Review: Lanvin – Avant Garde

Lanvin – Avant Garde

หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นชื่อดังของฝรั่งเศสที่มีที่มาที่ไปจากการสร้างสรรค์เสื้อผ้าให้คุณแม่และลูกสาว จนเปลี่ยนก้าวผ่านมาเป็นแฟชั่นที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าต่างๆ อย่างเต็มตัวและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีจนทุกวันนี้ แน่นอนว่าต้องมีน้ำหอมสิ ยิ่งฝั่งสาวๆ นี่ยิ่งรู้จักด้วยซ้ำเพราะน้ำหอมผู้หญิงหลายๆ รุ่นก็มีความดีงามกันไม่ใช่น้อย แต่ผมขอมาที่น้ำหอมผู้ชายดีกว่า เพราะสนใจรุ่นนี้เลยต้องหามาลองใช้ นั่นคือ Avant Garde

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าขวดเท่ห์มากครับ มันแมนเลยล่ะ เลยทำให้แรกฉีดตะลึงตึ้งตึงพอสมควร เพราะ Top Notes มากับกลิ่นโทนหวานทางเครื่องเทศติดปลายสดชื่นแบบซิตรัสกันเลย เพราะกลิ่นพริกไทยสีชมพูที่ติดโทนหวานจะเด่นเด้งกันมาตั้งแต่ต้น พอเสริมด้วยพริกไทยปกติและจูนิเปอร์เบอร์รี่กลิ่นเลยจะแน่นๆ ติดซิตรัสปลายๆ แบบพอรู้สึกได้ถ้าจับกลิ่นกันจริงๆ ซึ่งกลิ่นในช่วง Middle Notes จะแทรกขึ้นมาไวพอสมควรกับกลิ่นของขี้ผึ้ง (แว๊กซ์ในรังผึ้งที่เขาเอามาผลิตแว๊กซ์ขัดเงา สีผึ้งทาปาก หรือเครื่องสำอางต่างๆ) ติดโทนน้ำผึ้งปลายๆ โดยเสริมด้วยกลิ่นหวานเย้ายวนของเม็ดกระวานเข้าไปอีก ยังไม่พอกลิ่นหวานตอนต้นก็ยังอยู่เลยทำให้กลิ่นจะหวานแน่นกันพอสมควร แต่เพราะมีลาเวนเดอร์ที่มาแทรกกับจันทน์เทศที่มาแบบวาบๆ เย็นๆ เลยทำให้กลิ่นโทนหวานมันโดนเบรกเลยไม่หวานจัดหนักหน่วงเท่าไหร่ กลิ่นเป็นนุ่มเอกลักษณ์เฉพาะมากเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นของขี้ผึ้งนี่แหละจะถามไปถึงปลายของ Base Notes เลย โดยรวมกับกลิ่นของใบยาสูบและกำยานที่เย้ายวนกันเต็มๆ โดยมีกลิ่นโทนไม้หอมมาเบรกทำให้กลิ่นจะออกทางหวานแมนเย้าติดวู้ดดี้ มีกลิ่นอาย Smoky ประปรายไปตลอด จึงทำให้กลิ่นนี้ไม่ได้ออกทางสาวแต่ประการใด บ่งบอกถึงผู้ชายอบอุ่น มาดดี เซ็กซี่กำลังงามไม่น้อยเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นนี้แม้จะออกโทนหวานแต่วัยรุ่นก็ได้ ถ้าชอบกลิ่นโทนนี้ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม เพราะกลิ่นค่อนข้างแน่น ยิ่งอากาศร้อนๆ นี่กระจายหนักหน่วงได้เลย ใส่กับงานทางการก็เป๊ะ ใส่ชิลล์ๆ ทั่วไปก็ดูหวานอบอุ่น แต่ออกกำลังกายอย่าได้ใส่เลย จะทำชาวบ้านเขม่นทำปากเป็นสระอิ รวมถึงกรอกตาเป็น ฐ. ฐาน ใส่เราได้ ส่วนกลางคืน จัดไป กลิ่นหวานเย้าอบอุ่นได้ใจเลยล่ะครับ

ความทน – ประมาณ 8 ชม. กำลังดี อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – กลิ่นต้นนี่กระจายหนักหน่วงไม่น้อย ซึ่งทุกคนจะรับรู้ได้เพราะกลิ่นจะแผ่ออกจากตัวผู้ใส่แบบเต็มๆ แต่พอเข้าช่วงกลางจะลดระดับมากลางๆ ติดโทนหวาน จนปิดท้ายกับกลิ่นที่ออกทาง Skin Scent ตีขึ้นให้คนใส่รับรู้ หรือใครที่มาอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่นหวานเย้าอุ่นๆ ครับ

ทิ้งท้าย – โดยภาพรวมอาจจะไม่เข้าทางกับความร้อนในบ้านเรา แต่ถ้าใส่ทำงานในห้องแอร์พอไหวครับ เพราะผมได้คำชมมาเรียบร้อยว่ากลิ่นหวานเท่ห์ๆ ดี แต่พอออกแดดเท่านั้นแหละ กลิ่นหวานออกทางแว๊กซ์มาตรึมเลย เช่นนั้นใครชอบโทนนี้จำกัดสเปรย์ยามร้อนนรกแตกจะดีที่สุดครับ