วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

Review: L’Artisan Parfumeur - Bana Banana

L’Artisan Parfumeur - Bana Banana

ในช่วงกลางยุค 70 ที่แบรนด์ L’Artisan Parfumeur ได้ก่อตั้งขึ้น เรียกว่าความไฟแรงในการสร้างสรรค์กลิ่นอายล้ำๆ ในช่วงเวลานั้นก็มีมาอย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับความรื่นเริงและแฟชั่นต่างๆ ในยุคนั้น ซึ่งก็มีการฉีกในการสร้างสรรค์น้ำหอมออกมาให้แตกต่างโดยการนำเสนอกลิ่นกล้วยสุกที่เอามารวมกับกลิ่นดอกไม้อย่างมะลิ แต่เพราะมันอาจจะฉีกเกินไป เลยทำให้กลิ่นนี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก

ครั้นในปี 2019 เมื่อเทรนด์ของน้ำหอมเปลี่ยนแปลงมาสู่ปัจจุบัน การกลับมาของกลิ่นกล้วยที่แบรนด์นี้ได้เอามาต่อยอดจากสิ่งเดิมเพิ่มเติมด้วยการปรับปรุงกลิ่นให้มีเสน่ห์ในแบบที่เป็น L’Artisan Parfumeur จึงได้กลับมาอีกครั้งโดยฝีมือของ Celine Ellena (ลูกสาวของ Perfumer ชื่อก้องโลกอย่าง Jean-Claude Ellena) ซึ่งคราวนี้จะมีความพอเหมาะพอเจาะกับยุคสมัยและสร้างสรรค์กลิ่นออกมาได้มีความเป็นกล้วยขนาดไหน มาว่ากันเลยดีกว่ากับกลิ่นนี้ Bana Banana

แรกฉีดกลิ่นเปิดออกมาแบบทำเอายิ้มออกมาทันที เพราะจะได้กลิ่นออกทางคล้ายลูกแพร์กึ่งเขียวแกมชื้นหน่อยๆ ของใบไวโอเล็ตวูบออกมาก่อนที่ตัวเด่นอย่างกลิ่นกล้วยหอมที่เป็นกลิ่นแบบกล้วยหอมสุกสีเหลืองทองทะลุเปลือกหรือเป็นกลิ่นแบบที่เราดมที่กล้วยตอนปอกเปลือกออกมาก่อนกิน ซึ่งกลิ่นของลูกแพร์กับใบไวโอเล็ตจะกลายเป็นตัวเสริมที่ดีที่ให้ทั้งความเป็นโทนสีเหลืองแกมหวานเสริมให้กลิ่นกล้วยมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยที่แฝงความนวลแกมปร่ากลมกล่อมที่สร้างโทนอวลที่กลมกล่อมอ่อนๆ รวมอยู่ด้วย เลยจะเสริมให้กลิ่นกล้วยมีความอวลแบบเนื้อกล้วยเข้ามาให้จับต้อง และที่สำคัญมากๆ เลยคือ ปลายกลิ่นจะมีกลิ่นคล้ายใบตองให้รู้สึกได้ด้วย เรียกว่าช่วงเปิดคือการโชว์ออฟแบบเต็มที่ในการสร้างสรรค์กลิ่นกล้วยด้วยการผสมผสานที่จับต้องได้ทั้งความหอมผ่านเปลือก กลิ่นเปลือกด้านในและเนื้อกล้วยหวานหอม รวมถึงกลิ่นใบตองที่สร้างความสดชื่นปลายกลิ่น นี่แหละไม่ธรรมดาและยอดเยี่ยมมาก

เมื่อผ่านไปราวๆ 10 นาที กลิ่นกล้วยที่มีความเป็นธรรมชาติเริ่มเบาลงมาจนเหลือเพียงปลายกลิ่น โทนกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากมาสู่การเป็นโทนแป้งที่มีดอกไม้เข้ามาเป็นผู้เล่น โดยจะมีความเป็นโทนไอริสที่ให้ความเป็นแป้งฝุ่นดอกไม้เคล้ากับกลิ่นจิดหอมคล้ายชาแกมฝาดของหัวปลีเสริมเสริมกับโทนแป้งได้เป็นอย่างดี แต่จะมีความหวานนวลระเรื่อของมะลิรับช่วงต่อความหวานของกล้วยจากช่วงต้น ทำให้ช่วงนี้จะได้ความเป็นแป้งฝุ่นที่มีความหอมหวานนวลๆ โดยมีปลายกลิ่นเป็นกลิ่นกล้วยหอมสุกเบาๆ แต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้เพราะว่าเนื้อกลิ่นจะมีโทนอบอุ่นนวลๆ ออกทางกึ่งแป้งอบอุ่นของวานิลลาที่มาแบบ Lite Version แกมโทนครีมมี่ที่มาจากถั่วตองก้าอวลๆ ที่ให้ Effect ของโทนแป้งอัลมอนด์แกมหญ้าแห้งหน่อยๆ เลยทำให้มิติกลิ่นได้ทั้งความเป็นแป้งหอมที่ละมุนแกมอบอุ่นโดยมีกลิ่นกล้วยบางๆ ให้ความนวลสบายแกมรื่นรมย์

การเข้าสู่ช่วงท้ายโทนแป้งอบอุ่นจะยังไม่ได้หายไปไหน แต่จะกลายเป็นสายสนับสนุนชั้นดีให้ Musk กับถั่วตองก้ากลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น ซึ่งจะมีความนวลสะอาดแกมอบอุ่นเคล้าโทนหวานกึ่งหญ้าแห้งกึ่งอัลมอนด์ที่มีลูกเอื้อนเป็นไม้หอมหน่อยๆ สอดรับพอดีกับโทนอบอุ่นของแอมเบอร์ที่มาเสริมแบบพอเหมาะ ทำให้กลิ่นเป็นสไตล์นุ่มนวลเข้าถึงง่ายและทันสมัยชัดเจน โดยที่ยังได้ความเป็นแป้งเรื่อยๆ มาเรียงๆ ประปรายร่วมด้วยอยู่ตลอด ซึงถือว่ากลิ่นจะไม่ได้ซับซ้อน ให้ความยังไงก็รอด ใช้แล้วมีความหอมนุ่มอบอุ่นและชวนเข้าใกล้แบบไม่ได้หนักหน่วงเป็นการปิดท้ายกลิ่นกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปตามแต่ละสภาพผิว

เหมาะสำหรับ - Unisex ในวัยตั้งแต่เรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก ซึ่งถ้าใครชอบกลิ่นกล้วยหอมที่มีความเป็นธรรมชาติมากๆ แบบไม่ใช่ไซรัปกล้วยหรือกล้วยหวานๆ จนเป็นขนม บอกเลยว่าฟินจริงอะไรจริง ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะตั้งแต่ช่วงกลางกลิ่นจะให้มิติความเป็นแป้งอบอุ่นที่เข้าถึงได้ง่ายก็จริง แต่มีระดับสูงมาก นอกจากนี้ยังใส่ยามกลางคืนแบบออกงาน โรแมนติค หรือว่าทั่วๆ ไปก็ได้ กลิ่นมีเสน่ห์แบบไม่ต้องพยายาม แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ

ความทน - อยู่ที่ 8 - 10 ชม. เป็นหลัก แต่ไปต่อได้อีกว่ากันที่สภาพผิวกาย โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 - 15 ชม. ทุกครั้งที่ใช้งาน เรียกว่าความทนเกินคาดเลยสำหรับกลิ่นนี้  

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีค่อนไปทางดีมากในช่วงต้น เรียกว่าความเป็นกล้วยหอมจะมาทักทายจนชวนยิ้มเอาได้ไม่ยาก ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลางอารมณ์แบบบาเรียรอบตัวประมาณหนึ่งไม่ได้หนักมาก ก่อนจะมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไปประมาณ 5 ชม. แล้ว และคงตัวกันยาวๆ ก่อนเป็น Skin Scent อีกทีคือผ่านไปแล้ว 8 - 9 ชม.

สรุป - ขอยกดาวให้ทั้งฟ้ากับช่วงเปิดของน้ำหอมกลิ่นนี้เลย ที่สามารถสร้างสรรค์กลิ่นกล้วยออกมาได้เป็นธรรมชาติมาก ถึงมากที่สุดแบบที่ยังคงให้ความหอมติดโปร่งๆ ที่เป็นลายเซ็นของแบรนด์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากจริงๆ ซึ่งแม้ว่าที่เหลือจะไม่ได้ถึงกับกล้วยจ๋าออกแนวเป็นแป้งหอมติดกลิ่นกล้วยอ่อนๆ แต่ความดีงามในการใช้งานก็ยังคุม Concept ได้ดีและมีเสน่ห์เข้ากับยุคสมัยที่เน้นกลิ่นอายแนวมินิมัลเรียบหรูได้อย่างงดงาม

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://twitter.com/lartisan/status/1108699889473593344

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น