วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Amouage - Honour Woman

Amouage - Honour Woman

เรื่องราวของ “โจโจ้ซัง” หรือมาดามบัตเตอร์ฟลาย ถือเป็นอุปรากรชื่อดังที่สร้างเป็นละครเวทีไปทั่วโลก กับการบอกเล่าโศกนาฏกรรมความรักและมั่นคงยืนหยัดในความรักที่มีสาวชาวญี่ปุ่นนามโจโจ้ซังกับนายทหารชาวอเมริกัน ซึ่งขมวดมาจนถึงท้ายเรื่องราวได้อย่างมั่นคง ซื่อสัตย์ และทระนงต่อเกียรติศักดิ์ศรีของตัวเอง จนเป็นหนึ่งในตัวละครหญิงที่มีคาแรคเตอร์ที่น่าจดจำและแข็งแรงมากในการเป็นต้นแบบให้กับนิยายและเรื่องราวต่างๆ ที่มาประยุกต์ต่อไม่น้อยเลยทีเดียว รวมถึงมีการนำไปต่อยอดสร้างสรรค์น้ำหอมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในสาย Niche Perfume ที่ต่างก็ตีความการเป็นโจโจ้ซังออกมาในแนวทางของตัวเองที่ควรจะเป็น ซึ่งถ้ายกตัวอย่างคร่าวๆ ก็มีทั้ง Parfums MDCI, Histoires de Parfums และ Senyoko

แต่ทั้ง 3 แบรนด์ที่อ้างถึงนี้ก็ไม่ใช่ตัวเปิดในการนำเสนอกลิ่นอายสายตั้งมั่นในรักและเกียรติศักดิ์ศรีของโจโจ้ซัง ซึ่งผู้บุกเบิกที่แท้จริงก็ต้องยกให้ Amouage ที่ดึงเอาแก่นของเนื้อเรื่องหลักที่สื่อสารถึงความเป็นมาดามบัตเตอร์ฟลายออกมาแบบแพ็คคู่ชาย-หญิง ซึ่งในรุ่นผู้ชายอย่าง Honour Man เน้นความหนักแน่นทางกลิ่นในสาย Woody Spicy ที่ตราตรึงและเข้มแข็งในเกียรติและศักดิ์ศรีจากการได้สัมผัสอย่างเต็มที่และเต็มตัวมาแล้ว แต่รุ่นผู้หญิงสิ น่าจะชัดเจนมากในการเป็นโจโจ้ซังจริงๆ ดันไม่เคยลองเลย เช่นนั้นเมื่อได้โอกาสก็ต้องเรียนรู้และสัมผัสกลิ่นกันหน่อย และการนำเสนอของแบรนด์ก็ออกมาแบบนี้เลย

จุดเริ่มต้นของกลิ่นค่อนข้างจะมีความคมพอสมควร อารมณ์แบบเบิกจมูกกันนิดนึง เพราะจะมีกลิ่นออกทางเม็ดผักชีที่ให้ความปร่าเผ็ดคมๆ เป็นตัวดันกลิ่นให้พุ่งพอสมควร โดยมีโทนติดเปรี้ยวหอมอ่อนๆ แกมเขียวผักวูบขึ้นมาด้วยจากผักรูบาร์ปแต่ไม่ได้เปรี้ยวนำขนาดนั้นเพราะว่ามีกลิ่นปร่านวลพริกไทยที่มาตัดทอนกลิ่นพอสมควร ซึ่งทั้งหมดนี่เพียงแค่วูบแรกราวๆ 5 วิ ที่จับต้องได้ว่ามีโทนเปิดที่สร้างมิติสดชื่นหน่อยๆ เข้ามาก่อน แต่ก็จะเจอการเทคโอเวอร์ค่อนข้างไวมากจากโทนกลิ่นดอกไม้ขาวที่ชัดเจนเลยอย่างดอกพุด ที่ให้ความครีมมี่นวลติดเขียวตุ่นนิดๆ และซ่อนกลิ่นที่เสริมขึ้นมาให้ความนวลเย้าสร้างจริตแบบสตรีเพศ เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้มาสายข้นหนักหน่วงแต่อย่างใด เพราะมันมีการตัดทอนจากตัวเปิดอย่างพริกไทยปร่านวลและผักรูบาร์ปเปรี้ยวหอมติดเขียว เลยสร้างสมดุลย์อารมณ์กลิ่นแบบดอกไม้ขาวที่นุ่มนวลปนปร่าฟุ้งแกมเขียวเปรี้ยวอ่อนๆ ปลายกลิ่น โดยที่ใช่เลยกลิ่นชัด จับต้องได้เต็ม แต่ไม่ก็ไม่ได้หนักหน่วงจนแน่นแต่อย่างใด

ช่วงกลางนี่ยิ่งชัดเจนมากถึงการเป็นกลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่คุมเกมเป็นหลัก และแน่นอนอยู่ถึงช่วงท้ายแน่ๆ เดาได้ไม่ยาก ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นการไล่โทนที่น่าสนใจเลยทีเดียวในการเป็นดอกไม้ขาวเพราะว่าจะมีมิติโทนกลิ่นที่ไล่จากใสๆ ของดอกกระดิ่ง ตามด้วยกึ่งใสกึ่งนวลของมะลิ แซมนวลครีมตุ่นเล็กๆ ติดเขียวปนหวานหน่อยๆ ของดอกพุด และมีความครีมมี่เย้าหวานนวลของซ่อนกลิ่น ที่ถือว่าเป็น 3 ประสานเลยก็ย่อมได้ในการสร้างออร่าดอกไม้ขาวออกมา แต่สิ่งที่ดีงามคือ เพราะมีโทนออกทางติดปร่าแกมเขียวเจือเปรี้ยวอ่อนๆ ของผักรูบาร์ปที่ยังตามมาในช่วงนี้ และที่สำคัญมีตัวสร้างโทนออกทางติด Classic ที่มีความปร่าเขียวหน่อยๆ จากคาร์เนชั่นเข้ามาตัดทอนทำให้เป็นดอกไม้ขาวที่มีมิติไล่เรียงจากใสสู่ข้นนวลที่มีความกลางๆ ระเรื่อๆ ให้ความเป็นสไตล์มินิมัลแบบเรื่อยๆ ไม่หนัก ไม่แน่น และไม่ข้นไป แต่กลิ่นยังคงชัดเจนให้จับต้องได้ ความความรู้สึกที่อ่อนโยน สวยสง่าแบบนิ่งๆ ที่เรียบหรูไม่เยอะสิ่งที่มีความ Classic แทรกประปรายอยู่ตลอดอย่างมีเสน่ห์

จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ว่าโทนที่ตัดทอนให้กลิ่นมีความเรื่อยๆ มาเรียงๆ เริ่มจางลงไปและมีโทนอบอุ่นเสริมเข้ามาแทนที่แกมกลิ่นออกทาง Smoky อ้อยอิ่งเล็กๆ ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่คราวนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้นถึงโทนกลิ่นที่หนาขึ้นมาอีกสเต็ปในการเป็นดอกไม้ขาว กลิ่นจะมีความนวลข้นแกมกลิ่นออกทางหนังหน่อยๆ ที่สร้างโทน Animalic แบบกึ่ง Classic สอดรับให้กลิ่นดอกไม้ขาวนวลเคล้าผิวกายอบอุ่นที่มีโทนออกทางแอมเบอร์แกมยางไม้ติดหวานลึกเข้ามาเสริมด้วย แต่กลิ่นจะไม่ได้ทื่อๆ แค่นี้เพราะจะมีกลิ่นออกทางนิ่งงันกึ่งควันปร่าอ่อนๆ ที่เป็นลักษณะแบบโทน Incense หรือธูปที่มีความโปร่ง บางวูบก็มีความอวลนิ่งลึกแกมไม้หอมแห้งๆ ให้จับต้องได้เลยทำให้รู้สึกได้ว่ากลิ่นมีอารมณ์ที่ออกทางอาวรณ์และเศร้าสร้อยให้สัมผัสได้ร่วมด้วย ซึ่งเมื่อผสมผสานกันทั้งหมดจะได้อารมณ์เป็นกลิ่นสวยสง่า เรียบหรูอวลนวลดอกไม้ขาวที่มีความหวานอ่อนโยนและนิ่งก็จริง แต่มันจะซ้อนมิติที่หม่นๆ ประปรายให้เข้าใจได้ไม่ยากถึงการเก็บความรู้สึกโหยหา รอคอย และเศร้าสร้อย ในความเป็นโจโจ้ซังที่รอคอยความหวังท่ามกลางความสวยสง่าเรียบหรูและนิ่งแบบกุลสตรีญี่ปุ่นที่เก็บอารมณ์เป็นอย่างไร เป็นการปิดท้ายความเป็น Honour Woman ได้อย่างงดงามมาก ยอมให้เขาตรงนี้เลย

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป กลิ่นค่อนข้างจะเสริมบุคลิกภาพอ่อนโยนปนนิ่งสง่าได้ดีมาก เสริมเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปจะดีกว่า เพราะไม่ใช่ด้วยประการทั้งปวง ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือทั่วๆ ไปที่สร้างบุคลิกสง่าและเรียบหรูจะดีกว่า เพราะกลิ่นก็ไม่เข้ากับยามท่องราตรีแต่อย่างใด  

ความทน - มากกกกกก 15 ชม. กลิ่นยังอยู่ และอาบน้ำก็แล้ว กลิ่นยังติดผิวอยู่จนถึงเช้าถัดไปเลย เรียกว่าเรื่องนี้ต้องให้เขาจริงๆ ว่าดีงาม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางแบบเสถียรเลย คงตัวกันยาวๆ ไปจนถึงราวๆ 10 ชม. ได้ แล้วจะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไปจนกว่าน้ำหอมจะพอใจ

สรุป - ต้องยอมเขาเลยว่ากลิ่นได้อารมณ์ประยุกต์สไตล์สุภาพสตรีญี่ปุ่นที่นิ่ง งดงาม อ่อนโยน สง่างาม ในสไตล์มินิมัล แต่เสริมด้วยความเข้มแข็งตั้งมั่นเด็ดเดี่ยวอยู่ภายในที่มาจากโทนยางไม้ ธูปและหนังได้อย่างชัดเจนและมีความ Classic แบบที่มีพลังออกมาให้รู้สึกได้ ซึ่งถือว่าเป็นการตีความที่ขยายความเป็นมาดามบัตเตอร์ฟลายที่ชัดเจน เห็นภาพที่ออกมาโลดแล่นผ่านกลิ่นได้ดีมาก แต่ถ้าไม่ได้สนใจเรื่องการที่จะต้องมีลุคแบบโจโจ้ซังผ่านกลิ่น สำหรับคนที่ชอบโทนดอกไม้ขาวที่ไม่ได้ข้นหนักไป มีความสมดุลย์ปนกลิ่นอายเขียวและมีความเรียบหรูแกมสะอาดที่ชัดเจนเป็นบาเรียล้อมรอบตัว บอกเลยว่าโดนตกได้ไม่ยาก เพราะถือเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายแต่ไม่ธรรมดาของ Amouage เลยทีเดียว

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.amouage.com/honour-woman.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น