วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Review: The Different Company - Rose Poivree


The Different Company - Rose Poivree

กุหลาบ เป็นหนึ่งในกลิ่นอายสายดอกไม้ที่อมตะนิรันดร์กาลเลยก็ว่าได้ในโลกของน้ำหอมที่ทุกแบรนด์ต่างก็ต้องมีน้ำหอมที่มีกุหลาบเป็นตัวชูโรงเสมอ อาจจะทั้งแตกต่างกันไป เด่นที่กลิ่นโทน Classic ก็เยอะ เด่นที่สาย Modern ก็เพียบ เด่นที่ความแปลกเก๋มีเสน่ห์เฉพาะแบบ Niche Perfume ก็มาก รวมถึงเด่นที่การเป็นโทนกุหลาบใสๆ ให้ความเป็นธรรมชาติก็มีไม่น้อย ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะมาในการเป็นน้ำหอมผู้หญิง หรือชาย หรือ Unisex อะไรก็ว่ากันไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยคือ ไม่เคยได้ลองน้ำหอมกลิ่นกุหลาบชื่อดังของแบรนด์ The Different Company อย่างรุ่น Rose Poivree มาก่อนเลย เพราะนอกจากติดตามผลงานของผู้ปรุงอย่าง Jean-Claude Ellena แล้ว ยังอยากรู้ด้วยว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน และสิ่งที่ได้รับคือ

กุหลาบและพริกไทยจะเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบ โดยในแต่ละช่วงตัวสนับสนุนโทนกลิ่นจะแตกต่างกันไปสร้างเสน่ห์ของกลิ่นที่ไล่เรียงจากจุดเริ่มต้นของกลิ่นโดยการเป็นกุหลาบติดโทนเครื่องเทศเผ็ดปร่าโปร่งสมกับชื่อรุ่Rose Poivree (ที่แยกได้ออกมาชัดเจนเลยคือกุหลาบกับพริกไทย) ซึ่งในช่วงเปิดจะได้มิติกลิ่นออก 3 มิติ โดยจะเริ่มที่การเป็นกุหลาบติดโทนแยมกึ่งเบอร์รี่ติดฝาดปร่าเขียวแปร่งหน่อยๆ ที่เป็นลักษณะของกลิ่นแนวพริกไทยสีชมพู ต่อเนื่องด้วยความเผ็ดคมกำลังดีของเม็ดผักชีที่ให้ความฟุ้งพอประมาณ แล้วรองพื้นด้วยกลิ่นพริกไทยกับโทนกลิ่นแนว Animalic หน่อยๆ ที่กึ่งสมุนไพรแนวๆ ยี่หร่า แต่ไม่ได้หนักหน่วงมากไป เพราะมาแบบสไตล์รองพื้นให้มีมิติ ซึ่งกลิ่นจะได้ความเป็นกุหลาบติดแยมเคล้าความปร่าฟุ่งแปร่งสมุนไพรและมีความนวลเผ็ดเย้าสาบบางๆ ที่สร้างเสน่ห์เฉพาะออกมา ซึ่งกลิ่นเปิดสามารถสร้างความน่าสนใจได้ดีเลยทีเดียว

เมื่อกลิ่นโทนเผ็ดปร่าเริ่มเบาลง ความเป็นกุหลาบติดแยมเริ่มปรับตัวให้กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ กึ่งใสกึ่งแห้งฟุ้งออกมาแทนที่ ก็เป็นการเข้าช่วงกลาง ที่ตอนนี้บ่งบอกถึงสไตล์มินิมัลค่อนข้างชัดมาก เพราะกลิ่นกุหลาบจะให้ความหอมรุ่มรวยกรุ่นกลิ่นกำลังดีมีความนวลโรแมนติคที่กำลังงาม ไม่คลาสสิคเกินไป และไม่ได้ Modern ใสจ๋าเกินไป โดยจะมีตัวเสริมอย่างโทนเครื่องเทศเผ็ดนวลอย่างพริกไทยที่ยังคงมีอยู่ และมีความปร่าเผ็ดคมบางๆ ของเม็ดผักชีที่ยังตามมา แต่สิ่งที่ชัดมากขึ้นคือกลิ่นอายโทน Musky ติด Animalic สาบบางๆ (ที่ตอนแรกติดสมุนไพร) ตอนนี้จะได้ความลึกของกลิ่นมากขึ้น ซึ่งเริ่มชี้ชัดว่าเป็นโทนแนวๆ Civet (ชะมดเช็ด) ที่มาแบบสมดุลย์ ซึ่งกลิ่นจะได้มิติของกุหลาบคือ หอมนวลโรแมนติคระเรื่อเจือปร่าให้กลิ่นมีความอวลกำลังดีเป็นเลเยอร์แรกที่ได้รับกลิ่นและปิดท้ายที่ความเป็นโทนนวลกึ่งแป้งกึ่ง Animalic ที่แอบมีความคลาสสิคเนียนๆ มาร่วมด้วย จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงโทนไม้หอมที่ค่อยๆ เสริมเข้ามาตามลำดับแบบไม้แห้งๆ ติดกลิ่นไม้สว่างๆ โปร่งๆ การเปลี่ยนช่วงก็เริ่มผันเข้าสู่ช่วงท้าย กับการเป็นโทนกุหลาบเจือไม้หอมรองพื้นด้วยโทน Musky ลุ่มลึกแบบกำลังดี เนื้อกลิ่นจะยังคุมโทนการเป็นกุหลาบแห้งระเรื่อเจือหวานเบางๆ แต่ไม่ได้ออกทางติดเขียวแห้งแบบสายกุหลาบคลาสสิคเหมือนตอนช่วงกลาง ซึ่งยังคุมการเป็นลูกครึ่งกึ่ง Modern อยู่เช่นเดิม แต่จะมีความเป็นโทนไม้หอมแห้งๆ มากขึ้นมีความสว่างเจือปร่านวลซ้อนกับความนวลลึกติดสาบอ่อนๆ รองพื้นอยู่ ซึ่งสร้างออร่าความเรียบหรู โรแมนติค และมีเสน่ห์นวลเนียนอย่างมีระดับ โดยที่ยังคุมโทนมินิมัลทางกลิ่นได้อย่างสมดุลย์และลงตั

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex ซึ่งก็ใช่เลย แต่อาจจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยเพราะเป็นโทนกุหลาบเด่น แต่ถ้าผู้ชายจะใส่ก็ไม่ได้เป็นนัยยะสำคัญอะไร ออกจะโรแมนติคเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป ยิ่งใส่แนวๆ สร้างออร่าโรแมนติคยิ่งดีงาม ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าเข้าทางกับการใส่ออกงาน ไปงานแต่ง หรือว่าโรแมนติคจะเข้าทาง เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีบอกเลยว่าโดยกลบจากสายหวานเยิ้มทั้งหลายแน่นอน และสุดท้ายตัดทิ้งไปได้เลยเรื่องการใส่ออกกิจกรรมลุยๆ และออกกำลังกาย ไม่เข้าทางเท่าไหร่นัก

ความทน - เกินคาดกับราวๆ 6-8 ชม. เป็นสำคัญ แต่สามารถลากไปยาวมากกว่านั้นได้ถ้าผิวเข้าทางกับกลิ่น ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว เรียกว่าเป็นอีกกลิ่นที่ดูไม่หนักแต่ความทนลงตัวและดีงาม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาที่ปานกลางซักครู่ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป พอพ้นไปซัก 8 ชม. ถึงเริ่มกลิ่นติดผิว

สรุป - ส่วนตัวถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นกุหลาบที่เจอแล้วประทับใจ เพราะเข้ากับผิวได้ดีโดยที่ไม่สร้างกลิ่นแห้งๆ ติดเขียวเอียนๆ (ซึ่งตรงนี้แต่ละคนแตกต่างกันเวลาเจอกุหลาบและแล้วแต่ความชอบด้วย) ที่สำคัญการให้โทนกุหลาบที่ดูเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่มีความชัดเจนจับต้องได้ตลอด และสร้างออร่าความเรียบหรูมีระดับคาบเกี่ยวความ Classic หน่อยๆ เคล้าความ Modern แบบสไตล์มินิมัลแบบนี้ บอกเลยว่ายังไงก็เอาอยู่และดูดีทางกลิ่นได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://olfactics.net/2015/01/10/rose-poivree-by-the-different-company/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น