Brut Parfums Prestige – Brut Original
Brut เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นแบรนด์ลูกของ
Fabergé
ที่เป็นแบรนด์ทางด้านเครื่องประดับเพชรพลอยชื่อดังของฝรั่งเศสแน่นอนว่ามีประวัติศาสตร์มายาวนานกันเลยทีเดียว
และแน่นอนว่าเมื่อเปิดตัว Brut ออกมาเพื่อมาจับตลาดเรื่อง Aftershave
และพวกดับกลิ่นกาย แน่นอนว่ามีน้ำหอมและ Cologne ด้วยเช่นกัน ไหนๆ มาเจอแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก
เลยเอาตัวที่คลาสสิคตลอดกาลและมีความร่วมสมัยสูงมากมาให้ลองอ่านกันดีกว่า นั่นคือ Brut
Original นั่นเอง
รุ่นนี้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1964 ในลักษณะของ Cologne กันก่อน
และเริ่มมีเป็นแบบ EDT มาในภายหลัง
ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นต้องมีลักษณะของเป็น Old School แน่ๆ
แต่ไม่ได้มาในแนวที่ดูย้อนยุคหรือออกแนวร้านตัดผมโบราณหรือกลิ่นแก่เลยแต่ประการใด
ต้องยกให้ความร่วมสมัยเหนือกาลเวลาของตัวนี้เลยทีเดียว เพราะ Top Notes จะมาในลักษณะของการเป็นกลิ่นอายสบู่นุ่มๆ สมุนไพร
โดยมีลาเวนเดอร์เป็นตัวนำเด่นเป็นสง่า
แต่กลิ่นที่ได้จะเป็นลาเวนเดอร์ที่หอมนวลสะอาดนุ่มมีความหวานโปร่งจากเม็ดเทียนสัตตบุษย์และเขียวสมุนไพรของใบโหระพา
มีซิตรัสแบบจางๆ ให้รู้สึกสดชื่น เพียงแค่นี้ยังไม่ใช่สบู่แน่ๆ เพราะความเป็นสบู่จะมาจากกลิ่นของ
Tonka Bean ที่แทรกขึ้นมาตั้งแต่ตอนนี้เลยกลายเป็นกลิ่นสบู่ครีมมี่กลิ่นลาเวนเดอร์ผสมสมุนไพรกันเลย
เรียกว่ากลิ่นหอมนุ่มสบู่แบบสุภาพบุรุษกันเลยตั้งแต่คราวแรก
ซึ่งกลิ่นลาเวนเดอร์และครีมมี่ของ Tonka จะเป็นตัวหลักที่ตามไปในทุกๆ
ช่วง โดยเมื่อเข้า Middle Notes โทนดอกไม้จะเข้ามาเด่นขึ้นโดยลาเวนเดอร์จะยังคงอยู่ผสมผสานกับมะลิและกระดังงา
โดยกลิ่นช่วงนี้จะแอบมีความรู้สึกแบบเมทัลลิคโลหะเข้ามาแทรกในความเป็นดอกไม้อยู่
กลิ่นจะติด Old School ให้รู้สึกได้แต่ไม่หนักหน่วงเป็นกลิ่นดอกไท้เท่ห์ๆ
ความแมนยังมาเต็มไม่หนีไปไหน ไล่ไปเรื่อยๆ จนเข้า Base Notes ที่ความครีมมี่ติดลาเวนเดอร์ยังคงอยู่
แต่จะมีความเป็นไม้หอมเข้ามาแทรกให้ความอบอุ่นกำลังดีและมีกลิ่นอายเขียวสากๆ ของ Oak
Moss ที่จะเป็นตัวเด่นนำขึ้นมา โดยมี Musk และความครีมมี่ให้ความนุ่มสะอาดอยู่
กลิ่นจะคงความเป็นโทน Old School ที่มีความร่วมสมัยแบบไม่หนักหน่วงสบายจมูก
เพราะกลิ่นจะอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นแป้งหอมแมนๆ
และความอบอุ่นแบบสุภาพบุรุษที่น่าเชื่อถือเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว
กลิ่นอายจะมีวูบของความเป็น Old School อยู่บ้าง
แต่มันก็หอมแบบที่เข้าถึงง่าย และเป็นกลิ่นที่ใส่ไปเถอะยังไงก็รอดสูง
แถมมีความน่าเชื่อถือแบบสุภาพบุรุษผมเรียบแปล้เท่ห์ๆ ด้วยซ้ำไป
โดยสามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยกวาดได้หมด ทั้งทางการและทั่วๆ ไป
ใส่ออกกำลังกายยังได้เลย เพราะมันมีความเป็นสมุนไพรเขียวๆ
อยู่ในนั้นให้รู้สึกไม่แน่นอึดอัดเกินไป
ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้ถ้าอัดสเปรย์หน่อยออกงานได้สบายๆ
หรืออาจจะใส่ไปจิบเบียร์อะไรแบบนี้ได้สบายๆ
แต่อาจจะไม่ได้ถึงกับยั่วยวนหาเหยื่ออะไรนักก็เท่านั้นเอง
ความทน – กลิ่นทนน่าพึงพอใจมากกับที่
6 – 8 ชม. อิงกับจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ
การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในตอนต้น
และจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนถึงช่วงท้าย ก่อนจะเริ่มเป็น Skin
Scent จนกว่าจะหายไปจากผิว เข้าทางความเป็น Safe Scent อย่างชัดเจน
ทิ้งท้าย – กลิ่นนี้ต้องยอมเขาเลยเพราะมีความร่วมสมัยเหนือกาลเวลาสูงมากจริงๆ
ที่สำคัญมีความคล้ายกับ Penhaligon’s Sartorial ในระดับหนึ่งแต่ไม่เมทัลลิคเท่า
(มาก่อนป้าเพ็ญด้วยนะ 555) ที่สำคัญราคาไม่แพงเลยด้วยซ้ำไป
เอาไปเลยดีกว่า #ของดีเทคนิคไม่ต้อง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น