่งที่ให้ความรู้สึกมากกว่าความเป็นแป้งหอมเซ็กซี่นั่นคือความลึกลับและดึงดูดแบบน่าประหลาด เพราะว่าการมีกลิ่นออกทางไม้หอมติดดาร์กแฝงความเป็น Smoky หน่อยๆ ที่ค่อยๆ คืบคลานออกมาให้จับต้องได้นี่แหละที่ทำให้ชั้นเชิงของกลิ่นมีความน่าค้นหาเข้ามาร่วมด้วยแบบไม่ธรรมดา
ช่วงท้ายต้องบอกว่าเป็นช่วงที่ Sexy มากเกินคาด กลิ่นไม่ได้ยัดเยียดความเซ็กซี่เย้ายวนแบบจงใจ ปล่อยพลังราวกับพร้อมฟาดฟัน แต่ให้ความเป็นลูกผสมระหว่างโทนแป้งกุหลาบเสริมด้วยแป้งวานิลลาที่เป็นพื้นฐาน + กับโทน Musky Woody ที่มาเสริมให้ดูอวลเย้า ซึ่งทุก Notes ต่างเสริมกันเป็นอย่างดีทีให้ความรู้สึกแบบกลิ่นแป้งหอมเย้าๆ บนผิวกายผู้หญิง ที่ให้ทั้งอารมณ์ละมุนน่าซุก ให้ความเย้ายวนอวลจริตแบบไม่ล้นมีความพอดี ยิ่งโทนไม้หอมที่มีกลิ่นไม้จันทน์หอมครีมนวลเคล้าความ Earthy หน่อยๆ ของหญ้าแฝก มีความ Smoky บางๆ เนียนๆ ที่ทำให้น่าค้นหาเรียกว่าครบเครื่องการเป็นโทน Sexy แบบที่ควรจะเป็น และปล่อย Sex Appeal ออกมาได้อย่างเต็มที่ได้เลยโดยไม่ต้องพยายาม
เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศที่ต้องการความเย้ายวนอวลจริตเสริมคาแรคเตอร์แบบที่เซ็กซี่ร่วมสมัยแบบที่ไม่พยายามที่จงใจ แต่ออกแนวสร้างความซึมลึกในการดมให้ผู้อื่นจับต้องได้ว่าคนนี้แหละเซ็กซี่และไม่ธรรมดา ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป แบบกลิ่นเหมือนแป้งหอมแต่มีกิมมิคที่ความเย้ายวนเนียนๆ ให้ติดใจเสียมาก แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายได้เลย (แต่ไม่รวมการออกกำลังกายเฉพาะทางแบบจับคู่) ส่วนยามค่ำคืนเรื่องการใส่ไปปล่อยพลังยามท่องราตรีอาจจะสู้สายหนักหน่วงรอบทิศไม่ได้ แต่ถ้าใส่ไปแบบโรแมนติค หรือว่าออกงานบอกเลยว่ามีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดแน่นอน และสำหรับผู้ชายที่ต้องการจะใช้กลิ่นนี้ เอาจริงๆ เนื้อกลิ่นก็มีความ Unisex ให้สัมผัสประปรายอยู่ ถ้าจะใส่ก็ไม่มีปัญหา เผลอๆ มีเสน่ห์กว่าผู้หญิงใส่ด้วยซ้ำไป
ความทน - พื้นฐานแต่ที่ 8 ชม. ได้สบายมาก และไปต่อได้อีกจนถึง 12 - 15 ชม. ได้อีกด้วย เรียกว่าเรื่องนี้แทบไม่ต้องห่วงเลย
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้นราวๆ 5 - 10 นาที แล้วจะลงมากระจายดีไปราวๆ 1 ชม. หลังจากนั้น จะคงที่กระจายปานกลางแล้วค่อยๆ ผ่อนลงไปแตะที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป จนเมื่อถึงชั่วโมงที่ 8 - 10 กลิ่นถึงค่อยๆ ลดลงมาเป็น Skin Scent
สรุป - เนื้อกลิ่นอาจจะไม่ได้ดูวัยรุ่นมากนัก และไม่ได้จัดจ้านในการปล่อยพลังให้รับทราบถ้วนทั่วว่าตัวแม่มาแล้ว แต่พื้นฐานนั่นคือความเย้ายวนแบบสตรีเพศที่ให้ความมีจริตและมีความน่าค้นหาแบบที่ตามองอย่างเดียวคงไม่ได้ ควรต้องเข้าใกล้ด้วยเพื่อรับรู้ความเซ็กซี่เย้ายวนผ่านกลิ่นกายที่หอมนวลอวลละมุนชวนคลุกวงใน แบบนี้สิที่น่าจะใช่และให้ความเป็น Mata Hari แบบที่ไม่ได้แตะกลิ่นอายในช่วงระบำเปลื้องผ้า แต่แตะเอาช่วงเวลาที่มีความสัมพันธ์กับบุคคลชั้นสูงต่างๆ ด้วยจริตของผู้หญิงนี่แหละ ตรงตัวที่สุด
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.histoiresdeparfums.com/products/perfume-1876
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น