วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Sucreabeille - Atlantis

Sucreabeille - Atlantis

Sucreabeille ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้ำหอมในสายอินดี้ที่เรียกว่าความสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหมดจริงๆ เพราะมี Collection และกลิ่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ แถมมีความน่าสนใจมากจริงๆ ถึงที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์กลิ่นที่มีความหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อม ดินแดนในตำนาน ตัวละครในภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ รวมถึงความเป็นแฟนตาซีแบบเรื่องเล่าต่างๆ ซึ่งเรียกว่ามีความหลากหลายอย่างมากจริงๆ ทำให้แน่นอนว่าคนที่ชอบน้ำหอมจะสนุกไปด้วยไม่ยากกับการเชื่อมโยงประสบการณ์ทางกลิ่นของตัวเอง

และเมื่อโอกาสมาถึงกับการได้สัมผัสหนึ่งใน Collection - Ancient Teas (ที่เน้นนำเสนอความเชื่อมระหว่างกลิ่นชากับดินแดนต่างๆ ในตำนาน เรื่องเล่า หรือสถานที่ตามเค้าโครงความจริงต่างๆ) อย่างรุ่น Atlantis ที่เอาความเป็นชาเขียวมาผสมผสานกับความเป็นดินแดนในตำนานกลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน เช่นนั้นได้เวลาเล่า

บอกก่อน - ที่มาที่ไปของน้ำหอมกลิ่นนี้ค่อนข้างจะตอบโจทย์ในเรื่องเพื่อนหญิงพลังหญิงพอสมควร เพราะว่าที่มาของ Atlantis ตามที่โปรยเอาไว้ของแบรนด์ นั่นคือ เกาะกลางทะเลที่เฟื่องฟูทางความรู้และวิทยาศาสตร์ต่างๆ มีความเป็นธรรมชาติที่สงบสุข โดยมีผู้หญิงเป็นผู้ปกครอง และเมื่อมีการรุกรานจากภายนอกเข้ามาจึงได้มีการตัดสินใจออกมาไม่ว่าจะเปิดศึกกับผู้รุกรานหรือยอมที่จะให้คนกลุ่มนี้เข้ามา ก็สามารถทำให้ชีวิตที่สงบสุขนั้นๆ มันไม่มีอีกเป็นแน่แท้ เช่นนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือ ทำให้หายไปซะ แล้วอยู่กันอย่างสงบสุขเท่าที่ควรจะเป็น เช่นนั้น Concept ที่รับรู้จากเรื่องโปรยนั่นก็คือ กลิ่นอายธรรมชาติ ความ Feminine และความสงบสุข ซึ่งกลิ่นเองก็ตอบโจทย์เรื่องนี้ไม่ใช่น้อยเลย เพราะ

ช่วงเปิด - เนื้อกลิ่นจะให้อารมณ์ชาเขียวที่ค่อนไปทางกลิ่นติดหญ้าเขียวสดที่มีกลิ่นอายออกทางติดโทนพิมเสนกึ่งเมนทอลฝาดซ่าๆ เลยจะมีความรู้สึกไปในทิศทางแนวมินิมัลชัดเจนมาก เนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติแบบที่เราจะได้กลิ่นเวลาเรากำขยี้ต้นหญ้าแล้วมีกลิ่นฟุ้งออกมา แต่เพราะมันมีโทนชาเขียวกลิ่นออกทางติดเขียวเจือฝาดทึบอ่อนๆ เลยจะเป็นตัวแฝงในความเขียวของหญ้าที่ชื้นๆ พอควรเลย ซึ่งกลิ่นโทนนี้จะอยู่กันได้ราวๆ 3 - 5 นาทีได้เลย ก่อนที่เริ่มมีกลิ่นโทนดอกไม้ติดหวานอ่อนๆ เสริมขึ้นมาทีละนิดๆ และก็เปลี่ยนเข้าสู่

ช่วงกลาง - จะมีโทนกลิ่นหวานอ่อนๆ ค่อนออกทางกลิ่นแนวดอกซากุระที่ให้ความหวานแกมใสอ่อนๆ ระเรื่อๆ เสริมเข้ามาเรื่อยๆ และมีโทนกลิ่นออกทางติดแป้งที่มีความจืดปนหวานบางๆ และมีความชื้นๆ แกมสะอาดซึ่งน่าจะมาจากดอกกล้วยไม้ที่ให้โทนประมาณนี้ เลยทำให้ช่วงนี้อารมณ์กลิ่นจะได้คล้ายกลิ่นพวกเจลอาบน้ำกลิ่นซากุระติดเขียวกึ่งชากึ่งหญ้าก็ได้ หรือแชมพูกลิ่นดอกไม้ใสๆ กลิ่นไม่โดดแหลมจัดจ้านก็ดี แต่ยังมีพื้นฐานกลิ่นอายที่ติดโทนแป้งรองพื้นอยู่ ซึ่งถือว่าในช่วงนี้ลูกเล่นในตอนต้นในโทนเขียวหญ้าแกมชาฝาดและมีความปร่าก็ยังทำหน้าที่ส่งเสริมได้ดี เพียงแต่จะมีลูกผสมโทนกลิ่นที่เป็นสายดอกไม้ที่ให้ความหวานอ่อนๆ กำลังดี เข้ามาเป็นตัวหลักแทนเลยเป็นเลเยอร์กลิ่นแบบได้โทนดอกไม้หวานใสอ่อนๆ ตามด้วยเขียวติดทึบฝาดปนปร่าหน่อยๆ ตามด้วยโทนแป้งติดชื้นๆ ที่ค้างอยู่ในจมูก ได้ความ Feminine ในเนื้อกลิ่นชัดพอสมควรเลย

ช่วงท้าย - เนื้อกลิ่นจะเริ่มลดทอนความชื้นลงไปเรื่อยๆ และเป็นโทนแป้งที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตอนนี้จะสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นปร่าระเรื่อพิมเสนแกมกลิ่นแป้งติดหวานดอกไม้อ่อนๆ อยู่ เนื้อกลิ่นมีความสะอาดแกมชื้นเล็กๆ และมีโทนไม้หอมอ่อนๆ คลออยู่อารมณ์ลูกผสมระหว่างพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อกับไม้ซีดาร์โปร่งๆ หน่อยๆ กลิ่นเลยมีโทรสะอาดปร่าให้จังต้องได้ตลอดโดยที่ยังเป็นโทนแป้งชื้นบางๆ หวานอ่อนๆ แกมเขียวเล็กๆ อารมณ์แนวกึ่งสบู่อวลหน่อยๆ อยู่เช่นเดิม โดยกลิ่นจะให้ความนิ่งๆ เรื่อยๆ ไม่โฉ่งฉ่างปิดท้ายแบบเรียบหรูและเรียบง่ายสไตล์มินิมัล

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าราว 75% เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนดอกไม้ช่วงกลางที่มีความ Feminine หวานระเรื่อแกมใสปลายนวลแป้งที่ค่อนข้างชัด เพียงแต่ถ้าผู้ชายไม่มายด์บอกเลยว่าใส่ได้เพราะกลิ่นไม่ได้มาแนวปล่อยพลัง ซึ่งถ้าใส่กับเสื้อผ้าสีโทนอ่อนอย่างขาว ครีม ชมพู จะเข้ากันมากและเผลอๆ หอมอ่อนๆ มีเสน่ห์อีกด้วย ซึ่งกลิ่นเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่ออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่สบายๆ หรือโรแมนติคก็พอ เพราะใส่ไปยั่วบดใครก็คงขึ้นยากหน่อย เพราะกลิ่นเบา

ความทน - เห็นกลิ่นเบาๆ แบบนี้ความทนเกินคาด เพราะว่าเจอที่ 8 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ และยาวไปถึง 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว ถือเป็นกลิ่นอ่อน กลิ่นเบาที่ทนดีเกินคาดมากๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางราวๆ ซักพักใหญ่ๆ แล้วถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป จนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ก็จะคงที่ที่การติดผิวกันยาวๆ ไปแล้ว ซึ่งแม้ว่าการกระจายจะไม่ได้มาสายปล่อยพลังรอบทิศ แต่ให้ความระเรื่อๆ ติดผิวได้ดีจริงๆ อันนี้ต้องขอชม

สรุป - จากทั้งหมดตั้งแต่กลิ่นช่วงต้นสู่ท้าย กลิ่นมาในแนวที่ให้ความเป็นโทนเขียวธรรมชาติได้ดีเลย แล้วมาต่อกันที่โทนกลิ่นสไตล์ Feminine ที่เสริมเข้ามา ก่อนปิดตัวที่กลิ่นโนเรียบหรูสะอาดๆ สงบๆ ไม่ได้ปล่อยพลังอะไรจัดจ้าน ซึ่งกลิ่นไม่ได้สื่อสารถึงเกาะกลางทะเลอะไรเลย แต่สื่อสารถึงลักษณะภาพรวมของผู้หญิงที่อยู่ใน Atlantis ตามการตีความของสุคนธกรเสียมากกว่า ซึ่งบอกเลยว่าเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายและได้อารมณ์สะอาดติดหวานระเรื่อใสแกมนวลได้ดีแบบที่ไม่ต้องเยอะสิ่ง เน้นเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และมีเสน่ห์ตามพื้นฐานกลิ่นที่ควรจะเป็นได้น่าสนใจเลยทีเดียว    

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Sucreabeille/Atlantis_Eau_de_Parfum

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น