Au Pays de la Fleur d’Oranger - Figue Fruitee
เห็นชื่อแบรนด์ Au Pays de la Fleur d’Oranger ครั้งแรก
เออ ชื่อยาวดีแท้ และความหมายดูสวยงามและกลิ่นหอมลอยมาแทบจะทันทีเลยนั่นคือ “ดินแดนแห่งดอกส้ม” ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ Niche จากฝรั่งเศสที่เปิดตัวออกมาเมื่อช่วงปี 2005 ในเมื่อได้โอกาสจัดมาแบบ Blind Buy โดยไม่เคยได้ลองกลิ่นมาก่อน เช่นนั้นถือว่าครั้งนี้จะมาเปิดโปงกลิ่นกันซักหน่อยว่าจะออกมาในรูปแบบไหนกับรุ่นแรกของแบรนด์นี้
Figue Fruitee เปิด Top Notes กันอย่างสมชื่อรุ่นเลยทีเดียว
เพราะว่าจะเป็นกลิ่นของลูก Fig (มะเดื่อฝรั่ง)
ที่มีความเขียวทึบปนหวานเป็นตัวเด่น แต่ล้อมไปด้วยกลิ่นอายของผลไม้คล้ายพีชและมีกลิ่น
Citrus เจือให้มีความสดชื่นติดขมเขียวปนหวาน
ช่วงต้นอาจจะแปร่งๆ นิดนึง เพราะความเป็น Fig ติดเปรี้ยวผลไม้แบบนี้มันจะได้อารมณ์ติดลั่นล้ามากกว่าจะเขียวทึบหวานหรือครีมมี่ในแบบที่เคยได้กลิ่นจากน้ำหอม
Fig เด่นๆ ทั้งหลายมาก่อน ซึ่งกลิ่น Fig นี่แหละ จะเป็นตัวเด่นลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลย โดยเมื่อเข้าสู่ Middle
Notes จะเริ่มมีความเขียวโปร่งปนไม้หอมมากขึ้น
ความสดชื่นติดหวานผลไม้จะเริ่มจางลงไปให้ความเขียวใสติดสบายๆ ที่มีกลิ่นไม้หอมติดกลิ่นถั่วปนขมจางๆ
กลิ่นจะได้ความเขียวสะอาดติดโปร่ง โดยมีพื้นของกลิ่นที่ออกทางสะอาดติดอบอุ่นกำลังดีให้พอรู้สึกได้
กลิ่นของ Fig เริ่มจะกลับมาเป้นลักษณะแบบกลิ่นอายใต้ต้น
Fig ที่มีความโปร่งสบาย ไม่ได้ติดผลไม้จ๋าแบบช่วงต้น
แม้ว่าความเป็นผลไม้ในช่วงต้นจะยังมีพอให้จับได้อยู่บางๆ ก็ตาม
แต่กลายเป็นสายสนับสนุนไปแล้วเรียบร้อย แล้วกลิ่นจะเริ่มปรับโทนเรื่อยๆ
มีความครีมมี่นวลๆ เสริมเข้ามาให้ความรื่นรมย์เรื่อยๆ แล้วก็เข้าสู่ Base
Notes ที่กลิ่น Fig จะลดทอนลงไปเป็นโทนครีมมี่ติดเขียวทึบที่มีความดาร์กหน่อยๆ
ซึ่งโทนไม้หอมโปร่งๆ ยังตามมาในช่วงนี้ให้มิติกลิ่นอายที่ติดขรึมสบายๆ
กำลังดีโดยที่ ตัวเสริมที่ลงตัวมากอย่างโทน Musk และหนังจะมาให้ความนุ่มในเนื้อกลิ่นกลั้วกับความหวานติดน้ำตาลโปร่งๆ
ให้สัมผัสถึงความครีมมี่ปนหวานกำลังดีและมีความสะอาดนวลๆ ไปตลอด
ภาพรวมถือว่า เป็นอีกหนึ่งในกลิ่นลูก
Fig ที่มีลูกเล่นของโทนผลไม้ที่แตกต่าง
ตามด้วยความเป็น Fig ในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายแต่มีชั้นเชิงนั่นเอง
เหมาะสำหรับ -
กลิ่นนี้ตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งกลิ่นมีความสาวในระดับหนึ่งราวๆ
60-70% แต่ที่เหลือผู้ชายใช้ได้สบายๆ
ถ้าชอบกลิ่น Fig อยู่เป็นทุนเดิม ยังไงก็ฟินอยู่แล้ว
โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย กวาดหมดไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ
ไป ทั้งกลางแจ้งหรือว่าในห้องแอร์ ออกกำลังกายก็ใส่ได้
เพราะพื้นฐานกลิ่นเขียวสดชื่นอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้ไม่เข้าทางเท่าไหร่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรี
แต่ถ้าใส่แบบสบายๆ หรือออกงานแบบไม่เน้นต้องไปต่อเอาตัวรอดได้
แบบไม่เหมือนใคร จัดไปได้เลย
ความทน - ดีงาม
เพราะ 8 ชม. แล้วกลิ่นยังคงอยู่
ซึ่งถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมลากไปที่ 10 ชม. ได้สบายๆ
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางกำลังดี
พอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่าครีมมี่หอมนุ่มปนหวาน เลย 6 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว
ทิ้งท้าย -
เป็นอีกหนึ่งกลิ่น Fig ที่ทำออกมาได้ลงตัวมาก
มีความเป็น Niche Perfume ให้จับต้อง ที่สำคัญขวดเก๋ดี
แถมฝาจุกเป็นไม้ด้วย ดูดีมีระดับเชียว
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit by https://www.neos1911.com/product-by-category/perfumes/figue-fruitee-edp-100-ml_058907085.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น