Le Labo – Thé Noir 29
ได้ยินชื่อเสียงมานานว่า Le Labo เป็นแบรนด์น้ำหอม
Niche ที่ผู้ใช้สามารถไปครีเอทกลิ่นเองได้ตามที่ต้องการถึง Shop
ของเขาเลยจนเป็นน้ำหอมของคนๆ นั้นคนเดียวในโลก
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีที่ไทย ต้องไปที่เมืองนอกเท่านั้นใกล้สุดก็ญี่ปุ่นอ่ะจ้ะ แต่ไม่ใช่เพียงแต่นั้นแบรนด์นี้ยังมีน้ำหอมของตัวเองมากมาย
ซึ่งหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินตัว Top ของแบรนด์อย่าง Rose
31 กันแล้วว่ามันเป็นกลิ่นกุหลาบที่เทพขนาดไหน แต่ครั้งนี้จะไม่แตะตัวเอกตัวนี้
มาดมตัวอื่นก่อนดีกว่า เลยขอเปิดศักราชการรีวิวน้ำหอมแบรนด์นี้ที่ขวดเก๋ไก๋แบบขวดยาด้วยกลิ่นนี้เลย
The Noir 29
ส่วนตัวมองเรื่องความท้าทายของกลิ่นในลักษณะที่ดาร์กนัวพอสมควรว่ามันจะสามารถทำออกมาในแบบที่ใสๆ
แต่ได้อารมณ์นัวๆ หรือไม่ เพราะมักจะเจอแต่กลิ่นดาร์กข้นดำดิ่ง Smoky
เสียมากมาตลอด และไม่คิดว่าการเบลนด์กลิ่นที่ออกโทนเขียวใสติดหวานใสของตัวนี้
มันจะมีความนัวแฝงอยู่ตามชื่อรุ่นได้อย่างน่าสนใจมาก เริ่มที่ Top Notes กับกลิ่นอายเขียวติดซิตรัสที่เด่นขึ้นมาโดยมีกลิ่นของใบกระวานที่จะออกเขียวสมุนไพรติดปร่าเครื่องเทศผสานด้วยความหวานกลายๆ
อยู่ในเนื้อกลิ่นกลั้วกับซิตรัสให้มีความสดชื่นกันก่อน แล้วตัวเอกอย่างกลิ่นลูก Fig
จะเข้ามาผสมผสานจนเป็นกลิ่นโทนเขียวปร่าสดชื่นอมหวานติดผลไม้ที่ติดขมนิดๆ
กึ่งใส ซึ่งเพียงแค่ช่วงต้นกลิ่นก็มีความนัวดาร์กแบบออกโทนโปร่งเขียวติดหวานจางๆ
ให้รู้สึกได้ เมื่อเข้าช่วง Middle Notes กลิ่นอายของโทน Smoky
ติดไม้หอมจากหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์จะเริ่มเด่นขึ้นมาเคล้ากับความเขียวติดขมมีความเป็นมะพร้าวจางๆแบบ
Fig โดยเนื้อกลิ่นจะมีความนวลๆ กุหลาบอ้อยอิ่ง และมีความอบอุ่นแบบเบาๆ
นุ่มๆ ให้อารมณ์กลิ่นเขียวติดไม้หอมแกมหวานแบบมีความเข้มก็จริงแต่ยังอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสอยู่
จนเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นจะมีลักษณะคล้ายกลิ่นชาดำติดขมหอมๆ
ออกมา กลิ่นมีความเป็นยาสูบแทรกอยู่และมีกลิ่นหญ้าแห้งกับ Fig เบาๆ ผลุบๆ โผล่ๆ ให้รู้สึกได้ว่า 3 ตัวนี้แหละที่ทำให้กลิ่นอายออกทางชาดำหน่อยๆ
เสริมด้วยความ Smoky แบบขรึมๆ ของไม้ซีดาร์และหญ้าแฝกก็ยังมีให้รู้สึกได้
โดยที่มีความสะอาดของ Musk เป็นตัวรองพื้นให้ความสะอาดในเนื้อกลิ่น
เลยทำให้ได้อารมณ์ออกแนวเข้มนัวแต่มีความสะอาดติดเขียวจางๆ แต่มีความใสไม่หนักหรืออกทางไหม้หรือแน่นจัดเกินไปนั่นเอง
เหมาะสำหรับ – ทุกเพศเลยวัยทำงานขึ้นไป
กลิ่นไม่ได้มาในลักษณะที่เข้าถึงได้เหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ
กลิ่นมีมิติการเบลนด์ที่มีเสน่ห์มากในการทำให้โทนเขียวปร่าอมหวานมาเป็นกลิ่นชาดำติด
Smoky ในช่วงท้ายได้ดีมากเลยทีเดียว
ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป ออกกำลังกายก็พอได้
(แต่จะดีเหรอ มันแพงมากนะ) ส่วนยามค่ำคืนถ้าอัดสเปรย์หน่อยก็สู้เขาได้อยู่
เพียงแต่อาจจะไม่ได้มาในลักษณะที่เย้ายวนแบบจัดเต็มอะไรนัก
ความทน – กลิ่นทนน่าพึงพอใจมาก เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังคงตีขึ้นอยู่ตลอด แถมลากยาวไปถึง 12 ชม.
ได้ถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว
การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในตอนต้น
และมีความคงตัวไปเรื่อยๆ จนถึงปลายๆ ช่วงกลาง จึงจะลดลงมากระจายปานกลาง
แล้วเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย – ตัวนี้อย่างน้อยต้องผ่านการใช้น้ำหอมมาในระดับหนึ่ง
เพราะกลิ่นจะค่อนข้างมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เนื้อเดียวพิมพ์นิยมตามแบบฉบับของน้ำหอม
Designer ทั่วไป กลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าถึงง่ายในคราวแรก
แต่มีเสน่ห์ให้อยากเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ว่าความนัวในแบบที่ไม่ต้องดาร์กเข้มจัดๆ
มันเป็นยังไง สุดท้ายทำไมราคามันแรงจังเล๊ยยยย!
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
Credit
ภาพ - http://cdn.wallpaper.com/main/lelabo2.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น