วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Review: Parfum Satori - Oribe

Parfum Satori - Oribe

Parfum Satori ชื่อนี้เรียกว่าในสายน้ำหอม Niche Perfumery เอง ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่สื่อสารและสร้างสรรค์กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Satori Osawa ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ Societe Francaise des Parfumeurs ของฝรั่งเศสที่เป็นสมาคมทางด้านน้ำหอมที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมบุคลากรทางด้านน้ำหอมต่างๆ มาร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาทางด้านน้ำหอมแบบครบวงจรเสียด้วย เช่นนั้น หาโอกาสมานานมากที่จะได้ซึมซับศิลปะทางกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ 

และเมื่อโอกาสมาถึงก็ได้สัมผัสและซึมซับกลิ่นอายที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก พิธีชงชากับชื่อรุ่นที่มีความหมายลึกซึ้ง Tribute หนึ่งในตำนานด้านการชงชาของญี่ปุ่นอย่าง Oribe Furuta ดังนั้นก็ถึงเวลาถ่ายทอดกลิ่นผ่านตัวอักษรว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะเช่นใดและงดงามขนาดไหน 

Oribe จะไม่ได้มาในลักษณะเหมือนน้ำหอมกลิ่นชาเขียวต่างๆ นานาที่มีในท้องตลาดเลย เพราะจะไม่ได้อารมณ์แบบชาเขียวสดชื่น ชาเขียวติด Citrus ชาเขียวมัทฉะนุ่มๆ หรือชาเขียวนมทั้งร้อนเย็นปั่นอะไรก็ตาม แต่จะมาแบบชาเขียวตามธรรมชาติที่ชัดเจนมาก เพราะเปิดตัวกลิ่นด้วยโทนเขียวทึบแต่รื่นจมูก โดยจะเป็นกลิ่นอายแบบชาเขียวที่เป็นใบแห้งกึ่งหมาด ผสมผสานกับกลิ่นอายที่ใบชาเขียวแห้งที่บดเป็นผง ซึ่งจะมีโทน Spicy นุ่มๆ เนียนๆ สมุนไพรอ่อนๆ เจืออยู่ และที่สำคัญกลิ่นที่ได้จะมีลักษณะกลิ่นอายออกทางติดโทนอูมามิ ที่ได้อารมณ์กลิ่นอึนๆ แบบกลิ่นผงชูรสหน่อยๆ เนียนกระตุ้นให้รู้สึกเขียวกลมกล่อม กลิ่นมีความกลางๆ ไม่ได้ไปสายอุ่นไปหรือเย็นไป ซึ่งจะได้อารมณ์แบบเวลาเราได้กลิ่นชาเขียวที่มีกรดอะมิโนสูงๆ ที่ให้รสอูมามิโดนน้ำร้อนแล้วกลิ่นฟุ้งออกมาให้ความอะโรม่าที่เขียวแต่รื่นรมย์จมูกสูงมาก ซึ่งเปิดตัวด้วยการเริ่มพิธีชงชาได้อย่างชัดเจนและถอดโทนกลิ่นออกมาได้อย่างลงตัวมากจริงๆ 

เมื่อความเขียวเริ่มผ่อนลงและมีความหวานหอมอ่อนๆ เจือกลิ่นแป้งแทรกเข้ามาก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่ตอนนี้แหละ Match Lover กันอย่างชัดเจนและมีความเป็นธรรมชาติของกลิ่รชาเขียวมัทฉะสูงมาก เพราะจะได้ความรู้สึกฟุ้งๆ อ่อนๆ คลอเคลียกันไประหว่างความหวานนวลและความเขียวติดขมอะโรม่า ซึ่งต้องยอมเลยว่าเป็นการผสมผสาน Notes กลิ่นออกมาได้ดีแบบที่สร้างความอะโรม่าของชาเขียวมัทฉะได้ชัดเจนจากกลิ่นชาที่ให้ความขมฝาดหน่อยๆ มีอูมามิอ่อนๆ กลิ่นดอกไวโอเล็ตให้ความหวานนวลค่อนทางแป้งโปร่งๆ กลิ่นมะลิที่ให้ความโทนหวานเบาๆ ใสๆ ละมุน และพิมเสนที่ให้ความเป็นสมุนไพรติดดินที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วงนี้จะต่อเนื่องจากช่วงต้นหลังจากที่เริ่มดื่มชาในพิธีชงชาไปแล้ว ความอะโรม่าอบอวลในปากของชาเขียวมัทฉะจะละเมียดละไมละมุนทำให้เรามีความสุขรื่นรมย์ในช่วงเวลาที่ดื่มนั้นเต็ม 

เพราะการไล่เรียงกลิ่นอายพิธีชงชาช่วงสุดท้าย คือ สุนทรียะของความสงบและความสวยงามในความเรียบง่าย เพราะเมื่อกลิ่นชาเริ่มจางลงไป สิ่งที่สัมผัสได้คือความรื่นรมย์ที่ยังคงค้างอยู่ปนกลิ่นอายสถานที่ของห้องชงชาที่เป็นกลิ่นไม้บางเบามีความ Airy อ่อนๆ ให้เราซึมซับ โทนกลิ่นเลยจะมาสายบางเบาโดยมีกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ โปร่งปนติดครีมบางๆ ของไม้จันทน์หอมกับไม้ซีดาร์เป็นตัวรองพื้นแบบอ่อนๆ ไม่ได้เด่นพุ่งออกมาอยู่พอสมควร โดยมีกลิ่น Airy ของโทนแป้งติดจืดๆ สงบๆ ของดอกไอริสที่บางเบานำโทนกลิ่นให้รู้สึกสว่างและสงบแบบนิ่งๆ โดยที่ความเขียวยังพอมีแบบเบาบางให้สัมผัสได้บ้าง โดยยังคุมโทนความรื่นรมย์ของความเป็นกลิ่นอายของชาเรียนๆ ไปกับกลิ่นบรรยากาศของห้อง ซึ่งช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายสาย Whispering ที่เบาบางตามสไตล์กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นที่ไม่ต้องเยอะสิ่ง เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก แต่ถ้าพิจารณาดีๆ มันสวยงามและมีความสงบอ้อยอิ่งอยู่รายรอบเสมอ 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นเป็นโทนสภาพแวดล้อมที่อยู่กลางๆ ไม่มีการฝักใฝ่เพศใดชัดเจน แถมเป็นกลิ่นอายเชิงศิลปะที่ถ่ายถอดผ่านกลิ่นออกมา จึงใส่ไปเถอะได้หมดทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นมีความรื่นรมย์ปนสงบเป็นโทนหลัก ซึ่งจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างหรือไปทางสาย Adventure หรือสายออกกำลังกายนัก เน้นให้ให้ความรื่นรมย์เป็นสำคัญ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายมากเพราะไม่ต่างจากการใช้งานยามกลางวัน เพียงแต่ให้ตัดการใส่เพื่อไปติ๊ดชึ่งเต้นเด้งหน้าเด้งหลังหรือท่องราตรีทุกประเภทออกไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางและไม่ส่งเสริมออร่าด้านความเย้ายวนทุกกรณี แถมโดนชาวบ้านกลบหมดอีกด้วย 

ความทน - ตามจริงคือ กลิ่นไม่ได้ทนมาก ประมาณ 4 ชม. กลิ่นก็เริ่มจางไปในที่สุด ซึ่งถ้าสภาพผิวเองไม่ค่อยเก็บน้ำหอมอาจจะราวๆ 2 ชม. ก็ถือว่าจบพิธีชงชาแล้ว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ชัดเจนทุกอณูความหอมเขียวอะโรม่าอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวให้ความเป็นมัทฉะที่รื่นรมย์ ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่มีกลิ่นอายบางเบาอ่อนๆ ให้ความสงบในช่วงท้าย 

สรุป - Oribe คือ การถอดสเต็ปของพิธีชงชาที่เรียบง่ายและสวยงามในความเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องพยายามและไม่ได้มุ่งเน้นไปที่กลิ่นอายของชาเพียงอย่างเดียว แต่สร้างสเต็ปกลิ่นเหมือนเรานั่งอยู่ในพิธีดังกล่าว และซึมซับสุนทรียะของความเป็นธรรมชาติ ความสวยงามในความเรียบง่าย และความสงบที่ครบถ้วนและรื่นรมย์ตามสไตล์ Art of Japanese Scent ซึ่งถ้าต้องการความทนและการกระจายให้โลกรู้ว่าพิธีชงชาเดินได้อยู่ตรงนี้ บอกเลยว่าผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าต้องการความสวยงามและศิลปะของการเล่ากลิ่นที่มีชั้นเชิงและลุ่มลึกในความเรียบง่าย Oribe มีให้อย่างเต็มเปี่ยมและสื่อสารได้อย่างงดงาม 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://thescentofman.wordpress.com/2017/05/09/parfum-satori-oribe-2008/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น