Cartier – Le Baiser Du Dragon
เห็นชื่อครั้งแรกแบบว่า
หง่อววววว จุ๊บของมังกรอ่ะ ความหมายเท่ห์มาก (แต่อย่าตีไปในทางทะลึ่งเน้อ) ซึ่ง Cartier ได้ปล่อยรุ่นนี้ออกมาเมื่อปี 2003 ซึ่งได้เลิกผลิตไปแล้วด้วย
สตันไปเลยก็จุดนี้ เพราะรุ่นนี้ไม่เป็น 2 รองใครด้วยในด้านกลิ่น
เช่นนั้นมาตอกย้ำความเสียดายกันเถอะกับ Le Baiser Du Dragon
กลิ่นเปิดมาแบบเล่นเอาประทับใจเลยเพราะไม่เคยเจอกลิ่นเปิดแนวๆ
นี้มาก่อน นั่นคือ กลิ่นเหล้าทำขนมที่เคล้ากับน้ำมันถั่วอัลมอนด์
เโดยจะมีกลิ่นอายของดอกส้มสดชื่นมาดันให้กลายเป็นกลิ่นอายแบบถั่วสดชื่นหน่อยๆ
ด้วย และมีกลิ่นนวลๆ ของดอกพุดล้อมๆ ไว้ ความรู้สึกเหมือนจะออกแนวเจ้าชู้เล็กๆ
กลั้วความนวลๆ อย่างบอกไม่ถูก กลิ่นน่ารักน่าดึงดูดมาก และจะมีกลื่นอายของไม้หอมอย่างซีดาร์ดันขึ้นมาเรื่อยๆ
โดยยังมีกลิ่นเหล้าขมๆ เคล้าอัลมอนด์อยู่จางๆ มาผสมผสาน กลิ่นจะมีความนวลๆ นุ่มๆ
ติดแป้งเบาๆ ก่อนที่กลิ่นของดาร์กชอคโกแลตจะดันขึ้นมาผสมผสานในช่วงนี้ให้กลิ่นออกเย้ายวนกำลังดี
มีความน่าค้นหา โดยที่ไม่ได้ออกทางขนมมากเท่าไหร่เพราะกลิ่นไม้ซีดาร์ตัดโทนได้ลงตัวมาก
เชื่อมโยงไปที่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายที่หญ้าแฝกจะมาแบบ Smoky กลั้วกับพิมเสนที่มาแบบรายล้อมหอมมีระดับ
โดยรองพื้นด้วยกลิ่นอบอุ่นติดหวานหน่อยๆ ของกำยานและแอมเบอร์
กลิ่นในช่วงนี้มีคลาสและหรูหราแบบไม่เหมือนใครเลย เพราะกลิ่นอายแบบไม้หอมอุ่นๆ
มีไอ Smoky มันมาแบบเสน่ห์นวลๆ ติดเท่ห์หน่อยๆ
ด้วยจากหญ้าแฝก ซึ่งมีความร่วมสมัยสูงมากในเนื้อกลิ่นแถมติด Unisex เลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป
กลิ่นออกแนวอาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนไม้หอมมาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
เหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป
กลิ่นให้ความรู้สึกมีภูมิและน่าค้นหาแกล้มอบอุ่นได้ลงตัวมาก
ของดใส่ออกกำลังกายจะดีที่สุด กลิ่นไม่ได้ออกทางเหมาะกับการออกเหงื่อนัก
ส่วนยามค่ำคืนจัดไป เหมาะสำหรับการออกงานหรือไม่ก็จิบแบบชิลล์ๆ
ตามบาร์แบบปล่อยเสน่ห์กำลังดี ไม่เน้นว่าต้องได้ใครกลับบ้าน
ที่สำคัญกลิ่นนี้สัมผัสได้เลยถึงความ Unisex ในเนื้อกลิ่น
เช่นนั้นผู้ชายใส่ได้สบายๆ เลย กลิ่นจะออกทางเท่ห์เสียด้วยนะนั่น
ความทน – เรียกว่าดีงาม กับ 8 ชม.
สบายๆ แถมมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม
การกระจาย – ช่วยเปิดกระจายดีเลยทีเดียว ใครชอบกลิ่นโทนเหล้าผสมอัลมอนด์นี่แบบว่าฟิน
ช่วงกลางจะลดลงมากระจายกลางๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ลดหลั่นเป็น Skin Scent ตามเวลาที่ผ่านไป
ทิ้งท้าย – กลิ่นแปลก เก๋ และเท่ห์ดีแท้
เพราะผมไม่คิดว่าจะเจอกลิ่นเปิดที่มาแบบเจ้าชู้เล็กๆ แอบกรุยกรายหน่อยๆ
ไม่เหมือนใคร และพอกลิ่นเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเหมือนน้ำหอมคนละตัวไปเลย
กลิ่นดีงามจนเสียดายมากที่เลิกผลิต สะเทือนใจ -____-"
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง
ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน
ไม่เช่นนั้นถ้าเจอก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
Credit ภาพ
- https://i1.elsvc.net/pecz/picts/nowm/17-667-parfemovana-voda-cartier-le-baiser-du-dragon-100ml-w-tester.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น