Memo Paris - Kedu
การเก็บกลิ่นอายที่มาจากการได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ สู่การเป็นน้ำหอมลงขวดที่มีแผ่นโลหะสวยงามแปะด้านหน้าของแบรนด์ Memo Paris เรียกว่ามี Collection ต่างๆ ที่แยกกันไปอย่างมีเอกลักษณ์และชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Cuirs Nomades ที่เน้นการเอากลิ่นอายหนังมาผสมผสานกับกลิ่นอายจากสถานที่ต่างๆ Art Land กับสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรขึ้นและประทับตราไว้เป็นหนึ่งในความงามบนผืนแผ่นดิน Les Echappées กับการเจาะจงสถานที่พิเศษที่ที่ความเฉพาะเหมาะแก่การหลบลี้โลกในปัจจุบันไปท่องเที่ยวเพื่อซึมซับความสวยงาม และสุดท้ายอย่าง Graines Vagabondes ที่เน้นกับพืชพรรณต่างๆ ที่เป็นของดีของเด่นประจำท้องถิ่นที่ได้ไปทางท่องเที่ยวนั้นๆ มากลายเป็น Notes หลักในการสื่อสาร
และเมื่อได้ผ่านมาหลากหลาย Collection มาพอสมควรแล้วแต่เมื่อหลับไปนั่งพิจารณาดูกลุ่ม Graines Vagabondes ได้สัมผัสไปแค่ 1 กลิ่นเอง เช่นนั้นจึงเป็นที่มาในการขวนขวายหากลิ่นใหม่ในสายนี้มาลอง และหวยก็ออกที่ Kedu กับการไปที่อินโดนีเซีย ที่เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ที่เป็นเต็มด้วยเทือกเขาและดินภูเขาไฟที่มีคุณค่าต่อการเพราะปลูก โดยเจาะไปที่เกรปฟรุตและเม็ดงา ซึ่งกลิ่นจะสื่อสารออกมาเป็นแบบไหนว่ากันได้ตามนี้เลย
กลิ่นเปิดเรียกว่าสร้างความสดชื่นกึ่งสว่างได้ดีเลยทีเดียวกับการเป็นกลิ่นอายสาย Citrus อย่างเกรปฟรุต แต่กลิ่นไม่ได้ฟุ้งหรือแหลมคมเกินไปเพราะมีโทนดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ (Neroli) เข้ามาเป็นตัวเสริม และมีความติดหวานอมเปรี้ยวของส้มที่เข้ามาเจือจางความเปรี้ยวแปร่งที่เกรปฟรุตมักจะมี เลยทำให้กลิ่นค่อนข้างเป็น Citrus ที่สดชื่นติดสว่างเปรี้ยวหอมแบบสร้างบรรยากาศเสียมากแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาความรู้สึกจะเปลี่ยนไปเพราะว่าจะได้กลิ่นงาที่เสริมขึ้นมาไวพอสมควรเลย แถมมีกลิ่นออกทางกึ่งดอกไม้กึ่งพริกไทยติดเขียวหน่อยๆ ที่น่าจะเป็นโทนกลิ่นของดอกฟรีเซียที่เสริมขึ้นมา และยังไม่พอยังมีกลิ่นที่ติดโทนสมุนไพรเขียวแห้งๆ อารมณ์แบบชามาเตที่ค่อยๆ เปิดตัวเข้ามาอีกด้วย เลยทำให้โทนกลิ่นในภาพรวมช่วงต้นมีความเป็นลูกผสมระหว่างความเป็น Citrus ที่เป็นสายสดชื่นกับกลิ่นแนวธัญพืชและสมุนไพรติดเขียวกึ่งดอกไม้ปร่านวลที่เป็นสายอะโรม่ากึ่งอวลกำลังดี ซึ่งถือว่าเปิดตัวออกมาก็เรียกว่าให้ความสมดุลย์ในการเป็นโทนกลิ่นหลักที่ควรจะเป็น ให้ได้หมดทั้งความสดชื่นก็ได้ ความอวลแกมอุ่นของงา ความปร่าเผ็ดกึ่งเขียวอะโรม่าที่สอดรับกันอย่างดีของ Mate และกลิ่นออกทางเครื่องเทศอ่อนๆ แกมดอกไม้ ทำให้บางวูบแอบนึกถึงโทนออกทางขนมที่มีงาเข้ามาร่วมด้วย เรียกว่ามีความน่าสนใจมากที่เกลี่ยเนื้อกลิ่นให้ความสอดรับที่แตะได้ทุกความรู้สึกแบบนี้ และยังสอดรับกันได้ดีโดยไม่แย่งซีนกัน ให้ความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความรื่นรมย์ได้ดีตั้งแต่เริ่มต้นเลย
จนเมื่อการเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นเพราะโทน Citrus จะสลับไปอยู่เป็นปลายกลิ่นแทนให้ความรู้สึกติดสดชื่นประปราย แต่กลิ่นของชามาเตเป็นตัวหลักแทน ซึ่งช่วงนี้แหละที่เรียกว่าดึงเอาความเป็นกลิ่นอายสไตล์ชาประเภทนี้ออกมาได้ชัดมาก เพราะเนื้อกลิ่นของชามาเตชงร้อนจะมีอารมณ์กลิ่นแบบชอคโกแลตอ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย พอมาเจอกับความเขียวอะโรม่าแบบสมุนไพรแห้งมันจะให้ความกลมกล่อมนุ่มจมูก ที่ได้ทั้งอารมณ์ชาสมุนไพรติดเขียวก็ได้ กลิ่นให้ความละมุนแกมเย้าแบบชอคโกแลต ซึ่งกลิ่นจะชัดเจนมากสร้างความรื่นรมย์แบบแกมอบอุ่นสไตล์ชาร้อนได้เลย แต่เนื้อกลิ่นไม่ได้มีแค่ความเป็นชามาเตเท่านั้น เพราะโทนแนวกึ่งเขียวกึ่งพริกไทยปร่านวลค่อนสบู่แบบดอกฟรีเซียก็ยังมีอยู่ แถมมีกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ มาร่วมแจมอีกด้วย ซึ่งช่วงนี้จะจับกลิ่นงาแบบเนียนๆ คลอเคลียกลิ่นชามาเตเสียมากกว่า เพราะเนื้อกลิ่นเหมือนจะดรอปลงไปเลยถือว่าช่วงกลางคือความอะโรม่ากึ่ง Fresh Spicy และ Floral ได้ดีมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบกลิ่นชามาเตและชอบดื่มชาแบบนี้ กลิ่นช่วงนี้คือ ใช่เลย
เมื่อกลิ่นโทนชามาเตเริ่มที่จะเบาลงตามลำดับ จนเหลือเพียงความอะโรม่าอ่อนๆ กึ่งชอคโกแลตเบาๆ กลิ่นจะเริ่มเข้าสู่ช่วงนุ่มนวลเพราะ White Musk จะเป็นตัวหลักที่แทรกตัวขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นงาที่เรียกว่ามาเป็นแบบ Combination แพ็คคู่ ที่จะให้กลิ่นอายสะอาดนวลปนครีมมี่อ่อนๆ แบบธัญพืชกลิ่นมีความนวลกำลังดี เรียบง่ายและผ่อนคลายสบายๆ ชัดเจน โดยที่ยังมีชามาเตอ่อนๆ แกมกลิ่นเขียวติด Earthy เบาที่แรกในกลิ่นอยู่นิดหน่อย ซึ่งทำให้มิติของกลิ่นไม่ได้เอะอะก็นุ่มนวลสะอาดเพียว มีความเย้าบางๆ ที่ Contrast บ้างเล็กน้อยให้มีเสน่ห์ ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายความเป็น Kedu ในรูปแบบที่ให้ความมินิมัลได้ทั้งความนวล ความอะโรม่าของงาติด Soft ครีมมี่นิดๆ และชามาเตบางๆ แบบที่ให้ความผ่อนคลายสบายรื่นรมย์และเรียบหรูได้ดีจริงๆ ต้องยอมเขาล่ะ
เหมาะสำหรับ - Unisex ที่เข้าได้กับทุกเพศ มีความเป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์แบบไม่ได้เข้าถึงได้ยาก ซึ่งถ้าเคยดมกลิ่นงากับกลิ่นชาสมุนไพรอวลๆ มาก่อนได้ ยังไงตัวนี้ก็ใช้งานได้สบายมาก แถมมีระดับในความเรียบหรูอีกด้วยนะ ซึ่งกลิ่นให้อะโรม่าผ่อนคลายเป็นพื้นฐานเดิม และกลิ่นชาสมุนไพรบางทีให้ความอวลขรึมได้ดีเลยสอดรับได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย จะมีก็แต่ที่ไม่เข้าท่ามากนักก็ใส่ออกกำลังกาย เพราะกลิ่นมีโทนกึ่งชอคโกแลตด้วยเลยไม่ซิงค์กันเท่าไหร่กับเหงื่อ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือผ่อนคลายสบายๆ จะดีที่สุด
ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. มีบวกลบที่ราวๆ 2 ชม. ก็ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายเป็นสำคัญ
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางราวๆ 3 ชม. ก่อนจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวผ่อนลงไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent เผื่อผ่านไป 6 ชม. แล้วไปต่อได้มากแค่ไหนก็ว่ากันตามสภาพผิว
สรุป - ส่วนตัวอย่างแรกเกินคาดมากกับกลิ่นของชามาเต (เพราะดื่มชานี้อยู่แล้ว) เพราะกลิ่นมาชัดมาให้จับต้องได้จนเกิดความอะโรม่าเต็มๆ แบบที่นึกถึงชาแก้วโปรดที่ 1 ซองชา เติมน้ำร้อนกันได้ยาวๆ เลย แต่ก็เกินคาดอีกอย่างคือ การสร้างสมดุลย์ทางกลิ่นที่เบลนด์ออกมาได้ดีมากได้หมดทั้งอบอุ่น ทั้งสดชื่น ทั้งอะโรม่า ทั้งนุ่มนวลทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างลงตัว เรียกว่ามองข้ามไม่ได้จริงๆ Kedu ขวดนี้
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://stock3en.top/products.aspx?cname=kedu+perfume&cid=153
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น