Review: Parfum Satori - Oribe
Parfum Satori - Oribe
Parfum Satori ชื่อนี้เรียกว่าในสายน้ำหอม Niche Perfumery เอง
ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่สื่อสารและสร้างสรรค์กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Satori Osawa ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ Societe
Francaise des Parfumeurs ของฝรั่งเศสที่เป็นสมาคมทางด้านน้ำหอมที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมบุคลากรทางด้านน้ำหอมต่างๆ
มาร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาทางด้านน้ำหอมแบบครบวงจรเสียด้วย เช่นนั้น
หาโอกาสมานานมากที่จะได้ซึมซับศิลปะทางกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้
และเมื่อโอกาสมาถึงก็ได้สัมผัสและซึมซับกลิ่นอายที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก
“พิธีชงชา” กับชื่อรุ่นที่มีความหมายลึกซึ้ง Tribute หนึ่งในตำนานด้านการชงชาของญี่ปุ่นอย่าง
Oribe Furuta ดังนั้นก็ถึงเวลาถ่ายทอดกลิ่นผ่านตัวอักษรว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะเช่นใดและงดงามขนาดไหน
Oribe จะไม่ได้มาในลักษณะเหมือนน้ำหอมกลิ่นชาเขียวต่างๆ
นานาที่มีในท้องตลาดเลย เพราะจะไม่ได้อารมณ์แบบชาเขียวสดชื่น ชาเขียวติด Citrus
ชาเขียวมัทฉะนุ่มๆ หรือชาเขียวนมทั้งร้อนเย็นปั่นอะไรก็ตาม
แต่จะมาแบบชาเขียวตามธรรมชาติที่ชัดเจนมาก เพราะเปิดตัวกลิ่นด้วยโทนเขียวทึบแต่รื่นจมูก
โดยจะเป็นกลิ่นอายแบบชาเขียวที่เป็นใบแห้งกึ่งหมาด ผสมผสานกับกลิ่นอายที่ใบชาเขียวแห้งที่บดเป็นผง
ซึ่งจะมีโทน Spicy นุ่มๆ เนียนๆ สมุนไพรอ่อนๆ เจืออยู่
และที่สำคัญกลิ่นที่ได้จะมีลักษณะกลิ่นอายออกทางติดโทนอูมามิ
ที่ได้อารมณ์กลิ่นอึนๆ แบบกลิ่นผงชูรสหน่อยๆ เนียนกระตุ้นให้รู้สึกเขียวกลมกล่อม
กลิ่นมีความกลางๆ ไม่ได้ไปสายอุ่นไปหรือเย็นไป ซึ่งจะได้อารมณ์แบบเวลาเราได้กลิ่นชาเขียวที่มีกรดอะมิโนสูงๆ
ที่ให้รสอูมามิโดนน้ำร้อนแล้วกลิ่นฟุ้งออกมาให้ความอะโรม่าที่เขียวแต่รื่นรมย์จมูกสูงมาก
ซึ่งเปิดตัวด้วยการเริ่มพิธีชงชาได้อย่างชัดเจนและถอดโทนกลิ่นออกมาได้อย่างลงตัวมากจริงๆ
เมื่อความเขียวเริ่มผ่อนลงและมีความหวานหอมอ่อนๆ
เจือกลิ่นแป้งแทรกเข้ามาก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางที่ตอนนี้แหละ Match Lover กันอย่างชัดเจนและมีความเป็นธรรมชาติของกลิ่รชาเขียวมัทฉะสูงมาก
เพราะจะได้ความรู้สึกฟุ้งๆ อ่อนๆ คลอเคลียกันไประหว่างความหวานนวลและความเขียวติดขมอะโรม่า
ซึ่งต้องยอมเลยว่าเป็นการผสมผสาน Notes กลิ่นออกมาได้ดีแบบที่สร้างความอะโรม่าของชาเขียวมัทฉะได้ชัดเจนจากกลิ่นชาที่ให้ความขมฝาดหน่อยๆ
มีอูมามิอ่อนๆ กลิ่นดอกไวโอเล็ตให้ความหวานนวลค่อนทางแป้งโปร่งๆ
กลิ่นมะลิที่ให้ความโทนหวานเบาๆ ใสๆ ละมุน และพิมเสนที่ให้ความเป็นสมุนไพรติดดินที่เป็นธรรมชาติ
ซึ่งช่วงนี้จะต่อเนื่องจากช่วงต้นหลังจากที่เริ่มดื่มชาในพิธีชงชาไปแล้ว
ความอะโรม่าอบอวลในปากของชาเขียวมัทฉะจะละเมียดละไมละมุนทำให้เรามีความสุขรื่นรมย์ในช่วงเวลาที่ดื่มนั้นเต็มๆ
เพราะการไล่เรียงกลิ่นอายพิธีชงชาช่วงสุดท้าย
คือ สุนทรียะของความสงบและความสวยงามในความเรียบง่าย
เพราะเมื่อกลิ่นชาเริ่มจางลงไป สิ่งที่สัมผัสได้คือความรื่นรมย์ที่ยังคงค้างอยู่ปนกลิ่นอายสถานที่ของห้องชงชาที่เป็นกลิ่นไม้บางเบามีความ
Airy อ่อนๆ ให้เราซึมซับ
โทนกลิ่นเลยจะมาสายบางเบาโดยมีกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ โปร่งปนติดครีมบางๆ
ของไม้จันทน์หอมกับไม้ซีดาร์เป็นตัวรองพื้นแบบอ่อนๆ
ไม่ได้เด่นพุ่งออกมาอยู่พอสมควร โดยมีกลิ่น Airy ของโทนแป้งติดจืดๆ
สงบๆ ของดอกไอริสที่บางเบานำโทนกลิ่นให้รู้สึกสว่างและสงบแบบนิ่งๆ
โดยที่ความเขียวยังพอมีแบบเบาบางให้สัมผัสได้บ้าง โดยยังคุมโทนความรื่นรมย์ของความเป็นกลิ่นอายของชาเรียนๆ
ไปกับกลิ่นบรรยากาศของห้อง ซึ่งช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายสาย Whispering ที่เบาบางตามสไตล์กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นที่ไม่ต้องเยอะสิ่ง เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก
แต่ถ้าพิจารณาดีๆ มันสวยงามและมีความสงบอ้อยอิ่งอยู่รายรอบเสมอ
เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นเป็นโทนสภาพแวดล้อมที่อยู่กลางๆ
ไม่มีการฝักใฝ่เพศใดชัดเจน แถมเป็นกลิ่นอายเชิงศิลปะที่ถ่ายถอดผ่านกลิ่นออกมา
จึงใส่ไปเถอะได้หมดทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไป
กลิ่นมีความรื่นรมย์ปนสงบเป็นโทนหลัก ซึ่งจะเข้ากับหลายๆ
สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างหรือไปทางสาย
Adventure หรือสายออกกำลังกายนัก เน้นให้ให้ความรื่นรมย์เป็นสำคัญ
ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายมากเพราะไม่ต่างจากการใช้งานยามกลางวัน
เพียงแต่ให้ตัดการใส่เพื่อไปติ๊ดชึ่งเต้นเด้งหน้าเด้งหลังหรือท่องราตรีทุกประเภทออกไปได้เลย
กลิ่นไม่เข้าทางและไม่ส่งเสริมออร่าด้านความเย้ายวนทุกกรณี
แถมโดนชาวบ้านกลบหมดอีกด้วย
ความทน -
ตามจริงคือ กลิ่นไม่ได้ทนมาก ประมาณ 4 ชม. กลิ่นก็เริ่มจางไปในที่สุด ซึ่งถ้าสภาพผิวเองไม่ค่อยเก็บน้ำหอมอาจจะราวๆ
2 ชม. ก็ถือว่าจบพิธีชงชาแล้ว
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ชัดเจนทุกอณูความหอมเขียวอะโรม่าอย่างเป็นธรรมชาติ
แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวให้ความเป็นมัทฉะที่รื่นรมย์ ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่มีกลิ่นอายบางเบาอ่อนๆ
ให้ความสงบในช่วงท้าย
สรุป - Oribe คือ การถอดสเต็ปของพิธีชงชาที่เรียบง่ายและสวยงามในความเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องพยายามและไม่ได้มุ่งเน้นไปที่กลิ่นอายของชาเพียงอย่างเดียว
แต่สร้างสเต็ปกลิ่นเหมือนเรานั่งอยู่ในพิธีดังกล่าว และซึมซับสุนทรียะของความเป็นธรรมชาติ
ความสวยงามในความเรียบง่าย และความสงบที่ครบถ้วนและรื่นรมย์ตามสไตล์ Art
of Japanese Scent ซึ่งถ้าต้องการความทนและการกระจายให้โลกรู้ว่าพิธีชงชาเดินได้อยู่ตรงนี้
บอกเลยว่าผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าต้องการความสวยงามและศิลปะของการเล่ากลิ่นที่มีชั้นเชิงและลุ่มลึกในความเรียบง่าย
Oribe มีให้อย่างเต็มเปี่ยมและสื่อสารได้อย่างงดงาม
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://thescentofman.wordpress.com/2017/05/09/parfum-satori-oribe-2008/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น