วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Review: Technique Indiscrete - Veloutine

Technique Indiscrete - Veloutine 

หลังจากที่เคยผ่านการเล่ากลิ่นรุ่น Paname Paname ที่สื่อสารถึงความเป็นปารีส ที่ให้ความร่วมสมัยแกม Retro กึ่งขนม และกลั้วเย้ากลิ่นดอกไม้ที่สื่อสารถึงผู้หญิงปารีสแนวสตรอง ในการลองครั้งนั้นก็เรียกว่าสร้างความสนใจในเนื้อกลิ่นที่สื่อสารที่อิงขนบน้ำหอมสไตล์ฝรั่งเศส แต่ก็แอบฉีกให้ดูมีความนอกกรอบในการสร้างสรรค์ไม่น้อย เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และการกลับมาเจอน้ำหอมของ Technique Indiscrete อีกครั้ง ก็เจอกับกลิ่นที่มีความน่าสนใจเพราะคราวนี้จะมาเจอและลองกลิ่นอายสายเย้ายวนดึงดูดดูบ้าง เพียงแต่มีความสะดุดอยู่นิดนึงคือที่มาที่ไป มีความเก๋แกมขำดีไม่น้อย เพราะ

มาจากการดูนิยายแนวโรแมนช์ในยุควิคตอเรียนที่เขียนโดย Barbara Cartland ที่สร้างขึ้นมาเป็น Series ของช่อง BBC 1 ที่เอาคาแรคเตอร์ตัวละครผู้หญิงในเรื่องราวเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นน้ำหอม โดยจะเอาความเป็นกุหลาบและดอกไวโอเล็ตมาสื่อสาร ซึ่งชัดเจนว่างานแป้งกุหลาบก็มาแล้ว 1 เลยมาลองหน่อยซิ ว่าผลงานการสร้างสรรค์จะออกมาในลักษณะไหน  

Veloutine เปิดตัวมาก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นโทนแป้งกุหลาบกันเลย เพียงแต่ว่าจะฉาบหน้าด้วยโทนกลิ่นสดชื่นชื้นๆ กึ่ง Aquatic แกมแตงกวาติดเขียวหน่อยๆ ของใบไวโอเล็ต ที่มีกลิ่นโทนอารมณ์เปลือกเบอร์รี่สีแดง (ที่ไม่ใส่สตรอเบอร์รี่) แต่จะแนวๆ กึ่งแครนเบอร์รี่ ที่จะมีกลิ่นติดเปรี้ยวมีลูกเอื้อนปร่าๆ ออก Spicy หน่อยๆ ซึ่งจะมาตัดทอนกันจนโทนเปรี้ยวจะมาแบบจางๆ เลยจะได้ความชื้นๆ กึ่งปร่าให้ความเป็นสตรีเพศแบบวันสะออนแบบซ่อนอารมณ์ลั่นล้าหน่อยๆ ไว้ภายในได้ดี ซึ่งเปิดมาก็มีความเป็นตัวละครหญิงในนิยายสายโรแมนช์ย้อนยุคชุดฟูๆ สไตล์วิคตอเรียนได้เลย (อาจจะเป็นเพราะอ่านที่มาที่ไปก่อนจะเขียนด้วย เลยทำให้เทความรู้สึกและเห็นภาพในลักษณะนี้) แต่ถ้าจะไม่ได้อิงกับความเป็นสไตล์ย้อนยุค ก็ถือว่าเป็นโทนแป้งที่มีความสดชื่นอารมณ์แบบอาบน้ำยามเช้าที่ยังมีความชื้นคลอผิวแล้วทาแป้งหอมกุหลาบอ่อนๆ ทับก็ได้อยู่ ซึ่งถือว่ามีความ Nice และใช้ง่ายแบบมีเสน่ห์ตั้งแต่แรกเลย

การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเลยเมื่อโทนชื้นๆ ของไวโอเล็ตจะเริ่มเบาลง เนื้อกลิ่นจะมีความแห้งขึ้นมาอีกสเต็ป โดยที่ทุกอย่างในช่วงต้นจะผ่อนลงไปอีกสเต็ป ช่วงนี้แหละก็จะชัดเจนในการเป็นโทนแป้งที่มี 2 เลเยอร์ชัดขึ้นมาเลย นั่นก็คือ แป้งหวานโปร่งกึ่งชื้นเบาๆ ของดอกไวโอเล็ต และแป้งที่ติดทึบอ่อนๆ กึ่งแป้งเครื่องสำอางค์บางๆ ของดอกไอริสที่จะทำให้โทนแป้งในช่วงนี้มีเสน่ห์แบบกำลังดี ซึ่งแน่นอนมีกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ คลออยู่ตลอด ซึ่งตรงนี้กลิ่นจะไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ค่อนข้างตรงไปตรงมาในการเป็นโทนแป้งที่ติดหวานแกมกลิ่นแบบแป้ง Make up นิดๆ แต่ข้อดีที่รู้สึกได้เลยคือ กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติแบบที่โทนนี้ควรจะเป็น ไม่ได้พยายามยัดเยียดให้แป้งจ๋าๆ จัดๆ ใส่ดอกไม้เข้าไปเยอะ ๆแต่ให้ความหอมอวลแป้งอ่อนๆ แกมหวานที่เหมือนจะนิ่งๆ แต่จริงๆ มีเสน่ห์ติดรุ่มรวยแกมเย้ายวนสร้าง Sex Appeal แบบไม่ต้องดูพยายามเน้นที่ความ Nice คือถ้าจะนึกถึง Series ย้อนยุคก็นางเอกของเรื่องที่อารมณ์ชอบพระเอก แต่แสดงออกนอกหน้าไม่ได้ ต้องวางตัวอ่ะค่ะ เน้นส่งสายตาพลางจงใจเข้าใกล้ให้พระเอกประทับใจอะไรประมาณนี้

และช่วงท้ายที่เข้ามาเยือนเมื่อสมควรแก่เวลา โดยที่จะมีตัวแปรสำคัญที่ให้อารมณ์กึ่งจะ Sexy เนียนๆ ในสาย Animalic หน่อยๆ ที่เกลากลิ่นตัดความดิบห่ามออกไปเกือบหมดของโทนหนัง ที่แน่นอนว่าสอดรับกับทั้งโทนแป้งและกุหลาบอ่อนๆ ซึ่งโทนกนังจะกลายเป็นผู้เล่นหลักเลยในช่วงท้ายที่ให้ความเย้ายวนแบบอารมณ์ผิวกายติดแป้งหอมอ่อนๆ มีความนุ่มของ Musk มาตัดทอน และใส่กิมมิคกลิ่นโทนคล้ายโทนกึ่งผลไม้บางๆ กึ่งรูทเบียร์อ่อนๆ ที่มีความเย้ายวนเนียนๆ ลงไปด้วย (ซึ่งน่าจะเป็นตัว Salicylate) ช่วงท้ายเลยจะออกแนวเย้ายวนแบบนิ่งๆ แต่มีจริตในทีเสริมอยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนกลิ่นไม่ได้ซับซ้อน แต่มีความรุ่มรวยแกมกรุยกราย กึ่ง Retro เนียนๆ อยู่ตลอดจากโทนแป้งแกมหนังที่ขับความเย้าของผิวกาย ซึ่งชัดเจนกับกลิ่นอายแบบคาแรคเตอร์นางเอกในนวนิยายโรแมนซ์ย้อนยุคแบบอังกฤษที่ไม่หลุด Concept เลย

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว แม้ว่าเนื้อกลิ่นจะมีอารมณ์ Vintage ย้อนยุคอยู่ก็จริง แต่มีแบบเบาๆ สร้างอารมณ์ที่กรุยกรายอ่อนๆ เป็นกิมมิคเสียมากกว่า เลยถือว่าเป็นโทนแป้งแกมสดชื่นที่มีเสน่ห์และให้ความเป็นธรรมชาติที่กำลังดี ไม่ได้ยัดเยียดให้แป้งจ๋าจนดูเป็นคุณนายแต่งหน้าเยอะแบบจงใจมาจากไหน เลยเข้าได้กับการใช้งานในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบเกือบกวาดหมด ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป มีเพียงแค่ที่อาจจะไม่เข้าทางเท่าไหร่ก็ใส่ไปออกกำลังกาย ส่วนค่ำคืนไม่ว่าจะโรแมนติค ทั่วๆ ไป ออกงาน ได้หมด แต่ไม่ควรเลยคือใส่ไปท่องราตรี เพราะโดนกลบหมดแน่นอนจากโทนหวานแน่นทั้งหลาย

ความทน - ลงตัวเกินคาด ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะทนมาก แต่ก็ลากไปถึง 12 ชม. ได้สบายๆ กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ เช่นนั้น 8 ชม. ได้ไม่ยากในหลายๆ สภาพผิว

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น ไม่ได้ดูเล่นใหญ่อะไรมาก มีความกรุ่นๆ อวลๆ เสียมาก และคงตัวพอสมควรไปจนถึงราวๆ 4 ชม. เลยก็ว่าได้ แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปถึง 8 ชม. ถึงค่อยเป็น Skin Scent ตามลำดับ

สรุป - เป็นกลิ่นแป้งที่ดูเหมือนไม่หวือหวา แต่ให้เนื้อกลิ่นที่พอเหมาะพอเจาะและคาแรคเตอร์กลิ่นที่น่าสนใจมากกับอารมณ์นางเอกสาวใน Series โรแมนติคย้อนยุค ที่ได้ความสดชื่นหอมนวลมีเสน่ห์แบบซ่อนความเนียนเย้าเอาไว้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ทำออกมาได้ลงตัวและเข้าถึงได้ไม่ยากในสไตล์ Niche Perfume ใช้ง่ายได้เลย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://techniqueindiscrete.com/en/fragrance/2-130-brown-bear-printed-sweater.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น