Stephane Humbert Lucas 777 - Mortal Skin
จากจุดเริ่มต้นของการเป็นสุคนธกรหน้าใหม่ไฟแรงและแจ้งเกิดในแวดวง Nicher Perfume กับแบรนด์แรกอย่าง Nez A Nez มาสู่การเป็นสุคนธกรและเจ้าของแบรนด์ SoOud อย่าง Stephane Humbert Lucas แต่ไม่ได้จบแค่นี้ เพราะยังต่อยอดสร้างแบรนด์กลิ่นอายสาย Luxury และความงดงามของขวดรวมถึงอ้างอิงเลขนำโชคส่วนตัวมาสร้างกิมมิคความเก๋กับการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งแบรนด์ในปี 2013 นั่นก็คือ Stephane Humbert Lucas 777 ซึ่งตัวเลข 777 เป็นตัวเลขเชิงสัญลักษณ์ที่หมายถึง จิตวิญญาณ การป้องกันสิ่งร้าย และเลขนำโชค และก็นำโชคจริงๆ เพราะว่าแบรนด์นี้อยู่มาอย่างยาวนานและได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในสายน้ำหอม Niche & Luxury
และเมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้ ก็ต้องเลือกอะไรที่น่าสนใจมาเล่ากลิ่นกันก่อน โดยเจาะจงไปที่ The Snake Collection ที่เปิดตัวออกมาในปี 2015 กับ Mortal Skin กันก่อน เพราะความน่าสนใจคือ การเล่ากลิ่นอายที่สื่อสารถึงความเป็นงูที่มีทั้งความอันตราย การดึงดูดและลึกลับ ซึ่งแบรนด์ได้โปรยคำโปรยค่อนข้างชัดเจนไม่น้อยกับกลิ่นอายที่ได้ความรู้สึกแบบร้อนสลับเย็นแบบพิษงู เช่นนั้น มาซึมซับกันหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นเช่นไร
เปิดตัวออกมาด้วยความซับซ้อนที่เกินคาด โดยที่มีพื้นฐานกลิ่นแบบสไตล์หยินหยาง Hot & Cold Combination มากเลยทีเดียว โดยที่จะเริ่มที่กลิ่นอายเย็นๆ เด่นก่อนกับกลิ่นหมึกดำดาร์กๆ ที่ให้อารมณ์กลิ่นติดเมทัลลิคหน่อย เข้มแต่ไม่หนักหน่วง แต่เพิ่มความเย้ายวนดึงดูดสีเข้มออกทางม่วงๆ ของกลิ่นอายสายผลไม้เบอร์รี่สีม่วงอย่างแบล็คเบอร์รี่ ที่ให้ความหวานอมเปรี้ยวมีเสน่ห์ดึงดูดเข้ามาร่วมด้วย ทำให้อารมณ์กลิ่นจะเป็นหมึกกลิ่นแบล็คเบอร์รี่ที่มีความดึงดูดและล่อลวงชัดเจนมาก แต่เนื้อกลิ่นไม่ได้มีแค่นี้เพราะว่าจะมีกลิ่นออกทางยางไม้กึ่งควัน Smoky ที่มีความแปร่งกลิ่นเนื้อไม้คล้ายโทนธูป Incense ที่เป็นกลิ่นแปร่งไม้ตามธรรมชาติ ซึ่งจับได้ว่าเป็น Myrrh เคล้ากลิ่นแนวคล้ายเขม่าควันไม้หน่อยๆ และกลิ่นที่รองพื้นอยู่จะเป็นกลิ่นออกทางกึ่งหนังกึ่งอบอุ่นออกทาง Amber ซึ่งเป็นลักษณะของยางไม้พวก Labdanum ที่มาให้ความลึกเนียนๆ รองพื้นอยู่ กลิ่นเลยเป็นลักษณะโทนเย็นๆ ราวๆ 80% เคล้ากับยางไม้และโทนอบอุ่นราวๆ 20% ได้เลย มิติกลิ่นเลยสร้างความดึงดูด และมีความไม่น่าไว้ใจ แต่ก็ Contrast ด้วยการดึงดูดให้สนใจชัดเจนมาก
ช่วงกลางจะเริ่มชัดเจนออกมาเมื่อผ่านไปซัก 10 นาที เพราะเนื้อกลิ่นสายยางไม้กึ่งโทน Incense ที่จะมีโทนไม้หอมปนเครื่องเทศจะเด่นชัดออกมาแทนโดยที่กลิ่นอายในช่วงต้นของหมึกกลิ่นแบล็คเบอร์รี่จะยังตามมาอยู่ เพียงแต่จะเป็นลูกสนับสนุนที่เป็นฝั่งโทนเย็นเย้า และเป็นช่วงที่เริ่มมีความชัดเจนถึงโทนอบอุ่นที่เข้ามาตีคู่เป็นหยินหยางที่ชัดเจนมากเลยทีเดียวเพราะเป็นการสร้างสมดุลย์ที่ดีมีความกลางๆ ที่สัมผัสได้กลิ่นอบอุ่นติดอวลของสายยางไม้ปนกลิ่นควันเขม่าและมีโทนแป้งของไอริสหน่อยๆ ที่ให้ความอวลๆ กำลังดี โดยที่จะมีโทนหวานลึกปนกลิ่นแปร่งไม้ปนเม็ดกระวานที่เย้าเรื่อๆ ตีคู่กับกลิ่นอายโทนเย็นๆ ที่กล่าวไว้ช่วงต้นย่อหน้าได้ดีมาก โดยจะจับต้องได้ถึงกลิ่นออกทางยางไม้ติดหอมหวานปนแปร่งมีเสน่ห์ติดเขม่าดาร์ก ตามด้วยกลิ่นหมึกติดปลายกลิ่นเบอร์รี่สีม่วง และในบางวูบจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นออกทางสมุนไพรเขียวเข้มๆ คมๆ หน่อยๆ ด้วย ซึ่งจะมีประปรายผลุบๆ โผล่ๆ พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศของกลิ่นเสียไป แต่สร้างความสนุกและความน่าสนใจในลูกเล่นกลิ่นได้ดีมากเลยทีเดียว จนเมื่อกลิ่นโทนไอเย็นๆ ปนเมทัลลิคของหมึกเริ่มจางไป และมีกลิ่นออกทางยางไม้ติดไอควันปนเขม่าดำเคล้ากลิ่นออกทางหนังหน่อยๆ เริ่มเข้ามามีอิทธิพล ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงท้ายที่คราวนี้จะได้อารมณ์ของกลิ่นอายไม้หอมติดแปร่งหน่อยๆ ซึ่งจะจับต้องได้หลากหลายพอสมควรไม่ว่าจะกลิ่นปร่าโปร่งของไม้ซีดาร์ กลิ่นนวลไม้จืดหอมเฉพาะของไม้จันทน์หอม กลิ่นออกทางไม้ติดควันเขม่าเนียนๆ ของเปลือก Birch ที่ให้ Effec ของกลิ่นหนังร่วมด้วย และกลิ่นออกทางยางไม้หวานลึกแบบไม่หนักที่ตามมาจากช่วงกลาง ผสมผสานกันได้อารมณ์กลิ่นไม้หอมที่รองพื้นที่มีมิติที่หลากหลายและซับซ้อน ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางคล้ายผิวกายอวลอุ่นหน่อยๆ ให้จับต้องได้ด้วยซึ่งจะมีโทนออกทางอำพันปลาวาฬหรือ Ambergris เคล้า Musk เบาๆ สร้างอารมณ์แบบผิวกายอวลนวลหน่อยๆ เข้าทางโทนอบอุ่นแบบกำลังดีไม่หนัก รวมถึงปลายกลิ่นยังจับต้องได้ถึงกลิ่นออกทางเบอร์รี่สีม่วงหน่อยๆ อยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงนี้จะเป็นการสลับกับช่วงต้นเป็นโทนอบอุ่นติดไม้หอมดาร์กๆ 80% และโทนเย็นๆ เหลือเพียง 20% ที่สร้างความดาร์กน่าค้นหาและลึกลับได้อย่างน่าสนใจมาก โดยที่มีความหวานเย้าระเรื่อปลายกลิ่นที่ล่อลวงอยู่ตลอด ปิดท้ายไปเรื่อยๆ จนสมควรแก่เวลา
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน ไม่ว่าเพศไหนก็ใส่ตัวนี้ได้ แต่อย่างน้อยอาจจะต้องผ่านน้ำหอมที่มีโทนออกทางหมึก ยางไม้ และกลิ่นโทนอบอุ่นลุ่มลึกมาซักหน่อย เพราะจะอินกับน้ำหอมได้มากขึ้นในความซับซ้อนที่สื่อสารถึงคาแรคเตอร์สายดาร์กเย้า ซ่อนคม แต่มีออร่าไม่ธรรมดาออกมา โดยสามารถใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่เน้นขับบุคลิก ซึ่งอาจจใส่ยามทางการก็ได้ แต่ดูความเหมาะสมด้วย ที่เหลือใส่แบบทั่วๆ ไป ใส่ทำงาน หรือใส่ชิลล์ๆ แต่เน้นโทนเข้มอะไรประมาณนี้จะลงตัวมาก แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเพิ่มสเปรย์หน่อย ออกงาน หรือสร้างความ Cool ในการท่องราตรีแบบจิบสบายๆ ได้อยู่ เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้เน้นการปล่อยพลัง ต้องมาใกล้ๆ ถึงได้กลิ่น เลยไม่ควรเอาไปสู้กับตัวหนักๆ ที่ชาวบ้านประโคมนัก เน้นนั่งนิ่งๆ ส่งออร่าแทนน่าจะดีกว่า
ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. กำลังดี อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางซักระยะ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป เน้นไม่ได้ปล่อยพลัง แต่ถ้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วได้กลิ่นมันจะสร้างความดึงดูดได้ดีมาก
สรุป - อารมณ์แบบงูไหม ก็ได้อยู่ เพราะมันมีลักษณะเย็นตีคู่อบอุ่นได้น่าสนใจและสมดุลย์มากในการสร้างกลิ่น แต่ที่แน่ๆ กลิ่นนี้ให้อารมณ์แบบเห็นผู้หญิง/ผู้ชายแต่งตัวโทนสีเข้มเนี้ยบหน่อยหรือเซ็กซี่เนียนๆ นั่งอยู่มุมที่ไฟสลัวแต่คาแรคเตอร์มีเสน่ห์ดึงดูดให้มองเคล้ากับการสร้างความไม่แน่ใจว่าจะร้ายหรือดี แต่มันหยุดชำเลืองไปมองไม่ได้ นี่แหละอารมณ์ของ Mortal Skin เขาล่ะ
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://stephanehumbertlucas.com/mortal-skin-eng
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น