Molinard - Lavande Eau de Toilette
หนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่นำเสนอความเป็นกลิ่นอายแบบฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1849 จนมาถึงปัจจุบัน
โดยมาในสายน้ำหอมฝรั่งเศสแบบแท้ทรู และมีความเป็น Niche Perfume ที่มีอะไรดีๆ
มาเสมอ ซึ่งเมื่อห่างหายแบรนด์นี้ไปนานมากจนได้เวลามาบรรจบกันอีกครั้ง ก็ได้มาแตะกับการชูโรง Note เด่นๆ กับไลน์ Les
Elements บ้างกับการมาสัมผัสกลิ่นอายอะโรม่าของลาเวนเดอร์ ซึ่งกลิ่นจะเป็นแบบไหน
จัดเต็มแล้วจึงมาบอกเล่าแบบนี้เลยว่า
บอกก่อน -
เนื่องจากไลน์ Les Elements จะเป็นน้ำหอมที่ความเข้มข้นอยู่ระดับ
EDT ซึ่งปัจจุบันได้เลิกผลิตไปแล้วทั้งหมดก็จริง
แต่ก็มีการอัพเกรดให้เป็น EDP กับไลน์ใหม่ชื่อเดิมเพิ่ม Exclusive
ลงไป อย่าง Les Elements Exclusifs เช่นนั้นการบอกเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะเป็นตัว
EDT ที่เป็น Les Elements เก่าเป็นสำคัญ
Lavande EDT เปิดตัวกับกลิ่นอายของลาเวนเดอร์พุ่งเข้าจมูกกันเต็มๆ
ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะเป็นลาเวนเดอร์ที่มาสายธรรมชาติในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
เพราะกลิ่นจะมีโทนเขียวติดสมุนไพรแบบลาเวนเดอร์ธรรมชาติผสมผสานอยู่ในนั้น
เลยจะได้อารมณ์แบบช่อลาเวนเดอร์สดเสียมาก โดยที่ในเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนสมุนไพรปร่าซ่าติดเผ็ดแนวๆ
กานพลูเสริมเข้ามาให้กลิ่นมีความเป็นโทน Spicy ที่มีความเผ็ดสดชื่นและโปร่งแบบกำลังดีเพิ่มความรู้สึกเหมือนห้องโล่งที่มีแจกันลาเวนเดอร์ตั้งอยู่เป็นหย่อมๆ กับลมข้างนอกที่พัดพาเอากลิ่นสมุนไพรโปร่งๆ
ลอยเข้ามาผสมประมาณนั้นเลย ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นลาเวนเดอร์จะเป็นเหมือนกลิ่นหลักที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้าย
โดยเมื่อเข้าช่วงกลางกลิ่นของลาเวนเดอร์จะเริ่มมีความอุ่นมากขึ้น
โดยมีกลิ่นวานิลลาค่อยๆ ดันขึ้นมาให้ความนวลหอมหวานเคล้าลาเวนเดอร์ที่เรียกว่าเป็นคู่บุญกันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเจอกันทีไรไม่ว่าจะเป็นในน้ำหอมรุ่นนี้หรือรุ่นไหนก็เกื้อกูลกันได้ดีเสมอ
ซึ่งช่วงนี้กลิ่นอายจะเป็นกลางๆ ระหว่างความนุ่มติดสมุนไพรมีเครื่องเทศจางๆ
กับความนวลหวาน ที่มีความอบอุ่นเป็นตัวเชื่อตรงกลาง
แล้วจะส่งต่อให้ช่วงท้ายที่ความเป็นลาเวนเดอร์จะเริ่มหลบฉากให้วานิลลาขึ้นมาเป็นตัวเด่นแทน
โดยจะมีความครีมมี่นวลๆ จากถั่วตองก้ามาเสริมให้มีความนุ่มละมุนกลั้วความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี
แต่กลิ่นจะไม่ได้ไปสายขนมจนเกินไปเพราะว่ามีความนุ่มนวลสะอาดของ Musk มาผสมผสานด้วยเลยทำให้กลิ่นวานิลลาติดลาเวนเดอร์อบอุ่นจะมีความสะอาดนวลติดอบอุ่นแบบผิวกายนวลๆ
รุมๆ ไม่เน้นปล่อยพลัง กลิ่นมาสายคลุกวงในนั่นเอง
เหมาะสำหรับ -
แบรนด์ตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง แต่เอาเข้าจริงตัวนี้มีความเป็น Unisex สูงมาก ที่ผู้ชายสามารถใช้ได้สบายๆ เพราะลาเวนเดอร์มันกลิ่นอยู่ตรงกลางพอดีของทุกเพศ
ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป
เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีความรอดและอะโรม่าสูงเลยทีเดียว แต่ไม่เหมาะกับใส่เพื่อออกกำลังกาย
เพราะกลิ่นจะอะโรม่าไปหน่อย ไม่ได้ทำให้สดชื่นและอาจจะอึดอัดได้
ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นจะเบาลงไปพอสมควรแล้ว ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายมาก เพียงแต่ไม่เข้าทางการใส่เพื่อหาเหยื่อ
แต่ลงตัวกับการใส่เพื่อผ่อนคลายสบายๆ ใส่ก่อนนอนซักสเปรย์ช่วยให้หลับสบายได้ด้วยนะนั่น
ความทน -
อยู่ที่ราวๆ 6 ชม.
จะมีบวกลบไปบ้างราวๆ 1- 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว
และปิดม้ายชัดเจนที่ Skin Scent เรียกว่าไม่ได้รบกวนใครให้ความอะโรม่าผ่อนคลายกับคนใส่เต็มๆ
ทิ้งท้าย -
ถือเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ทำกลิ่นออกมาได้ธรรมชาติพอสมควรเลย
และยังใส่ความเป็นโทนสมุนไพรที่ให้ความรู้สึกเป็นน้ำหอมที่มีเสน่ห์สไตล์
Traditional ของฝรั่งเศส
ปิดท้ายด้วยคู่บุญที่ให้ความหอมหวานอุ่นอย่างวานิลลา แม้จะเสียดายที่เลิกผลิต
แต่ก็ถือว่ายังคงมีรุ่น EDP ที่รับช่วงต่อให้ได้ฟินอยู่ มีโอกาสคงต้องหามาลองอีกครั้ง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit by http://www.parfumery.com/pictures/large/3305400065060.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น