Carthusia - Corallium
ถ้ากล่าวถึงกลิ่นอายแบบตากอากาศที่มาสายสดชื่นบนเกาะกลางทะเลกลั้วสมุนไพร และมีความเรียบหรูแบบผู้ดีคงมองข้าม Carthusia ไปไม่ได้เพราะแบรนด์นี้เขามีดีทางด้านนี้ นอกจากหลายๆ รุ่นที่ผ่านการบอกเล่ามาก่อนหน้านี้ และคงคอนเซปท์การสื่อสารถึงความมีระดับของกลิ่นในแง่มุมต่างๆ ที่มีแรงบันดาลใจหลักมาจากกลิ่นอายของเกาะ Capri แล้ว ก็ยังมีอีกหลายรุ่นที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เช่นนั้นเลยได้กลับมาเจอแบรนด์นี้อีกครั้งกับน้ำหอมที่น่าสนใจอีกรุ่น ที่อ้างอิงชื่อรุ่นถึงปะการังสีทับทิมในท้องทะเลอย่างรุ่นนี้เลย Corallium
เพียงแค่ Top Notes ก็ทำเอาประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะกลิ่นของ Bergamot ที่วาบเข้ามาจะให้ความสดชื่นติดเขียวอมเปรี้ยวแห้งๆ แล้วจะวูบเหมือนจะหายไปแต่ทิ้งความเป็นกลิ่นอายสดชืิ่นติดขมเอาไว้ โดยจะมีกลิ่นอายของส้มเสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นโทนสมุนไพรปร่านวลที่มาเกลากลิ่นให้มีความสดชื่นนุ่มๆ และมีความอะโรม่ากำลังดี แต่สิ่งที่สัมผัสได้เต็มๆ อีกอย่างคือกลิ่นอายทะเลที่ไม่ได้มีโทนคาวๆ เพราะเนื้อกลิ่นมีความเค็มติดโทนเกลือหน่อยๆ กลิ่นเลยจะมีลูกเล่นความสดชื่นที่มี 3 โทนคือ Citrus สมุนไพร และทะเลจางๆ ที่ผสมผสานเนียนกันไป แล้วความเป็นสมุนไพรจะเริ่มกลายเป็นตัวเอกเมื่อเข้าสู่ Middle Notes เพราะกลิ่นอายสดชื่นติดเครื่องเทศโทนโปร่งคล้ายกานพลูแต่มีความนุ่มกว่าติดเขียวนุ่มอมหวานหน่อยๆ ของใบกระวานเคล้ากับกลิ่นของเซจที่ให้ความเป็นโทนเผ็ดปร่ากึ่งพริกไทยนวลๆ กำลังดีจะชัดเจนมากในช่วงนีิ้ โดยที่กลิ่นของ Bergamot ที่คิดว่าน่าจะหายไปแล้วก็ได้กลับมาตีคู่โทนสมุนไพรให้ความเปรี้ยวติดแห้งสดชื่นกลั้วไปตลอด กลิ่นโทนทะเลบางๆ ก็ยังพอให้สัมผัสได้ แต่ในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นโทนยางไม้เคล้ากลิ่นไม้โปร่งๆ ของไม้ซีดาร์รองพื้นไว้อยู่ เลยจะมีมิติความสดชื่นที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเรียบนิ่งมีระดับของยางไม้กลั้วไม้หอมแบบลงตัว ไม่โฉ่งฉ่างจนเกินไป เมื่อผ่านไปจนถึง Base Notes สิ่งที่ทำให้แปลกใจมากคือ กลิ่นของ Bergamot ยังคงอยู่ ให้ความสดชื่นติดเปรี้ยวแห้งๆ ชัดเจน โดยจะมีกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ของซีดาร์ที่ให้โทนสว่าง และมีความเป็นกลิ่นอายแบบสะอาดติดฉ่ำหน่อยๆ ของ Musk ที่กลั้วกับกลิ่นอายของกุหลาบหินที่กลิ่นออกทางเขียวฉ่ำจางๆ มีความเป็น Aquatic ที่พอให้รับรู้ได้ ได้อารมณ์สะอาด สดชื่น และสว่างแบบไม่ดูเยอะสิ่ง มีความเรียบหรูกำลังดีเข้าถึงได้ง่ายตั้งแต่ต้นยันจบเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้มีความเป็น Unisex ชัดเจน กลิ่นเรียกว่ากวาดหมดในวัยตั้งแต่เรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แล้ว เพียงแต่กลิ่นจะมีความเรียบร้อย เรียบนิ่งติดหรู ที่มีความสดชื่นแบบเข้าถึงได้ง่ายและยังไงก็รอด จึงไปได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ออกกำลังกายยังใส่ได้เลย ส่วนยามค่ำคืน ถือว่าถ้าใส่แบบสบายๆ ผ่อนคลายในวันอากาศร้อนๆ ยังไงก็ผ่าน อย. ด้านกลิ่น ส่วนเที่ยวกลางคืนตัดไปได้เลย สู้ชาวบ้านไม่ได้แน่นอน
ความทน - เพราะรุ่นนี้เป็น EDP ความทนเลยน่าพึงพอใจมากกับ 8 ชม. ที่เป็นพื้นฐาน และมากกว่านี้ได้ด้วยถ้าจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเหมาะสม ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. แบบกลิ่นยังคงอยู่ให้รู้สึกตีขึ้นตลอด กับจำนวนสเปรย์ที่ 6 สเปรย์
การกระจาย - กลิ่นนี้เรียกว่ามาสาย Safe Scent แบบเรียบหรู การกระจายเลยออกแนวเรื่อยๆ เสียมาก กระจายดีตอนต้น แล้วลดลงมากระจายกลางๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอผ่านซัก 8 ชม. ไปแล้วจึงเริ่มเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัวให้รู้ว่ากลิ่นยังอยู่ไม่หนีไปไหน
ทิ้งท้าย - จากใจ รุ่นนี้เป็นน้ำหอม Niche ที่เป็น #ของดีเทคนิคไม่ต้อง และคาดไม่ถึงกับกลิ่นของ Bergamot หรือมะกรูดฝรั่งที่ให้ความรื่นรมย์ตั้งแต่ต้นยันจบได้ดีเกินคาดจริงๆ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit by https://www.saison.com.au/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/c/o/corallium_50_ml_w_.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น