Diptyque - L’Ombre Dans L’Eau EDT
เมื่อได้ผ่านความเข้มข้นระดับ Eau de Parfum ของรุ่น L’Ombre Dans L’Eau จากแบรนด์ Diptyque มานานในระดับหนึ่งและประทับใจในความชัดเจนของกลิ่นที่ลงตัวและเข้มข้นแต่มีความอะโรม่าแทรกซึมอยู่ตลอดเวลาให้รู้สึกได้ ก็ได้เวลาที่จะมาลองในรุ่น Eau de Toillette หรือ EDT ดูบ้าง ว่าจะแตกต่างหรือมีอะไรที่น่าสัมผัสและจะทำให้ฟินแบบที่เคยลอง EDT หรือไม่ เช่นนั้นผลที่ได้คือ
กลิ่นไม่ได้มีความแตกต่างจาก EDP นัก แต่สิ่งที่ชัดกว่าคือ กลิ่นใสกว่า และมีความพุ่งฟุ้งเต็มเหนี่ยวมากกว่าเพราะความเป็น EDT ตัวสารหอมปริมาณจะอยู่ที่ราวๆ 5 - 15% (น้อยกว่า EDP ที่จะความเข้มข้นของสารหอมที่ 15 - 20%) ตัวแอลกอฮอล์เลยจะมีพอสมควรที่จะทำให้กลิ่นพุ่งและใสขึ้น ไม่เข้มจนเกินไป ซึ่งการเปิดตัวของรุ่น EDT เลยจะได้ความเป็นกลิ่นเขียวคมๆ ของใบแบล็คเคอแรนท์ที่จะออกทางเขียวเปรี้ยวเปรี้ยวคมผสมผสานกับกลิ่นของแบล็คเคอแรนท์ที่จะมีความเป็นผลไม้โทนเบอร์รี่ที่ออกเปรี้ยว แต่สิ่งที่ดีมากในช่วงนี้ที่กลบกลิ่นโทนด้านมืดที่ให้อารมณ์ติดคล้ายกลิ่นฉี่แมวของโทนแบล็คเคอแรนท์ คือ ความเป็น Citrus ของมะกรูดฝรั่งที่ติดเขียวขมเปรี้ยว และกลิ่นส้มที่ให้ความสดชื่นกำลังดี กลิ่นเลยที่ฟุ้งกระจายสดชื่นแบบเขียวคมใบไม้ติดเปรี้ยวได้ชัดเจน และจะแอบสัมผัสได้เช่นเคยว่ากลิ่นตัวเอกอีกหนึ่งตัวอย่าง “กุหลาบ” จะแทรกซึมเนียนๆ ในนั้นอยู่ และเป็นตัวนำเข้าสู่ช่วงกลาง ที่กุหลาบจะเด่นขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นโทนเขียวใบแบล็คเคอแรนท์ ทำให้เป็นกุหลาบติดเขียวคมก็จริง แต่มีความอะโรม่านวลๆ ติดแห้งของกุหลาบกำลังดีล้อกันไปตลอด โดยที่ยังมีความสดชื่นประปรายให้รู้สึกได้ และกลิ่นนี้จะลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายที่จะมีความเป็นกลิ่นอายคล้ายผิวกายเบาๆ รองพื้นอยู่ และมีกลิ่นสะอาดๆ นุ่มของ Musk มาเสริม แต่ไม่ได้เด่นนัก รองพื้นกันแบบยาวไป ให้กลิ่นกุหลาบติดเขียวที่ลดทอนความคมเพราะมีโทนนุ่มเบาๆ มาตัดยังคงความหอมสดชื่นเขียวติดนวลกุหลาบมีระดับและหรูกำลังดีไปตลอด
เหมาะสำหรับ - ยังคงเป็นสาวๆ เช่นเคย เพราะแบรนด์เขาชูโรงกลิ่นนี้ให้ผู้หญิง แต่ถ้าผู้ชายไม่มายด์ก็ใส่ได้สบายมาก เพราะกลิ่นได้ความรู้สึกแบบสภาพแวดล้อมและอะโรม่าคมๆ ในระดับหนึ่ง ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แต่ให้จำนวนสเปรย์พอเหมาะอาจจะดีกว่ากับอากาศบ้านเราเพราะกลิ่นจะฟุ้งและคมทำให้ชาวบ้านมองหน้าเอาได้ แม้จะอะโรม่าก็ตาม ซึ่งไม่ว่าจะยามทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งแบบที่ไม่ใช่ขุดดินหาปลาก็เรียกว่าลงตัว ใส่ออกกำลังกายก็ได้ แต่เปลืองนะ มันแพง ส่วนยามค่ำคืน เรียกว่าก็สามารถอัดสเปรย์หน่อยสู้คนอื่นได้ด้วยนะเออ เป็นอีกตัวที่ครอบจักรวาลได้ดีเลยทีเดียว
ความทน - ราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบราว 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งแน่นอนในส่วนนี้สู้ EDP ไม่ได้ แต่ก็ยังคือว่าลงตัวตามประสาการเป็น EDT ที่ยังให้ความดีงามของกลิ่นครบถ้วน
การกระจาย - กลิ่นพุ่งกระจายดีมากกกกกกในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางแล้วจะดรอปลงเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย - เรียกว่าไม่ต้องเปรียบเทียบ กลิ่นของ EDT กับ EDP เพราะไม่ต่างกันเลยในภาพรวม ต่างกันแค่เรื่องเดียวเท่านั้นคือ ความเข้มข้นและความชัดเจนของกลิ่นที่ EDP จะชัดกว่าทุกช่วงตัวจับต้องแทบทุก Note กลิ่นได้หมด แต่ EDT จะใสกว่า ดึงโทนจุดเด่นของกลิ่นเขียวสดชื่นคมๆ กลั้วกุหลาบได้เด่นเป็นสง่าคุมโทน โดยที่กลิ่นอายอื่นๆ จะมาแบบสายสนับสนุนนั่นเอง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.mecca.com.au/diptyque/lombre-dans-leau-edt/V-014545.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น