วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564

Review: Tom Ford - Private Blend: Lavender Extreme

Tom Ford - Private Blend: Lavender Extreme

เมื่อเห็นการเปิดตัวน้ำหอมในสาย Private Blend ของ Tom Ford เมื่อปี 2019 กับขวดสีเงินสวยงามสว่างคาตากันสุดๆ โดยเจาะลึกกันไปที่การเป็นลาเวนเดอร์แบบทุกเม็ดกับการให้ชื่อว่า Lavender Extreme ซึ่งแน่นอนว่าความคาดหวังในการใช้งานปานราวกับไปวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ก็มาเต็มกันเลยทีเดียว และยังคิดไปในทางเปรียบเทียบพอสมควรเพราะว่าน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์เด่นๆ และดีงามมันก็มีมากมายในท้องตลาดไม่น้อย

เช่นนั้น เมื่อได้มาแล้วก็ต้องเจ้าถึงกันให้อย่างแจ่มแจ้ง และก็ตกผลึกออกมาได้แบบนี้เลย

Lavender Extreme เปิดตัวมาก็มาเต็มและชัดกันเลยทีเดียวกับโทนลาเวนเดอร์ที่ติดสมุนไพรเคล้าความสดชื่น ได้อารมณ์แบบวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์จริงๆ ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเขียวสมุนไพรแบบกิ่งก้านลาเวนเดอร์ และมีความเขียวติดปร่าๆ มีความซ่าติดเมนทอลอารมณ์แบบขยี้กลิ่นใบยูคาลิปตัสแล้วฟุ้งอ่อนๆ เคล้ามีโทนติดเปรี้ยวปลายกลิ่นที่มีความหวานเนียนๆ ของเลมอนที่ให้ความสดชื่น รวมถึงมีโทนติดหวานนวลโปร่งๆ เข้าทางโทนแป้งที่ได้อารมณ์แบบลาเวนเดอร์สีม่วงหอมตีคู่ไปกับโทนสดชื่นได้อย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเปิดที่ได้ความเป็นลาเวนเดอร์ชัดเจนมาก และไม่ต้องเดาเลยว่าลาเวนเดอร์นี่แหละ ที่จะอยู่กันยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้ายแน่นอน

เพียงไม่นานจะเริ่มรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นลาเวนเดอร์จะค่อยๆ มีความหนาอวลมากขึ้นจากช่วงต้นและมีความเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ โดยจะเริ่มมีตัวเสริมชั้นดีอย่างเครื่องเทศสายเผ็ดหวานอุ่นอย่างอบเชยมาเสริม และมีพื้นฐานกลิ่นแบบโทนแป้งติดอับบางๆ แต่มีความหวานเสริมเข้ามาซึ่งน่าจะเป็นโทนจากเมล็ดแครอทมากกว่าที่จะเป็นไอริส เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้จะมีเลเยอร์ที่จับต้องได้ชัดเจนจากลาเวนเดอร์ที่ให้ความหอมนวลเฉพาะแบบที่พึงเป็นตามธรรมชาติแต่จะมีความหวานอุ่นอวลกลิ่นอบเชยเสริมเป็นมิติที่ 2 พร้อมกับกลิ่นติดแป้งอวลหวานทึบนิดๆ ที่เป็นเลเยอร์รองลงมาสนับสนุนดันให้กลิ่นหลักมีความชัดแน่นมากขึ้นไปอีก โดยที่จะมีความเขียวสมุนไพรอยู่ประปรายและมีกลิ่นคล้ายกุหลาบอ่อนๆ ให้พอรู้สึกได้อีกด้วย ซึ่งช่วงนี้แหละ ทำให้รู้สึกได้ชัดเจนว่ามันคือความเป็น Extreme ตามชื่อรุ่นลงไว้ชัดเจน เพราะไม่ใช่ลาเวนเดอร์ใสๆ แต่อย่างใด

จนเมื่อเริ่มจับต้องถึงโทนกลิ่นที่เข้าทางวานิลลาติดครีมมี่นวลๆ แบบไม่ได้ไปสายข้นมาก และมีกลิ่นติดหญ้าแห้งหน่อยๆ เข้ามาร่วมแจมและทำให้กลิ่นสมุนไพรแปร่งเฉพาะเริ่มจางไปในที่สุด ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่แน่นอนลาเวนเดอร์ยังคงเด่น แต่จะมีกลิ่นติดนวลละมุนมากขึ้นและมีกลิ่นติดโทนติดเขียวออกทางหญ้าแต่มีความอบอุ่นเจือหวานให้จับต้องได้เลยจะได้อารมณ์กลิ่นที่เสริมความเป็นลาเวนเดอร์ในความติดเขียวแห้งเล็กๆ ได้อยู่ รวมถึงสนับสนุนฝั่งโทนอบอุ่นอย่างครีมมี่ติดแป้งนวลของกลิ่นโทนกึ่งวานิลลากึ่งอัลมอนด์เล็กๆ ที่น่าจะเป็นถั่วตองก้า รวมถึงมีกลิ่นหวานอุ่นอวลแหลมนิดๆ ออกทางคล้ายกำยาน Benzoin ที่เป็นกลิ่นยางไม้แบบวานิลลาหวานแหลมแต่โดนเกลาให้ได้อารมณ์วานิลลาติดหวานปลายๆ กลิ่นแทนที่มาสมทบกับอบเชย เสริมให้ลาเวนเดอร์ในช่วงนี้มีความอุ่นอวลละมุนครีมมี่กำลังดี มีเสน่ห์เย้ายวนกำลังงามพร้อมกับให้ความผ่อนคลายแบบแท็คทีมทั้งจากความ Aromatic ปนนวลสะอาดเองของลาเวนเดอร์ และกลิ่นโซนอบอุ่นนวลละเมียดจากสายถั่วตองก้าและวานิลลาเบาๆ เลยปิดท้ายบนผิวอวลรุมๆ แบบที่ได้ความรื่นรมย์ในการรับรู้กลิ่นได้ดีกันไปเรื่อยๆ   

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะว่าเป็นกลิ่นที่กลางๆ มากพอในการใช้งานไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม วัยเรียนม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว และยกระดับผู้ใช้ให้มีความเป็น Lavender is All Around ได้เลย ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นให้ความผ่อนคลายเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่ค่อยเข้าทางเท่าไหร่นัก แต่รอช่วงท้ายๆ ก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนบอกเลยใส่นอนนี่หลับสบายเลย เพราะลาเวนเดอร์ช่วงเรื่องการนอนอยู่แล้ว หรือจะใส่ออกงานก็ได้อยู่ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีโดยชาวบ้านกลบง่ายไปหน่อย แต่ถ้าแน่ก็จัดไป  

ความทน - ดีงามสมฐานะ เพราะ 8 ชม. กลิ่นยังมีอยู่ให้จับต้องได้ตลอด และที่เจอสูงสุดคือ 15 ชม. ตรงนี้ต้องยอมและยกให้เขาจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายกลางๆ ในตอนต้น แต่จะมาหักมุมขึ้นมากระจายดีแบบคงตัวกันยาวๆ ไปตลอดช่วงกลางยาวไปเลย 4 ชม. แล้วจึงค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ มาเป็นปานกลางอีกที แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไปซัก 7 ชม. กันไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ราวๆ 10 ชม. ไปแล้ว

สรุป - คุมโทนอารมณ์กลิ่นของลาเวนเดอร์ได้ดี อันนี้ขอชื่นชม เพราะมีทุกโทนที่ลาเวนเดอร์สามารถให้ความดีงามทางกลิ่นได้หมด ตั้งแต่สดชื่น สมุนไพร นวลสะอาด แป้งนวล หวานอวล ครีมมี่ และเข้มข้น มาหมดแบบที่คนที่ชอบลาเวนเดอร์จะฟินไปข้างได้เลย เพียงแต่อาจจะถูกเบรกกันที่ราคาของน้ำหอมแทน แต่นะถ้าชอบการมีรุ่นนี้เป็นหนึ่งใน Collection ลาเวนเดอร์มันก็ไม่เสียหาย แถมสร้างเสน่ห์ได้ดีแบบที่มั่นใจได้ไม่ยากในคุณภาพความเป็น Tom Ford อยู่แล้วล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.bernardcharpenel.com/tom-ford-lavender-extreme

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น