Dolce
& Gabbana – The One for Men Eau de Parfum
เพราะต้นตำรับของ
The One
for Men มันมีความดีงามอยู่มากในแง่ของน้ำหอมยาสูบโทนเซ็กซี่ที่ใครได้กลิ่นก็ฟิน
แต่เพราะการเป็น EDT อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนที่ต้องการอะไรที่เข้มข้นเท่าไหร่
เช่นนั้น Dolce & Gabbana จึงได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวรุ่น
EDP ขึ้นมาซะเลย ซึ่งจะเป็นยังไงต่างจากเดิมหรือไม่
พิสูจน์ให้ชัดแจ้งเลยดีกว่า
โดยภาพรวมต้องบอกว่ากลิ่นไม่ได้แตกต่างจาก
EDT เท่าไหร่นัก ทุกอย่างยังให้ความรู้สึกแบบเดิมอยู่ไม่หนีไปไหน
แต่สิ่งที่มีความแตกต่างบ้างให้รู้สึกได้นั่นคือ กลิ่นที่เข้มขึ้นมาในลักษณะของ EDP
และ Notes บางตัวที่ไม่ได้เด่นมากในตัว EDT
จะชัดเจนขึ้นมาให้รู้สึกได้มากขึ้น ซึ่ง Top Notes กลิ่นอายของเกรฟฟรุตจะชัดขึ้นมา
เคล้ากับความเป็นโหระพาที่ให้ความเป็นสมุนไพรเขียวติดอุ่นๆ
โดยมีเม็ดผักชีที่มาในโทนเผ็ดๆ ปร่าก็จริง
แต่โดนเกลาจนนุ่มดันให้ช่วงนี้เป็นซิตรัสติดเครื่องเทศที่อยู่ตรงกลางระหว่างความสดชื่นเบาๆ
กับความเย้ายวนกำลังดี ที่สำคัญจะจับความรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นมันจะมีความอุ่นแบบหวานโปร่งๆ
จากแอมเบอร์และยาสูบรองพื้นแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ ผ่านไปไม่นานกลิ่นอายของพระเอกหลักอย่างยาสูบจะดันขึ้นมาเรื่อยๆ
นำเข้าสู่ Middle Notes ซึ่งช่วงนี้จะมีลักษณะของความเป็นเครื่องเทศโทนหวานยั่วเย้าอย่างเม็ดกระวานกลั้วซิตรัสบางๆ
ของเกรฟฟรุตแล้วล้อมด้วยกลิ่นหวานโปร่งของขิงและความนวลของดอกส้มได้ลงตัว
กลิ่นมีความเข้มมากขึ้น เม็ดกระวานจะหวานเย้าโดยมีตัวสนับสนุนอย่างดอกส้มที่มาให้ความเซ็กซี่ดึงดูดแบบเต็มๆ
ล้อมไปด้วยกลิ่นขิงที่มาแบบหวานแต่ไม่ได้มาโทนฉ่ำ
มีความเป็นเครื่องเทศที่ให้ความสดชื่นจางๆ
และเสริมมิติที่จับต้องได้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
โดยยังรู้สึกได้ว่าพื้นฐานของกลิ่นมันมีความอุ่นๆ และหวานโปร่งจากแอมเบอร์และยาสูบอยู่ไม่หายไปไหน
แถมจะเริ่มชัดมากขึ้นเสียด้วย
เรียกว่าช่วงนี้คือไฮไลท์เลยที่เป็นตัวเรียกแขกชั้นดีเพราะมันมาดเย้ายวนมาเต็มแบบว่า
“อ้าว ผมไม่รู้ตัวเลยนะว่าเซ็กซี่” แต่จริงๆ แกจงใจทำเนียน จนเมื่อเข้าสู่ Base
Notes กับกลิ่นอายอุ่นติดหวานเย้าที่ของแอมเบอร์และยาสูบจะชัดเจนเด่นขึ้นมาแบบนวลๆ
เป็นกลิ่นที่รุมๆ ชวนนัวๆ ได้ลงตัว และมีกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่ EDT เดิมกลิ่นแทยจะโดนกลืนไปเลยนั้นจะชัดเจนมากขึ้น
ให้ความนิ่งเนี้ยบติดเท่ห์เสริมเข้ามา กับความเป็นยาสูบอบอุ่นได้อย่างดีเลย
ทั้งหมดทั้งมวลจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนอกจากกลิ่นชัดขึ้น เข้มขึ้น
ในพื้นฐานความเซ็กซี่ที่ยังมีอยู่ไม่หนีไปไหนนั่นเอง
เหมาะสำหรับ
– ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปเพราะกลิ่นยังคงความเนี้ยบอยู่ไม่หนีไปไหน
แถมยังมีความอบอุ่นติดเซ็กซี่ที่ชัดเจนขึ้นเสียด้วย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ
สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป เพียงแต่ถ้าทางการจัดๆ
กลิ่นนี้จะเซ็กซี่ไป ให้ลงไปที่ EDT จะดีกว่า
เพราะมันเซ็กซี่ก็จริงแต่เบากว่าในแง่ของการกระจายให้รับรู้กลิ่น
ส่วนยามค่ำคืนจัดไป เพราะกลิ่นเริ่มชัดขึ้นและเย้าเซ็กซี่มากขึ้น อาจจะไม่ได้เน้นการกวาดกระจายแต่ใครเดินสวนได้กลิ่นจนอาจจะหันมองได้ไม่ยาก
ความทน
– กลิ่นทนราว 8 ชม. เป็นสำคัญ
อาจจะมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์ และเคมีบางส่วน ซึ่งดีขึ้นกว่า EDT ตรงที่ไม่ได้มีความแกว่งของความทนที่เดี๋ยวหายต๋อมไปในเวลาไม่นานบ้างหรือทนจัดจนแอบงง
ซึ่งอิงเคมีคนใส่กันเต็มๆ กว่ารุ่นนี้
การะกระจาย
– กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ
แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ซึ่งเรื่องการกระจายจะแพ้ EDT แค่ในช่วงต้น ที่เหลือคงตัวดีกว่าตรงที่มันชัดกว่า ไม่ได้เน้นคลุกวงในเท่า
EDT
ทิ้งท้าย
– เอาเข้าจริงๆ แล้วกลิ่นไม่ต่างกัน
แต่ความรู้สึกต่างกันตรงที่ความเข้มข้นนั่นเอง
ซึ่งถ้าใครไม่ได้อยากเซ็กซี่แบบชัดเจนมากและใส่ได้ในทุกสถานการณ์ที่ไม่รบกวนใครมาก
EDT เป็นตัวเลือกที่ดีจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าใครอยากมาเต็มแบบหนุ่มเมโทรและต้องการความชัดเจนมากขึ้นในเนื้อกลิ่นที่ปล่อยของกันมากขึ้น
EDP เลยจะเข้าทางกว่าเยอะครับ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
Credit
ภาพ - https://uk.i-d-s.com/ImageHandler/3375w999h999/2435814-dg-tofm-edp-100ml-b-jpg?Sequence=3375&Width=999&Height=999
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น