Lolita Lempicka - Oh Ma Biche
ครั้งแรกที่ได้เห็นฝาขวดของน้ำหอมแบรนด์ Lolita Lempicka รุ่นนี้ครั้งแรก เรียกว่ามีความแบ๊วได้อีกกับหงส์หัวเป็นกวางน้อยไร้เดียงสา ซึ่งแน่นอนเดาไม่ยากว่าต้องเป็นน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งพอพินิจพิเคราะห์ชื่อรุ่น Oh Ma Biche กับภาษาฝรั่งเศสเลยมีความโล่งใจที่ตอนแรกไพล่ไปคิดถึงคำที่คล้ายๆ กันในภาษาอังกฤษที่ความหมายแสบสันต์ แต่จริงๆ คือไม่ใช่ แปลออกมาได้ว่า “Oh My Honey” หรือเอาจริงๆ จะเรียกว่า “แม่กวางน้อยของฉัน” ให้ดูมีความเลี่ยนๆ ขึ้นมาอีกระดับก็ย่อมได้ ก็เลยมานั่งดู Notes กลิ่นกันหน่อยว่ามีความน่าสนใจแค่ไหนกัน
ซึ่งหลังจากดู Notes กลิ่นไม่นาน บอกเลยว่าความน่าสนใจมันอยู่ที่การนำเสนอกลิ่นค็อกเทลและแชมเปญนี่แหละ เช่นนั้นจะไปไหนเสียแม้จะเป็นกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแต่กลิ่นสายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบนี้ก็อยากเอาเข้าบ้านมาเพิ่มเหมือนกัน เช่นนั้นสอยไปอย่าได้เสีย จนเมื่อได้มาลองใช้จริงจนตกผลึก ก็ต้องบอกว่า
Oh Ma Biche ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด นำเสนอกลิ่นได้น่าสนใจมากแบบที่แม่หงส์กวางน้อยขวดนี้ นำเสนอกลายเป็นกลิ่นอายสไตล์ค็อกเทล Bellini ที่มีความเป็นพีชเคล้าส้มและแชมเปญเจือกลิ่นกุหลาบได้ดีมาก แต่สิ่งแรกที่จะเปิดตัวออกมาคือ ความเป็นนางเอกที่ต้องมีน้ำผลไม้คู่กายกันก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน น้ำนางเอกอย่างน้ำส้มนั่นเอง กลิ่นจะได้อารมณ์น้ำส้มส้มสื่นติดปร่าสดชื่นหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นจะไม่เป็นลักษณะแบบน้ำส้มคั้นสดจากลูกที่มาพร้อมเกล็ดส้มอะไรขนาดนั้น มีความเป็นน้ำส้มเปรี้ยวอมหวานติดเข้มข้นที่มีการผสมผสานมากกว่า เพราะในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ก่อนเลยคือ เกรปฟรุต เพราะมีความเปรี้ยวติดแปร่งเจือเมทัลลิคนิดๆ ที่สร้างโทนสว่างจะวูบขึ้นมาให้จับต้องได้ก่อนที่จะขนเอาความเป็นส้มที่จะมีโทนออกทาง Juicy ติดเปรี้ยวอมหวานสดชื่นหอมและมีความเย็นๆ เนื้อกลิ่นมีความฟุ้งพุ่งปร่าหน่อยๆ อารมณ์แบบมีโทนแนว Aldehydes เข้ามาเสริมด้วย แต่น่าจะมาเป็น Background มากกว่าที่จะเด่น เลยเสริมความซ่าหน่อยๆ เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นกลิ่นจะกลายเป็นสบู่ส้มไปแทน ซึ่งไม่น่าจะเข้ากับการเป็นแม่กวางน้อยนัก
เพียงไม่นานซึ่งที่จะแทรกตัวขึ้นมาเริ่มจะกลายเป็นนางเอกสมัยใหม่ที่มีความมั่นใจมากขึ้นแทน เพราะกลิ่นจะไม่ได้เป็นแค่น้ำนางเอกเฉยๆ แล้ว เพราะจะมีกลิ่นกลิ่นสไตล์ Aldehydes ที่รู้สึกได้ในตอนแรกจะชัดเจนขึ้นมาเลยว่า อ้อ นี่มันอารมณ์แบบ Sparkling ซ่าๆ แบบแชมเปญนี่เอง ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะมีความเป็นกุหลาบมาแทรกๆ ในการเป็นสไตล์แชมเปญกลิ่นกุหลาบ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น กลิ่นที่แทรกตัวออกมาค่อยๆ กินซีนแชมเปญคือ ค็อกเทล Bellini ที่เป็นค็อกเทลพีชผสมผสานกับเหล้าองุ่นสไตล์แบบไวน์ขาว ซึ่งจะแทรกขึ้นมาและผนวกเอาความเป็นแชมเปญกุหลาบเข้ามาร่วมด้วยจนได้อารมณ์กลิ่นแนวค็อกเทลพีชฟุ้งๆ มีความซ่าๆ ในสไตล์แชมเปญเสริมแกมกลิ่นออกทางเมทัลลิคติดปร่าเผ็ดซ่านิดๆ แนวคล้ายพริกไทยเสฉวน เลยพอเข้าใจได้ว่าความซ่าที่มีผ่านการวางโทนกลิ่นเพื่อผสมผสานกันเป็นอย่างดีมาแล้ว ซึ่งเนื้อกลิ่นจะติดปลายกลิ่นน้ำส้มในตอนแรกอยู่บ้างเล็กน้อย เลยจะได้อารมณ์ค็อกเทลสีพีชกึ่งส้มแกมชมพูแบบกุหลาบอ่อนๆ ได้ชัดเจนและที่สำคัญดึงดูดและเย้ายวนไม่หยอก เรียกว่าช่วงนี้ถ้าใครที่ชอบกลิ่นแนวค็อกเทลเป็นทุนเดิมและชอบกลิ่นพีชด้วยอยู่แล้ว บอกเลยว่าโดนตกได้เลยล่ะ
การเข้าสู่ช่วงท้ายการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีนัยยะสำคัญนัก เพราะว่ากลิ่นจากช่วงกลางจะตามมาทั้งหมดเพียงแต่จะลดทอนการเป็นค็อกเทลจ๋าๆ ลงไปในระดับหนึ่ง แบบว่านางเอกสายมั่นใจจิบค็อกเทลกับแชมเปญยังมาชัด เพียงแต่จะมีการเกลากลิ่นด้วยโทน Musk เข้ามา ทำให้กลิ่นไม่ได้คมหรือค็อกเทลพีชจัดจ้านเท่าช่วงกลางแล้ว แต่จะได้อารมณ์กลิ่นสไตล์ค็อกเทลพีชหอมมั่นใจฉาบผิวกายนวลบางๆ มากกว่า ซึ่งถือเป็นกลิ่นอายโทนกึ่งฟรุตตี้แกมค็อกเทลที่กำลังดี ให้เสน่ห์แบบที่ไม่ได้ดูแบบก๊งมาจากไหนแค่มีความขี้เล่นก็ได้ ความน่ารักก็ได้ แต่ถามว่า Feminine จ๋าๆ ไหม? ก็บอกว่าไม่ได้ขนาดนั้นออกทาง Unisex เสียมากกว่าในช่วงนี้
เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็สามารถจัดตัวนี้ได้สบายมาก กลิ่นมีความสดใสก็ได้เย้ายวนในการเป็นสไตล์ของค็อกเทลก็ดี เรียกว่าใส่แล้วมีเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาไม่เหมือนน้ำหอมผู้หญิงอื่นๆ ในท้องตลาดเท่าไหร่ด้วย ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ตัดยามทางการและออกกำลังกายออกไปได้เลย แต่ถ้าเป็นใส่ทั่วไป หรือกิจกรรมกลางแจ้งแบบที่ไม่ได้ลุยโลดโผนมากจะไปได้ดีเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ออกงานหรือว่าใส่ปาร์ตี้ จะไพล่ไปใส่ทั่วไปก็ได้ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีอันนี้สู้เขายากหน่อย เพราะกลิ่นไม่ได้ข้นอวลจัดหนักสู้โทนหวานแน่นได้ง่ายนัก
ความทน - เกินคาด เพราะว่าสิ่งที่ส่วนตัวเจอคือ 12 ชม. สบายๆ แต่ถ้าตีค่าเฉลี่ยก็น่าจะราวๆ 6 - 8 ชม. ที่น่าจะให้เสน่ห์ได้ดีและลงตัว
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นน้ำส้มมาเต็มเลย ก่อนจะลงมากระจายดีในช่วงกลางที่จะอยู่กับเราไปซักประมาณ 2 ชม. ได้ ก่อนจะลดลงเป็นปานกลางไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ก็จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ก่อนเป็น Skin Scent หลังพ้นราว 8 - 10 ชม. ไปแล้ว
สรุป - นี่ไม่ใช่กวางน้อยที่น่ารักดูใสๆ หลอกง่ายนะ แต่มาในการเป็นโทนกวางน้อยสายมั่นใจและไม่ได้เป็นนางเอกแบบขนบโบราณที่เอะอะก็น้ำส้มแล้ว แม้จะมีการ Tribute อยู่บ้างก็ตาม ไม่ธรรมดาเลยล่ะกลิ่นนี้
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.fragrantica.com/news/Oh-Ma-Biche-by-Lolita-Lempicka-12699.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น